แถมป๋ายอีอียังเขียนใต้รูปไว้ว่า ตอนเด็ก ๆ ตนเองเคยพูดแค่ครั้งเดียวว่าดอกไม้ที่ชอบที่สุดก็คือดอกกล้วยไม้ และใครบางคนก็จำได้ขึ้นใจ เธอรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้รับต่างหูที่เหมาะกับเธอแบบนี้ เลยอยากถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยตอนนั้นเธอทั้งอิจฉาทั้งริษยา เลยทรมานตัวเองด้วยการบันทึกรูปพวกนั
สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นเยียบของฮั่วเยี่ยนฉือแล้ว ลู่เฉินหนานถึงได้รู้ว่าตัวเองพูดเกินขอบเขตไปหน่อยเขารีบหดคอตัวเองทันที แล้วจึงเอ่ยพร้อมยิ้มแหะ ๆ “ที่ผมพูดก็คือ พี่ฉือมีความตั้งใจน่ะเป็นเรื่องดีแล้ว แค่วิธีของพี่มันไม่ค่อยถูกเท่านั้นเอง”“พี่ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดูสักหน่อย ถ้าเกิดว่าพี่สะใภ้เขาออกไปเ
“ฉันคอยจับตาดูตอนผลิต คุณภาพ และการจำหน่ายอยู่ตลอด ของที่เหลืออยู่เป็นของที่พ่อฉันทิ้งเอาไว้ให้ เขาไม่มีทางแตะต้องมันจากภายในได้แน่ ก็เลยสร้างข่าวปลอมนี่ขึ้นมา”“ได้ยังคนไปดูคนที่แอลกอฮอล์เป็นพิษนั่นหรือยังไง เป็นยังไงบ้าง?” เฉียวสือเนี่ยนเอ่ยถามถูหย่าลี่จึงบอกว่า เธอส่งคนสนิทไปที่โรงพยาบาลแล้ว แต่
“ได้เห็นเธอเขินอายแบบนี้ ยากเลยนะเนี่ย” โม่ซิวหย่วนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ้อระเหยลอยชายเฉียวสือเนี่ยนอดค้อนใส่เขาไม่ได้ “พอใจแล้วใช่ไหมคะ ประธานโม่?”“ก็ใช้ได้!” โม่ซิวหย่วนลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเสร็จธุระทางนี้แล้ว เธอก็ไปที่ที่หนึ่งกับฉันหน่อยสิ”“ไปไหน?”“ออกไปคุยข้างนอก”โม่ซิวหย่วนจัดเสื้อคลุมให้เข
คำพูดของเฉียวสือเนี่ยนทำให้โม่ซิวหย่วนที่กำลังมีสีหน้าเคร่งขรึมหลุดขำออกมาทันทีหญิงสาวถลึงตามองเฉียวสือเนี่ยนอย่างไม่พอใจ “ก็แค่คนขับรถ จะอยากมีตัวตนอะไรนักหนา!”“โอ้ ฉันรู้แล้ว เธอคงจะเชิดคออยู่บนความสวยของตัวเอง และคิดว่าคนขับรถก็แค่นั่ง ๆ นอน ๆ ในรถเท่านั้นสินะ!”เฉียวสือเนี่ยนถามโม่ซิวหย่วนที่เ
เฉียวสือเนี่ยนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมคุณไม่ไปเอง?”โม่ซิวหย่วนมองเธอ “ฉันเรียกเธอมา เธอก็ต้องทำประโยชน์ให้ฉันสิ”“แพะรับบาป”“เธอรู้สถานะตัวเองดีไม่ใช่เหรอ ยังไม่รีบไปอีก? ”“…”ช่างเถอะ ก็เป็นอย่างที่โม่ซิวหย่วนพูดจริง ๆ โปรเจกต์นี้ไม่เกี่ยวกับเธอเฉียวสือเนี่ยนเดินไปหลังครั
เฉียวสือเนี่ยนเอือมระอากับการกระทำของโม่ซิวหย่วนจริง ๆอยากเป็นศัตรูกับฮั่วเยี่ยนฉือ ทำไมไม่หาวิธีที่ดีกว่านี้?วิธีตลกร้ายที่แฝงไปด้วยความคิดเด็ก ๆ แบบนี้ ทำใจยอมรับไม่ได้จริง ๆฮั่วเยี่ยนฉือไม่ได้สนใจโม่ซิวหย่วน เขาหันมาพูดกับเฉียวสือเนี่ยนแทน “เธอไปที่ห้องอาหารเทียนจื้อหมายเลขหนึ่งกับฉัน”เฉียวสื
เฉียวสือเนี่ยนก้มหน้าลงและใช้น้ำลูบหลังมือให้เขาต่อ “ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันไม่อยากให้คุณยุ่งกับธุรกิจของตระกูลเฉียว นี่ไม่ใช่การประชดด้วย”“ตอนนี้คุณลุงคุณป้ายังคงไม่เข้าใจความเป็นจริง แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะรู้ว่ามีเพียงการพึ่งพาตัวเองเท่านั้นที่จะมั่นคงที่สุด”ท่าทาเพิกเฉยและเย็นชาของงเฉียวสือเนี
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั