ยายเฒ่าเฉินกระทืบเท้า กล่าวอย่างร้อนใจ “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ตั้งท้องลูกอยู่ดี ๆ จะให้คลอดก่อนกำหนดได้อย่างไร? คลอดตอนนี้สิถึงจะต้องตาย!”ตาเฒ่าเฉินรู้ตัวตนของเสิ่นหรูโจว จึงไม่กล้าพูดจาจาบจ้วง แต่เต็มไปด้วยความเดือดดาล“ต่อให้เป็นพระชายา ก็จะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ จากสามคนพูดเหลือหนึ่งคน จากเป็นก็พูดว่าตาย จะเกิดไปหน่อยแล้วกระมัง!”เสิ่นหรูโจวกล่าว “ตอนนี้หญิงตั้งครรภ์ขยับไม่ได้แล้ว น้ำที่สะสมในท้องของนางรุนแรงมาก หากดึงดันต่อไปอาจจะเกิดอันตรายต่อชีวิต”สองสามีภรรยาเฒ่าต่างพูดโต้แย้งเป็นเสียงเดียวกันว่า“เป็นไปไม่ได้” ท่ามกลางเสียงทะเลาะเบาะแว้ง นางหลัวอวิ๋นสีหน้าตื่นตระหนก กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พระชายา ที่ท่านกล่าวมาเป็นความจริงงั้นหรือ?”เสิ่นหรูโจวหันไปมองนาง ดวงตาหงส์คู่นั้นใสแจ๋วราวกับน้ำ“จริงแท้แน่นอน ดังนั้นเจ้าจะต้องได้รับการรักษาโดยด่วน”สำหรับหญิงตั้งครรภ์แล้ว เป็นการยากที่จะตัดสินใจเรื่องการคลอดก่อนกำหนด นางหลัวอวิ๋นกัดริมฝีปาก พูดไม่ออกไปครู่หนึ่งร่างกายของนางย่อมรู้ตัวเองดี อันที่จริงนางรู้สึกมานานแล้วว่าท้องของตนผิดปกติ ไม่ง่ายดายเหมือนกับคนท้องทั่วไป
นางรู้ดีว่า นางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา การได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้จะได้รับแค่เพียงครั้งเดียว ถ้าหากไปแล้ว นางอาจจะได้ไปยมโลกจริง ๆ !เสิ่นหรูโจวพยักหน้า “ได้!”“ไม่ได้!” ยายเฒ่าเฉินตบต้นขาอย่างร้อนใจ “เจ้าไม่คิดถึงตนเองก็คิดถึงลูกบ้าง เด็กที่คลอดออกมาก่อนกำหนดจะมาพร้อมกับโรคร้าย!”เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้วทันที น้ำเสียงเย็นยะเยือกเล็กน้อย “ข้าบอกแล้ว ว่าถ้าดึงดันไปจนครบกำหนดจะอันตรายมาก อาจจะถึงแก่ชีวิตของผู้ใหญ่!”ตาเฒ่าเฉินกล่าวขึ้นมาทันควัน “เช่นนั้นเด็กจะปลอดภัยหรือไม่?”ดวงตาของเสิ่นหรูโจวเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที นางกวาดสายตามองสองสามีภรรยา ตาเฒ่าเฉินทำหน้าตา“ข้ายอมถอยให้แล้ว” ขอเพียงแค่สามารถช่วยชีวิตหลานเอาไว้ได้ก็จะไม่เอาความยายเฒ่าเฉินจ้องมองนางด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง รอคอยคำตอบของนางนางแสยะยิ้ม “พวกเจ้า...ไม่เข้าใจเหตุผลเอาเสียเลย!”ลู่หวายหนิงกล่าวอย่างรู้สึกไม่ยุติธรรม “คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าเพื่อหลานแล้ว ไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตของลูกสะใภ้?”นางหลัวอวิ๋นไม่ได้ส่งเสียง สีหน้าทุกข์ทรมานตาเฒ่าเฉินไม่พอใจที่ถูกเด็กน้อยคนหนึ่งสั่งสอน “เรื่องใน
ภายในเรือนรับรองแขก นางหลัวอวิ๋นนอนอยู่บนตั่ง ยื่นมือออกไปเพื่อให้ท่านหมอจับชีพจรตลอดบ่าย หมอที่ออกไปจากจวนอุปราช ต่างก็พูดถึงเรื่องที่นางหลัวอวิ๋นตั้งครรภ์แฝดสาม บรรดาชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์แต่ว่า เรื่องที่ชาวบ้านรู้นั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือจะต้องให้คนในวังหลวงรู้ ว่ามีสตรีคนหนึ่งที่อาการเหมือนกันกับกุ้ยเฟยเสิ่นหรูโจวกล่าวกำชับเป็นพิเศษ ว่าวันพรุ่งนี้ให้คนตามหาท่านหมอมาสักสองสามคน ทางที่ดี ควรเป็นหมอหลวงจากในวังหลวง ลู่หวายหนิงเข้าใจ และไปลงมือทำและเสิ่นหรูโจวก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว นางหลัวอวิ๋นนอนอยู่บนตั่ง สายตามองตามนางไป กล่าวอย่างสงสัย “พระชายา...”เมื่อเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของนาง เสิ่นหรูโจวเดินตรงไปหานาง กล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “มีความกังวลใจอยู่เล็กน้อยใช่หรือไม่?”นางหลัวอวิ๋นเม้มริมฝีปาก พยักหน้าเสิ่นหรูโจวกุมมือของนาง กล่าวปลอบโยนนางเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามีความมั่นใจว่าจะรักษาเจ้ากับลูกเอาไว้ได้”น้ำเสียงของนางใสกังวานน่าฟัง แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ นางหลัวอวิ๋นที่ตื่นเต้นก็สงบใจลงนางจ้องมองเสิ่นหรูโจวด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
เสิ่นหรูโจวนึกถึงแหวนหยกวงนั้นขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกเกิดความไม่พอใจขึ้นมาในใจอีกครั้ง เหตุใดช่วงนี้ถึงได้นึกถึงเรื่องการหายตัวไปขึ้นมาบ่อย ๆ ?จิตใจของนางว้าวุ่นเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้ถามเรื่องราวของเป่ยซิวเยี่ยนอย่างละเอียดอีก“พระชายา ท่านรีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ” นางหลัวอวิ๋นจ้องมองสีท้องฟ้าด้านนอก ตระหนักได้ว่าตนเองยื้อเวลาของชาวบ้านนานถึงเพียงนี้แล้ว รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ เสิ่นหรูโจวพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนให้ดี ๆ วันพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าอีก”ยุ่งมาทั้งวัน เสิ่นหรูโจวรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากกลับจวน นางกินอะไรง่าย ๆ เล็กน้อย หลังจากอาบน้ำแล้ว ก็รีบนอนบนเตียงแล้วก็หลับไปทันใดนั้นคิ้วของนางก็ขมวดเข้าหากัน การหายใจยุ่งเหยิงขึ้นไม่น้อยในฝัน ในระหว่างที่นางกำลังเคลิ้มก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง กดนางเอาไว้ใต้ล่าง ลมหายใจที่หนักหน่วงอยู่ข้างหู แฝงไปด้วยความร้อนพ่นใส่หูของนาง นางเอียงหัวเพราะจั๊กจี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวไปบนร่างกายของนางอย่างไร้ระเบียบ ดึงเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของนาง ลูบคลำที่ใต้กระโปรงของนางหัวสมองของนางเต็มไปด้วยความมึนงง แต่เข้าใ
แหงนหน้ามองดวงจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้า นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงท่านพ่อและท่านพี่ที่อยู่ชายแดนไกลเมื่อนับเวลาแล้ว เรื่องที่ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บน่าจะเป็นเวลาอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ นางยังมีเวลา รอให้จัดการเรื่องของกุ้ยเฟยเรียบร้อย นางก็จะได้ร่วมมือกับเป่ยซิวเยี่ยน แล้วก็นำยาส่งไปที่ชายแดนนางภาวนาในใจ “หวังว่าท่านพ่อกับท่านพี่จะปลอดภัยทุกอย่าง รีบกลับมาในเร็ววัน”เช้าตรู่ เสิ่นหรูโจวเพิ่งจะตื่นนอน หลังจากล้างหน้าแล้ว กำลังหวีผมเมี่ยวตงหยิบปิ่นหยกสีขาวลายหงส์อันหนึ่งออกมา กำลังจะปักลงไปบนผมของเสิ่นหรูโจว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นที่ด้านนอก นางเกือบจะทำหลุดมือ มุ่ยปากกล่าวอย่างไม่พอใจ“ผู้ใดมาเอะอะโวยวายข้างนอก แต่เช้าตรู่เช่นนี้กัน?”ไม่นานนัก ชุนซิ่วก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี“คุณหนู พระชายารองมาเจ้าค่ะ จะเข้ามาให้ได้ เสี่ยวเถาเสี่ยวเวยขวางนางไว้อยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ”ก่อนหน้านี้เสิ่นหรูโจวเคยพูด ห้ามปล่อยให้ใครเข้ามาตามอำเภอใจ ชุนซิ่วและอีกสองคนจดจำกฎข้อนี้ได้ เฝ้าประตูอย่างเข้มงวด ไม่ให้ผู้ใดเข้ามาโดยพลการอย่างเด็ดขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่น่ารำคาญเช่นมู่หว่านหร
เมี่ยวตงถลึงตาโต จ้องมองมู่หว่านหรงด้วยความโมโห “ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร!”“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ทั้งหมดเป็นนายหญิงของเจ้ารนหาที่ตายเอง” มู่หว่านหรงยิ้มอย่างได้ใจ หันไปมองนักพรตที่อยู่ด้านหลังนักพรตคนนั้นอายุสามสิบปี ใบหน้าซูบผอม โหนกแก้มสูง ดวงตาเรียวเล็ก สวมชุดคลุมสีเทา เดินโงนเงนไปข้างหน้าสองสามก้าวดวงตาเรียวเล็กของเขาแหงนมองท้องฟ้า ยื่นมือออกไปนับนิ้ว กล่าวพึมพำ “อาตมานับนิ้วทำนายดวงชะตา ลัคนาของพระชายามีดาวหายนะ จะประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ วันพรุ่งนี้——จะต้องประสบกับหายนะที่คาดไม่ถึง”เสิ่นหรูโจวยิ้มพร้อมกับจิบชา เหลือบตามองไปคนผู้นี้มีนามว่าโจวอี๋เจี่ยน เรียกตัวเองว่านักพรตเต๋าหลิงเซียว เป็นสุนัขรับใช้ของมู่หว่านชิง พี่สาวของมู่หว่านหรง โลดแล่นอยู่ในพระราชวัง ราชวงศ์ไว้วางใจและเชื่อถือผู้แสวงหาทางเซียนแห่งเต๋า ชอบการบวงสรวงเหล่าทวยเทพ โจวอี๋เจี่ยนผู้นี้มีมู่หว่านชิงคอยหนุนหลัง กลายเป็นคนบุคคลมีชื่อเสียงแนวหน้าที่ราชวงศ์ ไว้ใจเป็นอย่างยิ่งแต่ว่าเมื่อชาติก่อนเขาไม่ได้ปรากฏตัวเร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะฟังคำสั่งของมู่หว่านหรง แต่แท้จริงแล้วเขาฟังคำสั่งของมู่หว่านชิง มักจ
พี่สาวของนางได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว รอให้พรุ่งนี้นางพานักพรตเต๋าเข้าวังหลวง จะหักหน้าเสิ่นหรูโจว!แต่กระนั้น นางก็ไม่เห็นถึงสีหน้าที่ลนลานของเสิ่นหรูโจวเลยแม้แต่น้อย ในใจยิ่งทวีความโมโห แค่นเสียงหัวเราะ“เจ้าเลิกทำท่าทางใจเย็นได้แล้ว รีบเขียนหนังสือสั่งลาไว้แต่เนิ่น ๆ คนของจวนแม่ทัพจะได้ง่ายต่อการไว้ทุกข์”เมี่ยวตงกับชุนซิ่วจ้องมู่หว่านหรงด้วยความโมโห ในใจก็มีความกังวลบางอย่าง ไม่รู้ว่าพวกนางจะเตรียมแผนร้ายอะไรเอาไว้ เพื่อมาจัดการคุณหนูดวงตาของเสิ่นหรูโจวมีแสงประหลาดปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในไม่ช้า สายตาที่เย็นชาของนางเคลื่อนจากหน้ามู่หว่านหรง แล้วก็ย้ายไปยังโจวอี๋เจี่ยนโจวอี๋เจี่ยนก็จะเข้าวังหลวงเช่นกัน วิธีการน่าจะไม่ต่างจากเมื่อชาติก่อนสักเท่าไหร่ ทำให้โจวอี๋เจี่ยนพูดจาเร้นลับซับซ้อนสองสามประโยค สาดโคลนใส่นาง ถ้าหากโจวอี๋เจี่ยนก่อกวนอยู่ข้าง ๆ วันพรุ่งนี้ที่นางรักษากุ้ยเฟย ทุกอย่างจะต้องไม่ราบรื่น แล้วก็จัดการอย่างยากลำบากเมื่อเห็นสีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจของมู่หว่านหรงก็สบายใจเป็นอย่างยิ่ง กล่าวเยาะเย้ย “ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ?”
มู่หว่านหรงโมโหจนตัวสั่น ยกมือขึ้นกะจะตบคืนสักฉาดแต่ปฏิกิริยาของชุนซิ่วรวดเร็วกว่า คว้าข้อมือของนางเอาไว้ แล้วผลักนางอย่างแรงมู่หว่านหรงโดนผลักจนเซ ถอยหลังไปหลายก้าว ถ้าหากไม่ใช่เพราะโจวอี๋เจี่ยนประคองนางเอาไว้ ก้นของนางคงกระแทกพื้นไปแล้วนางเคียดแค้นเสียจนดวงตาแทบจะมีควันลอยออกมา สะบัดมือของนักพรตคนนั้นออก สายตาที่ดุร้ายจ้องไปที่ใบหน้าของเสิ่นหรูโจว กัดฟันพร้อมกล่าว“ดี พวกเจ้าคนเยอะได้เปรียบ คอยดูพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ว่าพวกเจ้ายังจะอวดดีได้อีกหรือไม่!”พูดจบ นางหันหน้าแล้วเดินจากไป โจวอี๋เจี่ยนเดินตามไป ก่อนหน้าที่จะเดินออกจากประตู ยังหันหน้ากลับมา หรี่ตามองเสิ่นหรูโจวแวบหนึ่งเสิ่นหรูโจวก็มองเขาเช่นกัน พร้อมกับแสยะยิ้ม มองทั้งสองคนเดินจากไปจนลับสายตาเมี่ยวตงขมวดคิ้ว “คุณหนู นักพรตคนนั้นแลดูโหดเหี้ยมนะเจ้าคะ”เสิ่นหรูโจวยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นอะไร ข้าโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเขา”ชุนซิ่วเก็บสายตาดุร้าย หันมองเสิ่นหรูโจวอย่างกังวล “คุณหนู เกรงว่าพวกเขาจะใช้แผนร้ายบางอย่างมาจัดการกับท่าน ท่านจะต้องระวังนะเจ้าคะ”เสิ่นหรูโจวดวงตาเต็มไปด้วยความสงบนิ้ง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับห้อง “ไม่ต้องกังว