“องครักษ์ฉินอวี่ นายน้อยของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่‘ตายอย่างไม่ยุติธรรม’ เรื่องนี้เจ้าว่าอย่างไร?”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป สีหน้าของมู่หว่านหรงก็ตะลึงงันไปทันที ในที่สุดก็มองไปทางฉินอวี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเสิ่นหรูโจวและในที่สุดฉินอวี่ก็อดเอาไว้ไม่ไหว ก้าวออกมาเอ่ยอย่างโมโห “พระชายารองเหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้? เห็นได้ชัดว่านายน้อยของข้าถูกพระชายาช่วยชีวิตกลับมาแล้ว ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี!”“พระชายารองพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่านายน้อยของข้าตายแล้ว ท่านปรารถนาให้นายน้อยของข้าตายอย่างนั้นหรือ? พระชายารองไม่เห็นนายท่านของข้าอยู่ในสายตาใช่หรือไม่?!”อะไรนะ?!สีหน้าของมู่หว่านหรงซีดขาว ตื่นตะลึงเกินคำบรรยาย “คุณชายน้อยของเจ้ายังไม่ตาย?!”เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าหากลู่หวายหนิงยังไม่ตาย เช่นนั้นกงฉางจื้อจะถูกพาออกมาจากคุกใต้ดินได้อย่างไร เหตุใดท่านอ๋องถึงได้โกรธจัด?บนลำคอของเสิ่นหรูโจว เหตุใดจึงมีรอยบีบ?!เสิ่นหรูโจวเหลือบมองสีหน้าของนาง ยิ้มเยาะหยันขึ้นมาทันที แน่นอนว่าลู่หวายหนิงยังไม่ตาย เป็นเพราะ กงฉางจื้อไม่มีโอกาสทำร้ายเขาเลยสักนิด“คิดไม่ถึงว่าเหตุใดเขายังไม่ตายใช่หรือไม่ ข้าจะเ
ยามนี้มู่หว่านหรงสีหน้าซีดขาว จับมือของหลิงเฟิงไว้แน่นไม่รู้จะทำเช่นใดเดิมนางคิดว่ากงฉางจื้อทำสำเร็จ เสิ่นหรูโจวจะจบเห่แล้ว ผลกลับเป็นกงฉางจื้อถูกเสิ่นหรูโจวจัดการจนตาย!นางยังแสดงละครที่กำกับเองเล่นเองอยู่ครึ่งวัน ยามนี้ถูกเสิ่นหรูโจวกดให้ดูศพ ราวกับมีฝ่ามือฉาดใหญ่ตบลงบนใบหน้าของนาง ตบจนทั่วทั้งร่างของนางงุนงงไปแล้วและการไต่ถามของเสิ่นหรูโจวและการยอมรับของเซียวเฉินเหยี่ยน ยิ่งทำให้นางหวาดหวั่นมากขึ้น มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยดวงตาแดงระเรื่อยามนี้นางไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ยิ่งไม่รู้ว่าเหตุใดกงฉางจื้อจึงตาย ทำได้เพียงดึงตนเองออกมาก่อน เพื่อไม่ให้พลอยติดร่างแหกับกงฉางจื้อไปด้วย“ท่านอ๋อง หว่านหรงผิดไปแล้วเจ้าค่ะ หว่านหรงได้ยินเพียงว่าท่านโมโหอย่างหนัก องค์รักษ์ฉินอวี่ก็มีโทสะอย่างรุนแรงเช่นกัน จึงคิดไปเองว่าคุณชายน้อยก็ถูกพระชายา….”“คิดไม่ถึงว่า จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ ขอ ขอท่านอ๋องและพระชายาโปรดลงโทษด้วย…”ยังไม่ทันกล่าวจบจบ เบื้องหน้าของนางก็มืดลง หมดสติลงไปบนพื้นอย่างกะทันหัน“พระชายารอง พระชายารอง” หลิงเฟิงกอดมู่หว่านหรง มองไปทางเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างตื่นตระหนก “ท่าน
ลูกกลอนจินสุย?เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว มู่หว่านหรงถึงกลับให้นางกินยาประเภทนี้?ลูกกลอนจินสุยเป็นยาต้องห้าม บรรเทาอาการเจ็บปวดได้ดีมาก ในช่วงเวลาสั้นๆเส้นประสาทจะถูกทำให้ด้านชา แต่มิได้หมายความว่าร่างกายจะหายดี อีกทั้งเนื่องจากมีฤทธิ์ที่เย็นเกินไป หลังจากรับประทานแล้วก็ยากจะมีทายาทได้อีกเหอะ หลิงเฟิงถือเป็นสุนัขรับใช้ชั้นดีตัวหนึ่งที่อยู่ข้างกายมู่หว่านหรง ทั้งวางแผนออกอุบาย และเชี่ยวชาญในการเป็นแพะรับบาป ชาติก่อนตอนที่มู่หว่านหรงใส่ร้ายนางแล้วถูกนางเปิดโปง สาวใช้นางนี้ยังเคยช่วยรับเคราะห์ตายแทนมู่หว่านหรงด้วยและด้วยเหตุนี้ ชาติก่อนนางจึงไม่มีโอกาสลงมือกับมู่หว่านหรงอีก การที่ศัตรูใช้ชีวิตอย่างสุขเสรีเช่นนี้ ทุกคราที่ยิ้มออกมา ล้วนแต่เป็นการหยามหมิ่นนางทั้งสิ้นภายในก้นบึงของดวงตามีประกายแข็งกร้าววาบผ่าน เสิ่นหรูโจวพลันยื่นมือออกไป นิ้วขาวราวหยกจิ้มลงบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าของหลิงเฟิงอย่างแรง กดลงบนจุดชีพจรความเจ็บปวดโจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน หลิงเฟิงเงยหน้ามองนางอย่างตื่นตระหนก “พระชายา นี่ทรงทำสิ่งใดเพคะ?”ฉินอวี่ที่มองดูอยู่ด้านข้างก็ไม่เข้าใจเช่นกันที่เสิ่นหรูโจวสกัดจุดชีพจรก็
ข่าวลือนั้นเชื่อถือไม่ได้จริงๆ!เสิ่นหรูโจวเหลือบมองซากศพบนพื้นที่เย็นสนิทแล้วครั้งหนึ่ง ในดวงตาสาดประกายเย็นยะเยียบสายหนึ่งกงฉางจื้อตายแล้ว มูหว่านหรงก็เหมือนปีกขาดไปข้างหนึ่ง หลินเฟิงซึ่งเป็นคนสนิทก็ล้มลงแล้วเช่นกัน ผลลัพธ์เช่นนี้นับว่าทำให้คนพอใจนักหลังการเกิดใหม่ แม้จะมีหลายเรื่องที่ในชาติก่อนไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็มิได้ขัดขวางโอกาสในการเอาชนะของนาง ค่อยๆบีบบังคับให้ศัตรูตายไปทีละคนนางเดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอก ก็เห็นองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก “ไปเก็บศพเถอะ”เหล่าองครักษ์พลันรับคำด้วยความเคารพ “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”พวกเขาเป็นคนที่เซียวเฉินเหยี่ยนเรียกตัวมา ยามปกติฟังเพียงคำสั่งของเซียวเฉินเหยี่ยนเท่านั้นทว่าหลังจากวันนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าไม่เคารพไม่เชื่อฟังเสิ่นหรูโจวแล้วพระชายาไม่เพียงกำราบชายารองได้ ทั้งยังกล้าลงมือกับท่านอ๋องอีก!กล้าลงมือกับรัชทายาท แล้วยังอยู่รอดปลอดภัยได้ เช่นนี้ผู้ใดจะกล้าล่วงเกินกัน?!มีองครักษ์จัดการเก็บศพ เสิ่นหรูโจวจึงจากไปพร้อมกับฉินอวี่ก่อนกลับไปที่เรือน เสิ่นหรูโจวแวะไปพบลู่หวายหนิงก่อน ลู่หวายหนิงฟื้นขึ้นมาแล้ว คาดว่าคงจะอยู่ในจวนอ๋องต่อได้อีกไม่
ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของนายน้อย นายท่านล้วนต้องเข้ามาตรวจสอบ แม้ตัวเขาจะเชื่อใจพระชายา ทว่าภาพจำที่ผู้อื่นมีต่อพระชายายังคงหยุดอยู่ในอดีต ดังนั้น เขายังคงมีความจำเป็นที่จะต้องถามให้ละเอียด เพื่อเลี่ยงไม่ให้มิอาจตอบคำถามในยามที่นายท่านถามได้เสิ่นหรูโจวรู้ว่าฉินอวี่กังวลเรื่องใด จึงกล่าวอย่างเปิดเผยว่า “ตอนเป็นเด็กข้าศึกษาตำราแพทย์โบราณไม่น้อย สะสมไว้ก็ไม่น้อย ยามที่ยังไม่ได้ออกเรือน ชอบนำคนในจวนแม่ทัพมาฝึกฝนฝีมือ ข้ารู้วิชาแพทย์มาตลอด เพียงแต่คนนอกไม่รู้เท่านั้น”วิชาแพทย์ของนางศึกษาในชาติก่อน ชาตินี้เป็นวิชาอย่างไม่มีที่ไปที่มา ยากจะเลี่ยงมิให้ผู้คนคาดเดาไปต่างๆนานา มิสู้มอบเหตุผลให้สักข้อดีกว่าลู่หวายหนิงเชื่อเสิ่นหรูโจว ไม่ว่านางกล่าวสิ่งใดเขาล้วนเชื่อทั้งสิ้น กระทั่งตอนนี้เพียงแค่มองเสิ่นหรูโจว ในใจของเขาก็บังเกิดความปิติขึ้นมาพี่สาวคนสวยงดงามสะกดสายตาผู้คน ช่างคู่ควรกับท่านอาจารย์ยิ่งนัก!บนใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏความจริงจังขึ้นมา “พี่สาว ท่านทั้งงดงามทั้งชาญฉลาด หากอาจารย์ของข้าได้พบท่าน จะต้องชมชอบท่านอย่างแน่นอน”“โอ๋?” คิ้วงามของเสิ่นหรูโจวเลิกขึ้นเล็กน้อย ทว่ามิได้
ท่านหมอชราประสานมือคำนับเขา กล่าวพร้อมเคราแพะสีเทาที่สั่นไหวว่า “ท่านอ๋องมิต้องทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเพียงแค่เพลิงโทสะจู่โจมหัวใจ จึงหมดสติไปเท่านั้น ผู้น้อยจะสั่งยาให้พระชายารองเสวยลงไปก่อน จากนั้นค่อยดูอาการพ่ะย่ะค่ะ”เพลิงโทสะจู่โจมจิตใจ?หัวคิ้วของเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดเข้าหากัน แม้จะบอกว่ากงฉางจื้อเป็นหมอของนาง แต่ก็เป็นเพียงหมอผู้หนึ่งเท่านั้น จำจะต้องโกรธกริ้วร้อนใจเช่นนี้ด้วยหรือ?“เช่นนั้นก็รีบสั่งยาเถิด”หลังจากท่านหมอชราคำนับเสร็จก็จากไป เซียวเฉินเหยี่ยนร้องเรียกคนว่า “เด็ก ๆ ดูแลพระชายารองให้ดี”“บ่าวน้อมรับคำสั่งเพคะ” สาวใช้ในอาภรณ์สีเขียวนางหนึ่งก้าวออกมาเซียวเฉินเหยี่ยนกวาดตามองนางครั้งหนึ่ง “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”สาวใช้นางนี้ก็เป็นผู้ที่คอยปรนนิบัติอยู่เบื้องหน้าหว่านโหรวเช่นกัน เพียงแต่ดูแล้วไม่หัวไวเท่าหลิงเฟิงเท่านั้นถงอวิ๋นก้มศีรษะ ตอบตามตรงว่า “ทูลท่านอ๋อง เมื่อครู่พี่หลิงเฟิงเป็นลมไปแล้วเพคะ คิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้าถูกโบย ยังไม่หายดีเพคะ”เซียวเฉินเหยี่ยนจึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่า หลิงเฟิงยังถูกโบยด้วยเขามิได้กล่าวสิ่งใดอีก สาวเท้าจากไป กลับไปที่เรือนของตน
“ที่ก่อเรื่องหลังแต่งงาน ก็เป็นเพียงการเปลี่ยนวิธีแย่งความโปรดปรานเท่านั้น อยากให้พระองค์ทรงมองนางมากขึ้นอีกสักครั้ง แม้ผลลัพธ์จะมิได้ดีนัก แต่ท่านอ๋องก็ทรงสนพระทัยพระชายาอย่างมากแล้วจริงๆ ภายในสองวันสั้นๆ จำนวนครั้งที่พบพระชายา นึกถึงพระชายา เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนแปลกไปเล็กน้อย “ข้าถึงกับให้ความสนใจนางเพียงนี้?”เห็นจวินอู่พยักหน้า ริมฝีปากบางของเซียวเฉินเหยี่ยนเม้มเล็กน้อย ในใจกลับรู้สึกอธิบายไม่ถูกว่า การที่เสิ่นหรูโจวใช้ลูกไม้แย่งชิงความโปรดปราน เทียบกับการที่นางคิดจะไต่เต้าขึ้นที่สูงแล้ว ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก และสบายใจกว่ามากก็ใช่ หากในใจนางไม่มีเขา แล้วจะฝืนแต่งกับให้ได้เขาด้วยเหตุใดจวินอู่เห็นว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่กล่าวสิ่งใด ก็อดถามไม่ได้ว่า “ท่านอ๋อง พรุ่งนี้พระชายากลับบ้านเดิม จะทรงเสด็จไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นหากไม่มีสวามีกลับไปด้วย นางจะถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้?”เซียวเฉินเหยี่ยนหลุบขนตายาวลง ราวกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใด ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็มิได้กล่าวแม้เพียงคำเดียว ……อาการป่วยของลู่หวายหนิงคงที่แล้ว
“อะไรนะ?” บนใบหน้าของเสิ่นหรูโจวมีความประหลาดใจวาบผ่าน “ไม่ใช่เสียหน่อย เหตุใดเจ้าจึงได้คิดเช่นนี้?”เมี่ยวตงคิดว่าที่นางพยายามช่วยลู่หวายหนิงอย่างยากลำบาก เป็นเพราะคิดอยากจะได้รับความโปรดปรานจากเซียวเฉินเหยี่ยน? นี่มันมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร?เมี่ยวตงเบิกตากลมโต กล่าวตอบอย่างจริงจังว่า “แม้อุปนิสัยของพระองค์จะเปลี่ยนไปมาก แต่ข้าน้อยรู้ว่า ทรงรักท่านอ๋องอย่างลึกซึ้ง หัวใจรักที่มีต่อท่านอ๋องไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเพคะ”“ก่อนหน้านี้ พระชายาทรงอ่อนโยน มีเมตตาและคุณธรรม แต่ท่านอ๋องไม่ทรงโปรด ยามนี้พระชายาทรงกระทำสิ่งต่างๆอย่างห้าวหาญ ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ คนทั้งคนเข้มแข็งขึ้นมา กลับกลายเป็นดึงดูดความสนใจของท่านอ๋อง จนแม้แต่พระชายารองก็ทรงสนพระทัยน้อยลง นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ว่า นี่ทำให้ทรงได้รับความน้อยใจมากเกินไปหรือเปล่าเพคะ”คุณหนูเพื่อช่วยลู่หวายหนิงแล้ว สถานการณ์พลิกผันไปมา ได้รับความยากลำบากมากมายเริ่มจากถูกคนเข้าใจผิด ท่านอ๋องไม่สอบถามเรื่องราวให้กระจ่างก็ลงมือทำร้ายคน ตีจนคุณหนูกระอักเลือดแล้ว! จากนั้นก็นำคุณหนูไปขังไว้ในคุกใต้ดินที่ทั้งหนาวทั้งชื้นนั่นอีก ในยามที่คุณหนูออกม
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่