“รถม้าเจ้าก็จงใจทำให้มันตกลงไปในแอ่งน้ำล่ะสิ”ผู้เฒ่าอึ้งอีกครั้ง ความคิดในใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่กว่าเดิมเด็กหนุ่มคนนี้เขาไม่สามารถพลาดไปได้“น้องชายไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆเสียด้วย...”“ว่าไงนะ?” เฉินจินเซียงตกใจกว่าเดิม “พวกเจ้าก็จงใจทำให้รถม้าตกลงไปในแอ่ง?”ผู้เฒ่ายิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “พวกเราจงใจจริงๆ”“เหตุใดต้องทำเช่นนี้ พูดถึงเรื่องนี้ เหตุใดพวกเจ้าต้องตามพวกเรา?” เฉินจินเซียงสีหน้างุนงง“ข้า พวกข้า...” ผู้เฒ่าติดอ่างเล็กน้อยคนใช้ที่ยืนข้างกายผู้เฒ่า รู้สึกว่าหูของตัวเองมีปัญหามิเช่นนั้น เหตุใดได้ยินผู้เฒ่าติดอ่างคาดไม่ถึงเลยว่าคุณท่านของเขาจะติดอ่างคุณท่านของเขาทว่าทุกวันนี้...“พวกเราหลงทาง”ผู้เฒ่ายังติดอ่าง คนรับใช้ทนไม่ได้ที่จะพูด“ใช่ๆ!” ผู้เฒ่าพยักหน้ารัวๆ “พวกเราหลงทาง ดังนั้นก็ขับตามพวกเจ้ามาตลอดทาง เมื่อเห็นว่าพวกเจ้าจะเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว ข้าจะเอารถลงไปในแอ่งน้ำ หลังจากที่น้องชายมาช่วยแล้ว ค่อยให้ค่าตอบแทน หวังว่าน้องชายจะพาพวกเราออกจากเส้นทางนี้ได้”“โอ้...เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ?” เฉินฝานกอดอกน้ำเสียงดูไม่ได้ใส่ใจ“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” ผู้เฒ่าไม่กล้าสบตากั
“ยามพูดรู้จักคิดบ้างไหม” ชายชราเตะบ่าวรับใช้บ่าวรับใช้ลูบบั้นท้ายของตนที่ถูกเตะ พูดพึมพำเสียงเบา “ก็เป็นเรื่องจริงหนิ ข้าน้อยพูดผิดหรือ”“ต้องตามติดแบบนั้นแหละ คลาดกันขึ้นมาจะทำอย่างไร?”ชายชราไม่ได้สนใจบ่าวรับใช้อีก เขาเปิดม่านบนรถม้า สายตาจับจ้องไปยังเฉินฝานที่กำลังเดินเข้าเรือนตระกูลหวัง…“นายท่าน ฮูหยิน คุณชาย”เฉินฝานกับเฉินจินเซียงเพิ่งเดินเข้าไปในตระกูลหวัง บ่าวรับใช้ตระกูลหวังก็รีบไปรายงานที่โถงหลักทันที“นายหญิงกลับมาแล้วขอรับ!”“นางกลับมาแล้วหรือ?” หวังหยวนหลงที่กำลังกินถั่วลิสงเงยหน้าขึ้น “ขโมยของในเรือนไป ยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?”“กลับมาก็ดีเหมือนกัน พวกเราจะได้ไม่ต้องส่งใบหย่าไปให้อีก” คำพูดของฮูหยินหวังนางมั่ว ใจจืดใจดำเหมือนกับใบหน้าของนาง“นางกลับมาคนเดียวหรือ?” เทียบกันแล้วน้ำเสียงของหวังเจิ้งเจ๋อคุณท่านตระกูลหวังอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย“มีชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบมากับนางหนึ่งคนขอรับ”“เฉินเจียงหรือ?”จิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์หวังเจิ้งเต๋อเริ่มวางแผนหากเฉินเจียงมากับเฉินจินเซียง เช่นนั้นสามารถยกเลิกการหย่าร้างกับเฉินจินเซียงมาเป็นข้อต่อรองได้ ให้เฉินเจียงรับปาก
#แรกเริ่ม หลิ่วหรูเยียนได้ยินบ่าวรับใช้บอกว่ามีชายหนุ่มกลับมาพร้อมกับเฉินจินเซียง นางผิดหวังเล็กน้อยเพราะนางคิดว่าเป็นเฉินเจียง หลิ่วหรูเยียนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก รู้ว่าหวังเจิ้งเต๋อยังคงเห็นความสำคัญของเฉินเจียง ให้เกียรติเฉินเจียงเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือเฉินฝานไม่ใช่เฉินเจียง หลิ่วหรูเยียนดีใจมากเฉินจินเซียงหนอเฉินจินเซียง เจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก พาคนไม่เอาถ่านเช่นนี้กลับมา คิดว่าจะช่วยสนับสนุนตนได้ ช่างน่าขันจริงๆ“พี่หญิง เหตุใดยังยืนบื้ออยู่อีก ขืนยังไม่ไป วันนี้เสื้อผ้าไม่แห้งแน่”อนุภรรยาหยามเกียรติภรรยาเอก นี่เป็นความผิดร้ายแรงแต่แม่สามีนางมั่วกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น นางยังคงรักษาภาพลักษณ์พื้นฐานของแม่สามี เรื่องเลวร้ายที่สุดให้คนอื่นทำ“เจ้าหูหนวกหรือ? ไม่ได้ยินหรือ? รีบไปซัก...”“ไปซักบ้าบออะไร!”เฉินฝานก้าวเท้าฉับๆ เดินไปหา คว้าถ้วยน้ำชาที่วางไว้ข้างหวังหยวนหลวง แล้วราดลงบนศีรษะของหวังหยวนหลง“อ๊าก!”หวังหยวนหลงเงยหน้าขึ้นร้องตะโกนเสียงดัง“ใช้กำลัง มีคนใช้กำลัง” หลิ่วหรูเยียนตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีนางมั่วที่นั่งอยู่ด้านบนตกใจจนพูดไม่ออก“เสี่ยวฝาน” เฉินจินเซียงก็ตก
โถงตระกูลหวัง“โอ๊ย โอ๊ย”ผู้คุ้มกันตระกูล บ้างก็นอนหงาย บ้างก็นอนราบ บ้างก็นอนขดตัว บ้างก็คุกเข่าล้มลงบนพื้น พวกเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดใบหน้าของผู้คุมกันบนพื้นฟกช้ำดำเขียว แต่เฉินฝานกลับไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากตอนที่เพิ่งเดินเข้าตระกูลหวัง ผมเรียบ หายใจเป็นจังหวะเฉินฝานกวาดมองผู้คุ้มกันบนพื้นด้วยแววตาเย็นชา “ยังมีใครคิดจะสู้อีกไหม”ผู้คุ้มกันเหล่านั้น บ้างปิดหน้า บ้างก้มหน้า กลัวทำให้เฉินฝานสนใจ บ้างถึงขั้นเริ่มคลานออกไปข้างนอก“พวกเจ้าทำอะไรอยู่ ตระกูลหวังจ่ายเงินมากมาย เลี้ยงคนไม่เอาไหนอย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ? รีบลุกขึ้นมาสู้กันมันเดี๋ยวนี้!”หวังหยวนหลงกุมศีรษะที่ถูกเฉินฝานเอากาน้ำชาฟาดจนเจ็บ ตะคอกผู้คุ้มกันเหล่านั้นแต่เขายิ่งตะคอก ผู้คุ้มกันพวกนั้นยิ่งคลานเร็วขึ้นหวังเจิ้งเต๋อที่อยู่นอกห้องโถงก็พยายามหยุดเช่นเดียวกัน แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาถูกต่อยตีจนกลัวแล้วจริงๆทุกกระบวนท่าของเฉินฝาน มองดูธรรมดามาก แต่ทุกครั้งที่สัมผัสร่างกายของพวกเขา เจ็บปวดอย่างมาก“ไม่เอาไหน ไม่เอาไหนจริงๆ หนีอะไรฮะ กลับมาเดี๋ยวนี้”เสียงของหวังหยวนหลง ดังก้องในหู น่ารำคาญยิ่งนักเฉินฝานหันหน
พ่อตา แม่ยาย สามีพร้อมใจขอให้ยกโทษ แต่เฉินจินเซียงกลับเงียบตลอดหลายปีที่ผ่านมานางมองทะลุปรุโปร่งแล้วตระกูลหวังตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ไม่มีใครเชื่อได้สักคนในฐานะจิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์ หวังเจิ้งเต๋อย่อมเดาความกังวลของเฉินจินเซียงได้“จินเซียง ข้าให้หยวนหลงเขียนหนังสือรับประกันให้เจ้า ไม่ใช่แค่หยวนหลง ข้าและแม่สามีของเจ้าก็เขียนเช่นเดียวกัน รับประกันว่าหลังจากนี้ตระกูลหวังจะปฏิบัติกับเจ้าและครอบครัวเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน”“นายท่าน!”“ท่านมั่ว!”นางมั่วกับหวังหยวนหลงมองไปทางหวังเจิ้งเต๋อพร้อมกัน พวกนางไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของหวังเจิ้งเต๋อทำดีกับเฉินจินเซียงคนเดียวก็พอแล้ว เหตุใดต้องดึงเอาครอบครัวของนางมาเกี่ยวด้วยโดยเฉพาะคนตรงหน้าอย่างเฉินฝานทั้งจนและเกียจคร้าน เป็นคนไม่เอาไหน อนาคตต้องสร้างปัญหาให้ครอบครัวคนอื่นแน่นอนราวกับหวังเจิ้งเต๋อไม่ได้ยินเสียงภรรยาและลูก เขายังคงพูดต่อ อีกทั้งครั้งนี้เขาพูดกับเฉินฝาน “หนังสือรับประกันนี้แบ่งเป็นสามฉบับ ทั้งข้า หยวนหลง แม่ของหยวนหลงล้วนประทับรอยนิ้วมือ โดยสามฉบับนี้แบ่งเป็นของครอบครัวข้าหนึ่งฉบับ จินเซียงหนึ่งฉบับ ส่วนอีกหนึ่งฉบั
“เร็วเข้า! มิเช่นนั้นไม่ทันแล้ว”เห็นเฉินฝานยืนนิ่ง สีหน้าของเฉินจินเซียงฉายความกระวนกระวาย“หนี? ฮ่าๆ!”หวังหยวนหลงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าคิดว่าเขาหนีรอดหรือ?”“ใครก็ได้! นำกาน้ำชาเข้ามาให้ข้าสักสี่ห้าใบสิ!”เมื่อครู่เฉินฝานตีเขาอย่างไร ประเดี๋ยวเขาก็จะตีเฉินฝานแบบนั้น ทั้งยังจะทวีคูณค่อยๆ ทรมานเขา ไม่ให้เขาตายในทันที“ท่านอา อย่ากลัว”เห็นเฉินจินเซียงกระวนกระวาย เฉินฝานปลอบโยนนาง“อาไม่กลัว แต่อาไม่อยากทำให้เจ้าเดือดร้อน พวกเขาตามปลัดอำเภอมาแน่ๆ ปลัดอำเภอเป็นญาติของหวังหยวนหลง เมื่อครู่เจ้าตี...”เวลานี้เฉินจินเซียงเกลียดตัวเองมาก หากเมื่อวานนางไม่ลังเล รีบกระโดดลงหน้าผา ก็ไม่มีเรื่องวันนี้แล้ว“ปลัดอำเภอ?”“ใช่ เขาคือน้าของข้า!”คนที่ตอบเฉินฝานคือหวังหยวนหลง เขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือด มองแล้วโหดเหี้ยมยิ่งนัก “คุกเข่า คุกเข่าขอร้องข้า อื้ม แบบนี้ก็แล้วกัน”หวังหยวนหลงยื่นเท้าออกไปข้างหนึ่ง “เจ้าคุกเข่าขอร้องข้า พร้อมเลียขาข้าให้สะอาด ข้าจะไม่ให้ท่านน้าเอาตัวเจ้าไป”เฉินฝานมองรถม้าที่ยังคงจอดหน้าตระกูลหวังปราดหนึ่งชายชราบนรถม้า สีหน้านิ่งสงบ เมื่อเห็นเฉินฝานมองเขา เข
เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”มือปราบหน้าตาเหี้ยมโหดคนหนึ่ง พูดกับสารถีชรา “เขาเป็นปลัดอำเภอของเรา เจ้ากล้าสั่งให้ใต้เท้าหลีกทางให้ม้าของเจ้าหรือ?”“อ่อ” สีหน้าสารถีชราฉายความตกตะลึง เขามองปลัดอำเภอ “ท่านคือปลัดอำเภอของอำเภอผิงอันหรือ!”ขณะพูด สารถีชราหันไปพูดกับชายชราในรถม้า “นายท่าน เขาคือปลัดอำเภอผิงอันขอรับ!”“สามหาว!”มือปราบคนนั้นตำหนิอีกครั้ง “ในเมื่อรู้ว่าเป็นท่านใต้เท้า ยังไม่รีบเคลื่อนรถม้าของพวกเจ้าไปข้างๆ แล้วลงจากรถม้ามาคุกเข่าคำนับท่านใต้เท้าอีก”ชายชราจับหู “เจ้าพูดอะไร? ข้าฟังไม่ค่อยชัด พูดอีกรอบสิ”“พวกเขาบอกว่า” สารถีชราชี้ไปยังปลัดอำเภอที่นั่งอยู่บนหลังม้า “ท่านผู้นั้นคือปลัดอำเภอผิงอัน ให้พวกเราลงจากรถม้าไปคุกเข่าคำนับขอรับ ท่านว่าพวกเราต้องคุกเข่าหรือไม่?”“อะไรนะ? แพง? แค่จอดรถก็เรียกเงินด้วยหรือ” ชายชราหยิบตราคำสั่งสีทองขึ้นมา ยื่นให้สารถี “เจ้าดูสิว่าพอไหม?”“นายท่าน...” สารถีจ้องมองตราคำสั่งนั่น ลังเลครู่หนึ่ง ค่อยยื่นมือไปรับ“เอ๊ะ!”มือของสารถีเพิ่งสัมผัสตราคำสั่ง ชายชราก็ถอนกลับไป “เจ้านี่ ทั้งที่ตนเองก็มีตราคำสั่งเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
ปลัดอำเภอเดินไปตรงหน้าชายชรา เสียงอ่อนมาโดยตลอด ทั้งยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้น “นายท่าน ท่านมีอะไรให้รับใช้ขอรับ?”“เจ้าเดินเข้ามาใกล้อีกหน่อย”ไม่รู้ว่าชายชราพูดอะไรกับปลัดอำเภอ เห็นเพียงสีหน้าของปลัดอำเภอแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวหลังจากชายชราสนทนากับปลัดอำเภอจบ หันไปบอกสารถี “เอาตราคำสั่งของเจ้าให้เขา!”“ขอรับ?”สารถีป้องตราคำสั่งที่ห้อยไว้บนเอว “เพราะเหตุใดขอรับ?”“สั่งให้เจ้าให้ก็ให้สิ พูดร่ายยาวจริงๆ”สารถีไม่ค่อยยินดีที่จะให้เท่าใดนัก เขายื่นตราคำสั่งของตนให้ปลัดอำเภอปลัดอำเภอโค้งลำตัว รับตราคำสั่งสีเงินจากสารถีเขาเพิ่งรับตราคำสั่ง หวังเจิ้งเต๋อก็พาคนเดินออกมาจากตระกูลหวังเมื่อเห็นหวังเจิ้งเต๋อ ชายชราส่งสายตาให้อำเภอทันที บอกให้เขาอย่าเอะอะโวยวายสารถีเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเมื่อครู่ กลายมาเป็นชายชราต่ำต้อยที่ขับรถม้า“ไอ้แก่นี่ ตาบอดหรืออย่างไร ถึงขี่รถม้ามาจอดหน้าเรือนข้า”ทันทีที่หวังเจิ้งเต๋อมาถึงก็ด่าทอสารถีฉอดๆปลัดอำเภอหันไปอีกทาง เขาไม่กล้ามองภาพนี้จริงๆชายชรามีคำสั่ง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจพูดอะไร“ขอโทษขอรับ ขอโทษขอรับ” สารถีก้มหน้าขอโทษด้วยความอ่อนน้อม “ข้าแก่
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ