มีเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากคนรอบข้างอีกครั้ง!“โอ้สวรรค์ เขามีแฟนแล้วเหรอ”“อุ๊ย ยังใส่เสื้อคลุมให้เธอด้วย ฮือฮือฮืออบอุ่นจัง!”“ฉันก็อยากมีแฟนแบบนี้เหมือนกัน”…….สวี่เนี่ยนชูก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก หน้าก็กลายเป็นเหมือนแอปเปิ้ลสีแดง“ฉัน คือว่า ฉันไม่ต้องใช้มัน ฉันไม่หนาว”ทันทีที่พูดจบ เธอก็หนาวจนตัวสั่นสะท้านสวี่เนี่ยนชู: ....แย่แล้ว!น่าอายมากเลยเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ:“อย่าดื้อ รีบใส่เร็วเข้า! เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”อย่าดื้อน่า...ทำไมเขาถึงได้ใช้คำที่สนิทสนมอย่างนี้นะ?ไม่สิไม่สิเขาจะใช้คำพูดที่สนิทสนมขนาดนี้กับเธอได้ยังไงเท่าที่จำได้ นอกจากพ่อแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่มีใครเคยพูดอย่างนี้กับเธอเลยตั้งแต่วันที่พวกเขาจากเธอไป เธอก็กลายเป็นเด็กดีที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่งสวี่เนี่ยนชูรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอถูกข่วนด้วยอุ้งเท้าแมว มันทำให้เธอไม่สบายใจชายหนุ่มอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแล้วสวี่เนี่ยนชูรู้สึกแค่เพียงว่าสายตาที่ร้อนระอุกำลังจะแผดเผาเธอให้วอดวายเธอก้มศีรษะต่ำลงเรื่อยๆ“คือว่า คือว่าฉัน...”“ฉันจะ
สวี่เนี่ยนชูถึงตระหนักได้ว่า เสื้อของหลินโจวยังคงอยู่บนตัวของตนเองเธอถอดเสื้อผ้าออกด้วยความลนลาน“ฉัน คือว่า...คือฉัน...”ฉันต้องการอธิบาย แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนเพื่อนร่วมห้องทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่:“ สวี่เนี่ยนชูหรือว่าเธอจะมีแฟนแล้ว?”"ไม่มีซะหน่อย!"สวี่เนี่ยนชูตอบกลับอย่างรวดเร็ว แม้แต่เสียงก็ดังขึ้นเล็กน้อยหน้าของเพื่อนร่วมห้องดูไม่ค่อยเชื่อแต่สวี่เนี่ยนชูไม่ให้โอกาสเธอได้ถามต่อ สวมเสื้อแจ็คเก็ตของตนเอง จากนั้นก็ถือเสื้อแจ็คเก็ตดาวน์สีดำแล้วออกไปหลินโจวยังอยู่ข้างนอกเสื้อแจ็คเก็ตดาวน์ของเขาอยู่บนมือเธอ เขาจะหนาวจนตัวแข็งแน่เลยเมื่อตระหนักถึงจุดนี้ สวี่เนี่ยนชูจึงเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งจนเดินไปถึงข้างหลินโจว เธอถึงตระหนักได้ว่า ตนเองยังคงกังวลอยู่แต่ตอนนี้ เธอไม่มีเวลาไปสนใจอารมณ์แบบนี้แล้วเพราะเธอเห็นว่า หลินโจวกำลังกอดผ้าพันคอยืนอยู่ที่นั่น และมองเธอด้วยรอยยิ้มสวี่เนี่ยนชูรีบเดินไป แล้วเอาเสื้อแจ็คเก็ตส่งให้เขา:“รีบใส่เร็ว ทำไมนายถึงไม่พันผ้าพันคอล่ะ?”ถ้าพันแล้ว มันจะต้านทานความหนาวได้นิดหน่อย“ไม่เป็นไร ฉันไม่หนาว”“จะเป็นไปได้ยังไ
ยิ่งเข้าใกล้หลินโจวมากเท่าไร หัวใจของสวี่เนี่ยนชูก็เต้นแรงมากขึ้นเท่านั้นเธออยากจะเอื้อมมือออกไป หยุดความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้แต่ทว่าเธอรู้ว่าทำไม่ได้เมื่อเดินไปถึงตรงหน้าหลินโจว เธอก็เห็นหลินโจวย่อเอวเล็กน้อยตอนที่ก้มศีรษะลง หน้าของเขาอยู่ใกล้หน้าของเธอมากขึ้นเล็กน้อยสวี่เนี่ยนชูกลั้นหายใจเอาไว้โดยที่ไม่รู้ตัว“นาย นายไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉันขนาดนั้น...”เธอแทบจะหายใจไม่ออกแล้วความรู้สึกแบบนี้ มันช่างแปลกจริงๆ...“ถ้าไม่เข้าใกล้ แล้วเธอจะพันผ้าพันคอให้ฉันได้ยังไง ”น้ำเสียงของชายหนุ่มดูซุกซนมาก แต่สวี่เนี่ยนชูกลับไม่มีเหตุผลใดๆที่จะปฏิเสธได้เธอจึงทำได้แค่เอาผ้าพันคอพันไปที่บนคอของหลินโจวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าวด้วยความตื่นตระหนกราวกับว่าได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่สำเร็จไปแล้ว เธอถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอกการพันผ้าพันคอให้หลินโจว ยากกว่าการสอบเสียอีกในขณะที่สวี่เนี่ยนชูคิดอยู่พอหลินโจวเห็นท่าทางของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา"เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย""เงยหน้าขึ้น?""ขอบคุณนะ""ห๊า?""อุ่นมากเลย""มันอุ่นมากจริงๆ"ใช้ชีวิตมาสองชาติ
หลินโจวเอาหมวกไว้ในมือของเธอสวี่เนี่ยนชูรับมันอย่างเงอะงะ สีหน้าดูมึนงงเล็กน้อยทำไมเขาถึงได้ซื้อของที่ผู้หญิงใช้กันล่ะ?ซื้อให้ผู้หญิงที่ตนเองชอบหรือเปล่า?พอสวี่เนี่ยนชูตระหนักถึงสิ่งนี้ ก็รู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อยเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกทุกใจแบบนี้มาจากไหน รู้เพียงแต่ว่าหดหู่ใจมากเธอสูดจมูก แล้วถามอย่างระมัดระวังว่า:“ฉันน่าจะผอมไปหน่อย อันที่ฉันสวมได้พอดีคนอื่นอาจจะสวมได้ไม่พอดี นายให้คนอื่นมา...”เธอยังพูดไม่จบ ก็เห็นหลินโจวก็ก้าวไปข้างหน้า หยิบหมวกขึ้นมา และสวมเอาไว้บนหัวของเธอตอนที่เขาวางมือลง ปลายนิ้วของเขาก็ปัดไปที่หูของเธอเย็นจัง…ขณะนั้นร่างของสวี่เนี่ยนชูก็สะดุ้งอย่างแรง ความรู้สึกแปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้นในใจ และแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายสมองของเธอ กลับมาว่างเปล่าอีกครั้งหลินโจวกำลังทำอะไรอยู่?เขากำลังทำอะไร?ทำไมเขาถึงได้...เขาจะสัมผัสหูของเธออย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง?ใบหน้าร้อนผ่าว และใบหูก็อบอุ่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อหลินโจวเห็นเธอที่กำลังตกตะลึงอยู่ จู่ๆก็หัวเราะขึ้นมาทันทีเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เขินเหรอ?แต่ต้องบอกว่า พอให้เธอหมวกใบนี้แล้วดูเหมาะ
หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว สวี่เนี่ยนชูก็ยังคงเดินตามหลินโจวอย่างช้าๆบนถนน มีผู้คนสัญจรไปมาเมื่อก่อนสวี่เนี่ยนชูเกลียดเสียงรบกวนอย่างนี้นี้มากที่สุดแต่วันนี้ดูเหมือนเธอจะมองไม่เห็นเสียงรบกวนเหล่านั้น ในนัยน์ตาของเธอ เต็มไปด้วยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วตะโกนเรียกเขาเอาไว้“เพื่อนร่วมชั้นหลินโจว ”"อืม?"“ทำไมนายถึงดีกับฉันขนาดนี้?”นับตั้งแต่ย้ายไปโรงเรียนและได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับเขา สวี่เนี่ยนชูก็รู้สึกว่าชีวิตของตน ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากเพื่อนร่วมโต๊ะคนใหม่ที่อยู่ตรงหน้าคิดๆดูแล้วก็ใช่ คนคนหนึ่งที่เพิ่งจะรู้จักกัน ทำไมถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนใจดีกับเธอขนาดนี้เลยสวี่เนี่ยนชูรู้สึกกลัวเล็กน้อยหลินโจวเห็นแววตาของเธอ มีทั้งความคาดหวังและความหวาดกลัวเธอกำลังหวาดกลัวคนที่ปิดกลั้นตนเอง มักจะกลัวการถูกสัมผัสและกลัวผู้อื่นเข้าใกล้แม้ว่า เธอกำลังจะยอมรับมันอย่างช้าๆ แต่ก็ยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมากหากตนเองรุกจนเกินไป สาวน้อยอาจจะตกใจกลัวจนหนีไป?เมื่อคิดถึงจุด
ทันทีที่เปิดประตู เขาก็หลินโจวยืนอยู่ที่ประตู“พ่อครับ พ่อจะไปไหนเหรอครับ?”หลินฉางเจิงชะงักไปครู่หนึ่ง: "เจ้าเด็กคนนี้นี่ เกิดอะไรขึ้นกับผมของลูก?"“ฉันตัดแล้ว! ลูกของพ่อหล่อใช่ไหมล่ะ?”หลินโจวผ่านหลินฉางเจิงไปแล้วกำลังจะเข้าไปในบ้านขณะนี้ จู่ๆก็เกิดเสียงดัง"โพล้งเพล้ง"อยู่ในห้องครัวหลินฉางเจิงสะดุ้งตกใจ เพิ่งจะนึกได้ว่าฉินซูหลานยังกำลังอยู่ในห้อง เขารีบหยุดหลินโจวเอาไว้:"เฮ่ย? เสี่ยวโจว รอก่อน..."หลินโจว:?พ่อ...ไม่อยากให้เขาเข้าไป?เขามองไปทางห้องครัว จึงรู้ต้นสายปลายเหตุได้ในทันที“่อ้อ พ่อครับ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีของอยู่ที่บ้านของหลิวซื่อหมิง ผมว่าจะไปเอาหน่อย เดี๋ยวกลับมานะครับ!”ฉินฉางเจิงถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก“เฮ่ย? ไอ้เด็กคนนี้นี่ทำไมถึงได้ประมาทเลินเล่ออย่างนี้? รีบไปรีบกลับ”เมื่อเห็นหลินโจวจากไป หลินฉางเจิงหันหลังกลับอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่ห้องครัว:“ซู่หลาน เป็นอะไรเหรอ?”ในห้องครัว ฉินซู่หลานได้ดับไฟเรียบร้อยแล้วเธอรู้สึกตระหนกตกใจเล็กน้อย“ทำยังไงดี? ฉางเจิง ทำยังไงดี? มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันควรจะออกไปตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”“พูดเห
เข้าไปในบ้านหลินฉางเจิงและฉินซู่หลานยังคงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อยอย่างไรเสีย ลูกชิ้นนี้หลินฉางเจิงทอดไม่เป็นจริงๆถ้าฉินซู่หลานที่อยู่ในฐานะ "แขก" เข้าไปทำอาหารในครัวต่อหน้าหลินฉางเจิง มันก็จะดูทะแม่งๆหน่อยเขาจะอธิบายให้ลูกชายฟังยังไงว่า ลูกชิ้นที่เขากินมาสองปีนั้นเป็นฝีมือของป้าฉิน?ขณะกำลังคิดอยู่ ดวงตาอันแหลมคมของหลินฉางเจิงก็มองเห็นผ้าพันคอบนคอของลูกชายเขาไม่เคยเห็นผ้าพันคอนี้มาก่อนเลย และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เป็นคนซื้อให้หลินฉางเจิงหรี่ตาทั้งสอง:“หลินโจว ลูกไปเอาผ้าพันคอมาจากไหน?”หลินโจว:......ถ้าเขาบอกหลินฉางเจิ้งในเวลานี้ว่า ตนเองหาลูกสะใภ้ให้เขาแล้ว คงจะโดนตีแน่ๆ?ฉินซู่หลานที่อยู่ข้างๆสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ดูเปราะบางเล็กน้อย ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงอยู่นั้น ในที่สุดเธอก็หาข้ออ้างที่ดีเยี่ยมได้:“คือว่า พี่หลิน พี่คุยกับเสี่ยวโจวไปก่อนนะ ฉันจะไปทำอาหารก่อน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวโจวอาจจะหิวได้”แต่ว่า เธอยังไปไม่ถึงประตู ก็ได้ยินเสียงหลินโจวพูดว่า:“พ่อครับ พ่อปล่อยให้คุณป้าเข้าครัวไปทำอาหารได้ยังไง?พ่อก็ด้วยสิ!”"เอ๊ะ? แต่เสี่ยวโจว ผ้าพันคอข
“คุณไปเอาเงินมาจากไหน?”"ที่ไทม์สแควร์ครับ ผมกับหลิวซื่อหมิงทำ..."หลินโจวเล่าประสบการณ์การทำเงินของตนให้หลินฉางเจิงฟังหนึ่งรอบ แต่ไม่พูดตอนที่เฉียนโหย่วฉายให้เงินเขาแต่เขาปฏิเสธหลินฉางเจิงและฉินซู่หลานต่างก็มองหน้ากันอีกครั้ง“แค่นี้เหรอ? แค่ช่วงเช้า? ขายได้ห้าพันบาทเลยเหรอ?”"ใช่แล้วครับ!"“หาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”“มันเป็นการฉกฉวยโอกาส ผมบังเอิญไปเจอเข้าพอดี อีกอย่างเฉียนกั๋วกั่วก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา ถึงได้ช่วยพวกเราพูด”ด้วยกลัวว่าหลินฉางเจิงจะไม่เชื่อ หลินโจวก็หยิบเงินออกมาจากในกระเป๋า โดยไม่ถือว่าฉินซู่หลานเป็นคนนอกเลย“เงินหมดอยู่ที่นี่ หลังที่ผมแบ่งกับเพื่อนๆแล้ว ผมได้ซื้อของเพิ่มอีก ยังเหลืออีกสองพันกว่าบาท พ่อจะเอาไหมครับ?”หลินฉางเจิงเหลือบมองดู ก็พบว่ามีเงินสองพันกว่าบาทจริงๆจากสีหน้าของหลินโจวแล้ว ดูเหมือนไม่ได้โกหก ลูกชายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอ?หลินฉางเจิงพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อ:“เงินที่ลูกหนามาได้ด้วยตนเอง ลูกก็เก็บไว้ใช้เองเถอะ ไม่ต้องให้พ่อ แต่หลินโจว ใกล้จะสอบเขามหาวิทยาลับแล้ว ลูกต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเรียนก่อนนะ”“อันนี้ผมรู
คนทั้งคนตกตะลึง“พี่ พี่โจว?”หลิวซื่อหมิงตบไปที่บนไหล่ของเขา:“ทำบื้ออะไรอยู่?นี่คือน้ำที่พี่โจวซื้อให้นาย ดูนายสิ โง่แล้วยังทำเป็นอวดฉลาดซื้อมาแค่สี่ขวด ทำให้พี่โจวของฉันไม่ได้ดื่มน้ำเลย!”เซี่ยตงชิง:???เขาพบว่า ทุกอย่างในวันนี้ดูเหมือนว่าจะผิดปกติไปเล็กน้อย“แต่ แต่ว่า พวกนายไม่ได้บอกให้ฉันซื้อห้าขวด…”“นายนับหัวคนไม่เป็นเหรอ?ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่โจวถึงไม่ให้นายไปห้าสิบบาท แต่ให้นายไปหนึ่งร้อยบาท?”“เป็นอย่างนี้เหรอ?”เซี่ยตงชิงกลืนน้ำลาย และมองหลินโจวอย่างงุนงงหลินโจว……เป็นอะไรไป?“เอาล่ะ อย่ามัวพูดมากอยู่เลย หลิวซื่อหมิงรีบมากวาดพื้นสิ!”“มาแล้ว!”หลิวซื่อหมิงรีบวิ่งไปแถวสุดท้าย หยิบไม้กวาดขึ้นมาและเริ่มกวาดเฉียนกั๋วกั่วก็กล่าวว่า:“ฉันก็จะช่วยด้วย ไม่ต้องเกรงใจ!”สวี่เนี่ยนชูไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปที่แถวสุดท้ายอย่างเงียบๆทั้งสามต่างก็ถือไม้กวาดกัยคนละด้ามเดิมทีหลิวซื่อหมิงตั้งใจจะกวาดแถวที่สอง แต่ถูกเฉียนกั๋วกั่วรั้งเอาไว้“หลิวซื่อหมิง พวกเราจะไปกวาดสองแถวข้างใน!”“ทำไมเหรอ?”หลิวซื่อหมิงรู้สึกไม่ยินยอมเล็กน้อยเฉียนกั๋วกั่วกลอกตาใส่ และชี้ไปทางหลินโจว ห
สามนาทีต่อมาเซี่ยตงชิงเช็ดปาก เคี้ยวข้าวคำสุดท้ายแบบลวกๆ และลุกขึ้นยืน:“ฉันกินเสร็จแล้ว”คนอื่นๆที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง :?หลินโจวเงยหน้าขึ้น: “ทำไมนายต้องกินเร็วขนาดนี้ด้วย?”“เดิม เดิมทีฉันเป็นคนกินข้าวเร็วอยู่แล้ว ฉันกลับห้องเรียนก่อนนะ”"เดี๋ยวก่อน"หลินโจวคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้อีกครั้ง:“จู่ๆก็รู้สึกกระหายน้ำนิดหน่อย ในเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ทุกคน คนละขวดก็แล้วกัน”ขณะที่พูด หลินโจวก็ควักเงินออกมาจากในกระเป๋า ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของเซี่ยตงชิง เขาก็เก็บเงินห้าสิบบาท เอาเงินแบงก์ร้อยออกมา แล้วยัดมันเข้าไปในมือของเซี่ยตงชิง"......"เซี่ยตงชิงมองดูการกระทำของหลินโจวด้วยความสับสน และพูดอย่างร้อนใจว่า:“ฉัน...รอให้พวกนายกินเสร็จก่อนแล้วค่อยไปซื้อเองดีไหม?”“ไม่ได้ จะสำลักตายแล้ว ขอร้องล่ะเพื่อนร่วมชั้นเซี่ย นายช่างเป็นคนดีจริงๆ”คำว่าคนดีทำให้เซี่ยตงชิงยินยอมเขารับเงินพร้อมอุ้มกล่องอาหารแล้ววิ่งไปที่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆหลินโจวกล่าวอย่างขบขันว่า:“เอาล่ะ ทุกคนกินต่อเถอะ”คณะกรรมการแรงงานจางจิ่นหงตักข้าวกลับมาเผอิญเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้าเ
มาถึงโรงเรียนตอนหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นอย่างตรงเวลาหลังจากอ่านหนังสือในตอนเช้าแล้ว หลินโจวก็หยิบกล่องข้าวออกมา และเตรียมจะไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เฉียนกั๋วกั่ว และหลิวซื่อหมิงแต่กลับถูกจางจิ่นหงสมาชิกคณะกรรมการแรงงานห้ามเอาไว้:“หลินโจว วันนี้กลุ่มนายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ นายอย่ามาเล่นลูกไม้นะ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วให้ตั้งใจทำความสะอาดให้ดีๆ อ้อใช่แล้วหวังลี่หยวนที่อยู่ในกลุ่มของพวกนายย้ายไปอยู่กลุ่มอื่นแล้วนะ ส่วนสวี่เนี่ยนชูให้มาอยู่กลุ่มพวกนาย อีกสักพักนายบอกเธอว่าจะต้องทำอะไรบ้าง”ระบบการทำความสะอาดของห้องสองปกติแล้วจะมีกลุ่มละสี่คนคนในกลุ่มของหลินโจว ได้แก่หลิวซื่อหมิง เพื่อนร่วมโต๊ะของหลิวซื่อหมิงเซี่ยตงชิง หวังลี่หยวนและหลินโจวหลินโจวในอดีต พอถึงเวรปฏิบัติหน้าก็จะเลือกที่จะลืม ดีแต่พูดงานไม่ทำหลิวซื่อหมิงก็มักจะเลียนแบบเขาเช่นกันส่งผลให้ มีเพียงแต่หวังลี่หยวนและเซี่ยตงชิงเท่านั้นที่ทำงานในกลุ่มนี้ทั้งสองคนมักจะพร่ำบ่นอยู่เสมอ และขอร้องจางจิ่นหงย้ายตนไปกลุ่มอื่น จางจิ่นหงไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่มาเร่งเร้าเขาด้วยตนเองทุกครั้งถ้าเร่งเร้าไม่ได้จริงๆ ต
ฉินซู่หลานที่กำลังขึ้นไปชั้นบนมองไปที่ฉินอวี่เถียนด้วยความประหลาดใจ“เมื่อก่อนแม่ทำอะไรลูกก็จะกินอันนั้นไม่ใช่เหรอ?”“นั่นมันเมื่อก่อน แต่วันนี้ หนูอยากกินข้าว หนูหิวแล้ว”น้ำเสียงของฉินอวี่เถียนแฝงด้วยความออดอ้อนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะแตะท้องของตนเองหิวจริงๆแม้แต่เธอเองก็ยังไม่ทันได้สังเกตว่า ดูเหมือนว่าเธอจะทำตามที่หลินโจวพูด ทีละขั้นตอนเมื่อฉินซู่หลานได้ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจลูกสาวรู้จักติดแม่แล้ว ดีจริงๆ!“ได้ได้ได้ หนูอยากกินอะไรแม่ก็จะทำอันนั้นให้ ลูกกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”"ค่ะ"เปิดประตูห้องพอฉินอวี่เถียนเข้าไปในห้อง ก็เห็นกระต่ายมาร์ชเมลโลว์บนโซฟาเธออยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว แต่พอเอื้อมมือไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็หยุดอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าไปในห้องฉินอวี่เถียนถอดเสื้อผ้าผู้ชายออก แล้วหยิบเสื้อกล้ามกีฬาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นชุดนอนแต่หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว จับพลัดจับผลูไม่รู้ยังไง เธอก็มาที่หน้าตู้เสื้อผ้าเปิดประตูตู้เล็กๆที่ถูกล็อคไว้ และหยิบชุดนอนหมีของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆชุดหนึ่งออกมาจากข้างในหลังจากทำท่าต่า
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก? ครั้งหน้าถ้ากลับมาดึกให้โทรบอกแม่รู้ไหม หนูกลับบ้านดึกขนาดนี้ แม่เป็นห่วงแทบแย่”น้ำเสียงของฉินซู่หลานอ่อนโยนขึ้น บางครั้งก็ปนกับเสียงสะอื้นไห้เธอยกมือขึ้น แล้วลูบหัวของฉินอวี่เถียนเบา ๆท่าทางที่ใกล้ชิดนี้ ทำให้ฉินอวี่เถียนแสบจมูกเธอพยายามที่จะเติบโตขึ้น พยายามที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้วิธีการของตนเองปกป้องแม่อยู่ตลอดเวลาจู่ๆตอนนี้ก็รู้สึกว่า แม่ดูเหมือนว่ากำลังปกป้องตนเองมากกว่า?เธอลูบจมูก:“หนูรู้แล้วค่ะแม่ ครั้งหน้าหนูจะกลับมาให้เร็วกว่านี้”"อืม ดีมาก"หลังจากคุยกับฉินอวี่เถียนแล้ว ฉินซู่หลานก็มองไปที่หลินโจว“เสี่ยวโจว ขอบใจหลานมากนะที่ส่งเสี่ยวเถียนกลับมา คืนนี้หลานพักอยู่ที่นี่ไหม? ป้าจะทำอาหารมื้อดึกให้”“ไม่ต้องครับคุณป้า เห็นท่าทางของป้าแล้วผมก็รู้เลยว่า เฒ่าหลินก็จะต้องรอผมอยู่ที่ประตูบ้านแน่นอน ถ้าผมไม่กลับไป กลัวโดนทุบตีเหมือนกันครับ”ฉินซู่หลานครุ่นคิดดูแล้วมันก็ใช่ลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ตลอดไป ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม“เอาล่ะ หลานอยากกินอะไรบอกป้ามาได้เลย ป้าทำเสร็จแล้วจะให้เสี่ยวเถียนเอาไปให้”“งั้นก็ ทำลูกชิ้นทอด
“ฉันรู้จักเธอแน่นอน แต่เธอกลายเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ได้อย่างไร?”"อันดับที่หนึ่งของทั้งเมืองยังไม่ใช่เทพแห่งการเรียนรู้อีกเหรอ? เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ในสายวิทยาศาสตร์ ได้อันดับที่หนึ่งของทั้งเมือง เอาชนะผู้ชายได้ตั้งมากมาย ยอดเยี่ยมมากเลย ตอนนี้เธอเป็นไอดอลของฉัน! และจะเป็นแบบอย่างในการเรียนของฉันด้วย!"พอฉินอวี่เถียนพูดถึงสวี่เนี่ยนชู ก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากหลินโจวกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ พูดอย่างขบขันว่า:“เถียนเถียน เธอยังไม่รู้จักสวี่เนี่ยนชูใช่ไหม?”ไม่เช่นนั้นเมื่อวานนี้ สวี่เนี่ยนชูคงจะยืนข้างตนเองแล้วแถมยังถูกเธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนของตนอีก ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงไม่ปฎิกิริยาอะไรเลยสักนิด“ใช่แล้ว ฉันไม่รู้จัก ทำไมเหรอ! คงจะมีโอกาสได้รู้จักเองแหละ”“ถ้าไม่เป็นอย่างนัั้นแล้วจะยังไง? ฉันจะแนะนำเธอให้รู้จักเอาไหม? ฉันค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเธอดี”“พอเหอะ เทพแห่งการเรียนรู้ของฉันจะมารู้จักมักจี่กับนักเรียนเรียนแย่อย่างนายได้อย่างไร? เธอไม่ได้ตาบอกซะหน่อย! นายไม่ต้องใช้เธอมาเพื่อมาตีสนิทกับฉันหรอก”"......"“อีกอย่าง ตอนนี้ผลการเรียนของฉันยังไม่ดีพอ ไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ก
อยากจะหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่กล้าฉินอวี่เถียนจึงทำได้แค่เพียงหดคอ และเดินไปข้างหน้าต่อไปใกล้แล้ว ใกล้จะถึงแล้วใกล้จะเดินออกไปแล้วในเวลานี้ ทันใดนั้นฉินอวี่เถียนก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าตรงคอของตนเองถูกคนคว้าเอาไว้เค้าโครงเรื่องในหนังผีมาสู่ความเป็นจริงฉินอวี่เถียนแทบจะเป็นบ้า!“อร๊าย~”เธออดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นมาจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ"เถียนเถียน"เอิ่ม?นี่คือ……เสียงของหลินโจว?ฉินอวี่เถียนลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นจริงอย่างที่คาดไว้เธอเห็นหลินโจวขี่จักรยาน มองดูเธออย่างขบขัน“ร้องอะไรน่ะ? นั่นก็แค่หนูตัวหนึ่งก็เท่านั้น และมันก็วิ่งหนีไปแล้ว”ฉินอวี่เถียน:“……”“นายนายนาย ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”“ก็มาส่งเธอไง พี่พูดคำไหนคำนั้น!”“แต่ว่าเมื่อกี้นาย...”“เมื่อกี้กลับไปยืมจักรยานที่โรงเรียนไง แบบนี้มันจะเร็วกว่า เธอก็คงจะไม่อยากให้ป้าฉินกังวลใช่ไหม?”"......"ฉินอวี่เถียนไม่มีอะไรจะพูดเมื่อนึกถึงการกระทำที่ขี้ขลาดเมื่อครู่นี้ เธอแทบอยากจะหารอยแตกบนพื้นแล้วมุดเข้าไปฉินอวี่เถียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วอธิบายอย่างข้างๆคูๆว่า:
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่เถียนประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าหลินโจวกำลังช่วยเรื่องการเรียนของเพื่อนร่วมชั้นด้วย?แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นจะน่ารำคาญนิดหน่อยแต่……หลินโจวเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้จริงๆเหรอ?ฉินอวี่เถียนไม่อยากจะเชื่อเลย“ฉันเป็นพี่ชายของเธอ ฉันไม่สนใจเธอแล้วใครจะสนใจเธอ!”ฉินอวี่เถียนส่งเสียงเชอะ หันหลังกลับแล้วเดินไป“ฉันยอมรับตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เฮ้อ? สาวน้อยคนนี้ รอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง”ตอนนี้ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว เดินทางตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยุ่ง ฉันรู้ทางกลับบ้าน”ฉินอวี่เถียนหันกลับมาอย่างดื้อรั้น แล้วเดินกลับบ้าน“น้องสาวจริงๆเหรอ?”หลิวซื่อหมิงชะโงกศีรษะ ด้วยสีหน้าที่งุนงง"ก็จริงน่ะสิ!"“แต่ว่า พ่อของพี่มีพี่เป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ?”“ฉันจะมีแม่เลี้ยงไม่ได้เลยเหรอ?”"......"หลิวซื่อหมิงสำลักเขามองไปที่หลินโจวด้วยความประหลาดใจ: “พ่อของพี่หาแม่เลี้ยงให้พี่เหรอ? แถมยังพาน้องเลี้ยงมาอีกคนด้วย?”“นายเข้าใจถูกแล้ว”หลิวซื่อหมิงกลืนน้ำลาย หลังจากที่ทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างผิวเผินแล้ว ก็เริ่มกังวลข
“ได้ครับ ขอบคุณครับครูจาง”ทันทีที่หลินโจวพูดจบ เขาก็ได้ยินฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดด้วยความโกรธ:“หลินโจว แม้ว่าจะเอาคลังโจทย์ข้อสอบเหล่านั้นให้นาย นายจะอ่านเข้าใจเหรอ?”พูดจบ ฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็เห็นสวี่เนี่ยนชูที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินโจวยืนอยู่ตรงหน้าจางซูฉี:“ครูจางคะ หนูก็ขอชุดหนึ่งค่ะ”“เธอจะเอาไปทำอะไร? เธอไม่จำเป็นต้องฝึกทำโจทย์ แค่รักษามาตรฐานในปัจจุบันของเธอเอาไว้ก็พอแล้ว”"หนูอยากจะช่วยหลินโจวค่ะ"“อืม?”จู่ๆจางซูฉีก็นึกได้ว่าความก้าวหน้าของหลินโจวในช่วงนี้ สวี่เนี่ยนชูก็มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากให้เธอช่วยก็ดีเหมือนกัน"ได้ ครูจะเตรียมให้เธอด้วยหนึ่ง""ขอบคุณค่ะครู"สวี่เนี่ยนชูติดตามหลินโจวไปอย่างอารมณ์ดีสุดขีดฟ่านอวิ๋นเจ๋อ: ......เขาหันศีรษะด้วยความโกรธแ ละพูดกับอวิ๋นรั่วซีว่า:"รั่วซี เธอดูสองคนนั้นสิโง่หรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าครูจางให้มาเพียงพอแล้ว แต่ยังยืนกรานที่จะขอเพิ่ม กลยุทธ์ฝึกฝนทำโจทย์ใช่ว่าจะใช้ได้ผลกับทุกคน พวกเราแค่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ .. "ยังไม่ทันได้พูดจบฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็เห็นอวิ๋นรั่วซีลุกยืนขึ้นเช่นกันสายตาของเธอจับจ้องไปที่หลินโจวผู้ชายคนนี้