แม้ว่าเธอจะเคยไปที่ภัตตาคารชมจันทร์แล้ว แต่ถ้าหลินโจวต้องการจะพาเธอไปด้วย...เธอก็ไม่รังเกียจที่จะไปอีกครั้งในขณะนี้ จู่ๆเธอก็เห็นหลินโจวขึ้นมอเตอร์ไซค์ของหลิวซื่อหมิง โดยไม่หันมามองเธอเลย:“หลิวซื่อหมิง ไปกัน!”“ไปไหนเหรอพี่โจว?”“ไปภัตตาคารชมจันทร์ไง!”อวิ๋นรั่วซี:? ? ?ทำไมหลินโจวถึงไม่พาเธอไปด้วย?หลินโจวไม่รู้เหรอว่าเธออาจจะยกโทษให้เธอถ้าเขาพาเธอไปด้วย?โอกาสดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพาแต่หลิวซื่อหมิงไป?ในเวลานี้หลิวซื่อหมิงก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญเช่นกัน:“ห๊า? พี่โจว พี่จะพาผมไปด้วยเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่พานายไปด้วยแล้วฉันจะไปยังไง? ฉันไม่มีรถ...”“แล้ว พวกเขาล่ะ?”“พวกเขาเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ? เพื่อนร่วมชั้นฟ่านคงจะพาพวกเขาไปกินข้าวมั๊ง?”สายตาของหลายคนจับจ้องมาที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อเดิมทีฟ่านอวิ๋นเจ๋อไม่มีความตั้งใจที่จะเลี้ยงข้าวและไม่ได้นำเงินมามากนัก:...แต่อวิ๋นรั่วซีอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้จำใจพูดว่า "ได้เลย วันนี้ผมจะเลี้ยงไก่จานใหญ่ทุกคนเอง"ทุกคน:……จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกว่าฟ่านอวิ๋นเจ๋อขี้เหนียวมากเมื่อเทียบกับภัตตาคารชมจันทร์แล้ว ไก่จ
หลังจากกินข้าวแล้ว หลิวซื่อหมิงจะไปเข้าห้องน้ำเฉียนโหย่วฉายเรียกเฉียนกั๋วกั่ว ให้เธอพาเขาไปแม้ว่าเฉียนกั๋วกั่วจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังตามออกไปเฉียนโหย่วฉายเทแก้วน้ำให้หลินโจวหนึ่งแก้วหลินโจวต้องการปฏิเสธ แต่เฉียนโหย่วฉายไม่ให้โอกาสเขาเลย:“น้ำแก้วนี้ นายคู่ควรกับมัน วันนี้ถ้าไม่ได้นาย งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์จะต้องพังแน่ๆ และฉันก็สูญเสียมากขึ้น!ให้อังเปานายนายก็ไม่เอา เพื่อนร่วมชั้นหลิน ไม่รู้ว่าจะขอบคุณนายยังไงจริงๆ นายก็ไม่สามารถดื่มเหล้าได้ ก็ดื่มชาก็แล้วกัน ?”เรื่องของวันนี้ ไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นหลินโจวคนนี้จะทำโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ก็สมควรที่จะได้รับคำขอบคุณตอนนี้กั๋วกั่วอยู่ เขาไม่อยากเสียหน้า จึงหาเรื่องให้เฉียนกั๋วกั่วออกไปหลินโจวก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันเขายังอยากหาเงินในอนาคต ก่อนที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะสิ้นสุดลง เขายังต้องอยู่ที่เมืองเจียงคนอย่างเฉียนโหย่วฉาย ถือว่าเป็นสปริงบอร์ดที่ไม่เลวเลย....“เถ้าแก่เฉียนเกรงใจเกินไปแล้ว”หลินโจวยกถ้วยชาขึ้น“หากนายมีปัญหาใดๆในอนาคต สามารถบอกกั๋วกั่วได้ ฉันจะช่วยนายครั้งหนึ่งโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอขอบคุณเถ้า
หลิวซื่อหมิงใส่หูฟังแล้วตะโกนเสียงดัง:“ให้ตายเถอะ พี่โจว สู้กันอีกรอบ สู้กันอีกรอบ! คราวนี้ ผมจะเอาชนะพี่ได้แน่นอน!”หลินโจวโยนการ์ดแต้มเกมให้หลิวซื่อหมิง:“นายเล่นเองเถอะ ไปละ!”“เอ๊ะ?พี่โจว ไม่ไม่ไม่ การ์ดแต้มเกมผมให้พี่ นัดสุดท้าย!พี่จะมาฆ่าผมตายทุกครั้งไม่ตายนะ!”“เล่นอีกนัดหนึ่งนายก็ยังตายอยู่ดี หิมะใกล้จะหยุดแล้ว ฉันมีธุระ”“วันหยุดสุดสัปดาห์จะไปมีธุระอะไร?”“ไปหาเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย!”"ห๊า? สวี่เนี่ยนชู? หนาวขนานี้ พี่จะไปหาเธอทำไม?"“นายไม่เข้าใจ!”หลินโจวไม่ตอบหลิวซื่อหมิง หันหลังกลับแล้วจากไปจากร้านอินเทอร์เน็ตไปถึงโรงเรียนไม่ไกลนักบ้านของสวี่เนี่ยนชูไกลมาก เธอจึงพักอยู่ที่โรงเรียน แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็พักที่โรงเรียนในช่วงวัยที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ หลินโจวรออยู่ที่ชั้นล่างของหอพักหญิงเป็นเวลานานในที่สุดเธอก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเพื่อนร่วมชั้น เขาขอให้เธอช่วยเรียกสวี่เนี่ยนชูให้เมื่อสวี่เนี่ยนชูได้ยินว่าหลินโจวกำลังตามหาเธอ ก็เปิดผ้าห่มออกด้วยความตื่นตระหนก กระโดดลงจากเตียง รีบสวมรองเท้าแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วหลั
มีเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากคนรอบข้างอีกครั้ง!“โอ้สวรรค์ เขามีแฟนแล้วเหรอ”“อุ๊ย ยังใส่เสื้อคลุมให้เธอด้วย ฮือฮือฮืออบอุ่นจัง!”“ฉันก็อยากมีแฟนแบบนี้เหมือนกัน”…….สวี่เนี่ยนชูก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก หน้าก็กลายเป็นเหมือนแอปเปิ้ลสีแดง“ฉัน คือว่า ฉันไม่ต้องใช้มัน ฉันไม่หนาว”ทันทีที่พูดจบ เธอก็หนาวจนตัวสั่นสะท้านสวี่เนี่ยนชู: ....แย่แล้ว!น่าอายมากเลยเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ:“อย่าดื้อ รีบใส่เร็วเข้า! เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”อย่าดื้อน่า...ทำไมเขาถึงได้ใช้คำที่สนิทสนมอย่างนี้นะ?ไม่สิไม่สิเขาจะใช้คำพูดที่สนิทสนมขนาดนี้กับเธอได้ยังไงเท่าที่จำได้ นอกจากพ่อแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่มีใครเคยพูดอย่างนี้กับเธอเลยตั้งแต่วันที่พวกเขาจากเธอไป เธอก็กลายเป็นเด็กดีที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่งสวี่เนี่ยนชูรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอถูกข่วนด้วยอุ้งเท้าแมว มันทำให้เธอไม่สบายใจชายหนุ่มอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแล้วสวี่เนี่ยนชูรู้สึกแค่เพียงว่าสายตาที่ร้อนระอุกำลังจะแผดเผาเธอให้วอดวายเธอก้มศีรษะต่ำลงเรื่อยๆ“คือว่า คือว่าฉัน...”“ฉันจะ
สวี่เนี่ยนชูถึงตระหนักได้ว่า เสื้อของหลินโจวยังคงอยู่บนตัวของตนเองเธอถอดเสื้อผ้าออกด้วยความลนลาน“ฉัน คือว่า...คือฉัน...”ฉันต้องการอธิบาย แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนเพื่อนร่วมห้องทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่:“ สวี่เนี่ยนชูหรือว่าเธอจะมีแฟนแล้ว?”"ไม่มีซะหน่อย!"สวี่เนี่ยนชูตอบกลับอย่างรวดเร็ว แม้แต่เสียงก็ดังขึ้นเล็กน้อยหน้าของเพื่อนร่วมห้องดูไม่ค่อยเชื่อแต่สวี่เนี่ยนชูไม่ให้โอกาสเธอได้ถามต่อ สวมเสื้อแจ็คเก็ตของตนเอง จากนั้นก็ถือเสื้อแจ็คเก็ตดาวน์สีดำแล้วออกไปหลินโจวยังอยู่ข้างนอกเสื้อแจ็คเก็ตดาวน์ของเขาอยู่บนมือเธอ เขาจะหนาวจนตัวแข็งแน่เลยเมื่อตระหนักถึงจุดนี้ สวี่เนี่ยนชูจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งจนเดินไปถึงข้างหลินโจว เธอถึงตระหนักได้ว่า ตนเองยังคงกังวลอยู่แต่ตอนนี้ เธอไม่มีเวลาไปสนใจอารมณ์แบบนี้แล้วเพราะเธอเห็นว่า หลินโจวกำลังกอดผ้าพันคอยืนอยู่ที่นั่น และมองเธอด้วยรอยยิ้มสวี่เนี่ยนชูรีบเดินไป แล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตส่งให้เขา:“รีบใส่เร็ว ทำไมนายถึงไม่พันผ้าพันคอล่ะ?”ถ้าพันแล้ว มันจะต้านทานความหนาวได้นิดหน่อย“ไม่เป็นไร ฉันไม่หนาว”“จะเป็นไปได้ยังไ
ยิ่งเข้าใกล้หลินโจวมากเท่าไร หัวใจของสวี่เนี่ยนชูก็เต้นแรงมากขึ้นเท่านั้นเธออยากจะเอื้อมมือออกไป หยุดความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้แต่ทว่าเธอรู้ว่าทำไม่ได้เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าหลินโจว เธอก็เห็นหลินโจวย่อเอวเล็กน้อยตอนที่ก้มศีรษะลง หน้าของเขาอยู่ใกล้หน้าของเธอมากขึ้นเล็กน้อยสวี่เนี่ยนชูกลั้นหายใจเอาไว้โดยที่ไม่รู้ตัว“นาย นายไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันขนาดนั้น...”เธอแทบจะหายใจไม่ออกแล้วความรู้สึกแบบนี้ มันช่างแปลกจริงๆ...“ถ้าไม่เข้าใกล้ แล้วเธอจะพันผ้าพันคอให้ฉันได้ยังไง ”น้ำเสียงของชายหนุ่มดูซุกซนมาก แต่สวี่เนี่ยนชูกลับไม่มีเหตุผลใดๆที่จะปฏิเสธได้เธอจึงทำได้แค่เอาผ้าพันคอพันไปที่บนคอของหลินโจวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าวด้วยความตื่นตระหนกราวกับว่าได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่สำเร็จไปแล้ว เธอถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอกการพันผ้าพันคอให้หลินโจว ยากกว่าการสอบเสียอีกในขณะที่สวี่เนี่ยนชูคิดอยู่พอหลินโจวเห็นท่าทางของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา"เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย""เงยหน้าขึ้น?""ขอบคุณนะ""ห๊า?""อุ่นมากเลย""มันอุ่นมากจริงๆ"ใช้ชีวิตมาสองชาติ
หลินโจวเอาหมวกไว้ในมือของเธอสวี่เนี่ยนชูรับมันอย่างเงอะงะ สีหน้าดูมึนงงเล็กน้อยทำไมเขาถึงได้ซื้อของที่ผู้หญิงใช้กันล่ะ?ซื้อให้ผู้หญิงที่ตนเองชอบหรือเปล่า?พอสวี่เนี่ยนชูตระหนักถึงสิ่งนี้ ก็รู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อยเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกทุกใจแบบนี้มาจากไหน รู้เพียงแต่ว่าหดหู่ใจมากเธอสูดจมูก แล้วถามอย่างระมัดระวังว่า:“ฉันน่าจะผอมไปหน่อย อันที่ฉันสวมได้พอดีคนอื่นอาจจะสวมได้ไม่พอดี นายให้คนอื่นมา...”เธอยังพูดไม่จบ ก็เห็นหลินโจวก็ก้าวไปข้างหน้า หยิบหมวกขึ้นมา และสวมเอาไว้บนหัวของเธอตอนที่เขาวางมือลง ปลายนิ้วของเขาก็ปัดไปที่หูของเธอเย็นจัง…ขณะนั้นร่างของสวี่เนี่ยนชูก็สะดุ้งอย่างแรง ความรู้สึกแปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้นในใจ และแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายสมองของเธอ กลับมาว่างเปล่าอีกครั้งหลินโจวกำลังทำอะไรอยู่?เขากำลังทำอะไร?ทำไมเขาถึงได้...เขาจะสัมผัสหูของเธออย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง?ใบหน้าร้อนผ่าว และใบหูก็อบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อหลินโจวเห็นเธอที่กำลังตกตะลึงอยู่ จู่ๆก็หัวเราะขึ้นมาทันทีเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เขินเหรอ?แต่ต้องบอกว่า พอให้เธอหมวกใบนี้แล้วดูเหมาะ
หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว สวี่เนี่ยนชูก็ยังคงเดินตามหลินโจวอย่างช้าๆบนถนน มีผู้คนสัญจรไปมาเมื่อก่อนสวี่เนี่ยนชูเกลียดเสียงรบกวนอย่างนี้นี้มากที่สุดแต่วันนี้ดูเหมือนเธอจะมองไม่เห็นเสียงรบกวนเหล่านั้น ในนัยน์ตาของเธอ เต็มไปด้วยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วตะโกนเรียกเขาเอาไว้“เพื่อนร่วมชั้นหลินโจว ”"อืม?"“ทำไมนายถึงดีกับฉันขนาดนี้?”นับตั้งแต่ย้ายไปโรงเรียนและได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับเขา สวี่เนี่ยนชูก็รู้สึกว่าชีวิตของตน ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากเพื่อนร่วมโต๊ะคนใหม่ที่อยู่ตรงหน้าคิดๆดูแล้วก็ใช่ คนคนหนึ่งที่เพิ่งจะรู้จักกัน ทำไมถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนใจดีกับเธอขนาดนี้เลยสวี่เนี่ยนชูรู้สึกกลัวเล็กน้อยหลินโจวเห็นแววตาของเธอ มีทั้งความคาดหวังและความหวาดกลัวเธอกำลังหวาดกลัวคนที่ปิดกลั้นตนเอง มักจะกลัวการถูกสัมผัสและกลัวผู้อื่นเข้าใกล้แม้ว่า เธอกำลังจะยอมรับมันอย่างช้าๆ แต่ก็ยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมากหากตนเองรุกจนเกินไป สาวน้อยอาจจะตกใจกลัวจนหนีไป?เมื่อคิดถึงจุด