หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว สวี่เนี่ยนชูก็ยังคงเดินตามหลินโจวอย่างช้าๆบนถนน มีผู้คนสัญจรไปมาเมื่อก่อนสวี่เนี่ยนชูเกลียดเสียงรบกวนอย่างนี้นี้มากที่สุดแต่วันนี้ดูเหมือนเธอจะมองไม่เห็นเสียงรบกวนเหล่านั้น ในนัยน์ตาของเธอ เต็มไปด้วยชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รวบรวมความกล้าแล้วตะโกนเรียกเขาเอาไว้“เพื่อนร่วมชั้นหลินโจว ”"อืม?"“ทำไมนายถึงดีกับฉันขนาดนี้?”นับตั้งแต่ย้ายไปโรงเรียนและได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับเขา สวี่เนี่ยนชูก็รู้สึกว่าชีวิตของตน ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากเพื่อนร่วมโต๊ะคนใหม่ที่อยู่ตรงหน้าคิดๆดูแล้วก็ใช่ คนคนหนึ่งที่เพิ่งจะรู้จักกัน ทำไมถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนใจดีกับเธอขนาดนี้เลยสวี่เนี่ยนชูรู้สึกกลัวเล็กน้อยหลินโจวเห็นแววตาของเธอ มีทั้งความคาดหวังและความหวาดกลัวเธอกำลังหวาดกลัวคนที่ปิดกลั้นตนเอง มักจะกลัวการถูกสัมผัสและกลัวผู้อื่นเข้าใกล้แม้ว่า เธอกำลังจะยอมรับมันอย่างช้าๆ แต่ก็ยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมากหากตนเองรุกจนเกินไป สาวน้อยอาจจะตกใจกลัวจนหนีไป?เมื่อคิดถึงจุด
ทันทีที่เปิดประตู เขาก็หลินโจวยืนอยู่ที่ประตู“พ่อครับ พ่อจะไปไหนเหรอครับ?”หลินฉางเจิงชะงักไปครู่หนึ่ง: "เจ้าเด็กคนนี้นี่ เกิดอะไรขึ้นกับผมของลูก?"“ฉันตัดแล้ว! ลูกของพ่อหล่อใช่ไหมล่ะ?”หลินโจวผ่านหลินฉางเจิงไปแล้วกำลังจะเข้าไปในบ้านขณะนี้ จู่ๆก็เกิดเสียงดัง"โพล้งเพล้ง"อยู่ในห้องครัวหลินฉางเจิงสะดุ้งตกใจ เพิ่งจะนึกได้ว่าฉินซูหลานยังกำลังอยู่ในห้อง เขารีบหยุดหลินโจวเอาไว้:"เฮ่ย? เสี่ยวโจว รอก่อน..."หลินโจว:?พ่อ...ไม่อยากให้เขาเข้าไป?เขามองไปทางห้องครัว จึงรู้ต้นสายปลายเหตุได้ในทันที“่อ้อ พ่อครับ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีของอยู่ที่บ้านของหลิวซื่อหมิง ผมว่าจะไปเอาหน่อย เดี๋ยวกลับมานะครับ!”ฉินฉางเจิงถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอก“เฮ่ย? ไอ้เด็กคนนี้นี่ทำไมถึงได้ประมาทเลินเล่ออย่างนี้? รีบไปรีบกลับ”เมื่อเห็นหลินโจวจากไป หลินฉางเจิงหันหลังกลับอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่ห้องครัว:“ซู่หลาน เป็นอะไรเหรอ?”ในห้องครัว ฉินซู่หลานได้ดับไฟเรียบร้อยแล้วเธอรู้สึกตระหนกตกใจเล็กน้อย“ทำยังไงดี? ฉางเจิง ทำยังไงดี? มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันควรจะออกไปตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”“พูดเห
เข้าไปในบ้านหลินฉางเจิงและฉินซู่หลานยังคงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อยอย่างไรเสีย ลูกชิ้นนี้หลินฉางเจิงทอดไม่เป็นจริงๆถ้าฉินซู่หลานที่อยู่ในฐานะ "แขก" เข้าไปทำอาหารในครัวต่อหน้าหลินฉางเจิง มันก็จะดูทะแม่งๆหน่อยเขาจะอธิบายให้ลูกชายฟังยังไงว่า ลูกชิ้นที่เขากินมาสองปีนั้นเป็นฝีมือของป้าฉิน?ขณะกำลังคิดอยู่ ดวงตาอันแหลมคมของหลินฉางเจิงก็มองเห็นผ้าพันคอบนคอของลูกชายเขาไม่เคยเห็นผ้าพันคอนี้มาก่อนเลย และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เป็นคนซื้อให้หลินฉางเจิงหรี่ตาทั้งสอง:“หลินโจว ลูกไปเอาผ้าพันคอมาจากไหน?”หลินโจว:......ถ้าเขาบอกหลินฉางเจิ้งในเวลานี้ว่า ตนเองหาลูกสะใภ้ให้เขาแล้ว คงจะโดนตีแน่ๆ?ฉินซู่หลานที่อยู่ข้างๆสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ดูเปราะบางเล็กน้อย ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงอยู่นั้น ในที่สุดเธอก็หาข้ออ้างที่ดีเยี่ยมได้:“คือว่า พี่หลิน พี่คุยกับเสี่ยวโจวไปก่อนนะ ฉันจะไปทำอาหารก่อน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวโจวอาจจะหิวได้”แต่ว่า เธอยังไปไม่ถึงประตู ก็ได้ยินเสียงหลินโจวพูดว่า:“พ่อครับ พ่อปล่อยให้คุณป้าเข้าครัวไปทำอาหารได้ยังไง?พ่อก็ด้วยสิ!”"เอ๊ะ? แต่เสี่ยวโจว ผ้าพันคอข
“คุณไปเอาเงินมาจากไหน?”"ที่ไทม์สแควร์ครับ ผมกับหลิวซื่อหมิงทำ..."หลินโจวเล่าประสบการณ์การทำเงินของตนให้หลินฉางเจิงฟังหนึ่งรอบ แต่ไม่พูดตอนที่เฉียนโหย่วฉายให้เงินเขาแต่เขาปฏิเสธหลินฉางเจิงและฉินซู่หลานต่างก็มองหน้ากันอีกครั้ง“แค่นี้เหรอ? แค่ช่วงเช้า? ขายได้ห้าพันบาทเลยเหรอ?”"ใช่แล้วครับ!"“หาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”“มันเป็นการฉกฉวยโอกาส ผมบังเอิญไปเจอเข้าพอดี อีกอย่างเฉียนกั๋วกั่วก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา ถึงได้ช่วยพวกเราพูด”ด้วยกลัวว่าหลินฉางเจิงจะไม่เชื่อ หลินโจวก็หยิบเงินออกมาจากในกระเป๋า โดยไม่ถือว่าฉินซู่หลานเป็นคนนอกเลย“เงินหมดอยู่ที่นี่ หลังที่ผมแบ่งกับเพื่อนๆแล้ว ผมได้ซื้อของเพิ่มอีก ยังเหลืออีกสองพันกว่าบาท พ่อจะเอาไหมครับ?”หลินฉางเจิงเหลือบมองดู ก็พบว่ามีเงินสองพันกว่าบาทจริงๆจากสีหน้าของหลินโจวแล้ว ดูเหมือนไม่ได้โกหก ลูกชายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยเหรอ?หลินฉางเจิงพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อ:“เงินที่ลูกหนามาได้ด้วยตนเอง ลูกก็เก็บไว้ใช้เองเถอะ ไม่ต้องให้พ่อ แต่หลินโจว ใกล้จะสอบเขามหาวิทยาลับแล้ว ลูกต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเรียนก่อนนะ”“อันนี้ผมรู
ใกล้ถึงเวลาอ่านหนังสือในตอนเช้าแล้ว ในห้องเรียนก็นั่งแทบจะเต็มกันหมดแล้วเพื่อนร่วมชั้นต่างก็คุยกันจ้อกแจ้กจอแจเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจที่ได้พบเจอในช่วงสุดสัปดาห์ ดูมีชีวิตชีวามากตอนที่หลินโจวเข้ามา ทั้งห้องเรียนก็เงียบลงทันทีไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนออกมาก่อนว่า:“ให้ตายเถอะ หนุ่มหล่อ!”“ว้าว นี่ใครอ่ะ?หล่อมากจริงๆ!”“เอ๊ะ ทำไมเขาถึงได้หน้าตาเหมือนหลินโจวมากขนาดนี้”“ให้ตายเถอะ คงจะไม่ใช่หลินโจวจริงๆใช่ไหม? ดูเหมือนว่าเขาจะเดินไปที่ที่นั่งของหลินโจว จริงๆ”หลิวซื่อหมิงที่จงใจเดินช้าๆอยู่ครู่หนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และตะโกนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น:“พี่โจว รอผมด้วย ทำไมต้องเร็วขนาดนั้นด้วย?”หลินโจวมองความคิดเล็กๆน้อยๆของเขาออกทันดี แค่ไม่ได้แฉเขาเขาเห็นสวี่เนี่ยนชูนั่งอยู่บนที่นั่งวันนี้ผมหน้าม้าของเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยดูสั้นลงเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามจึงถูกเผยออกมา สดใสเป็นประกายมากในขณะนี้ เธอกำลังเงยหน้าขึ้น และมองดูเขาเดินเข้ามาข้างมือของเธอ มีผ้าพันคอสีขาวอมชมพูที่เพิ่งจะถอดออกวางอยู่เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆต่างก็พากันตื่นเต้น“เป็นหลินโจวจริงๆ!!!”“โอ้ส
ร่างกายที่แข็งทื่อของสวี่เนี่ยนชูก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลินโจวบอกว่า พวกเขาเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นอย่าต่อต้านพวกเขาบางที เธออาจจะลองเป็นเพื่อนกับทุกคนได้จริงๆแม้ว่าคนเดียวที่เธออยากเป็นเพื่อนด้วยคือหลินโจวก็ตามเธอเลียนแบบท่าทางของผู้หญิงคนอื่น และถามด้วยความยากลำบากว่า:“เก่ง… เก่งมากเลยเหรอ?”"ใช่แล้วใช่แล้ว เมื่อวานเขาอยู่ที่ไทม์สแควร์..."เฉียนกั๋วกั่วก็จ้อกแจ้กจอแจร้องเล่าเรื่องเมื่อวานแบบตีไข่ใส่สีให้ฟังไปหนึ่งรอบหลินโจวไม่ได้ห้ามเอาไว้ให้เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยรู้ข้อดีของเขา ก็ดีเหมือนกันพอสวี่เนี่ยนชูฟังไปฟังมา นัยน์ตาก็สว่างขึ้นมาทันทีเฉียนกั๋วกั่วพูดจนปากแห้ง และเธอก็พูดตบท้ายว่า:“เธอว่า เก่งกรือไม่เก่ง?”สวี่เนี่ยนชูพยักหน้า: "อืม เก่งจริงๆเลย"“ครั้งหน้า ครั้งหน้าพวกเราต้องเรียนรู้จากหลินโจวให้มากๆ สวี่เนี่ยนชู พอถึงตอนนั้นเธอก็มาด้วยนะ!”“ได้สิ”ขณะที่เฉียนกั๋วกั่วพูดอยู่นั้น สายตาก็มองไปที่ผ้าพันคอของสวี่เนี่ยนชู“เอ๊ะ? สวี่เนี่ยนชู ทำไมเธอถึงพันผ้าพันคอล่ะ? วันนี้ดูเหมือนจะไม่หนาวมากนะ?”หน้าเล็กๆของสวี่เนี่ยนชูก็แดงขึ้นมาเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ
ทานข้าวเสร็จแล้วหลินโจวก็หยื่นกล่องข้าวของตนให้หลิวซื่อหมิง ส่งสัญญาณให้ทั้งสามคนกลับไปที่ห้องเรียนก่อนเขาหันหลังกลับแล้วมุ่งหน้าไปที่ช่องหน้าต่างหมายเลขสองของโรงอาหารนั่นคือร้านที่สวี่เนี่ยนชูไปกินข้าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เขาไม่สามารถเห็นสวี่เนี่ยนชูกินอาหารเบาจืดๆแบบนั้นทุกวันได้ เห็นได้ชัดว่าเธอกินจนเอือมแล้วหลินโจวจึงตัดสินใจเริ่มจัดการตั้งแต่โรงอาหารก่อนเถ้าแก่เป็นคนอ้วนที่อ้วนกว่าหลิวซื่อหมิงเสียอีก เขาเปลือยท่อนบนฮัมเพลงกำจัดอาหารที่ขายไม่หมดด้านข้าง คุณป้าผู้ช่วยแม่ครัวก็มีความสุขมากเช่นกัน:“เถ้าแก่ วันนี้ค้าขายดูเหมือนจะดีขึ้นนิดหน่อยนะ”“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้มีหนุ่มหล่อคนหนึ่งมาไม่ใช่เหรอ? เลยมีสาวน้อยหลายคนมาซื้อของเพื่อจะดูเขา”“ฉันก็เห็นเหมือนกัน ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีจริงๆ แต่ยังเด็กเกินไป ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ลูกสาวฉันแต่งงานกับเขา”“ฮ่าฮ่า! จริงๆแหละ?”“เอาอย่างนี้ไหมเถ้าแก่ พวกเราคิดหาวิธีให้เขามาทานข้าวบ่อยขึ้นไหม?”"แบบนี้ โอเคไหม?"เถ้าแก่อ้วนเกาศีรษะนับตั้งแต่เขาต่อหน้าต่างในโรงอาหาร เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อทำอาหารให้อร่อยที่สุดเท่า
"เข้าใจ ฉันเข้าใจ ถ้าข้อเสนอแนะของนายสามารถทำให้ค้าขายของฉันดีได้จริงๆ ฉันจะให้เงินนาย"หลินโจวส่ายหัว: "ผมไม่ต้องการเงิน ผมแค่อยากจะให้คุณช่วยผมสักอย่าง ถ้าคุณเต็มใจช่วยผม ต่อไปทุกวันที่ผมทานข้าวเสร็จ ผมจะบอกคุณว่าอาหารในวันนั้นมีปัญหาอะไร วันต่อมาคุณปรับปรุงก็ได้แล้ว ""ช่วยอะไร?"หลินโจวส่งสัญญาณให้เถ้าแก่อ้วนเข้ามา แล้วกระซิบพูดที่ข้างหูสองสามประโยคเถ้าแก่อ้วนมีใบหน้าที่ตกใจ:“มัน.....ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?”"อืม ง่ายขนาดนี้เลยแหละ"“ได้ ตกลง!”“โอเค”หลังจากคุยเสร็จ หลินโจวก็ขอกระดาษแผ่นหนึ่งจากเถ้าแก่ และเขียนปัญหาเกี่ยวกับอาหารในช่วงสองวันนี้ออกมาจากนั้นเขาก็หยิบไข่ใบหนึ่งขึ้นมา แล้วเดินออกไปเถ้าแก่อ้วนต้องตกใจเมื่อเห็นการปรับปรุงสูตรอย่างละเอียดที่อยู่ในมือของเขา และหัวเราะเหอะๆขึ้นมาอย่างร่าเริง:“เพื่อนร่วมชั้นหลิน สาวน้อยที่ชื่อสวี่เนี่ยนชูเป็นแฟนของนายใช่ไหม?”"ยังไม่ใช่!"“ไม่ใช่เหรอ?ฮ่าฮ่า นายพยายามทุกวิถีทางที่จะมาหลอกล่อฉัน เพราะทำเพื่อเธองั้นเหรอ?”หลินโจวหันกลับมา และยิ้ม:“มันไม่ใช่การหลอกล่อ เรียกว่าต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์วินวินกันทั้งคู่!”“อีกอย