มู่หว่านหรงก้าวไปข้างหน้า นางก้มศีรษะลงเล็กน้อยและแสดงท่าทางอ่อนน้อมเชื่อฟังไม่มีใครรู้เลยว่าดวงตาที่มองต่ำของนางนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและความชั่วร้ายเสิ่นหรูโจวพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว และความน่าสงสัยก็ตกมาอยู่ที่นางกับถงอวิ๋น ไม่ใช่นางก็เป็นถงอวิ๋น ตอนนั้นฉินอวี่กำลังจัดการกับมือสังหารและไม่รู้ว่าถงอวิ๋นอยู่ที่ไหน หากโยนความผิดนี้ให้กับถงอวิ๋น ปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนางก็จะได้รับการแก้ไขน่ะสิ!ทุกคนมองมู่หว่านหรงด้วยความสงสัย ถงอวิ๋นไม่เข้าใจว่ามู่หว่านหรงหมายถึงอะไร นางรู้สึกประหม่าและมองนางอย่างประหลาดเมื่อมู่หว่านหรงเงยหน้าขึ้น ขอบตาของนางก็แดงไปหมดและกล่าวเสียงสะอื้น“เมื่อความสงสัยตกอยู่ที่ข้าและสาวใช้ของข้า เช่นนั้นก็ถือว่าหว่านหรงทำแล้วกัน ขอเพียงบรรเทาความไม่พอใจของผู้สำเร็จราชการแทนได้หว่านหรงก็ยินดีที่จะรับผิดชอบเจ้าค่ะ”ลู่หวายหนิงขมวดคิ้วและมองมู่หว่านหรงด้วยสายตารังเกียจอย่างเปิดเผย“ถือว่าเจ้าเป็นคนทำแล้วกันหมายความว่ายังไง เจ้าเป็นคนทำจริง ๆ หรือไม่”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นหรูโจวก็หรี่ตาลงอย่างเห็นได้ชัดมู่หว่านหรงมีความสามารถพิเศษสองอย่าง
“ข้าจำได้ว่าถงอวิ๋นซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ในเวลานั้น นางเดินเข้ามาหลังจากที่ฉินอวี่ล้มลงกับพื้น นางกลายเป็นคนผลักฉินอวี่ได้อย่างไร ในทางกลับกันคนที่ใกล้ชิดกับฉินอวี่มากที่สุดคือพระชายารองไม่ใช่รึ”ฉินอวี่กล่าวทันที: “ใช่ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นพระชายารองหลบอยู่ข้างหลังข้าตลอดเวลา”มู่หว่านหรงเบิกตากว้างและกล่าวอย่างน้อยใจ: “พระชายาเอกจะบอกว่าหว่านหรงคือคนที่ผลักฉินอวี่หรือเจ้าคะ"เป่ยซิวเยี่ยนเฝ้าดูทุกสิ่งอย่างเงียบ ๆ นัยน์ตาราวกับมีน้ำแข็งปกคลุมอยู่เซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองมู่หว่านหรง จากนั้นมองเสิ่นหรูโจวและไม่พูดอะไรเสิ่นหรูโจวกอดอกพร้อมแสงสีหน้าเย็นชา "มู่หว่านหรง ในสถานการณ์นั้น เจ้าคือคนเดียวที่มีเวลาและโอกาสผลักข้า/เขา"“เจ้าใส่ร้ายว่าข้าทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จ ตอนนี้เจ้าคิดจะปัดความรับผิดชอบให้กับสาวใช้ เจ้าไม่อายบ้างรึ! ข้าจะบอกให้นะการโกหกและทำร้ายผู้อื่นจะนำไปสู่การไม่มีลูกหลานไว้สืบทอด!”มู่หว่านหรงถูกเสิ่นหรูโจวดุด่า หมัดของนางก็กำแน่นทันที โหดเหี้ยมมากนังเสิ่นหรูโจวสาปแช่งนางไม่มีลูกหลานไว้สืบทอดในเวลานี้ ลู่หวายหนิงอดไม่ได้จึงกล่าวด้วยอีกคน: "ใช่ ฉินอวี่บอกว่าเจ้าอยู
“เจ้าพูดออกมาเถอะ” มู่หว่านหรงขัดจังหวะและมองนางหน้าเศร้า“บอกความจริงออกไป ทุกคนจะได้ไม่คิดว่าข้าจงใจทำร้ายเจ้า เจ้าสบายใจได้ เราเป็นนายและคนรับใช้มาหลายปี ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรข้าก็ไม่ตำหนิเจ้า”ถงอวิ๋นหยุดพูดทันที เมื่อเห็นการข่มขู่ที่โหดร้ายของมู่หว่านหรง ความรู้สึกน่าสยดสยองก็เกิดขึ้นในใจนางนางเป็นแค่สาวใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย ชีวิตของพ่อกับแม่ก็อยู่ในมือของพี่สาวมู่หว่านหรง หากนางเปิดโปง พ่อกับแม่ของนางจะถูกฆ่าทันทีเมื่อเดินออกจากประตูนี้!นางได้แต่เกลียดตนเองที่อยู่กับนายผิดคน!เมื่อมาถึงจุดนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับเอง เพื่อแลกกับความเป็นอยู่ที่สงบสุขของพ่อแม่นางหลับตาแน่น “ข้ากลัวตายเจ้าค่ะ จึงผลักองครักษ์ฉินอวี่ไปรับดาบข้างหน้า!” “ข้ารู้สึกว่าช่วงนี้ท่านอ๋องสนใจพระชายาเอกมากขึ้น ข้ากังวลว่าพระชายาเอกได้รับความโปรดปรานจะส่งผลเสียต่อพระชายารอง องครักษ์ฉินอวี่บังเอิญมาเยี่ยมพระชายาเอกพอดี ข้าเลยอยากใช้โอกาสนี้ทำร้ายเขา หากองครักษ์ฉินอวี่เสียชีวิตในเรือนของพระชายาเอก พระชายาเอกก็จะถูกลงโทษแน่นอน!”มู่หว่านหรงเริ่มร้องไห้อีกครั้ง: “เด็กคนนี้ ทำไมถึงโง่เขลาเช่นน
เสิ่นหรูโจวอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว มือที่ไขว้อยู่ข้างหลังยกนิ้วโป้งขึ้นให้กับเป่ยซิวเยี่ยนเกิดอะไรขึ้น แม้ว่านางกลัวเป่ยซิวเยี่ยนแต่นางชอบฝีปากนี้ของเขามาก!มู่หว่านหรงแสดงละครนั่นแหละ เลือดก็ไหลออกมาไม่กี่หยด มีเพียงเซียวเฉินเหยี่ยนเท่านั้นที่เชื่อทันใดนั้นใบหน้าของมู่หว่านหรงก็ซีดลง นางหลบอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่กล้าพูดอะไรและรอเซียวเฉินเหยี่ยนปกป้องนางเซียวเฉินเหยี่ยนหรี่ตาลงอย่างหนักและมองคนมีฐิฑิสูงอย่างเป่ยซิวเยี่ยนในความฝัน เขาพยายามที่จะดึงเป่ยซิวเยี่ยนมาอยู่ฝ่ายเดียวกัน แต่เป่ยซิวเยี่ยนไม่เคยยืนฝ่ายเดียวกับเขาเลย เขาหยิ่งผยองและไม่เคยเห็นตนอยู่ในสายตาตอนนี้ เขาปฏิบัติกับเป่ยซิวเยี่ยนเสมือนแขกพิเศษเพื่อดึงเป่ยซิวเยี่ยนมาอยู่เรือลำเดียวกัน ให้ความเคารพอยู่เสมอ แต่เป่ยซิวเยี่ยนมองเขาเหมือนอากาศ มีฐิฑิสูงและเวลาทำอะไรก็ไม่เคยไว้หน้าเขาสิ่งที่เขาพูดแทนมู่หว่านหรงก็เหมือนว่าไม่มีน้ำหนักเลยใบหน้าของเขาแข็งทื่อ เขาพยายามระงับความโกรธในใจและขอร้องอีกครั้ง: “ผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยกรุณาหน่อยได้หรือไม่”เป่ยซิวเยี่ยนมองเขาอย่างเฉยเมย ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นราวกับบึ
วันเวลายังอีกยาวนาน ไม่ช้าก็เร็ว นางจะทำให้คนที่ทำร้ายนางชดใช้ทีละคน!ลู่หวายหนิงไม่อยากสนใจมู่หว่านหรงเหมือนกัน เขาเรียกคนเข้ามา เมื่อมู่หว่านหรงพูดเสร็จเขาจะลากถงอวิ๋นไปรับโทษสับเอวทันทีจากนั้น เขาเดินตามเสิ่นหรูโจวเข้าไปหาฉินอวี่เซียวเฉินเหยี่ยนกล่าว: “เจ้าเป็นคนมีเมตตา ไปเถอะ”มู่หว่านหรงกล่าวขอบคุณแล้วย่อตัวลงตรงหน้าถงอวิ๋นนางถอดกำไลหยกออกจากข้อมือแล้วยื่นให้ถงอวิ๋นด้วยเสียงเศร้า“เจ้ากับข้าเป็นนายกับสาวใช้กันครั้งหนึ่ง ข้าช่างเจ็บปวดยิ่งนักที่เห็นเจ้าตกอยู่ในสภาพนี้ ข้าไม่มีอะไรจะให้ ขอมอบกำไลนี้ไว้ให้เจ้าแล้วกันนะ”นางเข้าไปใกล้มากขึ้นและเอื้อมมือรวบผมของถงอวิ๋นไว้ด้านหลังหู ถงอวิ๋นตื่นตกใจอยากถอยไปข้างหลังเพราะหวาดกลัว แต่กลับถูกคว้าที่ท้ายทอยและขยับไม่ได้ จากนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นในหู“ถ้าเจ้าต้องการให้พ่อแม่เจ้ามีชีวิตรอด จงทำสิ่งสุดท้ายเพื่อข้า”“ก่อนที่เจ้าจะตาย เจ้าจงกระจายข่าวลือว่าเสิ่นหรูโจวกับฉินอวี่มีความสัมพันธ์กันอย่างลับ ๆ วันนั้นฉินอวี่มาที่จวนก็เพื่อพบกับ เสิ่นหรูโจวเป็นการส่วนตัว……”เสิ่นหรูโจวป่วย ฉินอวี่ก็รีบมาเยี่ยมทันที เมื่อคืนเสิ่นหรูก็ค้
ตอนนี้ทำตัวหยิ่งจองหอง ภายหลังเป่ยซิวเยี่ยนก็จะรู้ซึ้งถึงความลำบากเอง!จวินอู่ประหลาดใจ “ท่านอ๋อง ท่านจะไม่ตีสนิทกับผู้สำเร็จราชการแทนแล้วหรือขอรับ หากเขาสนับสนุนท่านจะเป็นเหมือนเสือติดปีกนะขอรับ”ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเฉินเหยี่ยนแสดงความเย็นชา “เป่ยซิวเยี่ยนดูงดงามเพียงภายนอกเท่านั้น เสด็จพ่อที่ดูเหมือนให้ความเคารพและให้ความสำคัญกับเขา แท้จริงแล้วท่านไม่พอใจนานแล้วที่เป่ยซิวเยี่ยนกุมกำลังทหารและคุมทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว”“แม้ว่าเป่ยซิวเยี่ยนทำความดีความชอบนับไม่ถ้วน แต่ความสำเร็จใหญ่เกินจักรพรรดิ ไม่มีฮ่องเต้คนใดที่ไม่เกิดความระแวง ตอนนี้เขาอาศัยอำนาจในมือทำตัวจองหอง สักวันหนึ่งอำนาจเหล่าจะทำร้ายเขาเอง! ไม่มีเขา ข้าก็ยึดอำนาจนี้ได้เหมือนกัน!”ดวงตาของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความเยือกเย็น เขากล่าวเสียงต่ำ: “จากนี้ไป เจ้าก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก”จวินอู่ตื่นตกใจมาก เขาขมวดคิ้วและไม่พูดถึงมันอีก “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”หลังจากที่มู่หว่านหรงกับเซียวเฉินเหยี่ยนกลับไปแล้ว เสิ่นหรูโจวอธิบายบอกฉินอวี่อย่างละเอียดสองสามคำเสร็จก็เตรียมตัวกลับอีกคนอย่างไรก็ตาม นางยังเป็นพระชายาเอกของอ๋องอู่เฉิ
“ทำไมเจ้าถึงชอบใช้ประโยชน์จากทุกโอกาสมากขนาดนี้”“ก็พี่สาวสอนมาดี!” ลู่หวายหนิงไม่หลบหลีกแต่ยังทำท่าชอบใจ ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากภาพที่สวยงามนี้แสบตามากเมื่อตกไปอยู่ในสายตาที่มืดมนของเซียวเฉินเหยี่ยนเขายืนอยู่ไม่ไกลจากจวนและรอเสิ่นหรูโจวออกมา คิดไม่ถึงว่าจะเห็นนางพูดคุยและหัวเราะอยู่กับคนอื่นเขาไม่เห็นท่าทางอ่อนโยนของนางเป็นเวลานานมากแล้ว เขาเห็นนางได้ในความฝันเท่านั้น แต่ตอนนี้เสิ่นหรูโจวกลับยิ้มให้ผู้อื่นทันใดนั้นไฟแห่งความชั่วร้ายก็ลุกไหม้จากก้นบึ้งของหัวใจเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า เดินมาถึงประตูแล้วก็ไม่รีบเดินออกมาแต่ยังหนุงหนิงคุยเล่นกับคนอื่นอยู่ตรงนั้นใบหน้าหล่อเหลาปกคลุมไปด้วยความหมองหม่น ดวงตารูปหงส์ก็เต็มไปด้วยเมฆครึ้ม เขาไม่สามารถมองดูอีกต่อไป จึงตะโกนเสียงเย็นชาทุ้มต่ำ“เสิ่นหรูโจว ยังไม่รีบเดินมาอีก! เจ้าต้องการให้ข้ารอเจ้านานแค่ไหน”เสียงหัวเราะของทั้งสองหยุดกะทันหัน รอยยิ้มของลู่หวายหนิงก็ค้างบนใบหน้า เขามองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างไม่พอใจและบ่นเสียงเบา: “เร่งเร้าอะไรกัน”เสิ่นหรูโจวเพิกเฉยต่อเซียวเฉินเหยี่ยนและกล่าวเสียงผ่อนคลาย: “ข้าจะไปแล้ว เจ้ารีบกลับไปเถอะ
นางกล่าวน้ำเสียงดูถูกอย่างไม่ปิดบังและใช้สายตาการมองคนบ้ามองเซียวเฉินเหยี่ยน “ในสายตาของท่าน ถ้าข้าพูดกับผู้ชายก็แสดงว่าข้ากับเขาคนนั้นเป็นชู้กัน?”เซียวเฉินเหยี่ยนตกใจมากที่นางพูดตรงเช่นนี้ จึงกล่าวด้วยสีหน้าขุ่นเคือง: “เจ้ามีความละอายใจบ้างหรือไม่”“ท่านมากกว่าที่ไม่มีความละอายใจ! ลู่หวายหนิงอายุเพียงสิบเอ็ดปีและเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ท่านก็คิดออกมาได้!” เสิ่นหรูโจวพูดไม่ออก “ใจของท่านมันสกปรก ทุกสิ่งที่ท่านมองก็สกปรก! ปิดปากเงียบไปเถอะ!”เมื่อพูดเสร็จ นางก็หลับตาและไม่คุยกับเซียวเฉินเหยี่ยนอีกเซียวเฉินเหยี่ยนไม่ได้ตำหนินาง แต่กลับถูกนางด่ากลับ เขาโกรธจนเจ็บหน้าอกแต่เมื่อเขามองใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเสิ่นหรูโจว เช่นเดียวกับในความฝันไม่มีผิด เขาแอบกำหมัดอีกครั้ง นางมีผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาโดยสิ้นเชิงเขาคงป่วยจริง ๆ ทำไมเขาถึงสนใจเสิ่นหรูโจวเช่นนี้ ใส่ใจเมื่อนางใกล้ชิดกับผู้อื่นถึงกระทั่งใส่ใจกับการเล่นตลกของเด็กเหลือขอเมื่อก่อนเขาไม่สนใจเลยว่าเสิ่นหรูโจวจะอยู่ข้างกายเขาหรือไม่ นางออกไปได้ทุกเมื่อที่นางต้องการ เขาไม่สนใจ แต่ตอนนี้......เพราะความฝันอันนั้น เป็นความผิดของความ
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่