“เร็วเข้า! มิเช่นนั้นไม่ทันแล้ว”เห็นเฉินฝานยืนนิ่ง สีหน้าของเฉินจินเซียงฉายความกระวนกระวาย“หนี? ฮ่าๆ!”หวังหยวนหลงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าคิดว่าเขาหนีรอดหรือ?”“ใครก็ได้! นำกาน้ำชาเข้ามาให้ข้าสักสี่ห้าใบสิ!”เมื่อครู่เฉินฝานตีเขาอย่างไร ประเดี๋ยวเขาก็จะตีเฉินฝานแบบนั้น ทั้งยังจะทวีคูณค่อยๆ ทรมานเขา ไม่ให้เขาตายในทันที“ท่านอา อย่ากลัว”เห็นเฉินจินเซียงกระวนกระวาย เฉินฝานปลอบโยนนาง“อาไม่กลัว แต่อาไม่อยากทำให้เจ้าเดือดร้อน พวกเขาตามปลัดอำเภอมาแน่ๆ ปลัดอำเภอเป็นญาติของหวังหยวนหลง เมื่อครู่เจ้าตี...”เวลานี้เฉินจินเซียงเกลียดตัวเองมาก หากเมื่อวานนางไม่ลังเล รีบกระโดดลงหน้าผา ก็ไม่มีเรื่องวันนี้แล้ว“ปลัดอำเภอ?”“ใช่ เขาคือน้าของข้า!”คนที่ตอบเฉินฝานคือหวังหยวนหลง เขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือด มองแล้วโหดเหี้ยมยิ่งนัก “คุกเข่า คุกเข่าขอร้องข้า อื้ม แบบนี้ก็แล้วกัน”หวังหยวนหลงยื่นเท้าออกไปข้างหนึ่ง “เจ้าคุกเข่าขอร้องข้า พร้อมเลียขาข้าให้สะอาด ข้าจะไม่ให้ท่านน้าเอาตัวเจ้าไป”เฉินฝานมองรถม้าที่ยังคงจอดหน้าตระกูลหวังปราดหนึ่งชายชราบนรถม้า สีหน้านิ่งสงบ เมื่อเห็นเฉินฝานมองเขา เข
เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”มือปราบหน้าตาเหี้ยมโหดคนหนึ่ง พูดกับสารถีชรา “เขาเป็นปลัดอำเภอของเรา เจ้ากล้าสั่งให้ใต้เท้าหลีกทางให้ม้าของเจ้าหรือ?”“อ่อ” สีหน้าสารถีชราฉายความตกตะลึง เขามองปลัดอำเภอ “ท่านคือปลัดอำเภอของอำเภอผิงอันหรือ!”ขณะพูด สารถีชราหันไปพูดกับชายชราในรถม้า “นายท่าน เขาคือปลัดอำเภอผิงอันขอรับ!”“สามหาว!”มือปราบคนนั้นตำหนิอีกครั้ง “ในเมื่อรู้ว่าเป็นท่านใต้เท้า ยังไม่รีบเคลื่อนรถม้าของพวกเจ้าไปข้างๆ แล้วลงจากรถม้ามาคุกเข่าคำนับท่านใต้เท้าอีก”ชายชราจับหู “เจ้าพูดอะไร? ข้าฟังไม่ค่อยชัด พูดอีกรอบสิ”“พวกเขาบอกว่า” สารถีชราชี้ไปยังปลัดอำเภอที่นั่งอยู่บนหลังม้า “ท่านผู้นั้นคือปลัดอำเภอผิงอัน ให้พวกเราลงจากรถม้าไปคุกเข่าคำนับขอรับ ท่านว่าพวกเราต้องคุกเข่าหรือไม่?”“อะไรนะ? แพง? แค่จอดรถก็เรียกเงินด้วยหรือ” ชายชราหยิบตราคำสั่งสีทองขึ้นมา ยื่นให้สารถี “เจ้าดูสิว่าพอไหม?”“นายท่าน...” สารถีจ้องมองตราคำสั่งนั่น ลังเลครู่หนึ่ง ค่อยยื่นมือไปรับ“เอ๊ะ!”มือของสารถีเพิ่งสัมผัสตราคำสั่ง ชายชราก็ถอนกลับไป “เจ้านี่ ทั้งที่ตนเองก็มีตราคำสั่งเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ปลัดอำเภอเดินไปตรงหน้าชายชรา เสียงอ่อนมาโดยตลอด ทั้งยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “นายท่าน ท่านมีอะไรให้รับใช้ขอรับ?”“เจ้าเดินเข้ามาใกล้อีกหน่อย”ไม่รู้ว่าชายชราพูดอะไรกับปลัดอำเภอ เห็นเพียงสีหน้าของปลัดอำเภอแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวหลังจากชายชราสนทนากับปลัดอำเภอจบ หันไปบอกสารถี “เอาตราคำสั่งของเจ้าให้เขา!”“ขอรับ?”สารถีป้องตราคำสั่งที่ห้อยไว้บนเอว “เพราะเหตุใดขอรับ?”“สั่งให้เจ้าให้ก็ให้สิ พูดร่ายยาวจริงๆ”สารถีไม่ค่อยยินดีที่จะให้เท่าใดนัก เขายื่นตราคำสั่งของตนให้ปลัดอำเภอปลัดอำเภอโค้งลำตัว รับตราคำสั่งสีเงินจากสารถีเขาเพิ่งรับตราคำสั่ง หวังเจิ้งเต๋อก็พาคนเดินออกมาจากตระกูลหวังเมื่อเห็นหวังเจิ้งเต๋อ ชายชราส่งสายตาให้อำเภอทันที บอกให้เขาอย่าเอะอะโวยวายสารถีเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเมื่อครู่ กลายมาเป็นชายชราต่ำต้อยที่ขับรถม้า“ไอ้แก่นี่ ตาบอดหรืออย่างไร ถึงขี่รถม้ามาจอดหน้าเรือนข้า”ทันทีที่หวังเจิ้งเต๋อมาถึงก็ด่าทอสารถีฉอดๆปลัดอำเภอหันไปอีกทาง เขาไม่กล้ามองภาพนี้จริงๆชายชรามีคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจพูดอะไร“ขอโทษขอรับ ขอโทษขอรับ” สารถีก้มหน้าขอโทษด้วยความอ่อนน้อม “ข้าแก่
“ใต้เท้า!”ปลัดอำเภอเพิ่งเดินเข้าไปในห้องโถง เฉินจินเซียงก็วิ่งไปหาทันที “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าน้อย ไม่เกี่ยวอะไรกับเสี่ยวฝาน ใต้เท้า หากท่านจะจับก็จับข้าน้อยเพียงคนเดียวเถอะเจ้าค่ะ”“นางคนสารเลว ย่อมต้องจับเจ้าอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของท่านใต้เท้าอีก โทษหนักขึ้นอีกหนึ่งขั้น”“ไสหัวไป!”หวังหยวนหลงคว้าตัวเฉินจินเซียง ลากนางไปอีกด้านหนึ่ง“ตึ้ง!”จู่ๆ ถ้วยน้ำชาในมือเฉินฝานก็พุ่งตัวออกไป ฟาดกระทบใบหน้าของหวังหยวนหลง“โอ๊ย โอ๊ย!”หวังหยวนหลงร้องด้วยความเจ็บปวดถ้วยน้ำชาที่ฟาดใบหน้าครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง หวังหยวนหลงล้มลงบนพื้น ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ก่อนหน้านี้ เฉินฝานออมมือ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงตอนนี้เขาจะไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาล้มลงนอนบนพื้นก็แล้วกัน“โธ่ หยวนหลง หยวนหลงของแม่” นางมั่ววิ่งเข้าไปหา กอดหวังหยวนหลงแน่น “สวรรค์ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาจริงๆ”“ใต้เท้า!” หวังเจิ้งเต๋อก็รีบพูดกับปลัดอำเภอเช่นเดียวกัน “เขาทำร้ายคนต่อหน้าท่าน เหิมเกริมกันไปแล้ว ควรจับตัวไปลงโทษขอรับ”ปลัดอำเภอมองหวังเจิ้งเต๋อและครอบครัว “ข้าจะจัดการ”“ใช่ จัดการเดี๋ยวนี้ จัด
“ท่าน ท่าน”หวังหยวนหลงตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน“ญาติผู้น้อง ตอนนี้ญาติผู้พี่ของเจ้าอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว โบยสิบทีมากเกินไปกระมัง โบยครั้งนี้...”“นักการ !”หวังเจิ้งเต๋อยังพูดไม่จบ น้ำเสียงเย็นชาของปลัดอำเภอดังขึ้น “ปิดปากหวังเจิ้งเต๋อกับหวังหยวนหลงซะ”หากไม่ใช่เพราะชายชรามีคำสั่ง ให้ควบคุมสติ เขาสั่งให้คนโบยยี่สิบทีแล้วอีกทั้งไม่ใช่แค่นางมั่ว แต่โบยทั้งตระกูลครอบครัวนี้ เห็นว่าเขายังเสี่ยงถูกปลดจากตำแหน่งไม่มากพอหรือ?เวลานี้ หวังเจิ้งเต๋อรู้สึกถึงความผิดปกติ ชายชราสองคนข้างนอก...น่าเสียดาย เขารู้ตัวช้าไปหวังเจิ้งเต๋อรวมถึงหวังหยวนหลงที่ยังคงลุกไม่ขึ้นถูกปิดปากนางมั่วโดนลงโทษ ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เสียงดังไม่หยุดปลัดอำเภอเดินไปตรงหน้าเฉินฝานอีกครั้ง ประสานสองมือยื่นตราคำสั่งสีเงินให้เขา “เสี่ยวฝาน นายท่านข้างนอกให้ข้าเอาให้เจ้า”“ให้ข้าหรือขอรับ?” เฉินฝานมองตราคำสั่งในมือปลัดอำเภอ ไม่ได้รับไว้ในทันทีชายชราสองคนข้างนอก ร้ายกาจยิ่งนักหรือว่า นี่เป็นหลุมพรางของพวกเขา“ใช่!” ปลัดอำเภอพยักหน้าด้วยความรีบร้อน “นายท่านยังบอกอีกว่า หากวันหน้าเสี่ยวฝานพบเจอปัญหา นำตร
เหล่าสาวใช้และแม่นมของตระกูลหวังต่างเห็นกับตาตอนที่เฉินฝานกับเฉินจินเซียงกลับมา คนในตระกูลหวังยืนอยู่ทุกคนและวางมาดอย่างโอหังแต่เวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน ตอนนี้คนในตระกูลหวังที่อยู่ข้างหน้าเฉินฝานกับเฉินจินเซียง นอนราบอยู่สองคนและยืนอยู่หนึ่งคนหวังเจิ้งเต๋อที่ยืนอยู่ สภาพไม่ได้ดีเท่าไหร่เมื่อนักการในศาลาว่าการปิดปากเขา เขาทำการขัดขืน ภายใต้คำสั่งของปลัด อำเภอนักการในศาลาว่าการจึงทุบตีไปหนึ่งยกอย่างรุนแรง ตอนนี้ใบหน้าและจมูกของเขาทั้งบวมทั้งช้ำหมดสภาพนายท่านแห่งตระกูลหวังดั่งเคยไปอย่างสิ้นเชิงปลัดอำเภอเดินไปอยู่ข้าง ๆ เฉินจินเซียง “ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเห็นฮูหยินผู้นี้เสมือนได้เห็นข้า หากไม่เคารพนางก็เท่ากับไม่เคารพข้า!”เดิมทีปลัดอำเภอต้องการยืนข้างเฉินฝานแล้วพูดแต่เฉินฝานมอบป้ายแขวนเอวให้กับเฉินจินเซียง“ท่านอา ท่านบ้าไปแล้วหรือ?”ใบหน้าของหวังหยวนหลงเต็มไปด้วยความตกใจและไม่แปลกใจหากเป็นเช่นนั้น จากนี้ไปเฉินจินเซียงผู้นี้ก็จะอยู่บนหัวเขาน่ะสิ?“เข้ามา หวังหยวนหลงดูหมิ่นข้า โบยยี่สิบที”“ใต้เท้า!”หวังเจิ้งเต๋อคุกเข่าลงกับพื้นดังฟุบ “ตอนนี้หยวนหลงบาดเจ็บเช่นนี้แล้ว โบย
เห็นเฉินฝานเดินออกไปข้างนอก ปลัดอำเภอรีบตามไป "เสี่ยวฝาน เมื่อครู่ได้ยินอาของเจ้าบอกว่า เจ้าเดินมา ข้ามีม้าตัวหนึ่ง เจ้าขี่กลับไปได้"ชายชราสองคนข้างนอกเห็นความสำคัญของเฉินฝานมากขนาดนั้น เขาต้องฉวยโอกาสนี้ตีสนิทเฉินฝานเขาเป็นปลัดอำเภอมานานเกือบยี่สิบปีแล้ว ยังอยู่ที่เดิม เพราะไม่มีเบื้องบนสนับสนุนไม่ใช่หรือ?บางทีเฉินฝานอาจจะเป็นโอกาสในการเลื่อนขั้นของเขาก็ได้"ขอบคุณใต้เท้าขอรับ แต่ว่าข้าขี่ม้าไม่เป็น"เฉินฝานทั้งปฏิเสธและพูดความจริงเขาที่ทะลุมิติมาจากยุคปัจจุบัน ขี่ม้าไม่เป็นจริงๆปลัดอำเภออยากใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อใกล้ชิดกับชายชราสองคนข้างนอก ข้อนี้เฉินฝานรู้ดีไม่ว่าชายชราสองคนข้างนอกจะเป็นใครมาจากไหน เขาไม่อยากรู้ครั้งนี้พวกเขาช่วยตน เช่นนั้นเขาก็จะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ หลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาประสบการณ์ในยุคปัจจุบันบอกกับเขาว่า คนคนหนึ่งอยากอยู่ในสังคมอย่างมั่นคงนั้น สุดท้ายต้องพึ่งตนเองอาศัยคนอื่นไม่ยืนยาว ทั้งยังถูกควบคุม"เช่นนั้นข้าให้คนส่งเจ้ากลับไป หมู่บ้านต้ากู่ไกลจากหมู่บ้านซานเหอ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว เจ
เฉินจินเซียงยังอยากส่งเฉินฝานไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน แต่เฉินฝานปฏิเสธอากาศหนาวจัดและสุขภาพของนางเดิมทีก็ไม่แข็งแรง ก่อนหน้านี้ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากตระกูลหวังและมีแผลเปื่อยมากมายที่มือและเท้า“ใช่!”เฉินฝานมองผ่านเฉินจินเซียง สายตาตกอยู่ที่หลิ่วหรูเยียนผู้อยู่ตรงมุมเหมือนนกกระทา“ท่านป้า อย่าใจอ่อนนะขอรับ กลับไปแล้วก็ขายนางทิ้งซะ”เฉินจินเซียงเป็นภรรยาใหญ่ และหลิ่วหรูเยียนเป็นภรรยาน้อยภรรยาคนโตมีสิทธิ์ที่จะขับไล่หรือขายภรรยาน้อยได้“เสี่ยวฝาน หลานวางใจเถิด ข้าจะทำเช่นนั้น” เฉินจินเซียงจ้องหลิ่วหรูเยียนและกล่าวอย่างเกลียดชังหลิ่วหรูเยียนรังแกนางก็มากพอแล้ว แต่กลับกล้ารังแกบุตรสาวของนางด้วย นางไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่“ท่านป้าขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน เย่ว์โหรวและคนอื่น ๆ ยังรอข้าอยู่ที่เรือน”เฉินฝานเพิ่งกล่าวลากับเฉินจินเซียงเสร็จ รถม้าของชายชราก็ขวางตรงหน้าเขาชายชราเปิดม่านหน้าต่างรถม้า เขามองเฉินฝานพร้อมยิ้มกล่าว “เจ้าหนุ่ม ทำธุระเรียบร้อยแล้วรึ”“อืม”เฉินฝานไม่เกรงใจชายชรา เขาตอบอืมเสร็จก็กระโดดขึ้นรถม้าของชายชราทันที“นี่ ทำไมขึ้นรถม้าของข้าล่ะ ข้ายังไม่ไ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ