เฉียวสือเนี่ยนก้มหน้าลงและใช้น้ำลูบหลังมือให้เขาต่อ “ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฉันไม่อยากให้คุณยุ่งกับธุรกิจของตระกูลเฉียว นี่ไม่ใช่การประชดด้วย”“ตอนนี้คุณลุงคุณป้ายังคงไม่เข้าใจความเป็นจริง แต่ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะรู้ว่ามีเพียงการพึ่งพาตัวเองเท่านั้นที่จะมั่นคงที่สุด”ท่าทาเพิกเฉยและเย็นชาของงเฉียวสือเนี
เมื่อได้ยินคำถามของฮั่วเยี่ยนฉือ เฉียวสือเนี่ยนก็สบตากับเขาผ่านกระจกมองหลังทันที“มีกฎข้อไหนบอกว่าห้ามให้ฉันไปกินข้าวกับเขาเหรอ?”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือก็เคร่งขรึมลง “เฉียวสือเนี่ยน พอเธอรู้ว่าฉันกับเขาไม่ลงรอยกันก็เลยจงใจไปอยู่กับเขาเพื่อประชดชันงั้นเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะ “
ถูหย่าลี่ดีใจเป็นอย่างมาก เธอเชิญคนในบริษัทรวมไปถึงเฉียวสือเนี่ยนให้มาร่วมฉลองด้วยกัน……ในที่สุดป๋ายอีอีก็ออกจากโรงพยาบาล เมื่อเห็นข่าวที่หมิงเหมาเซ็นสัญญากับหย่วนเจิง เธอก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากเฉียวสือเนี่ยนสามารถฟื้นฟูหมิงเหมาและยังทำให้โม่ซิวหย่วนลงทุนอย่างได้อย่างราบรื่น ถ้าหากไม่มีลายเซ็นรับรอง
เมื่อสองวันก่อน ต่างหูที่เธอประกาศขายครึ่งราคาในเว็บไซต์ขายของมือสองนั้นเพราะตั้งราคาไว้ต่ำมากจึงทำให้มีคนซื้อไปในวันที่ลงขายตอนนี้ทำไมต่างหูคู่นั้นถึงมาอยู่ที่เฉียวเล่อเยียนได้ล่ะ?“ต่างหูคู่นี้ของเธอดูดีนะ ซื้อจากไหนเหรอ?” เฉียวสือเนี่ยนถามออกไปตามตรงสีหน้าของเฉียวเล่อเยียนแฝงไปด้วยความลำพองใจ
เฉียวสือเนี่ยนเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าฮั่วเยี่ยนฉือกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือขนาดใหญ่ ตรงหน้าเขามีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งตั้งเอาไว้ ในตอนนี้เขากำลังพลิกเอกสารอ่านอยู่สีหน้าของเขาเคร่งเครียดและจริงจังมาก คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากัน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียดจากการทำงานเขานึกว่าเป็นป้าหวังที่
ขนาดของกล่องไม่เหมือนกับกล่องอัญมณี มันเหมือนกับของประดับตกแต่งอะไรแบบนี้มากกว่าเฉียวสือเนี่ยนเดินเข้าไปเปิดกล่องออกดู ก่อนจะพบว่าด้านในคือโคมไฟรูปกระต่ายที่ประณีตสวยงามตัวกระต่ายทำมาจากแก้วคริสตัล ดวงตาของมันถูกประดับตกแต่งด้วยอัญมณีสีแดงสองเม็ด เมื่อเธอกดเปิดสวิตช์ รอบตัวเจ้ากระต่ายก็มีแสงสีขาวน
พูดจบ เธอก็หยิบเสื้อคลุมตัวยาวขึ้นมา ก่อนจะเดินจากไปในเวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว โคมไฟทั่วทั้งสี่ทิศจึงส่องสว่างขึ้นมาพื้นที่สีเขียวของเขตคฤหาสน์ทำออกมาได้ดีทีเดียว ทุกที่เต็มไปด้วยหญ้าและต้นไม้นานาพรรณ ไม่ไกลยังมีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่ด้วยเฉียวสือเนี่ยนชมวิวทิวทัศน์พร้อมกับเดินย่อยอาหารไปด้วยในขณะที่เธอ
เฉียวสือเนี่ยนไม่มีอารมณ์จะปะทะฝีปากกับฮั่วเยี่ยนฉือเขาอยากแบกก็แบก อย่างไรคนที่เหนื่อยก็ไม่ใช่เธอเธอเอาใจฮั่วเยี่ยนฉือมาหลายปี ขอให้เธอได้ดื่มด่ำกับผลกำไรในครั้งนี้บ้างเถอะดังนั้นในตอนนี้เฉียวสือเนี่ยนจึงไม่ปริปากพูดอะไรออกมา สองมือของเธอวางไว้ที่หัวไหล่ของฮั่วเยี่ยนฉือ ตัวเขาเอนขึ้นเล็กน้อย เป็
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั