หลิวซื่อหมิงมองดูหลินโจวเก็บเครื่องอุ่นมือนับร้อยอัน จากนั้นก็จ่ายเงินแล้วออกไปข้างนอกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง“พี่โจว ต่อราคาอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ?”“ทำไมเหรอ?นี่เรียกว่าศิลปะในการพูด นายไม่เข้าใจ”"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมไปซื้อเสื้อผ้าก็จะต่อราคาอย่างนี้!"หลิวซื่อหมิงทำราวกับว่าค้นพบพื้นแผ่นดินใหม่หลินโจว: "นายคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่ คนหล่อเท่านั้นถึงจะเรียกว่าพี่สาวได้?"????จากนั้น หลินโจวก็พาหลิวซื่อหมิง ไปหาร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใช้เงินร้อยห้าสิบบาทใช้หม้อขนาดใหญ่ของพวกเขาต้มน้ำร้อน และใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อขอให้พวกเขาช่วยเติมน้ำร้อนให้เต็มถุงน้ำร้อนท่ามกลางสายตาที่งุนงงของหลิวซื่อหมิง ถือถุงน้ำร้อนเหล่านี้ มุ่งหน้าไปที่งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์…......สำนักงานออฟฟิศเฉียนซื่อกรุ๊ปเฉียนโหย่วฉายกำลังประชุมเกี่ยวกับงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ครั้งนี้ ซึ่งดำเนินไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วเกือบจะสิบโมงแล้วเฉียนโหย่วฉายได้ทำการสรุปเป็นครั้งสุดท้าย“ระดับความสำคัญของงานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ในครั้งนี้คิดว่าทุกคนคงจะทราบแล้ว ทุกคนได้โปรดให้ความสำคัญด้วย”“ครับ เถ้าแก่!”“ดี
เขาถูมือ แล้วเดินไปเดินมาไม่หยุด“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย? ไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าเหรอ?”“ขอโทษครับเถ้าแก่ นี่เป็นความสะเพร่าของพวกเราจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆอุณหภูมิจะลดลงแล้วหิมะตก ตอนนี้พวกเขากำลังติดตั้งเรือนกระจกแล้ว แต่ว่า...”“แต่อะไร?”“แต่ข้างนอกหนาวมาก ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวที่ทนไม่ไหวเหล่านั้น ต่างก็พาเอะอะโวยวายบอกว่าจะกลับบ้าน”“หาห้องภายในไม่ได้เหรอ?”“เถ้าแก่ครับ คนเกือบสองร้อยคน พวกเราคงไม่สามารถหาสถานที่ในร่มขนาดใหญ่เช่นนี้ได้เร็วขนาดนี้ แถมยังมีมินิเกมที่เพิ่มปฏิสัมพันธ์ด้วย จึงยากมากที่จะจัดการ”“งั้น งั้นควรทำยังไงดี? ไม่มีอุปกรณ์ทำความอุ่นเลยเหรอ?”“ให้คนรีบไปซื้อแล้วครับ!”"ไร้ประโยชน์!"เฉียนโหย่วฉายเกรี้ยวโกรธมากในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขาได้รับโทรศัพท์หลายสายผู้สูงวัยในสถานที่จัดงานต่างก็พร่ำบ่นกันว่าหนาวเกินไป ให้เขาคิดหาวิธีตอนนี้เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง?ขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงอยู่นั้น ทันใดนั้นเฉียนโหย่วฉายก็เห็น เฉียนกั๋วกั่วกำลังหอบของที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรจำนวนมาก และมีวัยรุ่นสองคนเดินตามหลัง ไปยังสถานที่จัดงานเฉียนโหย่วฉาย
ดูเหมือนว่าชายชราจะหูตาสว่างทันที จู่ๆก็รู้วิธีการเอาชนะใจหญิงชราทั้งหลายพวกเขารีบเฮโลกันเดินเข้ามา:“ไอ้หนู ฉันก็เอาอันหนึ่ง!”“ฉันก็ซื้อด้วยฉันก็ซื้อด้วย!”“ฉันเอาอันสีชมพูนั่น!”“ฉันเอาสีน้ำเงิน สาวงามชอบสีน้ำเงิน”…......ทั้งสถานที่ตรงนั้นครึกครื้นมากเดิมทีหลิวซื่อหมิงกับเฉียนกั๋วกั่วยังคงงุนงงอยู่ แต่กลับถูกหลินโจวลากไปทำงานเฉียนโหย่วฉายก็ตะลึงจนพูดอะไรไม่ถูกนี่คือ……เพื่อนร่วมชั้นของกั๋วกั่วเหรอ?พวกเขาให้กั๋วกั่วพาเข้ามา ก็เพื่อขายเครื่องอุ่นมือเหรอ?ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย คว้าช่วงเวลาที่ดีที่สุดเอาไว้ได้ทันคำพูดที่ชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งจะพูดไปก็มีวาทะศิลป์มากเช่นกันชั่วครู่หนึ่งเฉียนโหย่วฉาย นึกว่าได้เห็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่มีอายุใกล้เคียงกับตนเองแต่สถานการณ์แบบนี้ วุ่นวายเกินไปแล้วไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่องานเลี้ยงผูกสัมพันธ์ไหมเฉียนโหย่วฉายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่งสัญญาณเรียกผู้ช่วยมา หลังจากที่พูดกับผู้ช่วยไปสองสามประโยคแล้วผู้ช่วยก็พยักหน้าแล้วเดินไป“เพื่อนนักเรียนทั้งหลาย”หลินโจว เฉียนกั๋วกั่วและหลิวซื่อหมิงก็เงยหน้าขึ้นมาผู้ช่วยพูดอีกว่า:“เถ
คำพูดเหล่านั้นที่เขาเพิ่งพูดไป เห็นได้ชัดว่ากำลังช่วยตนเองให้รอดพ้นจากวิฤติเพราะคำพูดเหล่านั้น เขาที่เดิมทีถูกตำหนิ ในเวลานี้กลายเป็นผู้จัดงานที่ใจกว้างและมีน้ำใจไมตรีไปแล้วเหล่าชายชราได้รับความโปรดปรานจากเหล่าหญิงชรา พลางเล่นเกมปฏิสัมพันธ์กัน พลางชื่นชมผู้จัดงานไปด้วยเขาเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?….......หลังจากที่ยุ่งไปหนึ่งชั่วโมง เครื่องอุ่นมือก็ขายหมดรวมเป็นเงินทั้งหมดห้าพันบาทถ้าหักต้นทุนไปหนึ่งพันามร้อยห้าสิบบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่สามพันหกร้อยห้าสิบบาทยังต้องให้เงินหลิวซื่อหมิงกับเฉียนกั๋วกั่วอีก จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำงานเปล่าๆไม่ได้หลินโจวถือเงินเอาไว้ และนั่งงุนงงอยู่ริมถนนความเร็วในการหาเงิน ยังช้าเกินไปต้องคิดหาวิธีถึงจะถูกหลิวซื่อหมิงและเฉียนกั๋วกั่วต่างก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก“สามพันหกร้อยห้าสิบบาท!”“เช้าวันหนึ่งหาเงินได้สามพันหกร้อยห้าสิบบาท! นี่มันเป็นความเร็วแบบไหนกัน?”“เงินเดือนของแม่ผมแค่หกพันบาทเอง ในเวลาครึ่งวันพี่ทำเงินได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแม่ผมเสียอีก พี่โจว พี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”หลิวซื่อหมิงแสด
วันนี้อวิ๋นรั่วซีเชื่อฟังคำพูดของเพื่อนสนิทโจวซานซาน จึงมาเดินเล่นผ่อนคลายที่แควร์คิดไม่ถึงว่า พอมาแล้วก็พบว่าฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็อยู่ที่นั่นด้วยถ้าจะจากไปเลยก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย จึงดึงหลี่เสี่ยวหว่านให้อยู่ต่อในขณะนี้ ฟ่านอวิ๋นเจ๋อกำลังพูดอย่างจริงจัง“การสอบเข้าวิทยาลัยมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในเมื่อพวกเราได้จัดตั้งกลุ่มศึกษาขึ้นแล้ว เก็จะต้องพากเพียร ทุกสุดสัปดาห์นับจากนี้ต้องมาศึกษาเรียนรู้ด้วยกัน!”"ได้เลย ไม่มีปัญหา"“โจวซานซาน หวังจื่อเฉิน พื้นฐานของพวกเธอสองคนยังไม่ดีพ่อ พากเพียรขึ้นอีก แม้ว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังไม่ได้ แต่จะต้องสามารถสอบมหาลัยที่ดีรองลงมาได้อย่างแน่นอน!”“รู้แล้วค่ะพี่ฟ่าน”ตอนที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดเช่นนี้ ก็มองไปที่อวิ๋นรั่วซีเป็นครั้งคราวเขาภูมิใจในผลการเรียนของตนมาโดยตลอดตอนนี้ ยังได้เป็นหัวหน้ากลุ่มการศึกษา นำคนทั้งกลุ่มศึกษาเรียนรู้อีกสถานการณ์อย่างนี้ ไม่ว่ายังไงก็จะต้องให้รั่วซีรับรู้ให้ได้อย่างนี้แล้ว บางทีรั่วซีอาจจะสนใจตนเองมากขึ้นดังนั้น หลังจากที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดจบ ก็รวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยปากพูดว่า:“รั่วซี ทำไมเธอไม่ศึกษาเรียน
ในความเข้าใจของอวิ๋นรั่วซี หลินโจวทำแบบนี้ ก็เพราะต้องการให้ตนเองรู้ว่าเขาเก่งแค่ไหนจากนั้นก็ให้อภัยเขาและอยู่ด้วยกันกับเขา“ทำไมเขาถึงได้ปัญญาอ่อนขนาดนี้!”“แม้ว่าจะขอโทษ หรือจะเอาอกเอาใจฉัน ก็ควรจะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้หน่อยไหม?”? ? ? ?หลิวซื่อหมิงยิ้มด้วยความโกรธเขารู้สึกได้ทันทีว่า หลินโจวเลิกคบหาอวิ๋นรั่วซี ช่างเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดมาก!อวิ๋นรั่วซีเป็นคนที่ค่อนข้างหน้าตาดี แต่ทำไมถึงได้ทะนงตนขนาดนี้?คิดว่าโลกทั้งใบจะหมุนรอบตัวเธองั้นเหรอ!นี่ถึงเรียกว่าปัญญาอ่อนจริงๆ?แต่ตอนนี้ จะอธิบายอย่างไรพวกเขาถึงจะเชื่อ?พี่โจวของเขาสุดยอดจริงๆ!ในขณะที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งหลิวซื่อหมิงหัวเราะขึ้นทันที:“เอ๊ะ? พี่โจว ทางนี้!”หลินโจวที่กำลังจะออกจากสแควร์ พอเห็นพวกเขา ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง“เจ้าอ้วน นายทำอะไรอยู่?”อวิ๋นรั่วซีและคนอื่นๆมองตามเสียงนั้นไปก็ตกตะลึงจนตาค้างทันทีหญิงสาวหลายคนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ“นั่นคือหลินโจว?”“เขาหล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เอ่อไม่ใช่ ฉันหมายถึง...”โจวซานซานนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดอะไรผิ
“เอ๊ะ? นี้ไม่ใช่ผู้ช่วยของเถ้าแก่เฉียนเหรอ? ทำไมเขาถึงมาที่นี่?”หลิวซื่อหมิงจำคนที่มาได้ผู้ช่วยรีบเข้ามาที่ข้างหลินโจว เหลือบมองนักเรียนคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขา และถามอย่างสงสัยว่า:“เพื่อนร่วมชั้น คุณมีธุระอะไรบางอย่างที่ต้องทำไหม?”“ไม่มีธุระอะไรครับ ทำไมเหรอ?”“งั้น ขอเวลาคุยด้วยหน่อย?”หลินโจวพยักหน้า กำลังจะจากไป ก็ได้ยินหวังจื่อเฉินตะโกนอีกครั้ง:“เกิดอะไรขึ้นเหรอหลินโจว? ไปทำเรื่องที่มีลับลมคมนัยอะไรมาเหรอ? อ้อ ฉันรู้ว่านายหาเงินมาได้ยังไง…”"มิน่าล่ะถึงที่สามารถหาเงินได้ห้าพันบาทภายในเช้าวันเดียว!"เขามองหลินโจวด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามหลินโจว:“……งั้นก็พูดอยู่ตรงนี้เลย?”ผู้ช่วยเหลือบมองหวังจื่อเฉินด้วยความแปลกใจ จากนั้นหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า และมอบให้หลินโจว:“คือย่างนี้นนะ เมื่อกี้คุณช่วยเถ้าแก่ของพวกเราเอาไว้ได้มากเลย เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เถ้าแก่ของพวกเราให้ผมมามอบอั่งเปาเล็กๆน้อยให้คุณ”“ผมกลัวว่าคุณจะเดินเร็วเกินไป และตามทันไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจไม่ไปซื้อซองอั่งเปา กะว่าจะให้เงินสดไปเลย!”ขณะที่พูด เขาก็เอาเงินปึกนั้นให้หลินโจวหลังจากได้
แม้ว่าเธอจะเคยไปที่ภัตตาคารชมจันทร์แล้ว แต่ถ้าหลินโจวต้องการจะพาเธอไปด้วย...เธอก็ไม่รังเกียจที่จะไปอีกครั้งในขณะนี้ จู่ๆเธอก็เห็นหลินโจวขึ้นมอเตอร์ไซค์ของหลิวซื่อหมิง โดยไม่หันมามองเธอเลย:“หลิวซื่อหมิง ไปกัน!”“ไปไหนเหรอพี่โจว?”“ไปภัตตาคารชมจันทร์ไง!”อวิ๋นรั่วซี:? ? ?ทำไมหลินโจวถึงไม่พาเธอไปด้วย?หลินโจวไม่รู้เหรอว่าเธออาจจะยกโทษให้เธอถ้าเขาพาเธอไปด้วย?โอกาสดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพาแต่หลิวซื่อหมิงไป?ในเวลานี้หลิวซื่อหมิงก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญเช่นกัน:“ห๊า? พี่โจว พี่จะพาผมไปด้วยเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่พานายไปด้วยแล้วฉันจะไปยังไง? ฉันไม่มีรถ...”“แล้ว พวกเขาล่ะ?”“พวกเขาเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ? เพื่อนร่วมชั้นฟ่านคงจะพาพวกเขาไปกินข้าวมั๊ง?”สายตาของหลายคนจับจ้องมาที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อเดิมทีฟ่านอวิ๋นเจ๋อไม่มีความตั้งใจที่จะเลี้ยงข้าวและไม่ได้นำเงินมามากนัก:...แต่อวิ๋นรั่วซีอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้จำใจพูดว่า "ได้เลย วันนี้ผมจะเลี้ยงไก่จานใหญ่ทุกคนเอง"ทุกคน:……จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกว่าฟ่านอวิ๋นเจ๋อขี้เหนียวมากเมื่อเทียบกับภัตตาคารชมจันทร์แล้ว ไก่จ