สีหน้าของเต๋อเฟยย่ำแย่ลงในเสี้ยววินาที นางกัดริมฝีปากไม่ส่งเสียงแล้วกลับเป็นเซียวเฉินเหยี่ยนที่ทนไม่ได้ จับจ้องไปยังหลี่หมัวมัวด้วยด้วยแววตาดุดันเฉียบขาด“บังอาจนัก เป็นเพียงหมัวมัวผู้หนึ่งกลับกล้าต่อปากต่อคำกับพระสนมเต๋อเฟย?” หลี่หมัวมัวค้อมศีรษะเล็กน้อย ทว่าไม่อ่อนน้อม “บ่าวเสียมารยาทแล้วเพคะ ของท่านอ๋องอู่เฉิงโปรดอภัย ทว่าบ่าวเพียงทำไปตามคำสั่งเท่านั้นเพคะ” เสิ่นหรูโจวก็มิได้ยืดเยื้อให้มากความอีก นางเดินมุ่งหน้าไปที่นอกประตู “ในเมื่อกุ้ยเฟยต้องการพบข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่รั้งรออยู่แล้ว” เต๋อเฟยขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรูโจว…"เสิ่นหรูโจวเพิกเฉยต่อนาง โบกมือให้เซียวจิ่นซี “องค์หญิง หม่อมฉันไปก่อนนะเพคะ องค์หญิงจะต้องทรงอดทนไว้ให้ได้นะเพคะ” กล่าวจบ นางก็เดินส่ายอาดๆ จากไปกับหลี่หมัวมัว ก่อนไปยังถอนใจเสียงดังอีกว่า “เฮ้อ ล้วนเป็นกรรมตามสนองจริงๆ!” เมื่อเซียวจิ่นซีได้ยินคำพูดของนาง ก็โมโหจนคว่ำโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างเตียงสีหน้าของเต๋อเฟยไม่น่ามอง เดิมนางต้องการให้เสิ่นหรูโจวรักษาอาการป่วยให้เซียวจิ่นซี แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้เหตุใดเสิ่นหรูโจวจึงควบคุมได้ยากขึ้นทุกวัน
นางกำนัลหลายคนรีบอุ้มเซียวจิ่นซีไปที่ตั่งอย่างลนลาน จากนั้นก็รีบไปยกยามาเซียวจิ่นซีนอนตาปิดสนิทอยู่บนตั่ง นางกำนัลค่อยๆ หยอดยาเข้าไปในปากของนางทีละน้อยเต๋อเฟยมองเซียวจิ่นซีที่กำลังหมดสติ จากนั้นลูบอกของตนเบาๆ แล้วหันศีรษะไปมองเซียวเฉินเหยี่ยน กำชับเบาๆว่า “เฉินเหยี่ยน ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม เจ้าก็ไม่อาจหย่ากับหรูโจวเด็ดขาด” ดวงเนตรที่ล้ำลึกดำสนิทของเซียวเฉินเหยี่ยนหรุบต่ำลง พูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอย่างยิ่งว่า “ลูกทราบพ่ะย่ะค่ะ” ตัวเขาในตอนนี้ ก็ไม่อยากหย่าขาดกับเสิ่นหรูโจวอยู่บ้างเช่นกันเต๋อเฟยพยักหน้าและกุมมือของเขาไว้ กล่าวต่ออีกว่า “ส่วนทางจิ่นซีนั้น เจ้า…” “เสด็จแม่โปรดวางพระทัย” เซียวเฉินเหยี่ยนเงยหน้ามองไปทางเซียวจิ่นซีที่อยู่บนตั่ง น้ำเสียงสงบนิ่ง “ลูกจะจัดการอย่างรอบคอบเองพ่ะย่ะค่ะ” ในเวลานั้นเอง หัวหน้าขันทีเฉาก็มาเยือนอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นสถานการณ์วุ่นวายในตำหนัก ก็ถามอย่างตกใจว่า “นี่เกิดสิ่งใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เฉาเต๋อไห่เป็นหัวหน้าขันทีที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้หย่งอัน แต่ไรมาคนในวังมักจะให้ความเกรงใจเขาอยู่หลายส่วนเต๋อเฟยรีบปรับสีหน้าแล้วพูดว่
เซียวเฉินเหยี่ยนเหลือบมองฮ่องเต้หย่งอันโดยไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้า “ที่หรูโจวเข้าวังมาก็เพื่อมาตรวจชีพจรให้เสด็จพี่หญิงพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างนั้นเกิดการปะทะคารมกันเล็กน้อย เสด็จพ่อมิต้องกังวลพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” “สุขภาพของจิ่นซียังไม่หายดีอีกหรือ?” เมื่อพูดถึงเซียวจิ่นซี ฮ่องเต้หย่งอันจึงได้เงยหน้าขึ้นมามองไปที่เฉาเต๋อไห่เฉาเต๋อไห่รีบรับคำว่า “ช่วงนี้องค์หญิงทรงพักรักษาตัวอยู่ที่ตำหนักพระสนมเต๋อเฟยโดยตลอดพ่ะย่ะค่ะ ทว่าสถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีนัก เมื่อครู่กระหม่อมเพึ่งไปที่ตำหนักของพระสนมเต๋อเฟยมา องค์หญิงยังทรงหมดสติไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ” “เหตุใดจู่ๆ ถึงป่วยได้เล่า?” ฮ่องเต้หย่งอันพึมพำ ขมวดคิ้ว “ไป เอาโสมป่าที่เพิ่งส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการต้นนั้นไปมอบให้องค์หญิง บอกให้นางรักษาตัวให้ดี” เฉาเต๋อไห่ค้อมศีรษะลงกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงมีพระเมตตาต่อองค์หญิงนัก กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” กล่าวจบ เขาก็สาวเท้าออกไปฮ่องเต้หย่งอันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ในที่สุดสายตาก็มองไปยังเซียวเฉินเหยี่ยนที่อยู่เบื้องหน้า กล่าวว่า “ช่วงนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหรูโจวยังดีอยู่หรือไม่?” ดวงตาที่หรุบต่ำของเ
เซียวเฉินเหยี่ยนถอนใจอย่างโล่งอกทีหนึ่ง ประสานคำนับกล่าวว่า “รางวัลของเสด็จพ่อนั้น ทรงประทานให้ก็เพราะการประสูติของพระอนุชา ลูกอยากจะใช้พระเมตตานี้ไว้ชีวิตโจวอี๋เจี่ยน ให้เขาได้ทำความดีชดใช้ความผิด เปิดอารามพรตขอพรให้พระอนุชา เช่นนี้จึงจะไม่ผิดต่อพระเมตตาของเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หย่งอันเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาที่ลึกล้ำจับจ้องอยู่เหนือกระหม่อมของเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นเวลานานเฉาเต๋อไห่ก้มศีรษะลง แอบลอบมองสีหน้าของโอรสสวรรค์อย่างเงียบๆในห้องทรงพระอักษรเงียบสงัดไร้เสียง มีเพียงเสียงที่ฮ่องเต้หย่งอันทรงหมุนประคำข้อมือเบาๆ เท่านั้นในที่สุด ฮ่องเต้หย่งอันก็เอ่ยปากว่า “เจ้าพูดได้น่าฟังเพียงนี้ ทำให้ข้ายากที่จะปฏิเสธ เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่เจ้าว่าเถอะ” แววตาของเซียวเฉินเหยี่ยนเป็นประกายเล็กน้อย เรือนกายสูงตระหง่านคุกเข่าลง กล่าวขอบพระทัย “เสด็จพ่อทรงมีพระเมตตา ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงประทานรางวัลพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หย่งอันหรุบตาลง อารมณ์ในดวงตาขุ่นมัวไม่ชัดเจน เขามิได้กล่าวสิ่งใดอีก โบกมือให้เซียวเฉิยนเหยี่ยนถอยออกไปเมื่อเซียวเฉินเหยี่ยนออกจากห้องทรงพระอักษร ก็มุ่งหน้าไปที่เรือนจำข
เสิ่นหรูโจวมองกุ้ยเฟยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไรหรอกเพคะ องค์หญิงเจาหยางทรงเห็นหม่อมฉันขัดตา หม่อมฉันหลบเสียก็พอ ส่วนพระสนมเต๋อเฟยนั้น ระหว่างลูกสะใภ้และแม่สามีเกิดปัญหาเล็กน้อยก็เป็นเรื่องธรรมดา หรูโจวสามารถจัดการได้ กุ้ยเฟยไม่ต้องเป็นห่วงหม่อมฉันหรอกเพคะ” นางรู้ว่ากุ้ยเฟยประสงค์ดีต่อนาง กุ้ยเฟยไม่ใช่คนเลวร้าย อีกอย่างเป็นคนที่มีบุญต้องทดแทน เมื่อบอกว่าต้องการจะระบายโทสะแทนนาง แปดส่วนย่อมเป็นความจริง ทว่านางไม่ต้องการให้เรื่องราวเปลี่ยนเป็นซับซ้อนยิ่งกว่านี้เดิมตระกูลของกุ้ยเฟยก็มากด้วยอิทธิพลอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีพระโอรสอีก ไม่แน่ว่าจะไม่เกิดความคิดในการจะแย่งชิงบัลลังก์ขึ้นมาแม้นางจะมีบุญคุณต่อกุ้ยเฟย ทว่ายามนี้นางยังคงเป็นพระชายาของอ๋องอู่เฉิงอยู่ เมื่อมีความสัมพันธ์ชั้นนี้อยู่ ระหว่างนางกับกุ้ยเฟยก็ยากที่จะเปิดเผยต่อกันอย่างสมบูรณ์ได้ที่นางช่วยกุ้ยเฟย เดิมก็เพื่อชดเชยต่อความเสียใจที่ชาติที่แล้ว ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่กุ้ยเฟยเคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือในยามลำบาก ทว่านางไม่อยากเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องอื่นอีกกุ้ยเฟยเห็นนางไม่เต็มใจจะกล่าว จึงไม่พูดอะไรมากอีก กล่าวเพียงว่า “ตา
เซียวจิ่นซีผู้นั้นดวงตาอยู่สูงเหนือศีรษะ เอาแต่ใจจนเคยชินแล้ว ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็จะต้องคว้ามาไว้ในมือให้ได้ หากเซียวเฉินเหยี่ยนไม่อาจให้นางได้สมตามความต้องการ แล้วนางจะสนับสนุนเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเต็มกำลังได้อย่างไร?เซียงลั่วกล่าวว่า “พระสนมทรงปรีชา หากกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจปล่อยให้อ๋องอู่เฉิงสองสามีภรรยาแยกทางกันได้จริงๆเพคะ” “ไม่เพียงเพราะเรื่องนี้เท่านั้น” กุ้ยเฟยส่งจอกชาให้เซียงลั่ว สีหน้าเคร่งขรึม“เสิ่นหรูโจวเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าก็ควรจะคิดแทนนางเช่นกัน ได้ยินว่านางชอบเซียวเฉินเหยี่ยน ชอบขนาดจะเป็นจะตาย แม้แต่การแต่งงานนี้ก็เป็นนางไปขอมาด้วยตนเอง นางย่อมไม่ต้องการหย่าจากเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างแน่นอน” “แต่บ่าวได้ยินมาว่า อ๋องอู่เฉิงกับพระชายาทรงเข้ากันไม่ได้เพคะ” เซียงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเผยสีหน้าเห็นใจออกมา “ในวันเดียวกับที่อ๋องอู่เฉิงสมรสกับพระชายา ยังทรงรับชายารองเข้าจวนด้วยเพคะ ทำให้พระชายาได้รับความอัปยศอย่างมากเลยเพคะ” “มู่หว่านหรงคนนั้นน่ะหรือ?” หัวคิ้วของกุ้ยเฟยเลิกขึ้นสูง นึกถึงท่าทีของมู่หว่านหรงที่คอยพูดสนับสนุนโจวอี๋เจี่ยนในงานเลี้ยงวังห
อย่างน้อยที่สุด ก็ดีกว่าที่ท่านอ๋องปฏิบัติกับคุณหนู ไม่ตามใจอนุทำร้ายภรรยาเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเสิ่นหรูโจวก็เย็นชาลงหลายส่วน ตำหนิเสียงเบาว่า “ไม่อนุญาตให้พูดจาไร้สาระ ตอนนี้ข้าเป็นสตรีที่มีสามี เจ้าอยากให้ข้าถูกลือว่าลอบคบชู้อย่างนั้นหรือ?”เมี่ยวตงสำนึกว่าตนเองบังอาจไปแล้ว จึงยื่นมือออกมาตบปากของตนเบาๆ หนึ่งครั้ง แล้วส่ายหัวติดๆ กันว่า “บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวมีสีหน้าเคร่งขรึม หยิบปิ่นหยกขาวออกมาจากกล่องเครื่องประดับยื่นให้นาง“อีกอย่าง ต่อให้ข้าหย่าขาดจากเซียวเฉินเหยี่ยนแล้ว ก็ไม่มีทางไปคบหากับเป่ยซิวเยี่ยน” ชาติก่อนนางไม่เคยได้ยินว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีสตรีที่พึงใจ และเคยมีคนจำนวนไม่น้อยที่ส่งหญิงงามให้เป่ยซิวเยี่ยน ทว่าผลลัพธ์คล้ายจะน่าอนาถไม่น้อยนางยังจำข่าวลือในชาติก่อนได้ ตอนที่เป่ยซิวเยี่ยนไปทำงานที่เจียงหนาน มีขุนนางต้องการจะประจบเอาใจเขา จึงส่งหญิงขับร้องไปให้เป่ยซิวเยี่ยนนางหนึ่ง ได้ยินว่าหญิงขับร้องนางนั้นเป็นหญิงคณิกาอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน โดดเด่นทั้งรูปโฉมและความสามารถแต่หญิงคณิกาผู้โด่งดังไม่ทันได้สัมผัสกับชายเสื้อของเป่ยซิวเยี่ยน ก็ถูกเข
“ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วว่า ขอเพียงข้ารักษากุ้ยเฟยจนหาย สามารถพิสูจน์ฝีมือของตนได้ ก็จะให้ข้ารักษาอาการป่วยให้ท่านผู้สำเร็จราชการ” ตอนนั้นพุ่งเป้าหมายไปที่การหย่าร้าง ที่จะรักษาอาการป่วยให้เขา ก็เพื่อให้เขาช่วยนางหย่า แต่ตอนนี้เมื่อมีคำสัญญาของฮ่องเต้ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงื่อนไขนี้อีกแล้ว แต่นางก็อยากช่วยเป่ยซิวเยี่ยนอย่างเต็มที่สักครั้ง แม้เขาจะดูเป็นคนเย็นชาไร้น้ำใจ ทว่ากลับเป็นคนดีที่หาได้ยากอย่างแท้จริงผู้หนึ่งนอกจากนี้ นางยังสนใจในโรคประหลาดของเป่ยซิวเยี่ยนมากด้วยเช่นกัน อยากรู้ยิ่งนักว่า โรคประหลาดที่ทำให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนต้องพ่ายแพ้นั้นเป็นโรคอะไรกันแน่เมื่อลู่หวายหนิงได้ยินก็ดีใจเป็นอย่างมาก ตบมือทั้งคู่กล่าวว่า “ช่างดียิ่งนัก อย่างนั้นท่านอาจารย์ก็ขอมอบให้พี่สาวแล้ว!”เสียง “ฟึ่บ” ดังขึ้น เป่ยซิวเยี่ยนตวัดใบมีดลง ตัดใบกล้วยไม้ลงมากิ่งหนึ่ง แล้วส่งสายตาเย็นชาไปยังลู่หวายหนิงลู่หวายหนิงปิดปากลงอีกครั้งอย่างว่าง่ายในทันที ไม่กล้าพูดมากแล้วเป่ยซิวเยี่ยนล้างมือ ให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เขาเสิ่นหรูโจวนั่งลงที่เบื้องหน้าของเป่ยซิวเยี่ยน ทางหนึ่งหยิบของจากกล่องยา อีกทา