เมื่อฉินซูหลันได้ยินดังนี้ ก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะรู้ว่าสิ่งที่หลินฉางเจิงพูดหมายถึงอะไร เธอเอามือปิดปากเอาไว้น้ำตาแทบไหลแต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ยังคงส่ายหัว:“ไม่ได้ ฉางเจิง คุณลืมนิสัยของหลินโจวไปแล้วเหรอ? แม้ว่าวันนี้เขาจะให้คุณหาแม่ให้เขา แต่ถ้าเขาแค่อยากจะทดสอบคุณล่ะ?”“ถ้าเกิดเขารู้เรื่องของพวกเราแล้ว เริ่มโวยวายขึ้นมาล่ะ?”“เรื่องระหว่างฉันกับคุณเป็นเรื่องเล็ก แต่เขากำลังจะสอบเข้าวิทยาลัยนะ”“พวกเราจะทำให้เขาเสียเวลาไม่ได้”หลินฉางเจิงลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าในฐานะพ่อของหลินโจวหลินฉางเจิงเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเลี้ยงหลินโจวมาจนเติบใหญ่ด้วยตนเองตามลำพังดังนั้นเขาจึงรู้จักหลินโจวเป็นอย่างดีเด็กคนนี้ก่อเรื่องมาตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ยิ่งก่อเรื่องมากขึ้นวันนี้ ได้ยินอาจารย์ชมเชยหลินโจวจากปากของพวกเขา หลินฉางเจิงก็รู้สึกเหลือเชื่อแล้วคิดไม่ถึงว่า ยังจะได้ยินหลินโจวบอกให้เขาหาแม่สักคนให้เขาในเวลานั้น หลินฉางเจิงรู้สึกดีใจมากไม่ง่ายเลยที่เขากับฉินซูหลันจะได้อยู่ด้วยกัน พวกเขาคิดหาโอกาส ที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาแต่ว่า ฉินซูหลันพูดถูกหลินโจ
แต่ว่าเขารู้มานานแล้วว่า วิธีการที่สื่อสารที่ดีที่สุด ระหว่างพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด หรือระหว่างปู่ย่านั้น ก็คือการถูกต้องการแม้ว่าพวกเขาจะจู้จี้ขี้บ่น และตัดพ้อต่อว่าแต่ถ้าคุณเอาสิ่งที่พวกเขาเตรียมไว้ไปจริงๆ พวกเขาจะมีความสุขมากเช่นคนที่ไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกครั้งที่กลับไปต่างก็ใช้รถหรูประเภทต่างๆ บรระจุมันฝรั่งและมันเทศจากที่บ้านและสิ่งของทุกอย่างที่หาซื้อได้ง่ายในเมืองและพ่อแม่ของพวกเขา ก็มีความสุขมากเฒ่าหลินก็เป็นคนเช่นนี้ชาติที่แล้ว หลินโจวรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งนี้มาก และมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าเฒ่าหลินกำลังจำกัดชีวิตของตนเองทั้งหัวขบถทั้งโง่เขลาในขณะนี้ เมื่อได้พบเฒ่าหลินอีกครั้ง หลินโจวจึงได้รู้ว่ามันมีค่าเพียงใด“โรงเรียนไม่อนุญาตให้นำอาหารไปไม่ใช่เหรอ?”ขณะที่หลินฉางเจิงพูด ก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แล้วไปเตรียมตัวที่ห้องครัว“ผมแอบเอาไป”หลินโจวกลับไปที่ห้องนอน และเริ่มนำหนังสือคณิตศาสตร์กลับมาด้วยแม้ว่าเขาจะไม่สนใจคำพูดของโจวซานซานและคนอื่นๆแต่ในเมื่อตัดสินใจเรียนแล้ว ก็จะต้องพัฒนาขึ้นฟ่านอวิ๋นเจ๋อคนนี้ไม่ชอบตนเองมาโดยตลอด เอาเขาเป็นเป้าหมายแรกก็แล้ว
ถ้ารู้ว่าเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยสอบที่ไหน หลินโจวก็จะมีทิศทางในความพากเพียรสักวันหนึ่ง จะต้องเอาเธอมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขนตลอดไปให้ได้ร่างเล็กๆของสวี่เนี่ยนชูชะงักครู่หนึ่ง“มหาวิทยาลัยเหรอ? ฉัน... ฉันยังไม่ได้คิดเลย”เธอดันแว่นตาของตนเองขึ้น สีหน้าหม่นหมองลงไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถเรียนมหาวิทยาลัยได้ไหมได้ยินมาว่าค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยแพงมาก ค่าครองชีพก็แพงมากเช่นกันครอบครัวไม่มีเงินแล้ว...“งั้นก็เริ่มคิดตั้งแต่ตอนนี้เลย?”พอดูสีหน้าของเธอ หลินโจวก็แทบจะเดาความคิดของเธอออก"ตอนนี้เหรอ?""ใช่ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ยังมีเวลาอีกตั้งร้อยวัน ทันแน่นอน ""แต่ว่า……"“เธอจะต้องได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยแน่ เชื่อฉันสิ”หลินโจวพูดอย่างมั่นใจ จนหัวใจของสวี่เนี่ยนชูเต้นรัวจู่ๆเธอก็เริ่มโหยหาชีวิตในมหาวิทยาลัย“มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเป็นแบบไหนกันนะ?”สวี่เนี่ยนชูอาศัยอยู่ที่เมืองเจียงมาตั้งแต่เด็ก เมืองเจียงเป็นอำเภอเล็กๆ เธอจึงไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัยมาก่อนเลยญาติของครอบครัวก็ยังไม่มีใครเคยเรียนมหาวิทยาลัยเลย"มหาวิทยาลัยน่ะเหรอ มหาวิทยาลัยสวยงามมากๆ จะได้พบปะกับผู้คนมากมายหลากหลา
จึงมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อเธอเช่นกันสวี่เนี่ยนชูตกใจเล็กน้อย และก้มศีรษะลงทำยังไงดีทำยังไงดี?คนดูเยอะขนาดนี้เธอ……เธอท่องไม่ได้จริงๆเมื่อวานสามารถยืนขึ้นมาพูดแทนหลินโจวได้ เป็นเพราะความหุนหันพลันแล่นชั่ววูบล้วนๆหลินโจวช่วยเธอ เธอก็แค่อยากจะช่วยหลินโจวตามสัญชาตญาณจางซูฉีก็เป็นคนที่ดีมาก ไม่มีการวางมาดอวดเบ่งอะไรเธอพูดแค่สองประโยคแล้วก็นั่งลงแต่ตอนนี้ บทเรียนทั้งหมดต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามนาทีเพื่อนร่วมห้องทั้งหมดรวมทั้งอาจารย์ต่างก็พากันจ้องมองเธอ แถมยังเป็นภาษาอังกฤษอีกสวี่เนี่ยนชูลนลานมากแต่ก่อนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมต้นหมายเลขสอง เพราะเธอเป็นแบบนี้ ครูจึงไม่ถามคำถามเธอเลยสวี่เนี่ยนชูกังวลจนสมองตื้อไปหมด จู่ๆแม้แต่ศัพท์คำเดียวก็จำไม่ได้เลยเมื่อเห็นว่าเธอไม่พูด หวังหมิ่นก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง“สวี่เนี่ยนชู? ถ้าท่องไม่ได้ก็ถือหนังสือแล้วไปยืนที่ข้างหลัง!”สวี่เนี่ยนชูเงยหน้าขึ้นทันที รู้สึกแสบจมูกเธอท่องได้!เห็นได้ชัดว่าเธอท่องได้ทำไมถึงเป็นแบบนี้?เธอไม่อยากให้เป็นแบบนี้!“ครูครับ ผม...”ขณะนี้หลินโจว ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปเขาหันหน้าไปด้านข้าง เห็นว
เช้าตรู่ของฤดูใบไม้ผลิ ฟ้าสางช้าเล็กน้อยตอนเลิกเรียนตอนเจ็ดโมงเช้า ข้างนอกยังมืดสลัวอยู่หลิวซื่อหมิงเร่งเร้าให้หลินโจวรีบไปทานข้าวหลินโจวมุ่งความสนใจไปที่เพื่อนร่วมโต๊ะน้อยเมื่อวานหลอกล่อเพื่อนร่วมโจ๊ะน้อยกินข้าวสองมื้อและลูกอมหนึ่งกำ วันนี้เธอฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดข้าวของวันนี้ จะหลอกล่อยังไงดี?“หลิน หลินโจว”จู่ๆเสียงของสวี่เนี่ยนชูก็ดังขึ้น หลินโจวก็มองไปที่เธอ"มีอะไรเหรอ?"“วัน วันนี้ฉันมีเงินแล้ว เช้านี้ครูหลิ่วให้เงินฉันมาห้าร้อยบาท นายไม่ต้องให้ฉันกินอะไรแล้ว”“ครูหลิ่ว?”"ใช่ ใช่ เธอยังบอกด้วยว่าต่อไปจะให้เงินช่วยเหลือฉันห้าร้อยบาทต่อเดือน รอให้ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จแล้วค่อยหาเงินมาคืนเธอ"หลังจากได้กินอาหารสองมื้อและลูกอมกระต่ายขาวกองหนึ่งของหลินโจว รวมทั้งปฏิกิริยาของหลินโจวในวันนี้ สวี่เนี่ยนชูแทบจะสามารถคอนเฟิร์มได้แล้วหลินโจวตั้งใจให้เธอกินแม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไม แต่สวี่เนี่ยนชูรู้ว่า จะเป็นเช่นนี้ตลอดไปไม่ได้ดังนั้นวันนี้ ตอนที่หลิ่วชิงเหยียนบอกว่าจะให้เงินเธอ สวี่เนี่ยนชูครุ่นคิดสักพัก แล้วก็รับเงินมาในนามของการยืมและสัญญาว่าจะทำงานหาเงินมาค
สีหน้าของหลินโจวเคร่งขรึมลงหมวกใบนี้ ตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ห้า ในวันเกิดของอวิ๋นรั่วซี เขามอบให้เธอเป็นของขวัญอวิ๋นรั่วซีไม่เคยใส่มันมาก่อนเลยแต่วันนี้ ทำไมเธอถึงได้ใส่มัน?"มีอะไรเหรอ?"“นาย...เมื่อกี้นายเพิ่งจะกินข้าวกับผู้หญิงเหรอ?”ทันทีที่เข้าไปในโรงอาหาร อวิ๋นรั่วซีก็เห็นหลินโจวเดิมทีเธออยากจะเรียกหลินโจวให้มากินข้าวด้วยกัน แต่พอนึกได้ว่ากำลังมีปัญหากับหลินโจว จึงสาบานว่าจะเพิกเฉยต่อเขาสักสองสามวันอวิ๋นรั่วซีจึงไม่ได้สนใจแต่ว่า เธอไม่เคยละหางตาไปจากหลินโจวเลยแม้แต่น้อยพอเห็นหลินโจวเดินถือกล่องอาหารมาทางเธอ อวิ๋นรั่วซีครุ่นคิดถ้าหลินโจวมาหาเธอเพื่อขอโทษ บางทีเธออาจจะให้อภัยเขาสักนิดนึงก็ได้?อืม!เอาแบบนี้แหละ!ยังไงซะหลินโจวก็ไปแสดงละครกับผู้หญิงคนอื่นเพื่อทำให้เธอโกรธแล้วไว้หน้าเขาหน่อยก็แล้วกันแต่ที่ไหนได้เมื่อหลินโจวเดินมาถึงข้างเธอ กลับไม่หยุดเขาเดินตรงไปที่ข้างหลังเธออวิ๋นรั่วซีชะงักไป พอหันหน้ากลับไป ก็เห็นสวี่เนี่ยนชูที่อยู่ตรงมุมเป็นอย่างนี้ได้ยังไง?เมื่อกี้หลินโจวไม่เห็นเธอเหรอ?ไม่ไม่ไม่!หลินโจวจะต้องเห็นเธอแล้วแน่ๆเขาทำแบบนี้ ยั
คาบที่สองในตอนเช้าเป็นวิชาภาษาจีนวันนี้หลิ่วชิงเหยียนสวมถุงเท้าหนาสีเนื้อท่อนล่างเป็นรองเท้าบูทยาวแมทช์กับกระโปรงสั้น ส่วนท่อนบนแมทช์กับเสื้อขนเป็ดที่สะดุดตายิ่งกว่าเมื่อวานเธอปล่อยผมสลายลงมา เป็นลอนยาว ริมฝีปากสีแดงที่พอเหมาะ ดูมีสไตล์ และมีเสน่ห์มากสวยกว่าดาราดังในโปสเตอร์บนหัวเตียงของผู้ชายเสียอีกพอเธอเข้าไปในห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ดังลั่น“ให้ตายเถอะ ครูหลิ่ว?”“ครูสวยสวยเกินไปแล้ว?”“พูดตามความจริงเลยนะ ถ้าครูแต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ผมคงจะสอบภาษาจีนได้ร้อยสามสิบคะแนน”หลิ่วชิงเหยียนเอาหนังสือเรียนวางไว้บนแท่นเวที มองลงไปที่ด้านล่างของแท่นเวทีด้วยรอยยิ้ม“ดีเลย งั้นพวกเธอทั้งหมดก็สอบให้ได้ร้อยสามสิบคะแนนให้ฉันเห็น ต่อไปครูจะใส่อย่างนี้ทุกวัน!”จะเห็นได้ว่า วันนี้เธอมีความสุขมากกว่าเมื่อวาน“จริงเหรอครับจริงเหรอครับ? งั้นผมจะต้องเริ่มขยันแล้ว!”"จริงแท้แน่นอน!"“เยี่ยมมาก ครูหลิ่วครับ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เริ่มเรียนตอนนี้เลย ผมไม่อยากพลาดโอกาสในการเรียนรู้แม้แต่วินาทีเดียว”“ฮ่าฮ่า ได้เลย ทุกคนเปิดสมุดแบบฝึกหัด! วันนี้พวกเราจะมาพูดถึงแบบฝึ
คนที่เรียนแย่มากๆมาโดยตลอด จู่ๆจะเก่งขึ้นมาได้ยังไง!ปัญหาจะต้องอยู่ที่สวี่เนี่ยนชูอย่างแน่นอนเป็นอย่างที่คาดคิดไว้ พอได้ตรวจสอบถึงรู้ว่า สวี่เนี่ยนชูเรียนเก่งมากคำตอบของคำถามเหล่านั้นจะต้องเป็นสวี่เนี่ยนชูที่บอกเขาแน่ๆทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ทั้งชั้นเรียนต่างก็พากันมีชีวิตชีวา"จริงเหรอ? มิน่าล่ะครั้งที่แล้วถึงได้เขียนภาษาอังกฤษเก่งมาก!"“ดังนั้นการที่หลินโจวทำโจทย์ได้เป็นเพราะว่าเธอสอนเหรอ?”“น่าจะเป็นอย่างนั้น? ไม่อย่างนั้นหลินโจวจะสามารถทำโจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากแบบนั้นได้อย่างไร?”หลินโจว:.......นายคนนี้เริ่มทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กอีกแล้วเขาคิดว่าทำแบบนี้ก็จะสามารถแยกเขากับสวี่เนี่ยนชูออกจากกันได้เหรอ?ไร้สาระจริงๆเขาช่างไม่เข้าใจสวี่เนี่ยนชูเลยจริงๆชาติที่แล้วสาวน้อยคนนี้ชอบเขาเพียงเพราะลูกอมไม่กี่ก้อนในชาตินี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันอีกอย่าง เธอเป็นคนกลัวการเข้าสังคมมาก มาที่ชั้นเรียนวันแรก นอกจากเขาแล้ว ยังไม่เคยคุยกับใครเลยแล้วจะไปอยู่กลุ่มกับคนอื่นได้ยังไง?“เอาล่ะเอาล่ะ เรื่องนี้ทุกคนค่อยหารือกันหลังเลิกเรียน”หลิ่วชิงเหยียน หยุดความวุ่นวายนี้เอาไว้