เมื่อกลิ่นหอมกระทบต่อมรับรส ก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไปสวี่เนี่ยนชูระงับความกลัวในใจเอาไว้ และเริ่มกินอย่างจริงจัง“เอ๊ะ? พี่โจว อะไรถึงได้หอมขนาดนี้ ให้ผมกินหน่อย?ผมหิวจะตายอยู่แล้ว…”พอหลิวซื่อหมิงที่กำลังคัดลอกข้อสอบอยู่ที่หน้าต่างได้กลิ่นหอม ก็รีบวิ่งเข้ามาทันทีเมื่อเห็นท่าทางของหลินโจวกับสวี่เนี่ยนชู เขาก็รีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว:“เอ่อ คือว่า ผมไม่หิวเลยสักนิด ผมล้อพวกพี่เล่นเฉยๆ เหอะๆ ลอกข้อสอบยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวผมจะไปลอกต่อ…”ทำไมข้อสอบของวันนี้ถึงได้จี๊ดใจขนาดนี้?สวี่เนี่ยนชูงุนงงเล็กน้อย เธอชี้ไปทางหลิวซื่อหมิงอย่างงุนงง:"เขาก็ไม่กินข้าวเหมือนกันใช่ไหม? เอาให้เขากินหน่อยไหม?"“ไม่ต้อง เขาลดน้ำหนักอยู่”เมื่อเห็นว่าสวี่เนี่ยนชูไม่เชื่อ หลินโจวจึงพูดอีกครั้งว่า:"ดูสิว่าเขาอ้วนขนาดไหน อ้วนมากไม่ดีต่อสุขภาพหรอก ปู่ของเขาเพราะอ้วนเกินไปจึงทำให้เลือดออกในสมองแล้วเสียชีวิต เขาต้องลดน้ำหนักแล้ว"สิ่งที่หลินโจวพูดนั้นเป็นความจริงใช่ว่าเขาให้หลิวซื่อหมิงลดน้ำหนัก แต่เป็นเพราะหลังจากที่เรียนจบมัธยมปลายเขาเริ่มกินตามอำเภอใจมากขึ้นภายหลังกินจนน้ำหนักถึงร้อยห้าสิบกิโลกรัม
พอเห็นหลินโจวออกไปข้างนอก เธอแทบรอไม่ไหวที่จะลุกขึ้นไปเรียนที่ห้องสามอวิ๋นรั่วซีกับหลี่เสี่ยวหว่านเพิ่งกลับมาจากกินข้าวพอดีพอเห็นเธอ อวิ๋นรั่วซีก็ขมวดคิ้ว:“โจวซานซาน?เธอมาพอดีเลย ฉันกำลังตามหาเธออยู่ วันนี้ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฟ่านอวิ๋นเจ๋อกับหลินโจวแล้วนะ เธอไปบอกฟ่านอวิ๋นเจ๋อว่า อย่าปัญญาอ่อนให้มันมากนัก เรื่องหลินโจวกับฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา และบอกเขาว่าอย่าทำให้หลินโจวลำบากใจอีก!”ตอนที่ทานข้าว อวิ๋นรั่วซีได้ยินทุกอย่างหมดแล้วเธอโกรธมากแม้ว่าอยากจะสร้างปัญหาให้กับหลินโจว ก็ควรจะเป็นเธอที่ไปฟ่านอวิ๋นเจ๋อคือใคร?ทันทีที่เธอพูดจบ ก็เห็นฟ่านอวิ๋นเจ๋อถือชามข้าวมาจากทางด้านหลังสีหน้าของเขาดูแย่เล็กน้อย“รั่วซี”“อ้อ นายอยู่นี่ก็ดีแล้ว โจวซานซานจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูดอีกรอบ”ฟ่านอวิ๋นเจ๋อกำมือเอาไว้แน่น ไม่กล้าพูดอะไรสักคำทั้งหมดเป็นเพราะหลินโจวการทำข้อสอบจำลองครั้งนี้ เขาจะต้องทำให้หลินโจวได้เจอดีแน่!เขาไม่เชื่อว่า คนที่ไม่ผ่านวิชาคณิตศาสตร์ จะสอบได้คะแนนดีกว่าเขาพออวิ๋นรั่วซีพูดจบ ก็จูงมือหลี่เสี่ยวหว่านและกำลังจะจากไปโจวซานซานก็รีบขวางทางเธอเอาไว้:
หลินโจวชอบแค่เธอเท่านั้น“โจวซานซาน คราวหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกไม่ต้องมาบอกฉัน เสี่ยวหว่าน พวกเราไปกันเถอะ”โจวซานซาน:???รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเล็กน้อย แต่ในฐานะเพื่อนสนิทของอวิ๋นรั่วซี ในที่สุดโจวซานซานก็พยักหน้า:"ได้ เข้าใจแล้ว"ตอนที่หลินโจวกลับมา โจวซานซานยังไม่ได้จากไปหลินโจวเมินเฉยต่อเธอ และเดินไปที่ห้องเรียนตอนที่เดินผ่านโจวซานซาน เขาก็ได้ยินเธอพูดประโยคหนึ่งว่า:“ปัญญาอ่อน หลินโจวนายมันปัญญาอ่อนมาก!”แล้วก็จากไปด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม????ผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันกับอวิ๋นรั่วซีต่างก็พากันเป็นบ้า?หลินโจวส่ายหัว และไม่สนใจเธอ…....คาบวิชาศึกษาด้วยตนเองในช่วงเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็วพอเลิกเรียนแล้ว หลินโจวก็เรียกหลิวซื่อหมิงเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านทั้งคู่ต่างก็เป็นนักเรียนไปกลับใช้เวลาเดินจากโรงเรียนเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงแล้วพอออกจากประตูโรงเรียน หลิวซื่อหมิงแทบจะรอไม่ไหวที่จะดึงหลินโจวเอาไว้:“พี่โจว ร้านอินเทอร์เน็ตเปิดอยู่? ผมเลี้ยงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!”ตอนเย็นไม่กินข้าว เขาหิวจะตายอยู่แล้ว"ไม่ไป"“อ้าว? แล้วพี่จะทำอะไร?”"กลับบ้าน!"หลิวซื่อหมิงเ
หลิ่วชิงเหยียนก้มศีรษะลง แล้วหัวเราะเบา ๆ :“หลินโจว วันนี้นายแปลกไปเล็กน้อยจริงๆนะ”มิน่าล่ะสวี่เนี่ยนชูถึงไม่ยอมเปลี่ยนที่นั่งเป็นเช่นนี้ ก็ดีเหมือนกัน“งั้นอาจารย์คิดว่าผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง?”"เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน แบบนี้ดีมาก หากสามารถพัฒนาการเรียนได้ มันจะดียิ่งกว่านี้!"“ฮ่า ผมว่าจะตั้งใจเรียนอยู่พอดีเลย”“อืม สู้ๆ อาจารย์จะสนับสนุนนาย”"ขอบคุณครับ"หลิ่วชิงเหยียนเปิดเบียร์ เทแก้วหนึ่งแล้วยื่นให้หลินโจว"ดื่มไหม?"“คุณครูหลิ่วครับ ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้วถึงจะบรรลุนิติภาวะ”"โอเค!"หลิ่วชิงเหยียนดื่มเองหนึ่งอึก สีหน้าดูเศร้าหมองเล็กน้อย“อันที่จริงแล้วเป็นวันเกิดที่ไม่มีความสุขเลย”ในตอนเช้าแต่งหน้าอย่างสวยงาม แต่กลับถูกบังคับให้ไปนัดบอด แม้แต่พิธีปฎิญาณตนหนึ่งร้อยวันของนักเรียนก็ยังไม่ได้เข้าร่วมต่อมา ยังถูกผู้ปกครองทั้งหลายร้องเรียน ว่าตนไปทำงานอื่นมากกว่างานหลักหลิ่วชิงเหยียนไม่รู้ว่า ทำไมชีวิตของตนถึงกลายเป็นแบบนี้“คุณครูหลิ่วครับ อันที่จริงผมคิดว่า ไม่จำเป็นต้องไปสนใจความคิดของคนเหล่านั้นหรอก”หลิ่วชิงเหยี
เมื่อฉินซูหลันได้ยินดังนี้ ก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะรู้ว่าสิ่งที่หลินฉางเจิงพูดหมายถึงอะไร เธอเอามือปิดปากเอาไว้น้ำตาแทบไหลแต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ยังคงส่ายหัว:“ไม่ได้ ฉางเจิง คุณลืมนิสัยของหลินโจวไปแล้วเหรอ? แม้ว่าวันนี้เขาจะให้คุณหาแม่ให้เขา แต่ถ้าเขาแค่อยากจะทดสอบคุณล่ะ?”“ถ้าเกิดเขารู้เรื่องของพวกเราแล้ว เริ่มโวยวายขึ้นมาล่ะ?”“เรื่องระหว่างฉันกับคุณเป็นเรื่องเล็ก แต่เขากำลังจะสอบเข้าวิทยาลัยนะ”“พวกเราจะทำให้เขาเสียเวลาไม่ได้”หลินฉางเจิงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าในฐานะพ่อของหลินโจวหลินฉางเจิงเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเลี้ยงหลินโจวมาจนเติบใหญ่ด้วยตนเองตามลำพังดังนั้นเขาจึงรู้จักหลินโจวเป็นอย่างดีเด็กคนนี้ก่อเรื่องมาตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ยิ่งก่อเรื่องมากขึ้นวันนี้ ได้ยินอาจารย์ชมเชยหลินโจวจากปากของพวกเขา หลินฉางเจิงก็รู้สึกเหลือเชื่อแล้วคิดไม่ถึงว่า ยังจะได้ยินหลินโจวบอกให้เขาหาแม่สักคนให้เขาในเวลานั้น หลินฉางเจิงรู้สึกดีใจมากไม่ง่ายเลยที่เขากับฉินซูหลันจะได้อยู่ด้วยกัน พวกเขาคิดหาโอกาส ที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาแต่ว่า ฉินซูหลันพูดถูกหลินโจ
แต่ว่าเขารู้มานานแล้วว่า วิธีการที่สื่อสารที่ดีที่สุด ระหว่างพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด หรือระหว่างปู่ย่านั้น ก็คือการถูกต้องการแม้ว่าพวกเขาจะจู้จี้ขี้บ่น และตัดพ้อต่อว่าแต่ถ้าคุณเอาสิ่งที่พวกเขาเตรียมไว้ไปจริงๆ พวกเขาจะมีความสุขมากเช่นคนที่ไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกครั้งที่กลับไปต่างก็ใช้รถหรูประเภทต่างๆ บรระจุมันฝรั่งและมันเทศจากที่บ้านและสิ่งของทุกอย่างที่หาซื้อได้ง่ายในเมืองและพ่อแม่ของพวกเขา ก็มีความสุขมากเฒ่าหลินก็เป็นคนเช่นนี้ชาติที่แล้ว หลินโจวรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งนี้มาก และมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าเฒ่าหลินกำลังจำกัดชีวิตของตนเองทั้งหัวขบถทั้งโง่เขลาในขณะนี้ เมื่อได้พบเฒ่าหลินอีกครั้ง หลินโจวจึงได้รู้ว่ามันมีค่าเพียงใด“โรงเรียนไม่อนุญาตให้นำอาหารไปไม่ใช่เหรอ?”ขณะที่หลินฉางเจิงพูด ก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แล้วไปเตรียมตัวที่ห้องครัว“ผมแอบเอาไป”หลินโจวกลับไปที่ห้องนอน และเริ่มนำหนังสือคณิตศาสตร์กลับมาด้วยแม้ว่าเขาจะไม่สนใจคำพูดของโจวซานซานและคนอื่นๆแต่ในเมื่อตัดสินใจเรียนแล้ว ก็จะต้องพัฒนาขึ้นฟ่านอวิ๋นเจ๋อคนนี้ไม่ชอบตนเองมาโดยตลอด เอาเขาเป็นเป้าหมายแรกก็แล้ว
ถ้ารู้ว่าเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยสอบที่ไหน หลินโจวก็จะมีทิศทางในความพากเพียรสักวันหนึ่ง จะต้องเอาเธอมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขนตลอดไปให้ได้ร่างเล็กๆของสวี่เนี่ยนชูชะงักครู่หนึ่ง“มหาวิทยาลัยเหรอ? ฉัน... ฉันยังไม่ได้คิดเลย”เธอดันแว่นตาของตนเองขึ้น สีหน้าหม่นหมองลงไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้ไหมได้ยินมาว่าค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยแพงมาก ค่าครองชีพก็แพงมากเช่นกันครอบครัวไม่มีเงินแล้ว...“งั้นก็เริ่มคิดตั้งแต่ตอนนี้เลย?”พอดูสีหน้าของเธอ หลินโจวก็แทบจะเดาความคิดของเธอออก"ตอนนี้เหรอ?""ใช่ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ยังมีเวลาอีกตั้งร้อยวัน ทันแน่นอน ""แต่ว่า……"“เธอจะต้องได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยแน่ เชื่อฉันสิ”หลินโจวพูดอย่างมั่นใจ จนหัวใจของสวี่เนี่ยนชูเต้นรัวจู่ๆเธอก็เริ่มโหยหาชีวิตในมหาวิทยาลัย“มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเป็นแบบไหนกันนะ?”สวี่เนี่ยนชูอาศัยอยู่ที่เมืองเจียงมาตั้งแต่เด็ก เมืองเจียงเป็นอำเภอเล็กๆ เธอจึงไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัยมาก่อนเลยญาติของครอบครัวก็ยังไม่มีใครเคยเรียนมหาวิทยาลัยเลย"มหาวิทยาลัยน่ะเหรอ มหาวิทยาลัยสวยงามมากๆ จะได้พบปะกับผู้คนมากมายหลากหลา
จึงมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเธอเช่นกันสวี่เนี่ยนชูตกใจเล็กน้อย และก้มศีรษะลงทำยังไงดีทำยังไงดี?คนดูเยอะขนาดนี้เธอ……เธอท่องไม่ได้จริงๆเมื่อวานสามารถยืนขึ้นมาพูดแทนหลินโจวได้ เป็นเพราะความหุนหันพลันแล่นชั่ววูบล้วนๆหลินโจวช่วยเธอ เธอก็แค่อยากจะช่วยหลินโจวตามสัญชาตญาณจางซูฉีก็เป็นคนที่ดีมาก ไม่มีการวางมาดอวดเบ่งอะไรเธอพูดแค่สองประโยคแล้วก็นั่งลงแต่ตอนนี้ บทเรียนทั้งหมดต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามนาทีเพื่อนร่วมห้องทั้งหมดรวมทั้งอาจารย์ต่างก็พากันจ้องมองเธอ แถมยังเป็นภาษาอังกฤษอีกสวี่เนี่ยนชูลนลานมากแต่ก่อนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมต้นหมายเลขสอง เพราะเธอเป็นแบบนี้ ครูจึงไม่ถามคำถามเธอเลยสวี่เนี่ยนชูกังวลจนสมองตื้อไปหมด จู่ๆแม้แต่ศัพท์คำเดียวก็จำไม่ได้เลยเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด หวังหมิ่นก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง“สวี่เนี่ยนชู? ถ้าท่องไม่ได้ก็ถือหนังสือแล้วไปยืนที่ข้างหลัง!”สวี่เนี่ยนชูเงยหน้าขึ้นทันที รู้สึกแสบจมูกเธอท่องได้!เห็นได้ชัดว่าเธอท่องได้ทำไมถึงเป็นแบบนี้?เธอไม่อยากให้เป็นแบบนี้!“ครูครับ ผม...”ขณะนี้หลินโจว ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปเขาหันหน้าไปด้านข้าง เห็นว
คนทั้งคนตกตะลึง“พี่ พี่โจว?”หลิวซื่อหมิงตบไปที่บนไหล่ของเขา:“ทำบื้ออะไรอยู่?นี่คือน้ำที่พี่โจวซื้อให้นาย ดูนายสิ โง่แล้วยังทำเป็นอวดฉลาดซื้อมาแค่สี่ขวด ทำให้พี่โจวของฉันไม่ได้ดื่มน้ำเลย!”เซี่ยตงชิง:???เขาพบว่า ทุกอย่างในวันนี้ดูเหมือนว่าจะผิดปกติไปเล็กน้อย“แต่ แต่ว่า พวกนายไม่ได้บอกให้ฉันซื้อห้าขวด…”“นายนับหัวคนไม่เป็นเหรอ?ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่โจวถึงไม่ให้นายไปห้าสิบบาท แต่ให้นายไปหนึ่งร้อยบาท?”“เป็นอย่างนี้เหรอ?”เซี่ยตงชิงกลืนน้ำลาย และมองหลินโจวอย่างงุนงงหลินโจว……เป็นอะไรไป?“เอาล่ะ อย่ามัวพูดมากอยู่เลย หลิวซื่อหมิงรีบมากวาดพื้นสิ!”“มาแล้ว!”หลิวซื่อหมิงรีบวิ่งไปแถวสุดท้าย หยิบไม้กวาดขึ้นมาและเริ่มกวาดเฉียนกั๋วกั่วก็กล่าวว่า:“ฉันก็จะช่วยด้วย ไม่ต้องเกรงใจ!”สวี่เนี่ยนชูไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปที่แถวสุดท้ายอย่างเงียบๆทั้งสามต่างก็ถือไม้กวาดกัยคนละด้ามเดิมทีหลิวซื่อหมิงตั้งใจจะกวาดแถวที่สอง แต่ถูกเฉียนกั๋วกั่วรั้งเอาไว้“หลิวซื่อหมิง พวกเราจะไปกวาดสองแถวข้างใน!”“ทำไมเหรอ?”หลิวซื่อหมิงรู้สึกไม่ยินยอมเล็กน้อยเฉียนกั๋วกั่วกลอกตาใส่ และชี้ไปทางหลินโจว ห
สามนาทีต่อมาเซี่ยตงชิงเช็ดปาก เคี้ยวข้าวคำสุดท้ายแบบลวกๆ และลุกขึ้นยืน:“ฉันกินเสร็จแล้ว”คนอื่นๆที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง :?หลินโจวเงยหน้าขึ้น: “ทำไมนายต้องกินเร็วขนาดนี้ด้วย?”“เดิม เดิมทีฉันเป็นคนกินข้าวเร็วอยู่แล้ว ฉันกลับห้องเรียนก่อนนะ”"เดี๋ยวก่อน"หลินโจวคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้อีกครั้ง:“จู่ๆก็รู้สึกกระหายน้ำนิดหน่อย ในเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ทุกคน คนละขวดก็แล้วกัน”ขณะที่พูด หลินโจวก็ควักเงินออกมาจากในกระเป๋า ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของเซี่ยตงชิง เขาก็เก็บเงินห้าสิบบาท เอาเงินแบงก์ร้อยออกมา แล้วยัดมันเข้าไปในมือของเซี่ยตงชิง"......"เซี่ยตงชิงมองดูการกระทำของหลินโจวด้วยความสับสน และพูดอย่างร้อนใจว่า:“ฉัน...รอให้พวกนายกินเสร็จก่อนแล้วค่อยไปซื้อเองดีไหม?”“ไม่ได้ จะสำลักตายแล้ว ขอร้องล่ะเพื่อนร่วมชั้นเซี่ย นายช่างเป็นคนดีจริงๆ”คำว่าคนดีทำให้เซี่ยตงชิงยินยอมเขารับเงินพร้อมอุ้มกล่องอาหารแล้ววิ่งไปที่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆหลินโจวกล่าวอย่างขบขันว่า:“เอาล่ะ ทุกคนกินต่อเถอะ”คณะกรรมการแรงงานจางจิ่นหงตักข้าวกลับมาเผอิญเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้าเ
มาถึงโรงเรียนตอนหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นอย่างตรงเวลาหลังจากอ่านหนังสือในตอนเช้าแล้ว หลินโจวก็หยิบกล่องข้าวออกมา และเตรียมจะไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เฉียนกั๋วกั่ว และหลิวซื่อหมิงแต่กลับถูกจางจิ่นหงสมาชิกคณะกรรมการแรงงานห้ามเอาไว้:“หลินโจว วันนี้กลุ่มนายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ นายอย่ามาเล่นลูกไม้นะ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วให้ตั้งใจทำความสะอาดให้ดีๆ อ้อใช่แล้วหวังลี่หยวนที่อยู่ในกลุ่มของพวกนายย้ายไปอยู่กลุ่มอื่นแล้วนะ ส่วนสวี่เนี่ยนชูให้มาอยู่กลุ่มพวกนาย อีกสักพักนายบอกเธอว่าจะต้องทำอะไรบ้าง”ระบบการทำความสะอาดของห้องสองปกติแล้วจะมีกลุ่มละสี่คนคนในกลุ่มของหลินโจว ได้แก่หลิวซื่อหมิง เพื่อนร่วมโต๊ะของหลิวซื่อหมิงเซี่ยตงชิง หวังลี่หยวนและหลินโจวหลินโจวในอดีต พอถึงเวรปฏิบัติหน้าก็จะเลือกที่จะลืม ดีแต่พูดงานไม่ทำหลิวซื่อหมิงก็มักจะเลียนแบบเขาเช่นกันส่งผลให้ มีเพียงแต่หวังลี่หยวนและเซี่ยตงชิงเท่านั้นที่ทำงานในกลุ่มนี้ทั้งสองคนมักจะพร่ำบ่นอยู่เสมอ และขอร้องจางจิ่นหงย้ายตนไปกลุ่มอื่น จางจิ่นหงไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่มาเร่งเร้าเขาด้วยตนเองทุกครั้งถ้าเร่งเร้าไม่ได้จริงๆ ต
ฉินซู่หลานที่กำลังขึ้นไปชั้นบนมองไปที่ฉินอวี่เถียนด้วยความประหลาดใจ“เมื่อก่อนแม่ทำอะไรลูกก็จะกินอันนั้นไม่ใช่เหรอ?”“นั่นมันเมื่อก่อน แต่วันนี้ หนูอยากกินข้าว หนูหิวแล้ว”น้ำเสียงของฉินอวี่เถียนแฝงด้วยความออดอ้อนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะแตะท้องของตนเองหิวจริงๆแม้แต่เธอเองก็ยังไม่ทันได้สังเกตว่า ดูเหมือนว่าเธอจะทำตามที่หลินโจวพูด ทีละขั้นตอนเมื่อฉินซู่หลานได้ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจลูกสาวรู้จักติดแม่แล้ว ดีจริงๆ!“ได้ได้ได้ หนูอยากกินอะไรแม่ก็จะทำอันนั้นให้ ลูกกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”"ค่ะ"เปิดประตูห้องพอฉินอวี่เถียนเข้าไปในห้อง ก็เห็นกระต่ายมาร์ชเมลโลว์บนโซฟาเธออยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว แต่พอเอื้อมมือไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็หยุดอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าไปในห้องฉินอวี่เถียนถอดเสื้อผ้าผู้ชายออก แล้วหยิบเสื้อกล้ามกีฬาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นชุดนอนแต่หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว จับพลัดจับผลูไม่รู้ยังไง เธอก็มาที่หน้าตู้เสื้อผ้าเปิดประตูตู้เล็กๆที่ถูกล็อคไว้ และหยิบชุดนอนหมีของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆชุดหนึ่งออกมาจากข้างในหลังจากทำท่าต่า
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก? ครั้งหน้าถ้ากลับมาดึกให้โทรบอกแม่รู้ไหม หนูกลับบ้านดึกขนาดนี้ แม่เป็นห่วงแทบแย่”น้ำเสียงของฉินซู่หลานอ่อนโยนขึ้น บางครั้งก็ปนกับเสียงสะอื้นไห้เธอยกมือขึ้น แล้วลูบหัวของฉินอวี่เถียนเบา ๆท่าทางที่ใกล้ชิดนี้ ทำให้ฉินอวี่เถียนแสบจมูกเธอพยายามที่จะเติบโตขึ้น พยายามที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้วิธีการของตนเองปกป้องแม่อยู่ตลอดเวลาจู่ๆตอนนี้ก็รู้สึกว่า แม่ดูเหมือนว่ากำลังปกป้องตนเองมากกว่า?เธอลูบจมูก:“หนูรู้แล้วค่ะแม่ ครั้งหน้าหนูจะกลับมาให้เร็วกว่านี้”"อืม ดีมาก"หลังจากคุยกับฉินอวี่เถียนแล้ว ฉินซู่หลานก็มองไปที่หลินโจว“เสี่ยวโจว ขอบใจหลานมากนะที่ส่งเสี่ยวเถียนกลับมา คืนนี้หลานพักอยู่ที่นี่ไหม? ป้าจะทำอาหารมื้อดึกให้”“ไม่ต้องครับคุณป้า เห็นท่าทางของป้าแล้วผมก็รู้เลยว่า เฒ่าหลินก็จะต้องรอผมอยู่ที่ประตูบ้านแน่นอน ถ้าผมไม่กลับไป กลัวโดนทุบตีเหมือนกันครับ”ฉินซู่หลานครุ่นคิดดูแล้วมันก็ใช่ลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ตลอดไป ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม“เอาล่ะ หลานอยากกินอะไรบอกป้ามาได้เลย ป้าทำเสร็จแล้วจะให้เสี่ยวเถียนเอาไปให้”“งั้นก็ ทำลูกชิ้นทอด
“ฉันรู้จักเธอแน่นอน แต่เธอกลายเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ได้อย่างไร?”"อันดับที่หนึ่งของทั้งเมืองยังไม่ใช่เทพแห่งการเรียนรู้อีกเหรอ? เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ในสายวิทยาศาสตร์ ได้อันดับที่หนึ่งของทั้งเมือง เอาชนะผู้ชายได้ตั้งมากมาย ยอดเยี่ยมมากเลย ตอนนี้เธอเป็นไอดอลของฉัน! และจะเป็นแบบอย่างในการเรียนของฉันด้วย!"พอฉินอวี่เถียนพูดถึงสวี่เนี่ยนชู ก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากหลินโจวกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ พูดอย่างขบขันว่า:“เถียนเถียน เธอยังไม่รู้จักสวี่เนี่ยนชูใช่ไหม?”ไม่เช่นนั้นเมื่อวานนี้ สวี่เนี่ยนชูคงจะยืนข้างตนเองแล้วแถมยังถูกเธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนของตนอีก ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงไม่ปฎิกิริยาอะไรเลยสักนิด“ใช่แล้ว ฉันไม่รู้จัก ทำไมเหรอ! คงจะมีโอกาสได้รู้จักเองแหละ”“ถ้าไม่เป็นอย่างนัั้นแล้วจะยังไง? ฉันจะแนะนำเธอให้รู้จักเอาไหม? ฉันค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเธอดี”“พอเหอะ เทพแห่งการเรียนรู้ของฉันจะมารู้จักมักจี่กับนักเรียนเรียนแย่อย่างนายได้อย่างไร? เธอไม่ได้ตาบอกซะหน่อย! นายไม่ต้องใช้เธอมาเพื่อมาตีสนิทกับฉันหรอก”"......"“อีกอย่าง ตอนนี้ผลการเรียนของฉันยังไม่ดีพอ ไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ก
อยากจะหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่กล้าฉินอวี่เถียนจึงทำได้แค่เพียงหดคอ และเดินไปข้างหน้าต่อไปใกล้แล้ว ใกล้จะถึงแล้วใกล้จะเดินออกไปแล้วในเวลานี้ ทันใดนั้นฉินอวี่เถียนก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าตรงคอของตนเองถูกคนคว้าเอาไว้เค้าโครงเรื่องในหนังผีมาสู่ความเป็นจริงฉินอวี่เถียนแทบจะเป็นบ้า!“อร๊าย~”เธออดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นมาจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ"เถียนเถียน"เอิ่ม?นี่คือ……เสียงของหลินโจว?ฉินอวี่เถียนลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นจริงอย่างที่คาดไว้เธอเห็นหลินโจวขี่จักรยาน มองดูเธออย่างขบขัน“ร้องอะไรน่ะ? นั่นก็แค่หนูตัวหนึ่งก็เท่านั้น และมันก็วิ่งหนีไปแล้ว”ฉินอวี่เถียน:“……”“นายนายนาย ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”“ก็มาส่งเธอไง พี่พูดคำไหนคำนั้น!”“แต่ว่าเมื่อกี้นาย...”“เมื่อกี้กลับไปยืมจักรยานที่โรงเรียนไง แบบนี้มันจะเร็วกว่า เธอก็คงจะไม่อยากให้ป้าฉินกังวลใช่ไหม?”"......"ฉินอวี่เถียนไม่มีอะไรจะพูดเมื่อนึกถึงการกระทำที่ขี้ขลาดเมื่อครู่นี้ เธอแทบอยากจะหารอยแตกบนพื้นแล้วมุดเข้าไปฉินอวี่เถียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วอธิบายอย่างข้างๆคูๆว่า:
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่เถียนประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าหลินโจวกำลังช่วยเรื่องการเรียนของเพื่อนร่วมชั้นด้วย?แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นจะน่ารำคาญนิดหน่อยแต่……หลินโจวเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้จริงๆเหรอ?ฉินอวี่เถียนไม่อยากจะเชื่อเลย“ฉันเป็นพี่ชายของเธอ ฉันไม่สนใจเธอแล้วใครจะสนใจเธอ!”ฉินอวี่เถียนส่งเสียงเชอะ หันหลังกลับแล้วเดินไป“ฉันยอมรับตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เฮ้อ? สาวน้อยคนนี้ รอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง”ตอนนี้ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว เดินทางตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยุ่ง ฉันรู้ทางกลับบ้าน”ฉินอวี่เถียนหันกลับมาอย่างดื้อรั้น แล้วเดินกลับบ้าน“น้องสาวจริงๆเหรอ?”หลิวซื่อหมิงชะโงกศีรษะ ด้วยสีหน้าที่งุนงง"ก็จริงน่ะสิ!"“แต่ว่า พ่อของพี่มีพี่เป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ?”“ฉันจะมีแม่เลี้ยงไม่ได้เลยเหรอ?”"......"หลิวซื่อหมิงสำลักเขามองไปที่หลินโจวด้วยความประหลาดใจ: “พ่อของพี่หาแม่เลี้ยงให้พี่เหรอ? แถมยังพาน้องเลี้ยงมาอีกคนด้วย?”“นายเข้าใจถูกแล้ว”หลิวซื่อหมิงกลืนน้ำลาย หลังจากที่ทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างผิวเผินแล้ว ก็เริ่มกังวลข
“ได้ครับ ขอบคุณครับครูจาง”ทันทีที่หลินโจวพูดจบ เขาก็ได้ยินฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดด้วยความโกรธ:“หลินโจว แม้ว่าจะเอาคลังโจทย์ข้อสอบเหล่านั้นให้นาย นายจะอ่านเข้าใจเหรอ?”พูดจบ ฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็เห็นสวี่เนี่ยนชูที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินโจวยืนอยู่ตรงหน้าจางซูฉี:“ครูจางคะ หนูก็ขอชุดหนึ่งค่ะ”“เธอจะเอาไปทำอะไร? เธอไม่จำเป็นต้องฝึกทำโจทย์ แค่รักษามาตรฐานในปัจจุบันของเธอเอาไว้ก็พอแล้ว”"หนูอยากจะช่วยหลินโจวค่ะ"“อืม?”จู่ๆจางซูฉีก็นึกได้ว่าความก้าวหน้าของหลินโจวในช่วงนี้ สวี่เนี่ยนชูก็มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากให้เธอช่วยก็ดีเหมือนกัน"ได้ ครูจะเตรียมให้เธอด้วยหนึ่ง""ขอบคุณค่ะครู"สวี่เนี่ยนชูติดตามหลินโจวไปอย่างอารมณ์ดีสุดขีดฟ่านอวิ๋นเจ๋อ: ......เขาหันศีรษะด้วยความโกรธแ ละพูดกับอวิ๋นรั่วซีว่า:"รั่วซี เธอดูสองคนนั้นสิโง่หรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าครูจางให้มาเพียงพอแล้ว แต่ยังยืนกรานที่จะขอเพิ่ม กลยุทธ์ฝึกฝนทำโจทย์ใช่ว่าจะใช้ได้ผลกับทุกคน พวกเราแค่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ .. "ยังไม่ทันได้พูดจบฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็เห็นอวิ๋นรั่วซีลุกยืนขึ้นเช่นกันสายตาของเธอจับจ้องไปที่หลินโจวผู้ชายคนนี้