เสิ่นหรูโจวมองกุ้ยเฟยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไรหรอกเพคะ องค์หญิงเจาหยางทรงเห็นหม่อมฉันขัดตา หม่อมฉันหลบเสียก็พอ ส่วนพระสนมเต๋อเฟยนั้น ระหว่างลูกสะใภ้และแม่สามีเกิดปัญหาเล็กน้อยก็เป็นเรื่องธรรมดา หรูโจวสามารถจัดการได้ กุ้ยเฟยไม่ต้องเป็นห่วงหม่อมฉันหรอกเพคะ” นางรู้ว่ากุ้ยเฟยประสงค์ดีต่อนาง กุ้ยเฟยไม่ใช่คนเลวร้าย อีกอย่างเป็นคนที่มีบุญต้องทดแทน เมื่อบอกว่าต้องการจะระบายโทสะแทนนาง แปดส่วนย่อมเป็นความจริง ทว่านางไม่ต้องการให้เรื่องราวเปลี่ยนเป็นซับซ้อนยิ่งกว่านี้เดิมตระกูลของกุ้ยเฟยก็มากด้วยอิทธิพลอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีพระโอรสอีก ไม่แน่ว่าจะไม่เกิดความคิดในการจะแย่งชิงบัลลังก์ขึ้นมาแม้นางจะมีบุญคุณต่อกุ้ยเฟย ทว่ายามนี้นางยังคงเป็นพระชายาของอ๋องอู่เฉิงอยู่ เมื่อมีความสัมพันธ์ชั้นนี้อยู่ ระหว่างนางกับกุ้ยเฟยก็ยากที่จะเปิดเผยต่อกันอย่างสมบูรณ์ได้ที่นางช่วยกุ้ยเฟย เดิมก็เพื่อชดเชยต่อความเสียใจที่ชาติที่แล้ว ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่กุ้ยเฟยเคยยื่นมือเข้าช่วยเหลือในยามลำบาก ทว่านางไม่อยากเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องอื่นอีกกุ้ยเฟยเห็นนางไม่เต็มใจจะกล่าว จึงไม่พูดอะไรมากอีก กล่าวเพียงว่า “ตา
เซียวจิ่นซีผู้นั้นดวงตาอยู่สูงเหนือศีรษะ เอาแต่ใจจนเคยชินแล้ว ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็จะต้องคว้ามาไว้ในมือให้ได้ หากเซียวเฉินเหยี่ยนไม่อาจให้นางได้สมตามความต้องการ แล้วนางจะสนับสนุนเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเต็มกำลังได้อย่างไร?เซียงลั่วกล่าวว่า “พระสนมทรงปรีชา หากกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจปล่อยให้อ๋องอู่เฉิงสองสามีภรรยาแยกทางกันได้จริงๆเพคะ” “ไม่เพียงเพราะเรื่องนี้เท่านั้น” กุ้ยเฟยส่งจอกชาให้เซียงลั่ว สีหน้าเคร่งขรึม“เสิ่นหรูโจวเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าก็ควรจะคิดแทนนางเช่นกัน ได้ยินว่านางชอบเซียวเฉินเหยี่ยน ชอบขนาดจะเป็นจะตาย แม้แต่การแต่งงานนี้ก็เป็นนางไปขอมาด้วยตนเอง นางย่อมไม่ต้องการหย่าจากเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างแน่นอน” “แต่บ่าวได้ยินมาว่า อ๋องอู่เฉิงกับพระชายาทรงเข้ากันไม่ได้เพคะ” เซียงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเผยสีหน้าเห็นใจออกมา “ในวันเดียวกับที่อ๋องอู่เฉิงสมรสกับพระชายา ยังทรงรับชายารองเข้าจวนด้วยเพคะ ทำให้พระชายาได้รับความอัปยศอย่างมากเลยเพคะ” “มู่หว่านหรงคนนั้นน่ะหรือ?” หัวคิ้วของกุ้ยเฟยเลิกขึ้นสูง นึกถึงท่าทีของมู่หว่านหรงที่คอยพูดสนับสนุนโจวอี๋เจี่ยนในงานเลี้ยงวังห
อย่างน้อยที่สุด ก็ดีกว่าที่ท่านอ๋องปฏิบัติกับคุณหนู ไม่ตามใจอนุทำร้ายภรรยาเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเสิ่นหรูโจวก็เย็นชาลงหลายส่วน ตำหนิเสียงเบาว่า “ไม่อนุญาตให้พูดจาไร้สาระ ตอนนี้ข้าเป็นสตรีที่มีสามี เจ้าอยากให้ข้าถูกลือว่าลอบคบชู้อย่างนั้นหรือ?”เมี่ยวตงสำนึกว่าตนเองบังอาจไปแล้ว จึงยื่นมือออกมาตบปากของตนเบาๆ หนึ่งครั้ง แล้วส่ายหัวติดๆ กันว่า “บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวมีสีหน้าเคร่งขรึม หยิบปิ่นหยกขาวออกมาจากกล่องเครื่องประดับยื่นให้นาง“อีกอย่าง ต่อให้ข้าหย่าขาดจากเซียวเฉินเหยี่ยนแล้ว ก็ไม่มีทางไปคบหากับเป่ยซิวเยี่ยน” ชาติก่อนนางไม่เคยได้ยินว่าเป่ยซิวเยี่ยนมีสตรีที่พึงใจ และเคยมีคนจำนวนไม่น้อยที่ส่งหญิงงามให้เป่ยซิวเยี่ยน ทว่าผลลัพธ์คล้ายจะน่าอนาถไม่น้อยนางยังจำข่าวลือในชาติก่อนได้ ตอนที่เป่ยซิวเยี่ยนไปทำงานที่เจียงหนาน มีขุนนางต้องการจะประจบเอาใจเขา จึงส่งหญิงขับร้องไปให้เป่ยซิวเยี่ยนนางหนึ่ง ได้ยินว่าหญิงขับร้องนางนั้นเป็นหญิงคณิกาอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนาน โดดเด่นทั้งรูปโฉมและความสามารถแต่หญิงคณิกาผู้โด่งดังไม่ทันได้สัมผัสกับชายเสื้อของเป่ยซิวเยี่ยน ก็ถูกเข
“ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วว่า ขอเพียงข้ารักษากุ้ยเฟยจนหาย สามารถพิสูจน์ฝีมือของตนได้ ก็จะให้ข้ารักษาอาการป่วยให้ท่านผู้สำเร็จราชการ” ตอนนั้นพุ่งเป้าหมายไปที่การหย่าร้าง ที่จะรักษาอาการป่วยให้เขา ก็เพื่อให้เขาช่วยนางหย่า แต่ตอนนี้เมื่อมีคำสัญญาของฮ่องเต้ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงื่อนไขนี้อีกแล้ว แต่นางก็อยากช่วยเป่ยซิวเยี่ยนอย่างเต็มที่สักครั้ง แม้เขาจะดูเป็นคนเย็นชาไร้น้ำใจ ทว่ากลับเป็นคนดีที่หาได้ยากอย่างแท้จริงผู้หนึ่งนอกจากนี้ นางยังสนใจในโรคประหลาดของเป่ยซิวเยี่ยนมากด้วยเช่นกัน อยากรู้ยิ่งนักว่า โรคประหลาดที่ทำให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนต้องพ่ายแพ้นั้นเป็นโรคอะไรกันแน่เมื่อลู่หวายหนิงได้ยินก็ดีใจเป็นอย่างมาก ตบมือทั้งคู่กล่าวว่า “ช่างดียิ่งนัก อย่างนั้นท่านอาจารย์ก็ขอมอบให้พี่สาวแล้ว!”เสียง “ฟึ่บ” ดังขึ้น เป่ยซิวเยี่ยนตวัดใบมีดลง ตัดใบกล้วยไม้ลงมากิ่งหนึ่ง แล้วส่งสายตาเย็นชาไปยังลู่หวายหนิงลู่หวายหนิงปิดปากลงอีกครั้งอย่างว่าง่ายในทันที ไม่กล้าพูดมากแล้วเป่ยซิวเยี่ยนล้างมือ ให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เขาเสิ่นหรูโจวนั่งลงที่เบื้องหน้าของเป่ยซิวเยี่ยน ทางหนึ่งหยิบของจากกล่องยา อีกทา
“ช้าก่อน!” รูม่านตาของเป่ยซิวเยี่ยนหดแคบลงทันที ยื่นมือไปจับมือที่ยื่นมาหาเขา เดิมเขาต้องการจะจับข้อมือขอนาง แต่เพราะเสิ่นหรูโจวตกใจจนสะดุ้ง มือจึงลื่นลงไปและถูกเขาจับไว้เต็มฝ่ามือแทนเป่ยซิวเยี่ยนลดสายตามองตามไป ในเวลานี้ ฝ่ามือกว้างได้กุมทับมือที่นุ่มนวลและเย็นเล็กน้อยนั่นไว้ ทันใดนั้นแววตาก็เคร่งขรึมลง และปล่อยนางออกทันทีที่ด้านหลัง ฉินหมิงสูดรายใจแรง ราวกับสร้างปัญหาใหญ่อะไรขึ้นก็ไม่ปานเสิ่นหรูโจวจับความผิดปกติสายหนึ่งได้อย่างเฉียบแหลม งุนงงอย่างยิ่ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ?”เกิดอะไรขึ้นกัน หรือเป็นเพราะเป่ยซิวเยี่ยนไม่ใกล้ชิดอิสตรี จึงไม่เต็มใจให้นางแตะต้อง? แต่นางจะตรวจอาการให้เขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการสัมผัสได้นี่นาเป่ยซิวเยี่ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา มองเสิ่นหรูโจวนิ่งๆ อารมณ์ในก้นบึ้งของดวงตาได้ถูกความเย็นชาผลักให้หลบถอยไปนานแล้วน้ำเสียงของฉินหมิงเป็นกังวล “นายท่าน…”“ช่างเถอะ ก็ให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเปลี่ยนยาให้ข้าแล้วกัน” เป่ยซิวเยี่ยนกวาดตามองพวกเขาสองคนทีหนึ่ง “พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” ลู่หวายหนิงตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วได้สติกลับมาจึงรีบตอบว่า “อ้า นั่นสินั่นสินั่นสิ
แต่เส้นผมของนางกลับเอาแต่ละผ่านแผ่นอกของเป่ยซิวเยี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ทิ้งความรู้สึกจั๊กจี้ที่ยากจะทนทานไว้ทั่วทั้งร่างของเขาแข็งเกร็ง ลูกกระเดือกอันแสนยวนใจเคลื่อนไหวครั้งหนึ่ง เส้นผมอันเย็นเยียบปลุกเร้าความรุ่มร้อนสายหนึ่งขึ้นมาบนผิวของเขา ทว่าเจ้าของผมเส้นยาวนั้นกลับไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย เอาแต่ลดดวงตากระจ่างใสและเย็นชาทั้งคู่นั้นลงทำแผลให้เขาอย่างมุ่งมั่นตั้งใจโดยไม่คิดสิ่งอื่นเขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย หลับตาลงทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบาดแผลเจ็บแปลบเหมือนฉีกขาดขึ้นมาเบาๆ เขาได้ยินเสิ่นหรูโจวกล่าวเบาๆ ว่า “จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ท่านอดทนสักครู่” เขาลืมตาขึ้นมา ลดสายตาลงไปดู ก็เห็นเสิ่นหรูโจวถือคีมคีบเล็กๆ อันหนึ่ง แกะผ้าพันแผลชั้นสุดท้ายออกอย่างแผ่วเบานางเอียงศีรษะ ลำคอที่เผยออกมาเนียนละเอียดขาวกระจ่าง เส้นผมที่ยาวราวเส้นไหมลื่นไหลลงมาจากไหล่ของนาง ย้อยลงบนขาของเขา เขามองช่วงลำคอที่ขาวผ่องเนียนละเอียดของนาง สีของดวงตาก็ยิ่งลึกซึ้ง ลึกล้ำและดำมืดลำคอของนางขาวจนทำให้คนตาลาย หากทิ้งรอยประทับไว้ น่าจะงดงามกว่าเดิมอีกมากเสิ่นหรูโจวดูบาดแผลอย่างละเอียด “บาดแผลฟื้นฟูได้ไม่เลว เปลี่ยนยาต
น้ำเสียงของเขาราบเรียบดุจสายน้ำ ทว่ากลับระเบิดเป็นประกายเพลิงก้องอยู่ในหูของเสิ่นหรูโจวเสิ่นหรูโจวรู้สึกยากที่จะเชื่อ “จะเป็นไปได้อย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงรับปากข้า เขาจะใช้ได้อย่างไร? อีกอย่าง เขาใช้ลงไปได้อย่างไร?”ชาติก่อน แม้เซียวเฉินเหยี่ยนจะไม่ดีกับนาง ไม่ชอบนาง แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องที่ต่ำช้าเช่นการแย่งของผู้หญิงแบบนี้แม้ตอนนี้นางจะแค้นเขาอย่างไร ก็ไม่เคยมองเขาแย่ถึงเพียงนั้นน้ำเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนสงบนิ่ง “ฮ่องเต้อนุญาตให้เขาใช้ได้เช่นกัน เขาจึงขอร้องฮ่องเต้ให้ปล่อยโจวอี๋เจี่ยน เรื่องนี้จริงแท้อย่างแน่นอน เกรงว่าตอนนี้นักพรตคนนั้นคงอยู่ที่จวนอ๋องอู่เฉิงแล้ว” โจวอี๋เจี่ยน? นักพรตที่ต้องการทำร้ายผู้นั้น?!ในเสี้ยววินาทีนั้น เปลวเพลิงแห่งความโกรธก็ลุกช่วงโชติขึ้นในเนตรหงส์ของเสิ่นหรูโจว “เซียวเฉินเหยี่ยน เขาอาศัยอะไรมาใช้คำสัญญาของข้า เขาเอาหน้ามาจากที่ใดกัน?”นี่เป็นของที่นางหามาอย่างยากลำบาก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่พูดสักคำก็มาแย่งของของนาง ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!การหย่าร้างด้วยดีที่นางเฝ้าฝันมานาน เดิมกำลังจะเป็นจริงแล้ว ยามนี้กลับพังทลายทั้งหมด กระทั่งยังทำให้เจ้าโจ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่