เขาลดเสียงลงเพื่อให้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยินครึ่งประโยคสุดท้าย“หลินโจว ฉันไม่ได้เรียกพ่อของนายมา เป็นเหล่าพวกผู้ปกครองที่ไม่รู้เรื่องราวโทรหาเขา เขาไม่วางใจ อยากจะมาดูนาย กลัวว่าจะถูกไล่ออก "หลินฉางเจิ้ง หัวเราะเบา ๆ: "ฉันไม่กังวลเหรอ?"ท้ายที่สุดแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กคนนี้ถูกเรียกว่าพ่อแม่จางซูฉี ทำอะไรไม่ถูก:“คุณเชื่อไหมตอนนี้ โรงเรียนไม่มีแผนที่จะไล่หลินโจวจริงๆ พ่อแม่พวกนั้นไม่เข้าใจสถานการณ์และคิดว่าหลินโจวกำลังมีความรักตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ดอกกุหลาบของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อครูของเรา”จางซูฉี ชี้ไปที่ดอกกุหลาบที่อยู่ตรงนั้นเป็นเวลาหนึ่งวันตรงมุมห้อง“เดิมทีฉันตั้งใจจะให้ครูไปคนละดอก แต่พวกเขาบอกว่าดอกไม้ทั้งช่อน่าจะดูดีกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงยืนกรานที่จะเอาดอกไม้ทั้งหมดมาที่นี่กับฉัน”“เฒ่าหลิน หลินโจวเป็นเด็กดี ฉันจะอธิบายให้ผู้ปกครองฟัง ไม่ต้องกังวล!”หลินฉางเจิ้งไม่อยากจะเชื่อเลย:"จริงๆ?"นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำชื่นชมจากอาจารย์หลินโจว!"แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง""นั่นก็ดี นั่นก็ดี!"เขาหัวเราะเบา ๆ และตบไหล่ของหลินโจวอย่างแรง“เด็กดี คราวนี้คุณทำได้ด
หลินโจวถูกหลินฉางเจิ้งดุเมื่อฉันเดินเข้าไปในห้องเรียน พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ในชั้นเรียนยังไม่กลับมาเวลามื้อเย็นนั้นค่อนข้างนาน สนามเด็กเล่นของโรงเรียนก็เปิดแล้วหลังจากเรียนมา 1 วัน นักเรียนส่วนใหญ่จะเลือกไปสนามเด็กเล่นเพื่อพักผ่อนแน่นอนว่ายังมีคนที่ไปเดทแบบลับๆในนามของการพักผ่อนด้วยในสามแถวด้านหลังห้องเรียน สู่เนี่ยนชู นั่งอยู่คนเดียวมีหนังสือและขนมปังอยู่บนมือซ้ายของเธอในมือขวาของเขา เขายังถือขนมปังที่เคี้ยวไปแล้วด้วยราคาถูกมากในปี 2547 แม้แต่ในโรงเรียนก็ถูกกว่าด้วยซ้ำ ซาลาเปาชิ้นเล็กสองชิ้นมีราคาห้าสิบสตางค์หลินโจวกินได้แปดลูกในมื้อเดียว!บางที เนี่ยนชู อาจจะซื้อแค่หนึ่งหรือสองอันเท่านั้นหลินโจวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินออกไปก่อนที่ สู่เนี่ยนชู จะทันโต้ตอบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว คว้าขนมปังจากมือของเธอ แล้วกัดเข้าไปสู่เนี่ยนชู เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จากนั้นก็ตัวแข็งตำแหน่งที่หลินโจวกินนั้นเป็นตำแหน่งที่เธอกัดนี่...นี่ไม่ใช่สิ่งที่มักพูดกันในละครโทรทัศน์...จูบทางอ้อมเหรอ?เธอจูบหลินโจวหรือเปล่า?โอ้พระเจ้า!สู่เนี่ยนชู ไม่มีเวลาคิดว่าทำไม หลินโ
เมื่อกลิ่นหอมกระทบต่อมรับรส ก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไปสวี่เนี่ยนชูระงับความกลัวในใจเอาไว้ และเริ่มกินอย่างจริงจัง“เอ๊ะ? พี่โจว อะไรถึงได้หอมขนาดนี้ ให้ผมกินหน่อย?ผมหิวจะตายอยู่แล้ว…”พอหลิวซื่อหมิงที่กำลังคัดลอกข้อสอบอยู่ที่หน้าต่างได้กลิ่นหอม ก็รีบวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นท่าทางของหลินโจวกับสวี่เนี่ยนชู เขาก็รีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว:“เอ่อ คือว่า ผมไม่หิวเลยสักนิด ผมล้อพวกพี่เล่นเฉยๆ เหอะๆ ลอกข้อสอบยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวผมจะไปลอกต่อ…”ทำไมข้อสอบของวันนี้ถึงได้จี๊ดใจขนาดนี้?สวี่เนี่ยนชูงุนงงเล็กน้อย เธอชี้ไปทางหลิวซื่อหมิงอย่างงุนงง:"เขาก็ไม่กินข้าวเหมือนกันใช่ไหม? เอาให้เขากินหน่อยไหม?"“ไม่ต้อง เขาลดน้ำหนักอยู่”เมื่อเห็นว่าสวี่เนี่ยนชูไม่เชื่อ หลินโจวจึงพูดอีกครั้งว่า:"ดูสิว่าเขาอ้วนขนาดไหน อ้วนมากไม่ดีต่อสุขภาพหรอก ปู่ของเขาเพราะอ้วนเกินไปจึงทำให้เลือดออกในสมองแล้วเสียชีวิต เขาต้องลดน้ำหนักแล้ว"สิ่งที่หลินโจวพูดนั้นเป็นความจริงใช่ว่าเขาให้หลิวซื่อหมิงลดน้ำหนัก แต่เป็นเพราะหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลายเขาเริ่มกินตามอำเภอใจมากขึ้นภายหลังกินจนน้ำหนักถึงร้อยห้าสิบกิโลกรัม
พอเห็นหลินโจวออกไปข้างนอก เธอแทบรอไม่ไหวที่จะลุกขึ้นไปเรียนที่ห้องสามอวิ๋นรั่วซีกับหลี่เสี่ยวหว่านเพิ่งกลับมาจากกินข้าวพอดีพอเห็นเธอ อวิ๋นรั่วซีก็ขมวดคิ้ว:“โจวซานซาน?เธอมาพอดีเลย ฉันกำลังตามหาเธออยู่ วันนี้ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฟ่านอวิ๋นเจ๋อกับหลินโจวแล้วนะ เธอไปบอกฟ่านอวิ๋นเจ๋อว่า อย่าปัญญาอ่อนให้มันมากนัก เรื่องหลินโจวกับฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา และบอกเขาว่าอย่าทำให้หลินโจวลำบากใจอีก!”ตอนที่ทานข้าว อวิ๋นรั่วซีได้ยินทุกอย่างหมดแล้วเธอโกรธมากแม้ว่าอยากจะสร้างปัญหาให้กับหลินโจว ก็ควรจะเป็นเธอที่ไปฟ่านอวิ๋นเจ๋อคือใคร?ทันทีที่เธอพูดจบ ก็เห็นฟ่านอวิ๋นเจ๋อถือชามข้าวมาจากทางด้านหลังสีหน้าของเขาดูแย่เล็กน้อย“รั่วซี”“อ้อ นายอยู่นี่ก็ดีแล้ว โจวซานซานจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูดอีกรอบ”ฟ่านอวิ๋นเจ๋อกำมือเอาไว้แน่น ไม่กล้าพูดอะไรสักคำทั้งหมดเป็นเพราะหลินโจวการทำข้อสอบจำลองครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้หลินโจวได้เจอดีแน่!เขาไม่เชื่อว่า คนที่ไม่ผ่านวิชาคณิตศาสตร์ จะสอบได้คะแนนดีกว่าเขาพออวิ๋นรั่วซีพูดจบ ก็จูงมือหลี่เสี่ยวหว่านและกำลังจะจากไปโจวซานซานก็รีบขวางทางเธอเอาไว้:
หลินโจวชอบแค่เธอเท่านั้น“โจวซานซาน คราวหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกไม่ต้องมาบอกฉัน เสี่ยวหว่าน พวกเราไปกันเถอะ”โจวซานซาน:???รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเล็กน้อย แต่ในฐานะเพื่อนสนิทของอวิ๋นรั่วซี ในที่สุดโจวซานซานก็พยักหน้า:"ได้ เข้าใจแล้ว"ตอนที่หลินโจวกลับมา โจวซานซานยังไม่ได้จากไปหลินโจวเมินเฉยต่อเธอ และเดินไปที่ห้องเรียนตอนที่เดินผ่านโจวซานซาน เขาก็ได้ยินเธอพูดประโยคหนึ่งว่า:“ปัญญาอ่อน หลินโจวนายมันปัญญาอ่อนมาก!”แล้วก็จากไปด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม????ผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันกับอวิ๋นรั่วซีต่างก็พากันเป็นบ้า?หลินโจวส่ายหัว และไม่สนใจเธอ…....คาบวิชาศึกษาด้วยตนเองในช่วงเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็วพอเลิกเรียนแล้ว หลินโจวก็เรียกหลิวซื่อหมิงเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านทั้งคู่ต่างก็เป็นนักเรียนไปกลับใช้เวลาเดินจากโรงเรียนเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงแล้วพอออกจากประตูโรงเรียน หลิวซื่อหมิงแทบจะรอไม่ไหวที่จะดึงหลินโจวเอาไว้:“พี่โจว ร้านอินเทอร์เน็ตเปิดอยู่? ผมเลี้ยงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!”ตอนเย็นไม่กินข้าว เขาหิวจะตายอยู่แล้ว"ไม่ไป"“อ้าว? แล้วพี่จะทำอะไร?”"กลับบ้าน!"หลิวซื่อหมิงเ
หลิ่วชิงเหยียนก้มศีรษะลง แล้วหัวเราะเบา ๆ :“หลินโจว วันนี้นายแปลกไปเล็กน้อยจริงๆนะ”มิน่าล่ะสวี่เนี่ยนชูถึงไม่ยอมเปลี่ยนที่นั่งเป็นเช่นนี้ ก็ดีเหมือนกัน“งั้นอาจารย์คิดว่าผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง?”"เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน แบบนี้ดีมาก หากสามารถพัฒนาการเรียนได้ มันจะดียิ่งกว่านี้!"“ฮ่า ผมว่าจะตั้งใจเรียนอยู่พอดีเลย”“อืม สู้ๆ อาจารย์จะสนับสนุนนาย”"ขอบคุณครับ"หลิ่วชิงเหยียนเปิดเบียร์ เทแก้วหนึ่งแล้วยื่นให้หลินโจว"ดื่มไหม?"“คุณครูหลิ่วครับ ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้วถึงจะบรรลุนิติภาวะ”"โอเค!"หลิ่วชิงเหยียนดื่มเองหนึ่งอึก สีหน้าดูเศร้าหมองเล็กน้อย“อันที่จริงแล้วเป็นวันเกิดที่ไม่มีความสุขเลย”ในตอนเช้าแต่งหน้าอย่างสวยงาม แต่กลับถูกบังคับให้ไปนัดบอด แม้แต่พิธีปฎิญาณตนหนึ่งร้อยวันของนักเรียนก็ยังไม่ได้เข้าร่วมต่อมา ยังถูกผู้ปกครองทั้งหลายร้องเรียน ว่าตนไปทำงานอื่นมากกว่างานหลักหลิ่วชิงเหยียนไม่รู้ว่า ทำไมชีวิตของตนถึงกลายเป็นแบบนี้“คุณครูหลิ่วครับ อันที่จริงผมคิดว่า ไม่จำเป็นต้องไปสนใจความคิดของคนเหล่านั้นหรอก”หลิ่วชิงเหยี
เมื่อฉินซูหลันได้ยินดังนี้ ก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะรู้ว่าสิ่งที่หลินฉางเจิงพูดหมายถึงอะไร เธอเอามือปิดปากเอาไว้น้ำตาแทบไหลแต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ยังคงส่ายหัว:“ไม่ได้ ฉางเจิง คุณลืมนิสัยของหลินโจวไปแล้วเหรอ? แม้ว่าวันนี้เขาจะให้คุณหาแม่ให้เขา แต่ถ้าเขาแค่อยากจะทดสอบคุณล่ะ?”“ถ้าเกิดเขารู้เรื่องของพวกเราแล้ว เริ่มโวยวายขึ้นมาล่ะ?”“เรื่องระหว่างฉันกับคุณเป็นเรื่องเล็ก แต่เขากำลังจะสอบเข้าวิทยาลัยนะ”“พวกเราจะทำให้เขาเสียเวลาไม่ได้”หลินฉางเจิงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าในฐานะพ่อของหลินโจวหลินฉางเจิงเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเลี้ยงหลินโจวมาจนเติบใหญ่ด้วยตนเองตามลำพังดังนั้นเขาจึงรู้จักหลินโจวเป็นอย่างดีเด็กคนนี้ก่อเรื่องมาตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ยิ่งก่อเรื่องมากขึ้นวันนี้ ได้ยินอาจารย์ชมเชยหลินโจวจากปากของพวกเขา หลินฉางเจิงก็รู้สึกเหลือเชื่อแล้วคิดไม่ถึงว่า ยังจะได้ยินหลินโจวบอกให้เขาหาแม่สักคนให้เขาในเวลานั้น หลินฉางเจิงรู้สึกดีใจมากไม่ง่ายเลยที่เขากับฉินซูหลันจะได้อยู่ด้วยกัน พวกเขาคิดหาโอกาส ที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาแต่ว่า ฉินซูหลันพูดถูกหลินโจ
แต่ว่าเขารู้มานานแล้วว่า วิธีการที่สื่อสารที่ดีที่สุด ระหว่างพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด หรือระหว่างปู่ย่านั้น ก็คือการถูกต้องการแม้ว่าพวกเขาจะจู้จี้ขี้บ่น และตัดพ้อต่อว่าแต่ถ้าคุณเอาสิ่งที่พวกเขาเตรียมไว้ไปจริงๆ พวกเขาจะมีความสุขมากเช่นคนที่ไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกครั้งที่กลับไปต่างก็ใช้รถหรูประเภทต่างๆ บรระจุมันฝรั่งและมันเทศจากที่บ้านและสิ่งของทุกอย่างที่หาซื้อได้ง่ายในเมืองและพ่อแม่ของพวกเขา ก็มีความสุขมากเฒ่าหลินก็เป็นคนเช่นนี้ชาติที่แล้ว หลินโจวรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งนี้มาก และมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าเฒ่าหลินกำลังจำกัดชีวิตของตนเองทั้งหัวขบถทั้งโง่เขลาในขณะนี้ เมื่อได้พบเฒ่าหลินอีกครั้ง หลินโจวจึงได้รู้ว่ามันมีค่าเพียงใด“โรงเรียนไม่อนุญาตให้นำอาหารไปไม่ใช่เหรอ?”ขณะที่หลินฉางเจิงพูด ก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แล้วไปเตรียมตัวที่ห้องครัว“ผมแอบเอาไป”หลินโจวกลับไปที่ห้องนอน และเริ่มนำหนังสือคณิตศาสตร์กลับมาด้วยแม้ว่าเขาจะไม่สนใจคำพูดของโจวซานซานและคนอื่นๆแต่ในเมื่อตัดสินใจเรียนแล้ว ก็จะต้องพัฒนาขึ้นฟ่านอวิ๋นเจ๋อคนนี้ไม่ชอบตนเองมาโดยตลอด เอาเขาเป็นเป้าหมายแรกก็แล้ว