คำพูดเหล่านั้นที่เขาเพิ่งพูดไป เห็นได้ชัดว่ากำลังช่วยตนเองให้รอดพ้นจากวิฤติเพราะคำพูดเหล่านั้น เขาที่เดิมทีถูกตำหนิ ในเวลานี้กลายเป็นผู้จัดงานที่ใจกว้างและมีน้ำใจไมตรีไปแล้วเหล่าชายชราได้รับความโปรดปรานจากเหล่าหญิงชรา พลางเล่นเกมปฏิสัมพันธ์กัน พลางชื่นชมผู้จัดงานไปด้วยเขาเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?….......หลังจากที่ยุ่งไปหนึ่งชั่วโมง เครื่องอุ่นมือก็ขายหมดรวมเป็นเงินทั้งหมดห้าพันบาทถ้าหักต้นทุนไปหนึ่งพันามร้อยห้าสิบบาท กำไรสุทธิจะอยู่ที่สามพันหกร้อยห้าสิบบาทยังต้องให้เงินหลิวซื่อหมิงกับเฉียนกั๋วกั่วอีก จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำงานเปล่าๆไม่ได้หลินโจวถือเงินเอาไว้ และนั่งงุนงงอยู่ริมถนนความเร็วในการหาเงิน ยังช้าเกินไปต้องคิดหาวิธีถึงจะถูกหลิวซื่อหมิงและเฉียนกั๋วกั่วต่างก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก“สามพันหกร้อยห้าสิบบาท!”“เช้าวันหนึ่งหาเงินได้สามพันหกร้อยห้าสิบบาท! นี่มันเป็นความเร็วแบบไหนกัน?”“เงินเดือนของแม่ผมแค่หกพันบาทเอง ในเวลาครึ่งวันพี่ทำเงินได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแม่ผมเสียอีก พี่โจว พี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”หลิวซื่อหมิงแสด
วันนี้อวิ๋นรั่วซีเชื่อฟังคำพูดของเพื่อนสนิทโจวซานซาน จึงมาเดินเล่นผ่อนคลายที่แควร์คิดไม่ถึงว่า พอมาแล้วก็พบว่าฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็อยู่ที่นั่นด้วยถ้าจะจากไปเลยก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย จึงดึงหลี่เสี่ยวหว่านให้อยู่ต่อในขณะนี้ ฟ่านอวิ๋นเจ๋อกำลังพูดอย่างจริงจัง“การสอบเข้าวิทยาลัยมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในเมื่อพวกเราได้จัดตั้งกลุ่มศึกษาขึ้นแล้ว เก็จะต้องพากเพียร ทุกสุดสัปดาห์นับจากนี้ต้องมาศึกษาเรียนรู้ด้วยกัน!”"ได้เลย ไม่มีปัญหา"“โจวซานซาน หวังจื่อเฉิน พื้นฐานของพวกเธอสองคนยังไม่ดีพ่อ พากเพียรขึ้นอีก แม้ว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังไม่ได้ แต่จะต้องสามารถสอบมหาลัยที่ดีรองลงมาได้อย่างแน่นอน!”“รู้แล้วค่ะพี่ฟ่าน”ตอนที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดเช่นนี้ ก็มองไปที่อวิ๋นรั่วซีเป็นครั้งคราวเขาภูมิใจในผลการเรียนของตนมาโดยตลอดตอนนี้ ยังได้เป็นหัวหน้ากลุ่มการศึกษา นำคนทั้งกลุ่มศึกษาเรียนรู้อีกสถานการณ์อย่างนี้ ไม่ว่ายังไงก็จะต้องให้รั่วซีรับรู้ให้ได้อย่างนี้แล้ว บางทีรั่วซีอาจจะสนใจตนเองมากขึ้นดังนั้น หลังจากที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดจบ ก็รวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยปากพูดว่า:“รั่วซี ทำไมเธอไม่ศึกษาเรียน
ในความเข้าใจของอวิ๋นรั่วซี หลินโจวทำแบบนี้ ก็เพราะต้องการให้ตนเองรู้ว่าเขาเก่งแค่ไหนจากนั้นก็ให้อภัยเขาและอยู่ด้วยกันกับเขา“ทำไมเขาถึงได้ปัญญาอ่อนขนาดนี้!”“แม้ว่าจะขอโทษ หรือจะเอาอกเอาใจฉัน ก็ควรจะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้หน่อยไหม?”? ? ? ?หลิวซื่อหมิงยิ้มด้วยความโกรธเขารู้สึกได้ทันทีว่า หลินโจวเลิกคบหาอวิ๋นรั่วซี ช่างเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดมาก!อวิ๋นรั่วซีเป็นคนที่ค่อนข้างหน้าตาดี แต่ทำไมถึงได้ทะนงตนขนาดนี้?คิดว่าโลกทั้งใบจะหมุนรอบตัวเธองั้นเหรอ!นี่ถึงเรียกว่าปัญญาอ่อนจริงๆ?แต่ตอนนี้ จะอธิบายอย่างไรพวกเขาถึงจะเชื่อ?พี่โจวของเขาสุดยอดจริงๆ!ในขณะที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาก็มองเห็นร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งหลิวซื่อหมิงหัวเราะขึ้นทันที:“เอ๊ะ? พี่โจว ทางนี้!”หลินโจวที่กำลังจะออกจากสแควร์ พอเห็นพวกเขา ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง“เจ้าอ้วน นายทำอะไรอยู่?”อวิ๋นรั่วซีและคนอื่นๆมองตามเสียงนั้นไปก็ตกตะลึงจนตาค้างทันทีหญิงสาวหลายคนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ“นั่นคือหลินโจว?”“เขาหล่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เอ่อไม่ใช่ ฉันหมายถึง...”โจวซานซานนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดอะไรผิ
“เอ๊ะ? นี้ไม่ใช่ผู้ช่วยของเถ้าแก่เฉียนเหรอ? ทำไมเขาถึงมาที่นี่?”หลิวซื่อหมิงจำคนที่มาได้ผู้ช่วยรีบเข้ามาที่ข้างหลินโจว เหลือบมองนักเรียนคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขา และถามอย่างสงสัยว่า:“เพื่อนร่วมชั้น คุณมีธุระอะไรบางอย่างที่ต้องทำไหม?”“ไม่มีธุระอะไรครับ ทำไมเหรอ?”“งั้น ขอเวลาคุยด้วยหน่อย?”หลินโจวพยักหน้า กำลังจะจากไป ก็ได้ยินหวังจื่อเฉินตะโกนอีกครั้ง:“เกิดอะไรขึ้นเหรอหลินโจว? ไปทำเรื่องที่มีลับลมคมนัยอะไรมาเหรอ? อ้อ ฉันรู้ว่านายหาเงินมาได้ยังไง…”"มิน่าล่ะถึงที่สามารถหาเงินได้ห้าพันบาทภายในเช้าวันเดียว!"เขามองหลินโจวด้วยใบหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามหลินโจว:“……งั้นก็พูดอยู่ตรงนี้เลย?”ผู้ช่วยเหลือบมองหวังจื่อเฉินด้วยความแปลกใจ จากนั้นหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า และมอบให้หลินโจว:“คือย่างนี้นนะ เมื่อกี้คุณช่วยเถ้าแก่ของพวกเราเอาไว้ได้มากเลย เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ เถ้าแก่ของพวกเราให้ผมมามอบอั่งเปาเล็กๆน้อยให้คุณ”“ผมกลัวว่าคุณจะเดินเร็วเกินไป และตามทันไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจไม่ไปซื้อซองอั่งเปา กะว่าจะให้เงินสดไปเลย!”ขณะที่พูด เขาก็เอาเงินปึกนั้นให้หลินโจวหลังจากได้
แม้ว่าเธอจะเคยไปที่ภัตตาคารชมจันทร์แล้ว แต่ถ้าหลินโจวต้องการจะพาเธอไปด้วย...เธอก็ไม่รังเกียจที่จะไปอีกครั้งในขณะนี้ จู่ๆเธอก็เห็นหลินโจวขึ้นมอเตอร์ไซค์ของหลิวซื่อหมิง โดยไม่หันมามองเธอเลย:“หลิวซื่อหมิง ไปกัน!”“ไปไหนเหรอพี่โจว?”“ไปภัตตาคารชมจันทร์ไง!”อวิ๋นรั่วซี:? ? ?ทำไมหลินโจวถึงไม่พาเธอไปด้วย?หลินโจวไม่รู้เหรอว่าเธออาจจะยกโทษให้เธอถ้าเขาพาเธอไปด้วย?โอกาสดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพาแต่หลิวซื่อหมิงไป?ในเวลานี้หลิวซื่อหมิงก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญเช่นกัน:“ห๊า? พี่โจว พี่จะพาผมไปด้วยเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่พานายไปด้วยแล้วฉันจะไปยังไง? ฉันไม่มีรถ...”“แล้ว พวกเขาล่ะ?”“พวกเขาเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ? เพื่อนร่วมชั้นฟ่านคงจะพาพวกเขาไปกินข้าวมั๊ง?”สายตาของหลายคนจับจ้องมาที่ฟ่านอวิ๋นเจ๋อเดิมทีฟ่านอวิ๋นเจ๋อไม่มีความตั้งใจที่จะเลี้ยงข้าวและไม่ได้นำเงินมามากนัก:...แต่อวิ๋นรั่วซีอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้จำใจพูดว่า "ได้เลย วันนี้ผมจะเลี้ยงไก่จานใหญ่ทุกคนเอง"ทุกคน:……จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกว่าฟ่านอวิ๋นเจ๋อขี้เหนียวมากเมื่อเทียบกับภัตตาคารชมจันทร์แล้ว ไก่จ
หลังจากกินข้าวแล้ว หลิวซื่อหมิงจะไปเข้าห้องน้ำเฉียนโหย่วฉายเรียกเฉียนกั๋วกั่ว ให้เธอพาเขาไปแม้ว่าเฉียนกั๋วกั่วจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังตามออกไปเฉียนโหย่วฉายเทแก้วน้ำให้หลินโจวหนึ่งแก้วหลินโจวต้องการปฏิเสธ แต่เฉียนโหย่วฉายไม่ให้โอกาสเขาเลย:“น้ำแก้วนี้ นายคู่ควรกับมัน วันนี้ถ้าไม่ได้นาย งานเลี้ยงผูกสัมพันธ์จะต้องพังแน่ๆ และฉันก็สูญเสียมากขึ้น!ให้อังเปานายนายก็ไม่เอา เพื่อนร่วมชั้นหลิน ไม่รู้ว่าจะขอบคุณนายยังไงจริงๆ นายก็ไม่สามารถดื่มเหล้าได้ ก็ดื่มชาก็แล้วกัน ?”เรื่องของวันนี้ ไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นหลินโจวคนนี้จะทำโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ก็สมควรที่จะได้รับคำขอบคุณตอนนี้กั๋วกั่วอยู่ เขาไม่อยากเสียหน้า จึงหาเรื่องให้เฉียนกั๋วกั่วออกไปหลินโจวก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันเขายังอยากหาเงินในอนาคต ก่อนที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะสิ้นสุดลง เขายังต้องอยู่ที่เมืองเจียงคนอย่างเฉียนโหย่วฉาย ถือว่าเป็นสปริงบอร์ดที่ไม่เลวเลย....“เถ้าแก่เฉียนเกรงใจเกินไปแล้ว”หลินโจวยกถ้วยชาขึ้น“หากนายมีปัญหาใดๆในอนาคต สามารถบอกกั๋วกั่วได้ ฉันจะช่วยนายครั้งหนึ่งโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ”“ถ้าอย่างนั้นก็ขอขอบคุณเถ้า
หลิวซื่อหมิงใส่หูฟังแล้วตะโกนเสียงดัง:“ให้ตายเถอะ พี่โจว สู้กันอีกรอบ สู้กันอีกรอบ! คราวนี้ ผมจะเอาชนะพี่ได้แน่นอน!”หลินโจวโยนการ์ดแต้มเกมให้หลิวซื่อหมิง:“นายเล่นเองเถอะ ไปละ!”“เอ๊ะ?พี่โจว ไม่ไม่ไม่ การ์ดแต้มเกมผมให้พี่ นัดสุดท้าย!พี่จะมาฆ่าผมตายทุกครั้งไม่ตายนะ!”“เล่นอีกนัดหนึ่งนายก็ยังตายอยู่ดี หิมะใกล้จะหยุดแล้ว ฉันมีธุระ”“วันหยุดสุดสัปดาห์จะไปมีธุระอะไร?”“ไปหาเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย!”"ห๊า? สวี่เนี่ยนชู? หนาวขนานี้ พี่จะไปหาเธอทำไม?"“นายไม่เข้าใจ!”หลินโจวไม่ตอบหลิวซื่อหมิง หันหลังกลับแล้วจากไปจากร้านอินเทอร์เน็ตไปถึงโรงเรียนไม่ไกลนักบ้านของสวี่เนี่ยนชูไกลมาก เธอจึงพักอยู่ที่โรงเรียน แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็พักที่โรงเรียนในช่วงวัยที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ หลินโจวรออยู่ที่ชั้นล่างของหอพักหญิงเป็นเวลานานในที่สุดเธอก็ได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเพื่อนร่วมชั้น เขาขอให้เธอช่วยเรียกสวี่เนี่ยนชูให้เมื่อสวี่เนี่ยนชูได้ยินว่าหลินโจวกำลังตามหาเธอ ก็เปิดผ้าห่มออกด้วยความตื่นตระหนก กระโดดลงจากเตียง รีบสวมรองเท้าแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วหลั
มีเสียงกระซิบกระซาบดังมาจากคนรอบข้างอีกครั้ง!“โอ้สวรรค์ เขามีแฟนแล้วเหรอ”“อุ๊ย ยังใส่เสื้อคลุมให้เธอด้วย ฮือฮือฮืออบอุ่นจัง!”“ฉันก็อยากมีแฟนแบบนี้เหมือนกัน”…….สวี่เนี่ยนชูก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก หน้าก็กลายเป็นเหมือนแอปเปิ้ลสีแดง“ฉัน คือว่า ฉันไม่ต้องใช้มัน ฉันไม่หนาว”ทันทีที่พูดจบ เธอก็หนาวจนตัวสั่นสะท้านสวี่เนี่ยนชู: ....แย่แล้ว!น่าอายมากเลยเป็นไปตามที่คาดคิดไว้ มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ:“อย่าดื้อ รีบใส่เร็วเข้า! เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”อย่าดื้อน่า...ทำไมเขาถึงได้ใช้คำที่สนิทสนมอย่างนี้นะ?ไม่สิไม่สิเขาจะใช้คำพูดที่สนิทสนมขนาดนี้กับเธอได้ยังไงเท่าที่จำได้ นอกจากพ่อแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่มีใครเคยพูดอย่างนี้กับเธอเลยตั้งแต่วันที่พวกเขาจากเธอไป เธอก็กลายเป็นเด็กดีที่ว่านอนสอนง่ายคนหนึ่งสวี่เนี่ยนชูรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอถูกข่วนด้วยอุ้งเท้าแมว มันทำให้เธอไม่สบายใจชายหนุ่มอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแล้วสวี่เนี่ยนชูรู้สึกแค่เพียงว่าสายตาที่ร้อนระอุกำลังจะแผดเผาเธอให้วอดวายเธอก้มศีรษะต่ำลงเรื่อยๆ“คือว่า คือว่าฉัน...”“ฉันจะ