ในความทรงจำเมื่อชาติก่อน เป่ยซิวเยี่ยนไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยสักนิด เขาเป็นคนที่เย็นชาและห่างเหินถึงเพียงนั้น จะยื่นมือช่วยเหลือนาง ได้อย่างไรกัน?ในขณะที่นางกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นลู่หวายหนิงก็สะกิดที่แขนของนาง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองเข็มในมือของนางด้วยความเปล่งประกาย“พี่สาว เจ้าสิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เสิ่นหรูโจวยิ้ม “นี่คือยาแก้ปวด”“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสิ่งนี้จะเป็นยา?” ลู่หวายหนิงกล่าวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ถูกกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น เขาจ้องมองเข็มในมือของนางอย่างจริงจัง“หน้าตาช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน”ฉินอวี่ผ่านการทดลองเมื่อครู่ รู้ดีว่าเจ้าของสิ่งนี้ใช้ดีมากขนาดไหน“นายน้อย ยาของพระชายาน่าอัศจรรย์จริง ๆ ข้าน้อยฉีดไปหนึ่งเข็ม ไม่นานบาดแผลก็หายปวด!”ลู่หวายหนิงเคยกินยาที่เสิ่นหรูโจวให้ รู้ดีว่าถึงแม้ว่ายาของนางจะแปลกประหลาด แต่ว่าได้ผลดีมากจริง ๆ ได้ยินฉินอวี่พูดเช่นนี้ จึงไม่รู้สึกประหลาดใจ ยอมรับว่าของสิ่งนั้นคือยาอย่างรวดเร็วจ้องมองเข็มที่เรียวยาวนั้น ในหัวสมองของเขาเกิดความคิดขึ้นมา ถ้าหากเจ้าสิ่งนี้สามารถแก้ปวดได้ ไม่ใช่ว่าสามารถนำไปใช้ ที่ในสนามรบ
เขานำของเหลวที่อยู่ในหลอดฉีดยาดันเข้าไปช้า ๆ ขั้นตอนนี้ยังมีความเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย ฉินหมิงก็ไม่กล้าขัดขืน ทำได้แค่เพียงกัดฟันทน ทรมานอยู่ในใจ“เสร็จแล้ว” ลู่หวายหนิงดึงเข็มที่เรียวยาวออกมา จ้องมองฉินหมิงด้วยความคาดหวังยิ่ง “เป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไรบ้าง?”ฉินหมิงสีหน้ายากจะอธิบายเล็กน้อย นวดคลึงแขนของตนเอง ขมวดคิ้วกล่าว “เหมือนชาเล็กน้อย”ลู่หวายหนิงโยนหลอดฉีดยาทิ้ง หยิกฉินหมิงทีหนึ่งฉินหมิงกำลังจะร้องว่าเจ็บ แต่กลับประหลาดใจที่แขนของตนเองกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บ!ลู่หวายหนิงเงยหน้าถาม “เจ็บหรือไม่?”ฉินหมิงส่ายหน้าด้วยสีหน้าตกตะลึง “นายน้อย ท่านลองดูอีกครั้ง”ลู่หวายหนิงจึงออกแรงมากกว่าเดิม หยิกเขาแรง ๆ ทีหนึ่ง“ยังคงไม่มีความรู้สึก” ฉินหมิงกล่าวอย่างตกตะลึงลู่หวายหนิงเองก็คิดไม่ถึงว่าประสิทธิภาพของยาจะดีถึงเพียงนี้ เขาออกแรงถึงเพียงนั้นแล้ว ฉินหมิงยังไม่รู้สึกถึงความเจ็บ!“เป็นเพราะแรงของข้าน้อยเกินไปใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นเขามองไปที่กระบี่ติดตัวที่อยู่บริเวณเอวของฉินหมิงฉินหมิงเข้าใจทันทีว่าเข้าคิดจะทำอะไร กล่าวอย่างลังเล “นายน้อย ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอกกระมัง?”“เป
ลู่หวายหนิงดวงตาเปล่งประกาย มองเป่ยซิวเยี่ยนพร้อมกับกล่าว “พี่สาวมาแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นท่านอาจารย์ท่านลองถามนางอย่างละเอียดดีหรือไม่?”เป่ยซิวเยี่ยนจ้องมองขวดและหลอดฉีดยาที่หน้าตาแปลกประหลาดนั่น กล่าวเย็นชา “เก็บของพวกนี้ไปก่อน”จากนั้นหันไปมองฉินหมิงกล่าว “ให้นางเข้ามา”ไม่นานนัก เสิ่นหรูโจวก็ถูกพาเข้ามานางเห็นว่าลู่หวายหนิงก็อยู่ด้วย คิดในใจว่าเขาต้องนำยาแก้ปวดให้เป่ยซิวเยี่ยนดูแล้วเป็นแน่ ต่อจากนี้เป่ยซิวเยี่ยนก็น่าจะต้องถามถึงเรื่องของยาแก้ปวด จากนั้นนางก็จะสามารถเอ่ยปากเรื่องความร่วมมือได้แล้ว!นางมองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเป่ยซิวเยี่ยนยังคงเย็นชา “เรื่องการรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟย เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วหรือไม่? ขาดยาอะไร ก็รีบบอก ข้าจะให้คนไปจัดเตรียม”รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นหรูโจวจืดจางลงไปไม่น้อย เหตุใดจึงไม่เอ่ยถึงยาแก้ปวดกันนะ?“ไม่ขาดอะไร ข้าเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมหมดแล้ว”เป่ยซิวเยี่ยนสีหน้าไร้อารมณ์ กล่าว“อืม”ด้วยน้ำเสียงเมินเฉยเพียงคำเดียวเสิ่นหรูโจวเห็นเขาไม่เอ่ยถามเรื่องยาเลยสักคำ ก็เข้าใจแล้วเกรงว่าเป่ยซิวเยี่ย
เป่ยซิวเยี่ยนเหลือบตาเล็กน้อย จ้องมองเสิ่นหรูโจวใบหน้าอันงดงามราวกับภาพวาดของเสิ่นหรูโจวเงียบสงบ น้ำเสียงเย็นยะเยือกแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว“ในสนามรบถูกฟันได้ง่าย การบาดเจ็บเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยง ท่านพ่อกับท่านพี่ของข้าก็อยู่ในสนามรบเช่นกัน ในฐานะที่ข้าเป็นคนในครอบครัว ย่อมหวังว่าพวกเขาจะปลอดภัย และในสนามรบไม่ได้มีเพียงท่านพ่อกับท่านพี่ของข้า ยังมีท่านพ่อ พี่น้อง ลูกหลานของคนอีกนับแสน ชีวิตของพวกเขาก็จะถูกจดจำเช่นกัน”“ในเมื่อการศึกไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เหล่าทหารได้ถูกกำหนดว่าต้องเผชิญกับการบาดเจ็บ เช่นนั้นข้าหวังว่าจะพยายามช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้ได้มากที่สุด อย่างน้อยก็อย่าได้เป็นโรคเรื้อรัง หรือแม้แต่การเสียชีวิตเนื่องจากขาดยารักษา”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาของเสิ่นหรูโจวก็หดหู่ลงเล็กน้อง เมื่อนึกถึงเรื่องการตายในสนามรบของท่านพ่อกับท่านพี่เมื่อชาติก่อนขึ้นมามีชาติถึงมีบ้าน ตระกูลเสิ่นของพวกเขาจงรักภักดีทั้งครอบครัว ป้องปกชาติ แต่การเสียสละชีวิต กลับทำให้ครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกเขาต้องแตกสาแหรกขาดชาตินี้นางไม่ต้องการความจงรักภักดีอะไรทั้งสิ้น นางเพียงแค่อยากให้คนในครอบครัว
ยังมีคนแก่สองคนที่เดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ก็คือพ่อแม่สามีของผู้หญิงคนนั้นเดิมทีเมื่อเห็นว่ามีคนจะพาตัวลูกสะใภ้มาที่เมืองหลวง ให้ตายยังไงพวกเขาก็ไม่ยอม เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นระหว่างทาง จะเป็นอันตรายต่อหลานทั้งสามคนของพวกเขาแต่ทันทีที่เห็นเงินที่จวนอุปราชให้ ก็ตอบตกลงทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาก็มองซ้ายแลขวา จนลูกตาแทบจะถลนออกมา เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงเพราะความมั่งคั่งของจวนอ๋องหลังจากมองไปรอบ ๆ ก็เห็นชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ตรงกลางท่านนั้น ผู้ที่มีโฉมหน้าหล่อเหลายิ่ง รอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยแรงกดดันและลมหายใจเย็นยะเยือก ท่านนี้จะต้องเป็นท่านอุปราชผู้มีอำนาจทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนอย่างแน่นอนนางเฉินสองสามีภรรยาสบตากันแวบหนึ่ง รีบคุกเข่าคารวะทันที “กระหม่อมคาระวะท่านอุปราช”หญิงสาวที่นอนอยู่บนเปลเองก็ขยับเช่นเดียวกัน นำมือข้างหนึ่งประคองเอวเพื่อจะลุกขึ้นมาทำความเคารพ “หม่อมฉันนางหลัวอวิ๋น...”“ไม่ต้องมากพิธี” ไม่รอให้นางลุกขึ้น เป่ยซิวเยี่ยนส่งเสียงห้ามนางเอาไว้ สายตาที่เฉยชาหยุดอยู่ที่นางครู่หนึ่ง จากนั้นหันหน้ามองเสิ่นหรูโจว “ตรวจชีพจรก่อนเถอะ”“ได้” เสิ่นหรูโจวสี
ยายเฒ่าเฉินกระทืบเท้า กล่าวอย่างร้อนใจ “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ตั้งท้องลูกอยู่ดี ๆ จะให้คลอดก่อนกำหนดได้อย่างไร? คลอดตอนนี้สิถึงจะต้องตาย!”ตาเฒ่าเฉินรู้ตัวตนของเสิ่นหรูโจว จึงไม่กล้าพูดจาจาบจ้วง แต่เต็มไปด้วยความเดือดดาล“ต่อให้เป็นพระชายา ก็จะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ จากสามคนพูดเหลือหนึ่งคน จากเป็นก็พูดว่าตาย จะเกิดไปหน่อยแล้วกระมัง!”เสิ่นหรูโจวกล่าว “ตอนนี้หญิงตั้งครรภ์ขยับไม่ได้แล้ว น้ำที่สะสมในท้องของนางรุนแรงมาก หากดึงดันต่อไปอาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิต”สองสามีภรรยาเฒ่าต่างพูดโต้แย้งเป็นเสียงเดียวกันว่า“เป็นไปไม่ได้” ท่ามกลางเสียงทะเลาะเบาะแว้ง นางหลัวอวิ๋นสีหน้าตื่นตระหนก กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พระชายา ที่ท่านกล่าวมาเป็นความจริงงั้นหรือ?”เสิ่นหรูโจวหันไปมองนาง ดวงตาหงส์คู่นั้นใสแจ๋วราวกับน้ำ“จริงแท้แน่นอน ดังนั้นเจ้าจะต้องได้รับการรักษาโดยด่วน”สำหรับหญิงตั้งครรภ์แล้ว เป็นการยากที่จะตัดสินใจเรื่องการคลอดก่อนกำหนด นางหลัวอวิ๋นกัดริมฝีปาก พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งร่างกายของนางย่อมรู้ตัวเองดี อันที่จริงนางรู้สึกมานานแล้วว่าท้องของตนผิดปกติ ไม่ง่ายดายเหมือนกับคนท้องทั่วไป
นางรู้ดีว่า นางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา การได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้จะได้รับแค่เพียงครั้งเดียว ถ้าหากไปแล้ว นางอาจจะได้ไปยมโลกจริง ๆ !เสิ่นหรูโจวพยักหน้า “ได้!”“ไม่ได้!” ยายเฒ่าเฉินตบต้นขาอย่างร้อนใจ “เจ้าไม่คิดถึงตนเองก็คิดถึงลูกบ้าง เด็กที่คลอดออกมาก่อนกำหนดจะมาพร้อมกับโรคร้าย!”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วทันที น้ำเสียงเย็นยะเยือกเล็กน้อย “ข้าบอกแล้ว ว่าถ้าดึงดันไปจนครบกำหนดจะอันตรายมาก อาจจะถึงแก่ชีวิตของผู้ใหญ่!”ตาเฒ่าเฉินกล่าวขึ้นมาทันควัน “เช่นนั้นเด็กจะปลอดภัยหรือไม่?”ดวงตาของเสิ่นหรูโจวเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที นางกวาดสายตามองสองสามีภรรยา ตาเฒ่าเฉินทำหน้าตา“ข้ายอมถอยให้แล้ว” ขอเพียงแค่สามารถช่วยชีวิตหลานเอาไว้ได้ก็จะไม่เอาความยายเฒ่าเฉินจ้องมองนางด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง รอคอยคำตอบของนางนางแสยะยิ้ม “พวกเจ้า...ไม่เข้าใจเหตุผลเอาเสียเลย!”ลู่หวายหนิงกล่าวอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรม “คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าเพื่อหลานแล้ว ไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตของลูกสะใภ้?”นางหลัวอวิ๋นไม่ได้ส่งเสียง สีหน้าทุกข์ทรมานตาเฒ่าเฉินไม่พอใจที่ถูกเด็กน้อยคนหนึ่งสั่งสอน “เรื่องใน
ภายในเรือนรับรองแขก นางหลัวอวิ๋นนอนอยู่บนตั่ง ยื่นมือออกไปเพื่อให้ท่านหมอจับชีพจรตลอดบ่าย หมอที่ออกไปจากจวนอุปราช ต่างก็พูดถึงเรื่องที่นางหลัวอวิ๋นตั้งครรภ์แฝดสาม บรรดาชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์แต่ว่า เรื่องที่ชาวบ้านรู้นั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือจะต้องให้คนในวังหลวงรู้ ว่ามีสตรีคนหนึ่งที่อาการเหมือนกันกับกุ้ยเฟยเสิ่นหรูโจวกล่าวกำชับเป็นพิเศษ ว่าวันพรุ่งนี้ให้คนตามหาท่านหมอมาสักสองสามคน ทางที่ดี ควรเป็นหมอหลวงจากในวังหลวง ลู่หวายหนิงเข้าใจ และไปลงมือทำและเสิ่นหรูโจวก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว นางหลัวอวิ๋นนอนอยู่บนตั่ง สายตามองตามนางไป กล่าวอย่างสงสัย “พระชายา...”เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของนาง เสิ่นหรูโจวเดินตรงไปหานาง กล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “มีความกังวลใจอยู่เล็กน้อยใช่หรือไม่?”นางหลัวอวิ๋นเม้มริมฝีปาก พยักหน้าเสิ่นหรูโจวกุมมือของนาง กล่าวปลอบโยนนางเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามีความมั่นใจว่าจะรักษาเจ้ากับลูกเอาไว้ได้”น้ำเสียงของนางใสกังวานน่าฟัง แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ นางหลัวอวิ๋นที่ตื่นเต้นก็สงบใจลงนางจ้องมองเสิ่นหรูโจวด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ