เซียวเฉินเหยี่ยนหลับตาลง ใช้นิ้วนวดที่หว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรำคาญอยู่บ้างเมื่อวานเสิ่นหรูโจวขี่ม้าตัวเดียวกับเป่ยซิวเยี่ยนจากไปต่อหน้าต่อตาเขา ทำให้เขาโมโหไม่น้อย เขาจึงยังไม่ได้คิดจะไปหานาง แต่สุขภาพของเสด็จพี่หญิงกลับไม่อาจล่าช้าได้เขาลืมตาขึ้น ก้นบึ้งของดวงตาอันมืดมิดเต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดอั้น “ตอนนี้เสิ่นหรูโจวอยู่ที่ใด?”กลับเรือนของนางไปแล้ว หรืออยู่กับเป่ยซิวเยี่ยนกัน?พ่อบ้านตอบตามความจริงว่า “เมื่อวานตอนค่ำพระชายาก็กลับเรือนของตนเองแล้วขอรับ ยามนี้น่าจะอยู่ที่เรือนนะขอรับ” สีหน้าเคร่งขมึงของเซียวเฉินเหยี่ยนผ่อนคลายลงเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปเพียงครู่เดียว รถม้าก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของเสิ่นหรูโจวเซียวเฉินเหยี่ยนเดินออกมาจากรถม้า ขณะที่เพิ่งลงจากรถม้า ก็เห็นจากไม่ไกล เสิ่นหรูโจวกับเมี่ยวตงกำลังกลับมาอย่างมีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ในมือถือพุทราเชื่อมไม้หนึ่งกำลังส่งเข้าปาก ฝีเท้าผ่อนคลายและรวดเร็วอย่างมาก ทั่วทั้งร่างต่างส่องประกายความร่าเริงออกมาเห็นนางเบิกบานเช่นนี้ เซียวเฉินเหยี่ยนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีเห
เซียวเฉินเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม “เสิ่นหรูโจว เปิ่นหวังรู้ว่าก่อนหน้านี้เสด็จพี่หญิงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เกรงใจนัก แต่ต่อให้ในใจเจ้ามีความขัดเคือง ก็ไม่อาจทำเรื่องเหลวไหล การเข้าวังในครั้งนี้จงตรวจอาการให้เสด็จพี่หญิงดีๆ รักษาร่างกายของนางให้กลับมาดีดังเดิม”เสิ่นหรูโจวยกมุมปากขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะหยันว่า “เซียวเฉินเหยี่ยน ท่าทีที่ท่านประจบประแจงคนช่างน่าขันนัก” เซียวเฉินเหยี่ยนชักสีหน้าทันที “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“หรือไม่ใช่ล่ะ?” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง “เซียวจิ่นซีไม่ใช่พี่สาวร่วมอุทรของท่านเสียหน่อย ท่านใส่ใจนางถึงเพียงนี้ ก็มิใช่เพราะนางได้รับความโปรดปราน ท่านคิดจะประจบเอาใจนางหรืออย่างไร?”เหอะ ที่เซียวเฉินเหยี่ยนแต่งงานกับนาง ก็เพื่ออำนาจของจวนแม่ทัพที่ประจบเอาใจเซียวจิ่นซี ก็เพื่อความช่วยเหลือจากนางเพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์ เขาใช้ความพยายามไปมากมาย อดทนอดกลั้นต่อความอัปยศ กบดานอยู่หลายปี สภาพจิตใจเช่นนี้นับว่าร้ายกาจนักการชักจูงโน้มน้าวขุมอำนาจต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ในการแย่งชิงอำนาจ แต่การถูกคนเปิดโปงต่อหน้าเช่นนี้ก็ทำให้คนเสียหน้าอย่างมากสีห
เซียวจิ่นซีเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางเสิ่นหรูโจวด้วยแววตาอันเหี้ยมโหดเสิ่นหรูโจวไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย เนตรหงส์ที่กระจ่างสว่างใส ผสานด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง เผชิญกับแววตาที่ราวกับคมมีดของเซียวจิ่นซีเต๋อเฟยรู้ว่านิสัยของเซียวจิ่นซีนั้น พูดไม่กี่คำก็จะโมโห เสิ่นหรูโจวก็คล้ายจะมิได้มีนิสัยดั่งลูกแกะน้อยเช่นเมื่อก่อนแล้ว คนทั้งสองเมื่อพบหน้ากัน กลิ่นอายดินระเบิดในอากาศก็เข้มข้นเป็นอย่างมากนางจูงเสิ่นหรูโจวเดินเข้าไปใกล้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้สุขภาพของเสด็จพี่หญิงเจ้าไม่ค่อยดี ได้ยินว่าทักษะการแพทย์ของเจ้าดีมาก ก็ดูให้เสด็จพี่หญิงของเจ้าหน่อยเถอะ” เสิ่นหรูโจวไม่กล่าวสิ่งใด ปล่อยให้เต๋อเฟยดึงนางไปที่เบื้องหน้าของเซียวจิ่นซี นางกำนัลยกเก้าอี้เล็กๆ ตัวหนึ่งมาให้นาง วางลงข้างตั่งนิ่มแล้วเชิญให้นางนั่งลงเซียวจิ่นซีชักสีหน้าเย็นชา ดวงตามิได้เคลื่อนไปจากใบหน้าของเสิ่นหรูโจวเลย ราวต้องการที่จะใช้สายตาแล่เสิ่นหรูโวทั้งเป็นแล้วนางยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง นางกำนัลพาดผ้าเนื้อบางไว้บนข้อมือของนาง เชิญให้เสิ่นหรูโจวจับชีพจรเสิ่นหรูโจวมีสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา วางนิ้วมือลงบนข้อมือของนาง เริ่มจับ
“เหตุใดจึงจะหย่าไม่ได้?” เซียวจิ่นซีแค่นเสียงอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ข้าเห็นว่าใจของนางไม่ได้อยู่ที่เฉินเหยี่ยนแม้แต่น้อย ยังคงแยกกันแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า”เต๋อเฟยฉีกยิ้ม รอยยิ้มไร้ความจริงใจเป็นอย่างมาก“จิ่นซี หรูโจวจะไม่มีใจต่อเฉินเหยี่ยนได้อย่างไร นางมีความรักต่อเฉินเหยี่ยนอย่างลึกซึ้ง อีกอย่าง พวกเขาพึ่งจะแต่งงานกันได้ไม่กี่วัน จะหย่าขาดอย่างรวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”เสิ่นหรูโจวยังคงถูกนางกำนัลซ้ายขวาสองคนควบคุมไว้ จึงได้เพียงแต่ยิ้มเยาะ เซียวจิ่นซีมองท่าทีของเต๋อเฟยออก สีหน้าจึงเย็นชาขึ้นอีกสองสามส่วน“ช่างเถอะ เรื่องนี้วันหลังค่อยพูดกันอีกครั้ง จู่ๆ ข้าก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย รบกวนเต๋อเฟยไปช่วยข้าเร่งยาหน่อยเถิด” เต๋อเฟยรีบแสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมา “ได้ เจ้าพักผ่อนก่อน อย่าได้โมโหอีกเล่า” กล่าวจบ นางก็กวาดตามองเสิ่นหรูโจวครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หมุนกายจากไปรอจนเต๋อเฟยจากไปแล้ว เซียวจิ่นซีก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมาอีกครั้ง“จับนางไว้ให้ดี!” นางตะคอกเสียงต่ำนางกำนัลรีบเพิ่มแรงในมือทันที จับแขนของเสิ่นหรูโจวไว้แน่น ไม่มอบโอกาสให้นางหนีแม้แต่น้อยเสิ่นหรูโจวมิได้ขัดขืน มองเซี
เซียวจิ่นซีเห็นเซียวเฉินเหยี่ยนมาแล้ว ก็รีบซ่อนยาพิษเอาไว้นางมือหนึ่งกดหน้าอก อีกมือกุมหน้าผาก ราวกำลังจะถูกทำให้โมโหจนตายแล้ว“เฉินเหยี่ยน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว มิเช่นนั้น ข้าแทบถูกพระชายาของเจ้ายั่วโมโหจนตายทั้งเป็นแล้ว!” กล่าวจบ นางก็ส่งเสียงคร่ำครวญอย่างทรมานสองสามครั้ง เร่งนางกำนัลว่า “เหตุใดยาจึงยังไม่เสร็จอีก ข้าปวดหัวจะตายอยู่แล้ว"นางกำนัลรีบกล่าวว่า “บ่าวจะไปเร่งเดี๋ยวนี้เพคะ องค์หญิงโปรดอย่าได้ทรงกริ้ว เดิมพระวรกายของพระองค์ก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว อย่าทรงพิโรธจนอาการหนักขึ้นไปอีกเลยนะเพคะ” เสิ่นหรูโจวถูกความไร้ยางอายของเซียวจิ่นซีทำให้อึ้งไปแล้ว นางยกมือขึ้นกอดอกและยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเซียวเฉินเหยี่ยนได้ฟังการร้องเรียนของเซียวจิ่นซีไปรอบหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วมองไปทางเสิ่นหรูโจวและจี้ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ข้า” ครั้งนี้เขาไม่ได้รีบบันดาลโทสะ แต่ต้องการรอฟังคำอธิบายจากเสิ่นหรูโจวแทนเสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว หว่างคิ้วปรากฏร่องรอยความรำคาญใจขึ้นมา“ในห้องนี้ล้วนแต่เป็นคนของนาง ข้าจะกล้าหาเรื่องนางหรือ?” เซียวเฉินเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย กวาดตามองห้องที่เต็มไปด้วยคนนอก “เช่นนั้นพวก
กล่าวจบ นางก็หมุนตัวมุ่งหน้าไปทางประตูสีหน้าของเซียวจิ่นซีแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง รีบพูดว่า “เจ้า…” ใบหน้าของนางซีดขาว ไม่รู้ว่าสิ่งที่เสิ่นหรูโจวกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ทว่าท้องของตนกลับรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้วเพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูก็ถูกเต๋อเฟยขวางไว้ “หรูโจว เจ้ารอก่อน!” เมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้านนอก นางได้ยินทั้งหมดแล้ว เซียวจิ่นซีป่วยหนัก หากเป็นเช่นนี้จริงก็จำเป็นจะต้องให้เสิ่นหรูโจวช่วยคน เพราะถ้าเซียวจิ่นซีตายไป เฉินเยี่ยนก็จะสูญเสียแรงสนับสนุนอันแข็งแกร่งไปด้วย“หรูโจว อาการป่วยของเสด็จพี่หญิงเจ้าหนักมากจริงหรือ?” นางจับมือของเสิ่นหรูโจวไว้แน่น เกรงว่านางจะหนีไป “ล้วนแต่เป็นคนครอบครัวเดียวกัน หากพี่หญิงของเจ้าป่วย เจ้าจะต้องช่วยนางนะ!” เซียวจิ่นซีกดท้องอย่างหวาดหวั่น กัดริมฝีปากล่างแน่น เสิ่นหรูโจวหันศีรษะไปมองนางทีหนึ่ง จากนั้นก็โค้งริมฝีปากขึ้นมาเป็นรอยยิ้ม“เสด็จแม่ มิใช่ข้าไม่อยากช่วยองค์หญิง แต่เป็นองค์หญิงที่ทรงกล่าวด้วยพระองค์เองเมื่อครู่ว่า ไม่ต้องการให้ข้ารักษาอาการป่วยให้พระองค์” เต๋อเฟยยิ้มเอาใจ “เมื่อครู่พี่หญิงของเจ้าพูดไปเพราะความโมโหน่ะ” “เช่นนั
สีหน้าของเต๋อเฟยย่ำแย่ลงในเสี้ยววินาที นางกัดริมฝีปากไม่ส่งเสียงแล้วกลับเป็นเซียวเฉินเหยี่ยนที่ทนไม่ได้ จับจ้องไปยังหลี่หมัวมัวด้วยด้วยแววตาดุดันเฉียบขาด“บังอาจนัก เป็นเพียงหมัวมัวผู้หนึ่งกลับกล้าต่อปากต่อคำกับพระสนมเต๋อเฟย?” หลี่หมัวมัวค้อมศีรษะเล็กน้อย ทว่าไม่อ่อนน้อม “บ่าวเสียมารยาทแล้วเพคะ ของท่านอ๋องอู่เฉิงโปรดอภัย ทว่าบ่าวเพียงทำไปตามคำสั่งเท่านั้นเพคะ” เสิ่นหรูโจวก็มิได้ยืดเยื้อให้มากความอีก นางเดินมุ่งหน้าไปที่นอกประตู “ในเมื่อกุ้ยเฟยต้องการพบข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่รั้งรออยู่แล้ว” เต๋อเฟยขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรูโจว…"เสิ่นหรูโจวเพิกเฉยต่อนาง โบกมือให้เซียวจิ่นซี “องค์หญิง หม่อมฉันไปก่อนนะเพคะ องค์หญิงจะต้องทรงอดทนไว้ให้ได้นะเพคะ” กล่าวจบ นางก็เดินส่ายอาดๆ จากไปกับหลี่หมัวมัว ก่อนไปยังถอนใจเสียงดังอีกว่า “เฮ้อ ล้วนเป็นกรรมตามสนองจริงๆ!” เมื่อเซียวจิ่นซีได้ยินคำพูดของนาง ก็โมโหจนคว่ำโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างเตียงสีหน้าของเต๋อเฟยไม่น่ามอง เดิมนางต้องการให้เสิ่นหรูโจวรักษาอาการป่วยให้เซียวจิ่นซี แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้เหตุใดเสิ่นหรูโจวจึงควบคุมได้ยากขึ้นทุกวัน
นางกำนัลหลายคนรีบอุ้มเซียวจิ่นซีไปที่ตั่งอย่างลนลาน จากนั้นก็รีบไปยกยามาเซียวจิ่นซีนอนตาปิดสนิทอยู่บนตั่ง นางกำนัลค่อยๆ หยอดยาเข้าไปในปากของนางทีละน้อยเต๋อเฟยมองเซียวจิ่นซีที่กำลังหมดสติ จากนั้นลูบอกของตนเบาๆ แล้วหันศีรษะไปมองเซียวเฉินเหยี่ยน กำชับเบาๆว่า “เฉินเหยี่ยน ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม เจ้าก็ไม่อาจหย่ากับหรูโจวเด็ดขาด” ดวงเนตรที่ล้ำลึกดำสนิทของเซียวเฉินเหยี่ยนหรุบต่ำลง พูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอย่างยิ่งว่า “ลูกทราบพ่ะย่ะค่ะ” ตัวเขาในตอนนี้ ก็ไม่อยากหย่าขาดกับเสิ่นหรูโจวอยู่บ้างเช่นกันเต๋อเฟยพยักหน้าและกุมมือของเขาไว้ กล่าวต่ออีกว่า “ส่วนทางจิ่นซีนั้น เจ้า…” “เสด็จแม่โปรดวางพระทัย” เซียวเฉินเหยี่ยนเงยหน้ามองไปทางเซียวจิ่นซีที่อยู่บนตั่ง น้ำเสียงสงบนิ่ง “ลูกจะจัดการอย่างรอบคอบเองพ่ะย่ะค่ะ” ในเวลานั้นเอง หัวหน้าขันทีเฉาก็มาเยือนอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นสถานการณ์วุ่นวายในตำหนัก ก็ถามอย่างตกใจว่า “นี่เกิดสิ่งใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เฉาเต๋อไห่เป็นหัวหน้าขันทีที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้หย่งอัน แต่ไรมาคนในวังมักจะให้ความเกรงใจเขาอยู่หลายส่วนเต๋อเฟยรีบปรับสีหน้าแล้วพูดว่