“แน่นอนว่าเป็นข้า!” เจียหนิงชี้นิ้วไปยังเสิ่นหรูโจวอย่างลำพอง ส่งสายตาดั่งใบมีดอันทิ่มแทงไป และกล่าวเสียงดังว่า “วันนี้นางเลือกสิ่งใด ข้าก็จะซื้อสิ่งนั้น!” ในเมื่อมิให้นางได้สมหวัง เช่นนั้นเสิ่นหรูโจวก็อย่าหวังจะได้เป็นสุขเลย!เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมี่ยวตงขมวดคิ้วกล่าว “คุณหนู ไม่เช่นนั้นพวกเราไปดูที่ร้านอื่นดีหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าของที่นี่คุณภาพดีจริงๆ พวกเราก็ซื้อที่นี่แหละ” เสิ่นหรูโจวจงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น “ท่านหญิงคงไม่อาจซื้อเสื้อผ้าไปหมดทุกชุด ถึงอย่างไรก็คงเหลือให้พวกเราสักชุดสองชุดละนะ” นางลูบกระโปรงแสงจันทร์ [1] ตัวหนึ่ง บนในหน้าแสดงรอยยิ้มตื่นเต้นยินดีออกมา “ตัวนี้สวยเหลือเกิน เสี่ยวเอ้อร์ ราคาเท่าใด?”เสี่ยวเอ้อร์ร้านกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายหญิงท่านนี้สายตาดีมากขอรับ กระโปรงตัวนี้ทำจากผ้าไหมหางโจว ราคาสี่สิบตำลึงเงินขอรับ” “ข้าเอาแล้ว!” เจียหนิงไม่รอให้เสิ่นหรูโจวเอ่ยปากก็แย่งไปก่อนทันที “หยินซวง จ่ายเงิน” หยินซวงหยิบหยวนเป่าทองคำออกมาหนึ่งก้อนทันที ท่าทีดูมือเติบอย่างมากเสี่ยวเอ้อร์ของร้านมองสีหน้าของเสิ่นหรูโจวสองครั
“ท่านหญิง ท่านแน่ใจว่าจะรับกระโปรงหม่าเมี่ยนตัวนี้ด้วยหรือขอรับ? เสี่ยวเอ้อร์ร้านประคองกระโปรงไว้ในมือ บนในหน้าประดับด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ตัวนี้ห้าสิบตำลึงขอรับ” เสิ่นหรูโจวยิ้มบางพลางกอดอก ท่าทีราวกำลังชมงิ้วเจียหนิงลอบกัดฟัน พูดกับเสี่ยวเอ้อร์ร้านว่า “ลงบัญชีของข้าไว้ก่อน” เสี่ยวเอ้อร์ร้านเผยรอยยิ้มลำบากใจออกมา “ทางร้านของเราไม่มีระเบียบนี้ หากท่านหญิงต้องการค้างชำระไว้ก่อนจริงๆ ผู้น้อยต้องไปขออนุญาตจากเถ้าแก่ก่อนขอรับ โอ้ เถ้าแก่ของร้านเรามาพอดีขอรับ” เจียหนิงหันกลับไปมอง ชายหนุ่มที่มีใบหน้าสง่างามผู้หนึ่งสาวเท้าเข้ามาอย่างช้าๆหนิงซวงกระซิบที่ข้างหูของเจียหนิงว่า “ท่านหญิง เขาคือเจียงรุ่ย เดิมเป็นแม่ทัพใหญ่ใต้สังกัดของท่านผู้สำเร็จราชการ ต่อมาลาออกมาทำกิจการขอรับ” เจียงรุ่ยก้าวเข้ามาประสานมือแสดงความเคารพ ยิ้มบางๆ ว่า “พระชายาของท่านอ๋องอู่เฉิงและท่านหญิงเจียหนิงมาเยือนด้วยตนเอง ข้าไม่ได้ต้อนรับให้ดี เสียมารยาทแล้วขอรับ” เสิ่นหรูโจวเห็นเขามีท่าทีสุภาพ ไม่มีเจตนาร้าย จึงได้พยักหน้าเสี่ยวเอ้อร์ร้านเดินไปที่ข้างกายของเจียงรุ่ย “นายท่าน ท่านหญิงชื่นชอบกระโปรงตัวนี้ ประสงค์จ
แม้ในใจสีหน้าของเสิ่นหรูโจวจะดูสงบไร้คลื่นลม ทว่าภายในใจกลับกำลังปั่นป่วนนางชอบเสื้อขนนกยูงทองตัวนี้เป็นอย่างมาก และนางก็พึ่งหาเงินมาได้หนึ่งแสนตำลึงทองพอดี เรื่องซื้อนั้นย่อมซื้อได้ ทว่าให้นำเงินมหาศาลขนาดนี้ไปซื้อเสื้อผ้า อย่างไรเสียตัดใจไม่ลงนางกำลังคิดว่าจะปฏิเสธเจ้าของร้านอย่างละมุนละม่อมอย่างไรดี ในเวลานี้เอง เจียงรุ่ยก็เอ่ยปากอย่างยิ้มแย้มว่า “หากพระชายาต้องการ ข้าจะไม่คิดเงินแม้แต่เหวินเดียว มอบให้พระชายาเลยขอรับ” เสิ่นหรูโจวมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย มองไปยังเจียงรุ่ยอย่างประหลาดใจเจียหนิงพองขนแล้ว ชี้ไปที่เจียงรุ่ยและด่าว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน! ท่านหญิงเช่นข้าจะซื้อ เจ้ากลับเรียกราคาเสียสูงลิ่ว แต่พอนางซื้อ เจ้ากลับไม่เก็บเงินแม้แต่เหวินเดียว”เจียงรุ่ยประสานมือยิ้มบางๆ “พระชายาเป็นแขกผู้มีเกียรติของร้านเรา ย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน” เจียหนิงขึ้นเสียงว่า “เบิกตาสุนัขของเจ้าดูให้ดี! ตัวข้าคือท่านหญิง มีพระมารดาเป็นองค์หญิง ท่านหญิงเยี่ยงข้าสูงส่งกว่านางมากนัก!”เจียงรุ่ยกล่าวว่า “ข้าน้อยย่อมไม่มีทางดูแคลนท่านอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า…”พอแล้ว!” เจียหนิงตะคอกใส
เซียวเฉินเหยี่ยนหลับตาลง ใช้นิ้วนวดที่หว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญอยู่บ้างเมื่อวานเสิ่นหรูโจวขี่ม้าตัวเดียวกับเป่ยซิวเยี่ยนจากไปต่อหน้าต่อตาเขา ทำให้เขาโมโหไม่น้อย เขาจึงยังไม่ได้คิดจะไปหานาง แต่สุขภาพของเสด็จพี่หญิงกลับไม่อาจล่าช้าได้เขาลืมตาขึ้น ก้นบึ้งของดวงตาอันมืดมิดเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดอั้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ที่ใด?”กลับเรือนของนางไปแล้ว หรืออยู่กับเป่ยซิวเยี่ยนกัน?พ่อบ้านตอบตามความจริงว่า “เมื่อวานตอนค่ำพระชายาก็กลับเรือนของตนเองแล้วขอรับ ยามนี้น่าจะอยู่ที่เรือนนะขอรับ” สีหน้าเคร่งขมึงของเซียวเฉินเหยี่ยนผ่อนคลายลงเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปเพียงครู่เดียว รถม้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเสิ่นหรูโจวเซียวเฉินเหยี่ยนเดินออกมาจากรถม้า ขณะที่เพิ่งลงจากรถม้า ก็เห็นจากไม่ไกล เสิ่นหรูโจวกับเมี่ยวตงกำลังกลับมาอย่างมีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ในมือถือพุทราเชื่อมไม้หนึ่งกำลังส่งเข้าปาก ฝีเท้าผ่อนคลายและรวดเร็วอย่างมาก ทั่วทั้งร่างต่างส่องประกายความร่าเริงออกมาเห็นนางเบิกบานเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเห
เซียวเฉินเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม “เสิ่นหรูโจว เปิ่นหวังรู้ว่าก่อนหน้านี้เสด็จพี่หญิงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เกรงใจนัก แต่ต่อให้ในใจเจ้ามีความขัดเคือง ก็ไม่อาจทำเรื่องเหลวไหล การเข้าวังในครั้งนี้จงตรวจอาการให้เสด็จพี่หญิงดีๆ รักษาร่างกายของนางให้กลับมาดีดังเดิม”เสิ่นหรูโจวยกมุมปากขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะหยันว่า “เซียวเฉินเหยี่ยน ท่าทีที่ท่านประจบประแจงคนช่างน่าขันนัก” เซียวเฉินเหยี่ยนชักสีหน้าทันที “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“หรือไม่ใช่ล่ะ?” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง “เซียวจิ่นซีไม่ใช่พี่สาวร่วมอุทรของท่านเสียหน่อย ท่านใส่ใจนางถึงเพียงนี้ ก็มิใช่เพราะนางได้รับความโปรดปราน ท่านคิดจะประจบเอาใจนางหรืออย่างไร?”เหอะ ที่เซียวเฉินเหยี่ยนแต่งงานกับนาง ก็เพื่ออำนาจของจวนแม่ทัพที่ประจบเอาใจเซียวจิ่นซี ก็เพื่อความช่วยเหลือจากนางเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์ เขาใช้ความพยายามไปมากมาย อดทนอดกลั้นต่อความอัปยศ กบดานอยู่หลายปี สภาพจิตใจเช่นนี้นับว่าร้ายกาจนักการชักจูงโน้มน้าวขุมอำนาจต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ในการแย่งชิงอำนาจ แต่การถูกคนเปิดโปงต่อหน้าเช่นนี้ก็ทำให้คนเสียหน้าอย่างมากสีห
เซียวจิ่นซีเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางเสิ่นหรูโจวด้วยแววตาอันเหี้ยมโหดเสิ่นหรูโจวไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย เนตรหงส์ที่กระจ่างสว่างใส ผสานด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง เผชิญกับแววตาที่ราวกับคมมีดของเซียวจิ่นซีเต๋อเฟยรู้ว่านิสัยของเซียวจิ่นซีนั้น พูดไม่กี่คำก็จะโมโห เสิ่นหรูโจวก็คล้ายจะมิได้มีนิสัยดั่งลูกแกะน้อยเช่นเมื่อก่อนแล้ว คนทั้งสองเมื่อพบหน้ากัน กลิ่นอายดินระเบิดในอากาศก็เข้มข้นเป็นอย่างมากนางจูงเสิ่นหรูโจวเดินเข้าไปใกล้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้สุขภาพของเสด็จพี่หญิงเจ้าไม่ค่อยดี ได้ยินว่าทักษะการแพทย์ของเจ้าดีมาก ก็ดูให้เสด็จพี่หญิงของเจ้าหน่อยเถอะ” เสิ่นหรูโจวไม่กล่าวสิ่งใด ปล่อยให้เต๋อเฟยดึงนางไปที่เบื้องหน้าของเซียวจิ่นซี นางกำนัลยกเก้าอี้เล็กๆ ตัวหนึ่งมาให้นาง วางลงข้างตั่งนิ่มแล้วเชิญให้นางนั่งลงเซียวจิ่นซีชักสีหน้าเย็นชา ดวงตามิได้เคลื่อนไปจากใบหน้าของเสิ่นหรูโจวเลย ราวต้องการที่จะใช้สายตาแล่เสิ่นหรูโวทั้งเป็นแล้วนางยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง นางกำนัลพาดผ้าเนื้อบางไว้บนข้อมือของนาง เชิญให้เสิ่นหรูโจวจับชีพจรเสิ่นหรูโจวมีสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา วางนิ้วมือลงบนข้อมือของนาง เริ่มจับ
“เหตุใดจึงจะหย่าไม่ได้?” เซียวจิ่นซีแค่นเสียงอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ข้าเห็นว่าใจของนางไม่ได้อยู่ที่เฉินเหยี่ยนแม้แต่น้อย ยังคงแยกกันแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า”เต๋อเฟยฉีกยิ้ม รอยยิ้มไร้ความจริงใจเป็นอย่างมาก“จิ่นซี หรูโจวจะไม่มีใจต่อเฉินเหยี่ยนได้อย่างไร นางมีความรักต่อเฉินเหยี่ยนอย่างลึกซึ้ง อีกอย่าง พวกเขาพึ่งจะแต่งงานกันได้ไม่กี่วัน จะหย่าขาดอย่างรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”เสิ่นหรูโจวยังคงถูกนางกำนัลซ้ายขวาสองคนควบคุมไว้ จึงได้เพียงแต่ยิ้มเยาะ เซียวจิ่นซีมองท่าทีของเต๋อเฟยออก สีหน้าจึงเย็นชาขึ้นอีกสองสามส่วน“ช่างเถอะ เรื่องนี้วันหลังค่อยพูดกันอีกครั้ง จู่ๆ ข้าก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย รบกวนเต๋อเฟยไปช่วยข้าเร่งยาหน่อยเถิด” เต๋อเฟยรีบแสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมา “ได้ เจ้าพักผ่อนก่อน อย่าได้โมโหอีกเล่า” กล่าวจบ นางก็กวาดตามองเสิ่นหรูโจวครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หมุนกายจากไปรอจนเต๋อเฟยจากไปแล้ว เซียวจิ่นซีก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมาอีกครั้ง“จับนางไว้ให้ดี!” นางตะคอกเสียงต่ำนางกำนัลรีบเพิ่มแรงในมือทันที จับแขนของเสิ่นหรูโจวไว้แน่น ไม่มอบโอกาสให้นางหนีแม้แต่น้อยเสิ่นหรูโจวมิได้ขัดขืน มองเซี
เซียวจิ่นซีเห็นเซียวเฉินเหยี่ยนมาแล้ว ก็รีบซ่อนยาพิษเอาไว้นางมือหนึ่งกดหน้าอก อีกมือกุมหน้าผาก ราวกำลังจะถูกทำให้โมโหจนตายแล้ว“เฉินเหยี่ยน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว มิเช่นนั้น ข้าแทบถูกพระชายาของเจ้ายั่วโมโหจนตายทั้งเป็นแล้ว!” กล่าวจบ นางก็ส่งเสียงคร่ำครวญอย่างทรมานสองสามครั้ง เร่งนางกำนัลว่า “เหตุใดยาจึงยังไม่เสร็จอีก ข้าปวดหัวจะตายอยู่แล้ว"นางกำนัลรีบกล่าวว่า “บ่าวจะไปเร่งเดี๋ยวนี้เพคะ องค์หญิงโปรดอย่าได้ทรงกริ้ว เดิมพระวรกายของพระองค์ก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว อย่าทรงพิโรธจนอาการหนักขึ้นไปอีกเลยนะเพคะ” เสิ่นหรูโจวถูกความไร้ยางอายของเซียวจิ่นซีทำให้อึ้งไปแล้ว นางยกมือขึ้นกอดอกและยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเซียวเฉินเหยี่ยนได้ฟังการร้องเรียนของเซียวจิ่นซีไปรอบหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วมองไปทางเสิ่นหรูโจวและจี้ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ข้า” ครั้งนี้เขาไม่ได้รีบบันดาลโทสะ แต่ต้องการรอฟังคำอธิบายจากเสิ่นหรูโจวแทนเสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว หว่างคิ้วปรากฏร่องรอยความรำคาญใจขึ้นมา“ในห้องนี้ล้วนแต่เป็นคนของนาง ข้าจะกล้าหาเรื่องนางหรือ?” เซียวเฉินเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย กวาดตามองห้องที่เต็มไปด้วยคนนอก “เช่นนั้นพวก