จากนั้นมู่หว่านหรงจึงฉวยโอกาสราดน้ำมันลงไปบนกองไฟ เช่นเดียวกันกับตอนนี้ ที่ร้องไห้อย่างเสแสร้ง ตัดสินโทษนาง ถึงเวลา เซียวเฉินเหยี่ยนจะต้องโยนนางออกไปแน่ ถึงเวลานั้น นางจะต้องตายแน่นอนเสิ่นหรูโจวหัวเราะเยาะหยัน “เฮอะ”เพื่อจัดการนาง ถึงขนาดไม่สนใจชีวิตของคนอื่น! มู่หว่านหรงเสียสติไปแล้วจริง ๆ!แต่มู่หว่านหรงคิดถึงไม่แน่นอนว่า ตอนที่นางทำการรักษาให้แก่ลู่หวายหนิง ยาที่ให้เขากินนั้นสามารถถอนได้ร้อยพิษ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการอะไร ยาพิษหรือว่าเข็มพิษ ก็ไม่สามารถเป็นภัยต่อชีวิตของลู่หวายหนิงได้น่าเสียดายที่ตอนนี้ลู่หวายหนิงไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นอยากจะเห็นเสียจริงว่าตอนที่มู่หว่านหรงเห็นว่าลู่หวายหนิงยังมีชีวิตอยู่ จะมีสีหน้าอย่างไร...“การแสดงนี้จบมาจากที่ใดกัน?”เสิ่นหรูโจวเดินออกมาจากคุกอย่างช้า ๆ ฉินอวี่เดินตามด้านหลังของนางด้านนอกห้องขัง มู่หว่านหรงร้องไห้อย่างจริงจัง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาเบา ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสิ่นหรูโจวเห็นท่าทางนี้ของนาง เกือบจะหัวเราะออกมา ศิลปะการแสดงใหญ่โตเช่นนี้ อยู่ที่จวนอ๋องแห่งนี้ได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่เสียจริงแต่ว่าร้องไห้ตอน
บนใบหน้าของมู่หว่านหรงเต็มไปด้วยความจริงใจ ภายในใจกลับกำลังยิ้มเยาะแน่นอนว่าคำพูดพวกนี้แค่พูดไปอย่างนั้น ท่านอ๋องเอ็นดูนางมาตลอด รังเกียจเสิ่นหรูโจว ไม่มีทางให้นางรับผิดชอบจริง ๆเสิ่นหรูโจวจ้องมองมู่หว่านหรงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน่าขัน สีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองเรื่องทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรกมู่หว่านหรงเหยียบนางก่อน แล้วค่อยเป็นฝ่ายออกมายอมรับ ก็คืออยากจะแสดงความรู้ความและมีน้ำใจไม้ตายนี้ ชาติที่แล้วมู่หว่านหรงมักจะใช้อยู่บ่อย ๆ พูดได้ว่าทดลองหลายครั้งแล้วอย่างไรก็ไม่พลาด ได้รับความเมตตาจากเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น้อย ทำให้นางถูกเพ่งเล็งไม่น้อยแต่ว่า ท่าไม้ตายในวันนี้ เกรงว่าจำให้มู่หว่านหรงผิดหวังแล้วเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดวงตาดำขลับของเซียวเฉินเหยี่ยนมืดครึ้มลงทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “หว่านหรง ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะได้ข่าวมาได้อย่างไร เรื่องก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า อย่าได้สอด กลับไปพักผ่อนเถิด”หว่านหรงกำลังทำอะไรกันแน่ ทันทีที่มาก็ตำหนิเสิ่นหรูโจวด้วยเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้น ทั้งยังยอมรับผิดแทนเสิ่นหรูโจว ยอมรับผิดอะไร?เสิ่นหรูโจวยิ้มเยาะ ขอบริมฝีปากมีรอ
“องครักษ์ฉินอวี่ นายน้อยของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ที่‘ตายอย่างไม่ยุติธรรม’ เรื่องนี้เจ้าว่าอย่างไร?”ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป สีหน้าของมู่หว่านหรงก็ตะลึงงันไปทันที ในที่สุดก็มองไปทางฉินอวี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเสิ่นหรูโจวและในที่สุดฉินอวี่ก็อดเอาไว้ไม่ไหว ก้าวออกมาเอ่ยอย่างโมโห “พระชายารองเหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้? เห็นได้ชัดว่านายน้อยของข้าถูกพระชายาช่วยชีวิตกลับมาแล้ว ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ดี!”“พระชายารองพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่านายน้อยของข้าตายแล้ว ท่านปรารถนาให้นายน้อยของข้าตายอย่างนั้นหรือ? พระชายารองไม่เห็นนายท่านของข้าอยู่ในสายตาใช่หรือไม่?!”อะไรนะ?!สีหน้าของมู่หว่านหรงซีดขาว ตื่นตะลึงเกินคำบรรยาย “คุณชายน้อยของเจ้ายังไม่ตาย?!”เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าหากลู่หวายหนิงยังไม่ตาย เช่นนั้นกงฉางจื้อจะถูกพาออกมาจากคุกใต้ดินได้อย่างไร เหตุใดท่านอ๋องถึงได้โกรธจัด?บนลำคอของเสิ่นหรูโจว เหตุใดจึงมีรอยบีบ?!เสิ่นหรูโจวเหลือบมองสีหน้าของนาง ยิ้มเยาะหยันขึ้นมาทันที แน่นอนว่าลู่หวายหนิงยังไม่ตาย เป็นเพราะ กงฉางจื้อไม่มีโอกาสทำร้ายเขาเลยสักนิด“คิดไม่ถึงว่าเหตุใดเขายังไม่ตายใช่หรือไม่ ข้าจะเ
ยามนี้มู่หว่านหรงสีหน้าซีดขาว จับมือของหลิงเฟิงไว้แน่นไม่รู้จะทำเช่นใดเดิมนางคิดว่ากงฉางจื้อทำสำเร็จ เสิ่นหรูโจวจะจบเห่แล้ว ผลกลับเป็นกงฉางจื้อถูกเสิ่นหรูโจวจัดการจนตาย!นางยังแสดงละครที่กำกับเองเล่นเองอยู่ครึ่งวัน ยามนี้ถูกเสิ่นหรูโจวกดให้ดูศพ ราวกับมีฝ่ามือฉาดใหญ่ตบลงบนใบหน้าของนาง ตบจนทั่วทั้งร่างของนางงุนงงไปแล้วและการไต่ถามของเสิ่นหรูโจวและการยอมรับของเซียวเฉินเหยี่ยน ยิ่งทำให้นางหวาดหวั่นมากขึ้น มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยดวงตาแดงระเรื่อยามนี้นางไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ยิ่งไม่รู้ว่าเหตุใดกงฉางจื้อจึงตาย ทำได้เพียงดึงตนเองออกมาก่อน เพื่อไม่ให้พลอยติดร่างแหกับกงฉางจื้อไปด้วย“ท่านอ๋อง หว่านหรงผิดไปแล้วเจ้าค่ะ หว่านหรงได้ยินเพียงว่าท่านโมโหอย่างหนัก องค์รักษ์ฉินอวี่ก็มีโทสะอย่างรุนแรงเช่นกัน จึงคิดไปเองว่าคุณชายน้อยก็ถูกพระชายา….”“คิดไม่ถึงว่า จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ ขอ ขอท่านอ๋องและพระชายาโปรดลงโทษด้วย…”ยังไม่ทันกล่าวจบจบ เบื้องหน้าของนางก็มืดลง หมดสติลงไปบนพื้นอย่างกะทันหัน“พระชายารอง พระชายารอง” หลิงเฟิงกอดมู่หว่านหรง มองไปทางเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างตื่นตระหนก “ท่าน
ลูกกลอนจินสุย?เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว มู่หว่านหรงถึงกลับให้นางกินยาประเภทนี้?ลูกกลอนจินสุยเป็นยาต้องห้าม บรรเทาอาการเจ็บปวดได้ดีมาก ในช่วงเวลาสั้นๆเส้นประสาทจะถูกทำให้ด้านชา แต่มิได้หมายความว่าร่างกายจะหายดี อีกทั้งเนื่องจากมีฤทธิ์ที่เย็นเกินไป หลังจากรับประทานแล้วก็ยากจะมีทายาทได้อีกเหอะ หลิงเฟิงถือเป็นสุนัขรับใช้ชั้นดีตัวหนึ่งที่อยู่ข้างกายมู่หว่านหรง ทั้งวางแผนออกอุบาย และเชี่ยวชาญในการเป็นแพะรับบาป ชาติก่อนตอนที่มู่หว่านหรงใส่ร้ายนางแล้วถูกนางเปิดโปง สาวใช้นางนี้ยังเคยช่วยรับเคราะห์ตายแทนมู่หว่านหรงด้วยและด้วยเหตุนี้ ชาติก่อนนางจึงไม่มีโอกาสลงมือกับมู่หว่านหรงอีก การที่ศัตรูใช้ชีวิตอย่างสุขเสรีเช่นนี้ ทุกคราที่ยิ้มออกมา ล้วนแต่เป็นการหยามหมิ่นนางทั้งสิ้นภายในก้นบึงของดวงตามีประกายแข็งกร้าววาบผ่าน เสิ่นหรูโจวพลันยื่นมือออกไป นิ้วขาวราวหยกจิ้มลงบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าของหลิงเฟิงอย่างแรง กดลงบนจุดชีพจรความเจ็บปวดโจมตีเข้ามาอย่างฉับพลัน หลิงเฟิงเงยหน้ามองนางอย่างตื่นตระหนก “พระชายา นี่ทรงทำสิ่งใดเพคะ?”ฉินอวี่ที่มองดูอยู่ด้านข้างก็ไม่เข้าใจเช่นกันที่เสิ่นหรูโจวสกัดจุดชีพจรก็
ข่าวลือนั้นเชื่อถือไม่ได้จริงๆ!เสิ่นหรูโจวเหลือบมองซากศพบนพื้นที่เย็นสนิทแล้วครั้งหนึ่ง ในดวงตาสาดประกายเย็นยะเยียบสายหนึ่งกงฉางจื้อตายแล้ว มูหว่านหรงก็เหมือนปีกขาดไปข้างหนึ่ง หลินเฟิงซึ่งเป็นคนสนิทก็ล้มลงแล้วเช่นกัน ผลลัพธ์เช่นนี้นับว่าทำให้คนพอใจนักหลังการเกิดใหม่ แม้จะมีหลายเรื่องที่ในชาติก่อนไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็มิได้ขัดขวางโอกาสในการเอาชนะของนาง ค่อยๆบีบบังคับให้ศัตรูตายไปทีละคนนางเดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอก ก็เห็นองครักษ์ที่อยู่ด้านนอก “ไปเก็บศพเถอะ”เหล่าองครักษ์พลันรับคำด้วยความเคารพ “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”พวกเขาเป็นคนที่เซียวเฉินเหยี่ยนเรียกตัวมา ยามปกติฟังเพียงคำสั่งของเซียวเฉินเหยี่ยนเท่านั้นทว่าหลังจากวันนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าไม่เคารพไม่เชื่อฟังเสิ่นหรูโจวแล้วพระชายาไม่เพียงกำราบชายารองได้ ทั้งยังกล้าลงมือกับท่านอ๋องอีก!กล้าลงมือกับรัชทายาท แล้วยังอยู่รอดปลอดภัยได้ เช่นนี้ผู้ใดจะกล้าล่วงเกินกัน?!มีองครักษ์จัดการเก็บศพ เสิ่นหรูโจวจึงจากไปพร้อมกับฉินอวี่ก่อนกลับไปที่เรือน เสิ่นหรูโจวแวะไปพบลู่หวายหนิงก่อน ลู่หวายหนิงฟื้นขึ้นมาแล้ว คาดว่าคงจะอยู่ในจวนอ๋องต่อได้อีกไม่
ข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของนายน้อย นายท่านล้วนต้องเข้ามาตรวจสอบ แม้ตัวเขาจะเชื่อใจพระชายา ทว่าภาพจำที่ผู้อื่นมีต่อพระชายายังคงหยุดอยู่ในอดีต ดังนั้น เขายังคงมีความจำเป็นที่จะต้องถามให้ละเอียด เพื่อเลี่ยงไม่ให้มิอาจตอบคำถามในยามที่นายท่านถามได้เสิ่นหรูโจวรู้ว่าฉินอวี่กังวลเรื่องใด จึงกล่าวอย่างเปิดเผยว่า “ตอนเป็นเด็กข้าศึกษาตำราแพทย์โบราณไม่น้อย สะสมไว้ก็ไม่น้อย ยามที่ยังไม่ได้ออกเรือน ชอบนำคนในจวนแม่ทัพมาฝึกฝนฝีมือ ข้ารู้วิชาแพทย์มาตลอด เพียงแต่คนนอกไม่รู้เท่านั้น”วิชาแพทย์ของนางศึกษาในชาติก่อน ชาตินี้เป็นวิชาอย่างไม่มีที่ไปที่มา ยากจะเลี่ยงมิให้ผู้คนคาดเดาไปต่างๆนานา มิสู้มอบเหตุผลให้สักข้อดีกว่าลู่หวายหนิงเชื่อเสิ่นหรูโจว ไม่ว่านางกล่าวสิ่งใดเขาล้วนเชื่อทั้งสิ้น กระทั่งตอนนี้เพียงแค่มองเสิ่นหรูโจว ในใจของเขาก็บังเกิดความปิติขึ้นมาพี่สาวคนสวยงดงามสะกดสายตาผู้คน ช่างคู่ควรกับท่านอาจารย์ยิ่งนัก!บนใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏความจริงจังขึ้นมา “พี่สาว ท่านทั้งงดงามทั้งชาญฉลาด หากอาจารย์ของข้าได้พบท่าน จะต้องชมชอบท่านอย่างแน่นอน”“โอ๋?” คิ้วงามของเสิ่นหรูโจวเลิกขึ้นเล็กน้อย ทว่ามิได้
ท่านหมอชราประสานมือคำนับเขา กล่าวพร้อมเคราแพะสีเทาที่สั่นไหวว่า “ท่านอ๋องมิต้องทรงกังวลพ่ะย่ะค่ะ พระชายารองเพียงแค่เพลิงโทสะจู่โจมหัวใจ จึงหมดสติไปเท่านั้น ผู้น้อยจะสั่งยาให้พระชายารองเสวยลงไปก่อน จากนั้นค่อยดูอาการพ่ะย่ะค่ะ”เพลิงโทสะจู่โจมจิตใจ?หัวคิ้วของเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดเข้าหากัน แม้จะบอกว่ากงฉางจื้อเป็นหมอของนาง แต่ก็เป็นเพียงหมอผู้หนึ่งเท่านั้น จำจะต้องโกรธกริ้วร้อนใจเช่นนี้ด้วยหรือ?“เช่นนั้นก็รีบสั่งยาเถิด”หลังจากท่านหมอชราคำนับเสร็จก็จากไป เซียวเฉินเหยี่ยนร้องเรียกคนว่า “เด็ก ๆ ดูแลพระชายารองให้ดี”“บ่าวน้อมรับคำสั่งเพคะ” สาวใช้ในอาภรณ์สีเขียวนางหนึ่งก้าวออกมาเซียวเฉินเหยี่ยนกวาดตามองนางครั้งหนึ่ง “เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”สาวใช้นางนี้ก็เป็นผู้ที่คอยปรนนิบัติอยู่เบื้องหน้าหว่านโหรวเช่นกัน เพียงแต่ดูแล้วไม่หัวไวเท่าหลิงเฟิงเท่านั้นถงอวิ๋นก้มศีรษะ ตอบตามตรงว่า “ทูลท่านอ๋อง เมื่อครู่พี่หลิงเฟิงเป็นลมไปแล้วเพคะ คิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้าถูกโบย ยังไม่หายดีเพคะ”เซียวเฉินเหยี่ยนจึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่า หลิงเฟิงยังถูกโบยด้วยเขามิได้กล่าวสิ่งใดอีก สาวเท้าจากไป กลับไปที่เรือนของตน