“คุณไปเอาเงินมาจากไหน?”"ที่ไทม์สแควร์ครับ ผมกับหลิวซื่อหมิงทำ..."หลินโจวเล่าประสบการณ์การทำเงินของตนให้หลินฉางเจิงฟังหนึ่งรอบ แต่ไม่พูดตอนที่เฉียนโหย่วฉายให้เงินเขาแต่เขาปฏิเสธหลินฉางเจิงและฉินซู่หลานต่างก็มองหน้ากันอีกครั้ง“แค่นี้เหรอ? แค่ช่วงเช้า? ขายได้ห้าพันบาทเลยเหรอ?”"ใช่แล้วครับ!"“หาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”“มันเป็นการฉกฉวยโอกาส ผมบังเอิญไปเจอเข้าพอดี อีกอย่างเฉียนกั๋วกั่วก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา ถึงได้ช่วยพวกเราพูด”ด้วยกลัวว่าหลินฉางเจิงจะไม่เชื่อ หลินโจวก็หยิบเงินออกมาจากในกระเป๋า โดยไม่ถือว่าฉินซู่หลานเป็นคนนอกเลย“เงินหมดอยู่ที่นี่ หลังที่ผมแบ่งกับเพื่อนๆแล้ว ผมได้ซื้อของเพิ่มอีก ยังเหลืออีกสองพันกว่าบาท พ่อจะเอาไหมครับ?”หลินฉางเจิงเหลือบมองดู ก็พบว่ามีเงินสองพันกว่าบาทจริงๆจากสีหน้าของหลินโจวแล้ว ดูเหมือนไม่ได้โกหก ลูกชายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอ?หลินฉางเจิงพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อ:“เงินที่ลูกหนามาได้ด้วยตนเอง ลูกก็เก็บไว้ใช้เองเถอะ ไม่ต้องให้พ่อ แต่หลินโจว ใกล้จะสอบเขามหาวิทยาลับแล้ว ลูกต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเรียนก่อนนะ”“อันนี้ผมรู
ใกล้ถึงเวลาอ่านหนังสือในตอนเช้าแล้ว ในห้องเรียนก็นั่งแทบจะเต็มกันหมดแล้วเพื่อนร่วมชั้นต่างก็คุยกันจ้อกแจ้กจอแจเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจที่ได้พบเจอในช่วงสุดสัปดาห์ ดูมีชีวิตชีวามากตอนที่หลินโจวเข้ามา ทั้งห้องเรียนก็เงียบลงทันทีไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมาก่อนว่า:“ให้ตายเถอะ หนุ่มหล่อ!”“ว้าว นี่ใครอ่ะ?หล่อมากจริงๆ!”“เอ๊ะ ทำไมเขาถึงได้หน้าตาเหมือนหลินโจวมากขนาดนี้”“ให้ตายเถอะ คงจะไม่ใช่หลินโจวจริงๆใช่ไหม? ดูเหมือนว่าเขาจะเดินไปที่ที่นั่งของหลินโจว จริงๆ”หลิวซื่อหมิงที่จงใจเดินช้าๆอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และตะโกนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น:“พี่โจว รอผมด้วย ทำไมต้องเร็วขนาดนั้นด้วย?”หลินโจวมองความคิดเล็กๆน้อยๆของเขาออกทันดี แค่ไม่ได้แฉเขาเขาเห็นสวี่เนี่ยนชูนั่งอยู่บนที่นั่งวันนี้ผมหน้าม้าของเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยดูสั้นลงเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามจึงถูกเผยออกมา สดใสเป็นประกายมากในขณะนี้ เธอกำลังเงยหน้าขึ้น และมองดูเขาเดินเข้ามาข้างมือของเธอ มีผ้าพันคอสีขาวอมชมพูที่เพิ่งจะถอดออกวางอยู่เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆต่างก็พากันตื่นเต้น“เป็นหลินโจวจริงๆ!!!”“โอ้ส
ร่างกายที่แข็งทื่อของสวี่เนี่ยนชูก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลินโจวบอกว่า พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นอย่าต่อต้านพวกเขาบางที เธออาจจะลองเป็นเพื่อนกับทุกคนได้จริงๆแม้ว่าคนเดียวที่เธออยากเป็นเพื่อนด้วยคือหลินโจวก็ตามเธอเลียนแบบท่าทางของผู้หญิงคนอื่น และถามด้วยความยากลำบากว่า:“เก่ง… เก่งมากเลยเหรอ?”"ใช่แล้วใช่แล้ว เมื่อวานเขาอยู่ที่ไทม์สแควร์..."เฉียนกั๋วกั่วก็จ้อกแจ้กจอแจร้องเล่าเรื่องเมื่อวานแบบตีไข่ใส่สีให้ฟังไปหนึ่งรอบหลินโจวไม่ได้ห้ามเอาไว้ให้เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยรู้ข้อดีของเขา ก็ดีเหมือนกันพอสวี่เนี่ยนชูฟังไปฟังมา นัยน์ตาก็สว่างขึ้นมาทันทีเฉียนกั๋วกั่วพูดจนปากแห้ง และเธอก็พูดตบท้ายว่า:“เธอว่า เก่งกรือไม่เก่ง?”สวี่เนี่ยนชูพยักหน้า: "อืม เก่งจริงๆเลย"“ครั้งหน้า ครั้งหน้าพวกเราต้องเรียนรู้จากหลินโจวให้มากๆ สวี่เนี่ยนชู พอถึงตอนนั้นเธอก็มาด้วยนะ!”“ได้สิ”ขณะที่เฉียนกั๋วกั่วพูดอยู่นั้น สายตาก็มองไปที่ผ้าพันคอของสวี่เนี่ยนชู“เอ๊ะ? สวี่เนี่ยนชู ทำไมเธอถึงพันผ้าพันคอล่ะ? วันนี้ดูเหมือนจะไม่หนาวมากนะ?”หน้าเล็กๆของสวี่เนี่ยนชูก็แดงขึ้นมาเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ
ทานข้าวเสร็จแล้วหลินโจวก็หยื่นกล่องข้าวของตนให้หลิวซื่อหมิง ส่งสัญญาณให้ทั้งสามคนกลับไปที่ห้องเรียนก่อนเขาหันหลังกลับแล้วมุ่งหน้าไปที่ช่องหน้าต่างหมายเลขสองของโรงอาหารนั่นคือร้านที่สวี่เนี่ยนชูไปกินข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เขาไม่สามารถเห็นสวี่เนี่ยนชูกินอาหารเบาจืดๆแบบนั้นทุกวันได้ เห็นได้ชัดว่าเธอกินจนเอือมแล้วหลินโจวจึงตัดสินใจเริ่มจัดการตั้งแต่โรงอาหารก่อนเถ้าแก่เป็นคนอ้วนที่อ้วนกว่าหลิวซื่อหมิงเสียอีก เขาเปลือยท่อนบนฮัมเพลงกำจัดอาหารที่ขายไม่หมดด้านข้าง คุณป้าผู้ช่วยแม่ครัวก็มีความสุขมากเช่นกัน:“เถ้าแก่ วันนี้ค้าขายดูเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อยนะ”“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งมาไม่ใช่เหรอ? เลยมีสาวน้อยหลายคนมาซื้อของเพื่อจะดูเขา”“ฉันก็เห็นเหมือนกัน ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีจริงๆ แต่ยังเด็กเกินไป ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ลูกสาวฉันแต่งงานกับเขา”“ฮ่าฮ่า! จริงๆแหละ?”“เอาอย่างนี้ไหมเถ้าแก่ พวกเราคิดหาวิธีให้เขามาทานข้าวบ่อยขึ้นไหม?”"แบบนี้ โอเคไหม?"เถ้าแก่อ้วนเกาศีรษะนับตั้งแต่เขาต่อหน้าต่างในโรงอาหาร เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อทำอาหารให้อร่อยที่สุดเท่า
"เข้าใจ ฉันเข้าใจ ถ้าข้อเสนอแนะของนายสามารถทำให้ค้าขายของฉันดีได้จริงๆ ฉันจะให้เงินนาย"หลินโจวส่ายหัว: "ผมไม่ต้องการเงิน ผมแค่อยากจะให้คุณช่วยผมสักอย่าง ถ้าคุณเต็มใจช่วยผม ต่อไปทุกวันที่ผมทานข้าวเสร็จ ผมจะบอกคุณว่าอาหารในวันนั้นมีปัญหาอะไร วันต่อมาคุณปรับปรุงก็ได้แล้ว ""ช่วยอะไร?"หลินโจวส่งสัญญาณให้เถ้าแก่อ้วนเข้ามา แล้วกระซิบพูดที่ข้างหูสองสามประโยคเถ้าแก่อ้วนมีใบหน้าที่ตกใจ:“มัน.....ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”"อืม ง่ายขนาดนี้เลยแหละ"“ได้ ตกลง!”“โอเค”หลังจากคุยเสร็จ หลินโจวก็ขอกระดาษแผ่นหนึ่งจากเถ้าแก่ และเขียนปัญหาเกี่ยวกับอาหารในช่วงสองวันนี้ออกมาจากนั้นเขาก็หยิบไข่ใบหนึ่งขึ้นมา แล้วเดินออกไปเถ้าแก่อ้วนต้องตกใจเมื่อเห็นการปรับปรุงสูตรอย่างละเอียดที่อยู่ในมือของเขา และหัวเราะเหอะๆขึ้นมาอย่างร่าเริง:“เพื่อนร่วมชั้นหลิน สาวน้อยที่ชื่อสวี่เนี่ยนชูเป็นแฟนของนายใช่ไหม?”"ยังไม่ใช่!"“ไม่ใช่เหรอ?ฮ่าฮ่า นายพยายามทุกวิถีทางที่จะมาหลอกล่อฉัน เพราะทำเพื่อเธองั้นเหรอ?”หลินโจวหันกลับมา และยิ้ม:“มันไม่ใช่การหลอกล่อ เรียกว่าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์วินวินกันทั้งคู่!”“อีกอย
จางซูฉีหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองเขา“สอบได้คะแนนดีที่สุด?นายแน่ใจเหรอ?”"แน่นอน"อย่างไรเสียในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาก็ได้อ่านทฤษฎีพื้นฐานของคณิตศาสตร์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่มาอ่านความเข้าใจกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยแม้ว่าจะยังอ่านวิชาอื่นไม่จบ แต่ก็อ่านมามากพอสมควรแล้วสองสามวันมานี้หลิวซื่อหมิง ก็อ่านหนังสือตามจนดึกดื่นเช่นกันแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับสวัสดิการจากการเกิดใหม่ แต่ก็คงจะสามารถก้าวหน้าได้รวมทั้งสวี่เนี่ยนชูถ้าคนอื่นไม่เป็นตัวถ่วง ครั้งนี้คะแนนของห้องสองจะต้องพุ่งจะทะยานอย่างแน่นอน“ได้ ผมไม่ขอให้ห้องของพวกนายสอบได้ที่หนึ่ง แต่ถ้าพวกนายสามารถติดสองอันดับแรกของชั้นการเรียนทั้งหมดได้ ครูหลิวของพวกนายอยากจะใส่อะไรก็ใส่ไป ผมก็จะไม่สนใจอีกต่อไป ถ้าสอบได้คะแนนไม่ดี...”หลินโจวยังไม่ทันจะพูด ก็ได้ยินหลิ่วชิงเหยียนพูดว่า:“ถ้าทำข้อสอบได้ไม่ดี ฉันจะลาออกเพื่อเป็นการไถ่โทษ”จางซูฉีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาหันหลังกลับแล้วก็จากไปเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาโกรธมากหลังจากที่เขาจากไปแล้ว หลินโจวก็มองไปที่หลิ่วชิงเหยียน:“ครูหลิ่วครับ ครูเชื่อในตัวพวก
เธอสามารถซื้อได้แต่ถ้ากินไม่หมด ก็เก็บไว้นิดหน่อยเพื่อกินมื้อต่อไป“ได้เลย ทั้งหมดห้าบาท”เมื่อเสียงของเถ้าแก่ดังขึ้น สวี่เนี่ยนชูก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก:“ห๊า? ห้า ห้าบาท?”ข้าวหนึ่งถ้วยกับมันฝรั่งฝอยราคารวมกันก็สิบบาทแล้ว ถ้ารวมไข่กับหน่องไก่ จะยังไงก็ต้องจ่ายเงินสามสิบบาทขึ้นไปจะราคาห้าบาทได้ยังไง?“เถ้า เถ้าแก่ ฉันอยากได้ไข่หนึ่งฟองและน่องไก่หนึ่งชิ้นด้วย”“ฉันรู้แล้ว ไข่ไก่กับหน่องไก่ฟรี”"ห๊า?"“ทางโรงเรียนได้ขอทุนช่วยเหลือให้เธอแล้ว ต่อไปถ้าเธอมากินที่ร้านฉัน ก็จะได้ไข่และน่องไก่ฟรี ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ สาวน้อย อย่าลืมล่ะ”หลังจากที่เถ้าแก่อ้วนพูดจบ เขาก็หลิ่วตาให้หลินโจว และรีบตักอาหารให้สวี่เนี่ยนชูคำพูดหล่านี้วันนี้เขากับหลินโจวได้หารือกันเอาไว้แล้วถึงอย่างไรทางโรงเรียนก็ไม่มาตรวจอยู่ดีถ้ามาจริงๆ ก็แค่บอกว่าอยากช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนเอาไข่ไก่หน่องไก่ให้คนแค่คนเดียว แลกกับการค้าขายที่ดีขึ้นอย่างนี้ เถ้าแก่อ้วนรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากเขาตัดสินใจว่า อีกสักพักก็จะเพิ่มน่องไก่ให้กับหลินโจวเช่นกัน“เป็น…แบบนี้เหรอคะ?”“อืม รีบไปเถอะ ฉันยังต้องตักอาหารให้คนท
เมื่อมาถึงห้องเรียนแล้ว นักเรียนทุกคนต่างก็นั่งกันหมดแล้วหลิ่วชิงเหยียนยืนอยู่บนโพเดียมแล้วให้กำลังใจทุกคน:“นักเรียนทุกคน กลุ่มศึกษาเรียนรู้ได้ดำเนินการเกือบถึงสองสัปดาห์แล้ว การสอบจำลองครั้งนี้เป็นเวลาที่จะทดสอบผลลัพธ์ของทุกคน อย่ากั๊กมันเอาไว้ งัดเอาความสามารถที่แท้จริงของทุกคนออกมา!”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ หลิ่วชิงเหยียนก็มองไปที่หลินโจวและสวี่เนี่ยนชูอีกครั้ง:“ หลินโจว สวี่เนี่ยนชู พวกเธอสองคนมีความมั่นใจไหม?”"มีครับ""มีค่ะ"ฟ่านอวิ๋นเจ๋อ ที่้ไม่ถูกเรียกชื่อก็มองไปที่หลินโจวด้วยความเหยียดหยามผู้ชายคนนี้ พักนี้ดูเหมือนว่าจะขโมยจุดเด่นไปหมดเลยรูปร่างหน้าตาเขาเทียบไม่ได้ ทำการค้าขายเขาก็ทำไม่เป็นแต่ในเรื่องการเรียน เขาต้องดีกว่าหลินโจวแน่นอน!“ครูครับ วางใจได้เลยครับ ครั้งนี้ผมจะต้องพาห้องสองก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน และจะสอบอันดับที่หนึ่งให้ครูดู”“สำหรับหลินโจว นายอย่าสอบได้ที่โหล่ก็พอแล้ว”เพื่อนนักเรียนทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความขัดแย้งในคำพูด และไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นว่า:“ใช่แล้ว หลินโจวและฟ่านอวิ๋นเจ๋อกำลังแข่งขันคะแนนคณิตศาสตร์กัน ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนชนะ”“เ