“ช้าก่อน!” รูม่านตาของเป่ยซิวเยี่ยนหดแคบลงทันที ยื่นมือไปจับมือที่ยื่นมาหาเขา เดิมเขาต้องการจะจับข้อมือขอนาง แต่เพราะเสิ่นหรูโจวตกใจจนสะดุ้ง มือจึงลื่นลงไปและถูกเขาจับไว้เต็มฝ่ามือแทนเป่ยซิวเยี่ยนลดสายตามองตามไป ในเวลานี้ ฝ่ามือกว้างได้กุมทับมือที่นุ่มนวลและเย็นเล็กน้อยนั่นไว้ ทันใดนั้นแววตาก็เคร่งขรึมลง และปล่อยนางออกทันทีที่ด้านหลัง ฉินหมิงสูดรายใจแรง ราวกับสร้างปัญหาใหญ่อะไรขึ้นก็ไม่ปานเสิ่นหรูโจวจับความผิดปกติสายหนึ่งได้อย่างเฉียบแหลม งุนงงอย่างยิ่ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ?”เกิดอะไรขึ้นกัน หรือเป็นเพราะเป่ยซิวเยี่ยนไม่ใกล้ชิดอิสตรี จึงไม่เต็มใจให้นางแตะต้อง? แต่นางจะตรวจอาการให้เขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการสัมผัสได้นี่นาเป่ยซิวเยี่ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา มองเสิ่นหรูโจวนิ่งๆ อารมณ์ในก้นบึ้งของดวงตาได้ถูกความเย็นชาผลักให้หลบถอยไปนานแล้วน้ำเสียงของฉินหมิงเป็นกังวล “นายท่าน…”“ช่างเถอะ ก็ให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเปลี่ยนยาให้ข้าแล้วกัน” เป่ยซิวเยี่ยนกวาดตามองพวกเขาสองคนทีหนึ่ง “พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” ลู่หวายหนิงตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วได้สติกลับมาจึงรีบตอบว่า “อ้า นั่นสินั่นสินั่นสิ
แต่เส้นผมของนางกลับเอาแต่ละผ่านแผ่นอกของเป่ยซิวเยี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ทิ้งความรู้สึกจั๊กจี้ที่ยากจะทนทานไว้ทั่วทั้งร่างของเขาแข็งเกร็ง ลูกกระเดือกอันแสนยวนใจเคลื่อนไหวครั้งหนึ่ง เส้นผมอันเย็นเยียบปลุกเร้าความรุ่มร้อนสายหนึ่งขึ้นมาบนผิวของเขา ทว่าเจ้าของผมเส้นยาวนั้นกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย เอาแต่ลดดวงตากระจ่างใสและเย็นชาทั้งคู่นั้นลงทำแผลให้เขาอย่างมุ่งมั่นตั้งใจโดยไม่คิดสิ่งอื่นเขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย หลับตาลงทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบาดแผลเจ็บแปลบเหมือนฉีกขาดขึ้นมาเบาๆ เขาได้ยินเสิ่นหรูโจวกล่าวเบาๆ ว่า “จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ท่านอดทนสักครู่” เขาลืมตาขึ้นมา ลดสายตาลงไปดู ก็เห็นเสิ่นหรูโจวถือคีมคีบเล็กๆ อันหนึ่ง แกะผ้าพันแผลชั้นสุดท้ายออกอย่างแผ่วเบานางเอียงศีรษะ ลำคอที่เผยออกมาเนียนละเอียดขาวกระจ่าง เส้นผมที่ยาวราวเส้นไหมลื่นไหลลงมาจากไหล่ของนาง ย้อยลงบนขาของเขา เขามองช่วงลำคอที่ขาวผ่องเนียนละเอียดของนาง สีของดวงตาก็ยิ่งลึกซึ้ง ลึกล้ำและดำมืดลำคอของนางขาวจนทำให้คนตาลาย หากทิ้งรอยประทับไว้ น่าจะงดงามกว่าเดิมอีกมากเสิ่นหรูโจวดูบาดแผลอย่างละเอียด “บาดแผลฟื้นฟูได้ไม่เลว เปลี่ยนยาต
น้ำเสียงของเขาราบเรียบดุจสายน้ำ ทว่ากลับระเบิดเป็นประกายเพลิงก้องอยู่ในหูของเสิ่นหรูโจวเสิ่นหรูโจวรู้สึกยากที่จะเชื่อ “จะเป็นไปได้อย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงรับปากข้า เขาจะใช้ได้อย่างไร? อีกอย่าง เขาใช้ลงไปได้อย่างไร?”ชาติก่อน แม้เซียวเฉินเหยี่ยนจะไม่ดีกับนาง ไม่ชอบนาง แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องที่ต่ำช้าเช่นการแย่งของผู้หญิงแบบนี้แม้ตอนนี้นางจะแค้นเขาอย่างไร ก็ไม่เคยมองเขาแย่ถึงเพียงนั้นน้ำเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนสงบนิ่ง “ฮ่องเต้อนุญาตให้เขาใช้ได้เช่นกัน เขาจึงขอร้องฮ่องเต้ให้ปล่อยโจวอี๋เจี่ยน เรื่องนี้จริงแท้อย่างแน่นอน เกรงว่าตอนนี้นักพรตคนนั้นคงอยู่ที่จวนอ๋องอู่เฉิงแล้ว” โจวอี๋เจี่ยน? นักพรตที่ต้องการทำร้ายผู้นั้น?!ในเสี้ยววินาทีนั้น เปลวเพลิงแห่งความโกรธก็ลุกช่วงโชติขึ้นในเนตรหงส์ของเสิ่นหรูโจว “เซียวเฉินเหยี่ยน เขาอาศัยอะไรมาใช้คำสัญญาของข้า เขาเอาหน้ามาจากที่ใดกัน?”นี่เป็นของที่นางหามาอย่างยากลำบาก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่พูดสักคำก็มาแย่งของของนาง ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!การหย่าร้างด้วยดีที่นางเฝ้าฝันมานาน เดิมกำลังจะเป็นจริงแล้ว ยามนี้กลับพังทลายทั้งหมด กระทั่งยังทำให้เจ้าโจ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้