ทานข้าวเสร็จแล้วหลินโจวก็หยื่นกล่องข้าวของตนให้หลิวซื่อหมิง ส่งสัญญาณให้ทั้งสามคนกลับไปที่ห้องเรียนก่อนเขาหันหลังกลับแล้วมุ่งหน้าไปที่ช่องหน้าต่างหมายเลขสองของโรงอาหารนั่นคือร้านที่สวี่เนี่ยนชูไปกินข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เขาไม่สามารถเห็นสวี่เนี่ยนชูกินอาหารเบาจืดๆแบบนั้นทุกวันได้ เห็นได้ชัดว่าเธอกินจนเอือมแล้วหลินโจวจึงตัดสินใจเริ่มจัดการตั้งแต่โรงอาหารก่อนเถ้าแก่เป็นคนอ้วนที่อ้วนกว่าหลิวซื่อหมิงเสียอีก เขาเปลือยท่อนบนฮัมเพลงกำจัดอาหารที่ขายไม่หมดด้านข้าง คุณป้าผู้ช่วยแม่ครัวก็มีความสุขมากเช่นกัน:“เถ้าแก่ วันนี้ค้าขายดูเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อยนะ”“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งมาไม่ใช่เหรอ? เลยมีสาวน้อยหลายคนมาซื้อของเพื่อจะดูเขา”“ฉันก็เห็นเหมือนกัน ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีจริงๆ แต่ยังเด็กเกินไป ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ลูกสาวฉันแต่งงานกับเขา”“ฮ่าฮ่า! จริงๆแหละ?”“เอาอย่างนี้ไหมเถ้าแก่ พวกเราคิดหาวิธีให้เขามาทานข้าวบ่อยขึ้นไหม?”"แบบนี้ โอเคไหม?"เถ้าแก่อ้วนเกาศีรษะนับตั้งแต่เขาต่อหน้าต่างในโรงอาหาร เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อทำอาหารให้อร่อยที่สุดเท่า
"เข้าใจ ฉันเข้าใจ ถ้าข้อเสนอแนะของนายสามารถทำให้ค้าขายของฉันดีได้จริงๆ ฉันจะให้เงินนาย"หลินโจวส่ายหัว: "ผมไม่ต้องการเงิน ผมแค่อยากจะให้คุณช่วยผมสักอย่าง ถ้าคุณเต็มใจช่วยผม ต่อไปทุกวันที่ผมทานข้าวเสร็จ ผมจะบอกคุณว่าอาหารในวันนั้นมีปัญหาอะไร วันต่อมาคุณปรับปรุงก็ได้แล้ว ""ช่วยอะไร?"หลินโจวส่งสัญญาณให้เถ้าแก่อ้วนเข้ามา แล้วกระซิบพูดที่ข้างหูสองสามประโยคเถ้าแก่อ้วนมีใบหน้าที่ตกใจ:“มัน.....ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”"อืม ง่ายขนาดนี้เลยแหละ"“ได้ ตกลง!”“โอเค”หลังจากคุยเสร็จ หลินโจวก็ขอกระดาษแผ่นหนึ่งจากเถ้าแก่ และเขียนปัญหาเกี่ยวกับอาหารในช่วงสองวันนี้ออกมาจากนั้นเขาก็หยิบไข่ใบหนึ่งขึ้นมา แล้วเดินออกไปเถ้าแก่อ้วนต้องตกใจเมื่อเห็นการปรับปรุงสูตรอย่างละเอียดที่อยู่ในมือของเขา และหัวเราะเหอะๆขึ้นมาอย่างร่าเริง:“เพื่อนร่วมชั้นหลิน สาวน้อยที่ชื่อสวี่เนี่ยนชูเป็นแฟนของนายใช่ไหม?”"ยังไม่ใช่!"“ไม่ใช่เหรอ?ฮ่าฮ่า นายพยายามทุกวิถีทางที่จะมาหลอกล่อฉัน เพราะทำเพื่อเธองั้นเหรอ?”หลินโจวหันกลับมา และยิ้ม:“มันไม่ใช่การหลอกล่อ เรียกว่าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์วินวินกันทั้งคู่!”“อีกอย
จางซูฉีหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองเขา“สอบได้คะแนนดีที่สุด?นายแน่ใจเหรอ?”"แน่นอน"อย่างไรเสียในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาก็ได้อ่านทฤษฎีพื้นฐานของคณิตศาสตร์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่มาอ่านความเข้าใจกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยแม้ว่าจะยังอ่านวิชาอื่นไม่จบ แต่ก็อ่านมามากพอสมควรแล้วสองสามวันมานี้หลิวซื่อหมิง ก็อ่านหนังสือตามจนดึกดื่นเช่นกันแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับสวัสดิการจากการเกิดใหม่ แต่ก็คงจะสามารถก้าวหน้าได้รวมทั้งสวี่เนี่ยนชูถ้าคนอื่นไม่เป็นตัวถ่วง ครั้งนี้คะแนนของห้องสองจะต้องพุ่งจะทะยานอย่างแน่นอน“ได้ ผมไม่ขอให้ห้องของพวกนายสอบได้ที่หนึ่ง แต่ถ้าพวกนายสามารถติดสองอันดับแรกของชั้นการเรียนทั้งหมดได้ ครูหลิวของพวกนายอยากจะใส่อะไรก็ใส่ไป ผมก็จะไม่สนใจอีกต่อไป ถ้าสอบได้คะแนนไม่ดี...”หลินโจวยังไม่ทันจะพูด ก็ได้ยินหลิ่วชิงเหยียนพูดว่า:“ถ้าทำข้อสอบได้ไม่ดี ฉันจะลาออกเพื่อเป็นการไถ่โทษ”จางซูฉีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชาหันหลังกลับแล้วก็จากไปเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาโกรธมากหลังจากที่เขาจากไปแล้ว หลินโจวก็มองไปที่หลิ่วชิงเหยียน:“ครูหลิ่วครับ ครูเชื่อในตัวพวก
เธอสามารถซื้อได้แต่ถ้ากินไม่หมด ก็เก็บไว้นิดหน่อยเพื่อกินมื้อต่อไป“ได้เลย ทั้งหมดห้าบาท”เมื่อเสียงของเถ้าแก่ดังขึ้น สวี่เนี่ยนชูก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก:“ห๊า? ห้า ห้าบาท?”ข้าวหนึ่งถ้วยกับมันฝรั่งฝอยราคารวมกันก็สิบบาทแล้ว ถ้ารวมไข่กับหน่องไก่ จะยังไงก็ต้องจ่ายเงินสามสิบบาทขึ้นไปจะราคาห้าบาทได้ยังไง?“เถ้า เถ้าแก่ ฉันอยากได้ไข่หนึ่งฟองและน่องไก่หนึ่งชิ้นด้วย”“ฉันรู้แล้ว ไข่ไก่กับหน่องไก่ฟรี”"ห๊า?"“ทางโรงเรียนได้ขอทุนช่วยเหลือให้เธอแล้ว ต่อไปถ้าเธอมากินที่ร้านฉัน ก็จะได้ไข่และน่องไก่ฟรี ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ สาวน้อย อย่าลืมล่ะ”หลังจากที่เถ้าแก่อ้วนพูดจบ เขาก็หลิ่วตาให้หลินโจว และรีบตักอาหารให้สวี่เนี่ยนชูคำพูดหล่านี้วันนี้เขากับหลินโจวได้หารือกันเอาไว้แล้วถึงอย่างไรทางโรงเรียนก็ไม่มาตรวจอยู่ดีถ้ามาจริงๆ ก็แค่บอกว่าอยากช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจนเอาไข่ไก่หน่องไก่ให้คนแค่คนเดียว แลกกับการค้าขายที่ดีขึ้นอย่างนี้ เถ้าแก่อ้วนรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากเขาตัดสินใจว่า อีกสักพักก็จะเพิ่มน่องไก่ให้กับหลินโจวเช่นกัน“เป็น…แบบนี้เหรอคะ?”“อืม รีบไปเถอะ ฉันยังต้องตักอาหารให้คนท
เมื่อมาถึงห้องเรียนแล้ว นักเรียนทุกคนต่างก็นั่งกันหมดแล้วหลิ่วชิงเหยียนยืนอยู่บนโพเดียมแล้วให้กำลังใจทุกคน:“นักเรียนทุกคน กลุ่มศึกษาเรียนรู้ได้ดำเนินการเกือบถึงสองสัปดาห์แล้ว การสอบจำลองครั้งนี้เป็นเวลาที่จะทดสอบผลลัพธ์ของทุกคน อย่ากั๊กมันเอาไว้ งัดเอาความสามารถที่แท้จริงของทุกคนออกมา!”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ หลิ่วชิงเหยียนก็มองไปที่หลินโจวและสวี่เนี่ยนชูอีกครั้ง:“ หลินโจว สวี่เนี่ยนชู พวกเธอสองคนมีความมั่นใจไหม?”"มีครับ""มีค่ะ"ฟ่านอวิ๋นเจ๋อ ที่้ไม่ถูกเรียกชื่อก็มองไปที่หลินโจวด้วยความเหยียดหยามผู้ชายคนนี้ พักนี้ดูเหมือนว่าจะขโมยจุดเด่นไปหมดเลยรูปร่างหน้าตาเขาเทียบไม่ได้ ทำการค้าขายเขาก็ทำไม่เป็นแต่ในเรื่องการเรียน เขาต้องดีกว่าหลินโจวแน่นอน!“ครูครับ วางใจได้เลยครับ ครั้งนี้ผมจะต้องพาห้องสองก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน และจะสอบอันดับที่หนึ่งให้ครูดู”“สำหรับหลินโจว นายอย่าสอบได้ที่โหล่ก็พอแล้ว”เพื่อนนักเรียนทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความขัดแย้งในคำพูด และไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นว่า:“ใช่แล้ว หลินโจวและฟ่านอวิ๋นเจ๋อกำลังแข่งขันคะแนนคณิตศาสตร์กัน ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนชนะ”“เ
ทันทีที่พูดจบ จู่ๆอวิ๋นรั่วซีก็หัวเราะอย่างมีความสุข:"หลินโจว! นายก็จะไปสอบเหรอ? ดูเหมือนพวกเราจะอยู่ห้องสอบเดียวกันนะ"หลังจากที่หลินโจวเปลี่ยนทรงผมแล้วหล่อขึ้น ก็เกือบจะกลายเป็นจุดสนใจของโรงเรียนแต่เขากลับไม่เคยมาหาเธอเลย อวิ๋นรั่วซีจึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยตั้งแต่การปฏิญาณตนร้อยวันครั้งที่แล้ว ทุกครั้งที่หลินโจวพบตนเอง ก็จะปฏิเสธทุกครั้งเขาจะต้องโกรธมากแน่ๆจึงอยากใช้วิธีนี้เพื่อดึงดูดความสนใจของตนเองแม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่หลินโจวก็ทำสำเร็จ!อวิ๋นรั่วซีจึงตัดสินใจให้โอกาสหลินโจวเล็กน้อยการสอบจำลองในวันนี้ พวกเขาถูกจัดให้อยู่ห้องสอบเดียวกันอวิ๋นรั่วซีรู้ว่า โอกาสมาถึงแล้วเธอจึงแต่งตัวสวยเป็นพิเศษเพื่อให้ดูดีขึ้นมาหน่อย และก็เปลี่ยนทรงผมใหม่ด้วยก็เพื่อรอหลินโจวหลินโจวบอกว่า เธอดูดีที่สุดตอนรวบผมหางม้าเธอคิดว่า หากตนเองปรากฏตัวต่อหน้าหลินโจวเช่นนี้ หลินโจวจะต้องรีบวิ่งมาที่ข้างเธอเหมือนเมื่อก่อน และไปสอบกับเธออย่างมีความสุขพอนึกถึงหลินโจวสุดหล่อติดตามเธอทุกวัน อวิ๋นรั่วซีก็รู้สึกมีความสุขคิดไม่ถึงว่า เธอยังพูดไม่จบ ก็เห็นหลินโจวทำราวกับว่าไม่เห็นเธอ พ
สวี่เนี่ยนชูเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ โบกมือด้วยความลนลาน น้ำเสียงสั่นเทา:“ไม่ไม่ไม่ เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้ยังไง?เฉียนกั๋วกั่ว เธออย่ามาพูดมั่วๆนะ! ถึงเวลาสอบแล้ว พวกเรา พวกเรารีบไปกันเถอะ…”"คือว่า รอด้วย"ยังไม่ได้คำตอบ เฉียนกั๋วกั่วรู้สึกไม่ยอมเล็กน้อย“ สวี่เนี่ยนชู ไม่ได้ชอบจริงๆเหรอ? เธอไม่รู้สึกเลยเหรอ?”"ไม่ ไม่รู้สึก!"“แต่ฉันคิดว่า หลินโจวใส่ใจเธอมาตลอดเลยนะ”ร่างกายของสวี่เนี่ยนชูแข็งทื่อ“นั่นเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน...”หลินโจวเคยบอกว่า พวกเขาเป็นเพื่อนกันเพื่อนดูแลกันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?“เพื่อนเหรอ? เพื่อนไม่ห่วงใยกันมากขนาดนี้ ดูฉันสิ ฉันเป็นเพื่อนของเธอด้วย ตอนที่อยู่ด้วยกันกับพวกเราเหมือนกันกับหลินโจวไหม? ผ้าพันคอของเธอผืนนั้นหลินโจวเป็นคนให้ใช่ไหม? ดูสิหลินโจวเคยให้หลิวซื่อหมิงกับฉันหรือเปล่า?”เมื่อได้ยินดังนี้ สวี่เนี่ยนชูก็ตกตะลึงอีกครั้ง เธอมองไปที่เฉียนกั๋วกั่วอย่างมึนงง“ไม่ ไม่เหมือนกันเหรอ?”"ไม่เหมือนกัน!"เฉียนกั๋วกั่วพยักหน้าอย่างจริงจัง“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เธอจะต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เหมือนกันนั่นแหละ”สวี่เนี่ยนชูอธิบายด้
“ เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย จะกอดอีกนานไหม? อีกสักพักก็จะเริ่มสอบแล้วนะ!”"อ้อ!"สวี่เนี่ยนชูที่ตอบสนองได้ ก็รีบกระโดดออกจากอ้อมแขนของหลินโจวอย่างรวดเร็วเธอมองไปรอบๆอย่างประหม่า จู่ๆหน้าของเธอก็เริ่มรู้สึกร้อนทันทีให้ตายเถอะ!เธอทำอะไรลงไปเนี่ย?ไปมึนงงในตอนนั้นได้ยังไงกันสวี่เนี่ยนชูอายแทบจะมุดแผ่นดินหนีเธอก้มหน้าลง และไม่กล้ามองไปที่หลินโจวอีกเลย:“ฉัน เมื่อกี้ฉัน...”อยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าจะอธิบายยังไงก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดีด้วยความร้อนใจ สวี่เนี่ยนชูจึงพูดไปหนึ่งประโยคโดยที่ไม่รู้ตัวว่า:“ฉันก็แค่อยากมาดูว่า นายยังตามฉันมาอยู่หรือเปล่า”"......"หลินโจวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยน่ารักจริงๆควรทำยังไงดี? อยากกอดเอาไว้สักพักจริงๆพอสวี่เนี่ยนชูตระหนักได้ว่าตนเองพูดอะไรไป ก็แทบจะกัดลิ้นของตนเองบ้าฉะมัด!เธอกำลังพูดอะไรกันแน่?ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!เสวี่เนี่ยนชูที่พูดไม่เก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็หันกลับมา และเดินไปที่ห้องสอบ:“คือว่า ฉันเข้าห้องสอบก่อนนะ”"เดี๋ยวก่อน"หลินโจวเรียกเธอสวี่เนี่ยนชูไม่กล้ามองย้อนกลับไป จึงหยุดเดินอย่าง