พูดจบ เธอก็หยิบเสื้อคลุมตัวยาวขึ้นมา ก่อนจะเดินจากไปในเวลานี้ท้องฟ้ามืดแล้ว โคมไฟทั่วทั้งสี่ทิศจึงส่องสว่างขึ้นมาพื้นที่สีเขียวของเขตคฤหาสน์ทำออกมาได้ดีทีเดียว ทุกที่เต็มไปด้วยหญ้าและต้นไม้นานาพรรณ ไม่ไกลยังมีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่ด้วยเฉียวสือเนี่ยนชมวิวทิวทัศน์พร้อมกับเดินย่อยอาหารไปด้วยในขณะที่เธอ
เฉียวสือเนี่ยนไม่มีอารมณ์จะปะทะฝีปากกับฮั่วเยี่ยนฉือเขาอยากแบกก็แบก อย่างไรคนที่เหนื่อยก็ไม่ใช่เธอเธอเอาใจฮั่วเยี่ยนฉือมาหลายปี ขอให้เธอได้ดื่มด่ำกับผลกำไรในครั้งนี้บ้างเถอะดังนั้นในตอนนี้เฉียวสือเนี่ยนจึงไม่ปริปากพูดอะไรออกมา สองมือของเธอวางไว้ที่หัวไหล่ของฮั่วเยี่ยนฉือ ตัวเขาเอนขึ้นเล็กน้อย เป็
เฉียวสือเนี่ยนเดินเข้าไปทักทายพวกเขา แต่กลับพบว่าฮั่วเยี่ยนฉือยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น!เขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง ในวันนี้เขาสวมชุดสูทที่ดำ ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตธรรมดาสีขาว ถึงแม้จะเป็นการแต่งตัวที่ดูธรรมดา ๆ แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนนายแบบแสนเพอร์เฟคเมื่อเห็นเธอ ฮั่วเยี่ยนฉือก็เหลือบมองเพียงเ
“ไปไหน?” ฮั่วเยี่ยนฉือถามเฉียวสือเนี่ยนยิ้ม “เปลี่ยนที่นั่งน่ะ ไม่ได้ยินที่เฉียวเล่อเยียนพูดเหรอ?”ฮั่วเยี่ยนฉือพูดแกมออกคำสั่ง “นั่งลง”ในแววตาของเขาแฝงไปด้วยคำเตือนเพราะเขาไม่ชอบเฉียวเล่อเยียนแต่เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่อยากเป็นโล่ให้เขา ในขณะที่เธอกำลังลุก คุณป้าก็พูดขึ้น“เล่อเยียน เธอทำอะไรน่ะ โตข
“แม่ ฉันชอบมหาวิทยาลัยการออกแบบที่นั่น เรียนสองปี แม่ให้ฉันไปเรียนเถอะ!” เฉียวเล่อเยียนพูดออดอ้อนแน่นอนว่าถานซูหงไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยได้ง่าย ๆ เธอยังคงยกเหตุผลที่ว่าไม่สะดวกและเป็นห่วงมาพูดกับเฉียวเล่อเยียน“ผมมีเพื่อนที่รู้จักอยู่ที่นั่น ถ้าคุณป้าต้องการ ผมสามารถแนะนำให้ได้ครับ”ในตอนนี้ จู่ ๆ ฮั่
เมื่อเห็นดวงตาที่โค้งขึ้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว และรอยยิ้มมุมปากของเธอ สิ่งแรกที่ฮั่วเยี่ยนฉือรู้สึกไม่ใช่ความโกรธนอกจากการแสยะยิ้ม ยิ้มประชดประชัน และการหัวเราะสะใจที่แกล้งเขาได้สำเร็จในครั้งก่อน ฮั่วเยี่ยนฉือก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่สวยงามเป็นประกายของเธอนานมากแล้วถึงแม้เฉียวสือเนี่ยนจะเสแสร้งแกล้ง
เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรมาก็เห็นว่าเป็นโจวหยางอิง ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันแล้ว“พี่ พวกเราผ่านรอบแรกได้อย่างราบรื่น ตอนนี้สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการบันทึกเสียงและภาพได้แล้วครับ!”เมื่อรับสาย โจวหยางอิงก็บอกข่าวดีให้เธอฟังทันทีเฉียวสือเนี่ยนดีใจแทนเขาด้วยเช่นกัน “นี่เป็นแค่ก้าวแรก นายจะต้องผ่านด่
เฉียวสือเนี่ยนเสยผมตัวเองด้วยท่าทางวางมากเท่ “แน่นอนสิ พี่หล่อไหม?”โจวหยางอิงหัวเราะให้กับท่าทางของเฉียวสือเนี่ยน เขาพยักหน้าก่อนจะพูดประจบเธอ “หล่อครับ ทั้งเท่ทั้งหล่อ บอกเลยว่าฝีมือไม่ต่างกับนักตีกลองมืออาชีพ!”“เด็กคนนี้ตาถึงจริง ๆ !” เฉียวสือเนี่ยนตบไหล่โจวหยางอิงเบา ๆ “ปะ พี่เลี้ยงเหล้านายเอง!
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั