ฉินซู่หลานที่กำลังขึ้นไปชั้นบนมองไปที่ฉินอวี่เถียนด้วยความประหลาดใจ“เมื่อก่อนแม่ทำอะไรลูกก็จะกินอันนั้นไม่ใช่เหรอ?”“นั่นมันเมื่อก่อน แต่วันนี้ หนูอยากกินข้าว หนูหิวแล้ว”น้ำเสียงของฉินอวี่เถียนแฝงด้วยความออดอ้อนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะแตะท้องของตนเองหิวจริงๆแม้แต่เธอเองก็ยังไม่ทันได้สังเกตว่า ดูเหมือนว่าเธอจะทำตามที่หลินโจวพูด ทีละขั้นตอนเมื่อฉินซู่หลานได้ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจลูกสาวรู้จักติดแม่แล้ว ดีจริงๆ!“ได้ได้ได้ หนูอยากกินอะไรแม่ก็จะทำอันนั้นให้ ลูกกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”"ค่ะ"เปิดประตูห้องพอฉินอวี่เถียนเข้าไปในห้อง ก็เห็นกระต่ายมาร์ชเมลโลว์บนโซฟาเธออยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว แต่พอเอื้อมมือไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็หยุดอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าไปในห้องฉินอวี่เถียนถอดเสื้อผ้าผู้ชายออก แล้วหยิบเสื้อกล้ามกีฬาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นชุดนอนแต่หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว จับพลัดจับผลูไม่รู้ยังไง เธอก็มาที่หน้าตู้เสื้อผ้าเปิดประตูตู้เล็กๆที่ถูกล็อคไว้ และหยิบชุดนอนหมีของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆชุดหนึ่งออกมาจากข้างในหลังจากทำท่าต่า
มาถึงโรงเรียนตอนหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นอย่างตรงเวลาหลังจากอ่านหนังสือในตอนเช้าแล้ว หลินโจวก็หยิบกล่องข้าวออกมา และเตรียมจะไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เฉียนกั๋วกั่ว และหลิวซื่อหมิงแต่กลับถูกจางจิ่นหงสมาชิกคณะกรรมการแรงงานห้ามเอาไว้:“หลินโจว วันนี้กลุ่มนายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ นายอย่ามาเล่นลูกไม้นะ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วให้ตั้งใจทำความสะอาดให้ดีๆ อ้อใช่แล้วหวังลี่หยวนที่อยู่ในกลุ่มของพวกนายย้ายไปอยู่กลุ่มอื่นแล้วนะ ส่วนสวี่เนี่ยนชูให้มาอยู่กลุ่มพวกนาย อีกสักพักนายบอกเธอว่าจะต้องทำอะไรบ้าง”ระบบการทำความสะอาดของห้องสองปกติแล้วจะมีกลุ่มละสี่คนคนในกลุ่มของหลินโจว ได้แก่หลิวซื่อหมิง เพื่อนร่วมโต๊ะของหลิวซื่อหมิงเซี่ยตงชิง หวังลี่หยวนและหลินโจวหลินโจวในอดีต พอถึงเวรปฏิบัติหน้าก็จะเลือกที่จะลืม ดีแต่พูดงานไม่ทำหลิวซื่อหมิงก็มักจะเลียนแบบเขาเช่นกันส่งผลให้ มีเพียงแต่หวังลี่หยวนและเซี่ยตงชิงเท่านั้นที่ทำงานในกลุ่มนี้ทั้งสองคนมักจะพร่ำบ่นอยู่เสมอ และขอร้องจางจิ่นหงย้ายตนไปกลุ่มอื่น จางจิ่นหงไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่มาเร่งเร้าเขาด้วยตนเองทุกครั้งถ้าเร่งเร้าไม่ได้จริงๆ ต
สามนาทีต่อมาเซี่ยตงชิงเช็ดปาก เคี้ยวข้าวคำสุดท้ายแบบลวกๆ และลุกขึ้นยืน:“ฉันกินเสร็จแล้ว”คนอื่นๆที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง :?หลินโจวเงยหน้าขึ้น: “ทำไมนายต้องกินเร็วขนาดนี้ด้วย?”“เดิม เดิมทีฉันเป็นคนกินข้าวเร็วอยู่แล้ว ฉันกลับห้องเรียนก่อนนะ”"เดี๋ยวก่อน"หลินโจวคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้อีกครั้ง:“จู่ๆก็รู้สึกกระหายน้ำนิดหน่อย ในเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ทุกคน คนละขวดก็แล้วกัน”ขณะที่พูด หลินโจวก็ควักเงินออกมาจากในกระเป๋า ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของเซี่ยตงชิง เขาก็เก็บเงินห้าสิบบาท เอาเงินแบงก์ร้อยออกมา แล้วยัดมันเข้าไปในมือของเซี่ยตงชิง"......"เซี่ยตงชิงมองดูการกระทำของหลินโจวด้วยความสับสน และพูดอย่างร้อนใจว่า:“ฉัน...รอให้พวกนายกินเสร็จก่อนแล้วค่อยไปซื้อเองดีไหม?”“ไม่ได้ จะสำลักตายแล้ว ขอร้องล่ะเพื่อนร่วมชั้นเซี่ย นายช่างเป็นคนดีจริงๆ”คำว่าคนดีทำให้เซี่ยตงชิงยินยอมเขารับเงินพร้อมอุ้มกล่องอาหารแล้ววิ่งไปที่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆหลินโจวกล่าวอย่างขบขันว่า:“เอาล่ะ ทุกคนกินต่อเถอะ”คณะกรรมการแรงงานจางจิ่นหงตักข้าวกลับมาเผอิญเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้าเ
คนทั้งคนตกตะลึง“พี่ พี่โจว?”หลิวซื่อหมิงตบไปที่บนไหล่ของเขา:“ทำบื้ออะไรอยู่?นี่คือน้ำที่พี่โจวซื้อให้นาย ดูนายสิ โง่แล้วยังทำเป็นอวดฉลาดซื้อมาแค่สี่ขวด ทำให้พี่โจวของฉันไม่ได้ดื่มน้ำเลย!”เซี่ยตงชิง:???เขาพบว่า ทุกอย่างในวันนี้ดูเหมือนว่าจะผิดปกติไปเล็กน้อย“แต่ แต่ว่า พวกนายไม่ได้บอกให้ฉันซื้อห้าขวด…”“นายนับหัวคนไม่เป็นเหรอ?ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่โจวถึงไม่ให้นายไปห้าสิบบาท แต่ให้นายไปหนึ่งร้อยบาท?”“เป็นอย่างนี้เหรอ?”เซี่ยตงชิงกลืนน้ำลาย และมองหลินโจวอย่างงุนงงหลินโจว……เป็นอะไรไป?“เอาล่ะ อย่ามัวพูดมากอยู่เลย หลิวซื่อหมิงรีบมากวาดพื้นสิ!”“มาแล้ว!”หลิวซื่อหมิงรีบวิ่งไปแถวสุดท้าย หยิบไม้กวาดขึ้นมาและเริ่มกวาดเฉียนกั๋วกั่วก็กล่าวว่า:“ฉันก็จะช่วยด้วย ไม่ต้องเกรงใจ!”สวี่เนี่ยนชูไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปที่แถวสุดท้ายอย่างเงียบๆทั้งสามต่างก็ถือไม้กวาดกัยคนละด้ามเดิมทีหลิวซื่อหมิงตั้งใจจะกวาดแถวที่สอง แต่ถูกเฉียนกั๋วกั่วรั้งเอาไว้“หลิวซื่อหมิง พวกเราจะไปกวาดสองแถวข้างใน!”“ทำไมเหรอ?”หลิวซื่อหมิงรู้สึกไม่ยินยอมเล็กน้อยเฉียนกั๋วกั่วกลอกตาใส่ และชี้ไปทางหลินโจว ห
หลินโจวตายแล้วนี่เป็นผลวินิจฉัยสุดท้ายที่ออกมาจากแพทย์เมื่อสิบนาทีก่อน"เขา"ในเวลานี้วิญญาณเขากำลังลอยไปลอยมาอยู่ในห้องผู้ป่วย มองเห็นร่างไร้วิญญาณของตัวเองถูกคลุมด้วยผ้าขาว นอนฟังแพทย์และตำรวจพูดคุยสรุปเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมาของเขา"หลินโจว อายุ 37 ปี สาเหตุการเสียชีวิตหัวใจล้มเหลวจากอุบัติเหตุจราจร""เขาไม่มีญาติพี่น้อง และติดต่อเพื่อนไม่ได้ ทรัพย์สินทั้งหมดบริจาคให้กับองค์กรการกุศล สำหรับงานศพ...""ก็น่าจะเป็นองค์กรการกุศลเป็นตัวแทนในการดำเนินการ..."หลินโจวมองเห็นทั้งหมด จิตใจเต็มไปด้วยความหนาวเย็นนับแต่อายุสิบแปดปีเป็นต้นมา ถูกหยุนรั่วซีที่แอบชอบมาหกปีปฏิเสธ เขาก็ไม่เคยมีความรักอีกเลยต่อมา พ่อก็จากโลกนี้ไปเพราะเขา หลินโจวก็ไม่มีญาติพี่น้องหลงเหลืออีกไม่ง่ายกว่าธุรกิจจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กลายเป็นธุรกิจอันดับใหญ่ในเมืองเจียง คิดไม่ถึงว่า ในเหตุการณ์เมาสุราจะมาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุปัจจุบันนี้ แม้แต่คนที่จะมาช่วยจัดการงานศพให้เขาก็ไม่มีชีวิตนี้ช่างบัดซบสิ้นดี..."หลินโจว!"ประตูห้องผู้ป่วยพลันถูกเปิดออก "หลินโจว"หมุนศีรษะกลับไป มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกระหืดกระห
“หลินโจว” ตกใจ ทำไมเป็นเธอไปได้?ไม่ใช่ว่าเขาจำสู่เนี่ยนชูไม่ได้ แต่สู่เนี่ยนชูในความทรงจำของเขานั้นกับตอนนี้ที่ถึงแม้จะดูอิดโรยแต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้ไม่เปลี่ยนราวกับว่าเป็นคนละคนกันมัธยมปีสุดท้ายนั้น สู่เนี่ยนชูย้ายมาเข้าโรงเรียนมัธยมเจียงเฉิงและกลายมาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาในเวลาต่อมาจากความทรงจำของหลินโจว สู่เนี่ยนชูซูบผอมจนดูไม่ได้ เธอมักจะสวมใส่แว่นตากรอบสีดำเก่าๆ ไว้ผมหน้าหมาหนา พูดจาราวกับกระซิบ ไม่กล้าพูดเสียงดังเด็กผู้ชายในชั้นเรียนมอบให้เธอเป็นลูกเป็ดขี้เหร่หากเทียบกับดาวโรงเรียนที่ราวกับเจ้าหญิงหยุนรั่วซีนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหวในเวลานั้น หลินโจวชอบหยุนรั่วซีเมื่อรู้ว่าหยุนรั่วซีชอบกินท๊อฟฟี่นมประเภทนี้ เขาจึงเตรียมมันทุกวันมีครั้งหนึ่ง เพราะเขาทำให้หยุนรั่วซีโกรธ เธอจึงยึดทอฟฟี่นมของเขาเขาโยนมันไปให้เพื่อนร่วมโต๊ะซึ่งสู่เนี่ยนชูไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำคิดไม่ถึงว่าเธอจะเก็บมันไว้จนถึงตอนนี้เธอยังบอกว่าเป็นคนรักของเขาเธอ……ชอบเขาเหรอ?“ท็อฟฟี่นี้คุณให้ฉันมา”“คุณรู้อะไรไหม ท็อฟฟี่เล็กๆ เหล่านี้ได้ช่วยชีวิตฉันไว้”“ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงตายไปนานแล้ว...”
หลินโจวก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวและตบไหล่หลิวซือหมิงอย่างแรง“โอ้ หลินโจว นายบ้าไปแล้วเหรอ! ตีฉันทำไม?”หลินโจวมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “เจ็บไหม?”“บ้าเอ๊ย ทำไมไม่ให้ฉันลองต่อยนายดูล่ะ รีบลงมา แล้วค่อยไปสารภาพรักส่วนตัวทีหลังนะ ใกล้จะสอบเข้ามหาลัยแล้ว อย่าสร้างเรื่องให้มันมาก รอเราเรียนจบมัธยมจากนี้ไปก่อนค่อยว่ากัน!"เขาเกิดใหม่จริงๆ ด้วย!หลินโจวเกือบหงายหน้าหัวเราะชี้ฟ้าปีนี้คือปี 2004 หลินโจวอยู่มัธยมศึกษาปีที่หกในชาติที่แล้วของเขาก็เป็นวันพิธีศาบาลตนหนึ่งร้อยวันนี้ เขาเตรียมตัวมาพร้อมที่จะสารภาพรักกับรั่วหยุนซีแต่ทว่าเขาถูกปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน!ในวันนี้สู่เนี่ยนชูย้ายมาที่ชั้นเรียนของพวกเขาหลินโจวและเธอจึงกลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกันแต่สองวันถัดมา เนื่องจากโรงเรียนผลการเรียนย่ำแย่ รั้งท้ายตลอดหลายครั้ง แล้วยังพาเพื่อนตีกัน หนีเรียนไปร้านอินเตอร์เน็ต แล้วไหนจะฉากสารภาพรักที่ใหญ่โตนี่อีกในยุคที่มองความรักในวัยเยาว์เป็นเหมือนงูพิษแบบนี้ ผู้ปกครองชั้นมัธยมปีที่สามร่วมลงชื่อร้องเรียนเขา บอกว่าการมีอยู่ของเขาจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเพื่อนร่วมชันบังคับให้โรงเรีย
“วัยของพวกเราตอนนี้ ควรจะตั้งใจเรียนถึงจะถูก”“วันนี้เป็นพิธีสาบานตนหนึ่งร้อยวันสำหรับปีสุดท้ายของเราในโรงเรียนมัธยมปลาย อีกหนึ่งร้อยวัน พวกเราจะสวมชุดเกราะเข้าสู่สนามรบเพื่อมีส่วนร่วมในก้าวที่สำคัญที่สุดในชีวิต - การสอบเข้ามหาวิทยาลัย!”“เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับเราที่เรียนอย่างหนักมาหลายปี อย่างไรก็ตาม นอกจากตัวเราเองแล้ว ยังมีคนที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเราอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย นั่นก็คือคุณครูที่ทำงานหนักและสอนพวกเราอย่างเงียบๆ .. "“ครูจาง ครูคิดอย่างนั้นหรือเปล่า?”จางซือฉีซึ่งถือโทรศัพท์ไร้สายแบบพกพารู้สึกราวกับว่าเขากำลังเห็นภาพหลอนในโทรศัพท์หลินฉางเจิ้งตะโกนอย่างกังวล:“ครูจาง เกิดอะไรขึ้น?”“ฮัลโหล? ครูจาง ถ้าคุณไม่พูดอะไร ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้องมา!”จางซือฉีกดวางสายโทรศัพท์และยังไม่ได้สติกลับคืนมาเมื่อตระหนักว่าสายตาของเพื่อนร่วมชั้นทุกคนจับจ้องมาที่เขา เขาจึงได้แต่พยักหน้าอย่างว่างเปล่า:"ใช่ ๆ"หลินโจวยิ้ม: "เอาล่ะ ฉันมอบช่อดอกไม้นี้ให้กับอาจารย์ทุกคน ขอบคุณที่อุทิศตนให้กับพวกเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทั่วทั้งสถานที่เกิดความโกลาหลอีกครั้ง!"อะไรนะ?"