นับจากท่านหญิงอวี้ชางจากไปแล้ว รองแม่ทัพจางหย่งเล่อหรือตอนนี้ได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นแม่ทัพแล้ว เขาแยกจวนออกมาตัั้งจวนใหม่เองอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง เพราะเขาได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นแม่ทัพ ดูแลเขตภาคตะวันออก มีทหารในบังคับบัญชาหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย เพราะฝีมือที่เก่งกาจที่เขานั้นได้ออกรบเคียงข้างบิดาของเขา จนชนะศึกที่ยากยิ่งมาได้ ทำให้ได้รับการปูนบำเหน็จมากมาย
เขาได้รับพระราชทานจวนหลังใหม่ที่ใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย บิดาของเขาจึงได้บอกให้เขาออกไปตั้งจวนใหม่ของตนเอง เพราะเขาก็ถึงวัยที่ควรจะแต่งงานมีเหย้ามีเรือนแล้ว ท่านแม่ทัพจางแนะให้เขามองหาสตรีที่เหมาะเพื่อแต่งงานรับนางเป็นฮูหยินเสีย จะได้มีคนช่วยดูแลจวน แต่ชายผู้ที่ช้ำรักเหลือเกิน ก็ไม่มีใจคิดจะมองหาสตรีใดทั้งนั้น เพราะทุกวันนี้เขาก็ยังรักปักใจในท่านหญิงอวี้ชางอดีตคนรักที่ตอนนี้เสียชีวิตไปได้หลายปีแล้ว จนตอนนี้หลานๆของเขาที่เกิดจากน้องสาวของเขากับพีี่ชายของอดีตคนรักนั้นเติบโตมากแล้ว แถมยังมีบุตรแทบจะหัวปีท้ายปีอีกด้วย
หลังจากที่ได้คำแนะนำจากน้องสาวของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายาของท่านอ๋องรุ่ยหยางพี่ชายของอดีตคนรักของเขาไปแล้วนั้น ว่านางนั้นได้ฝึนถึงท่านหญิงอวี้ชางคนรักของเขาที่มาหานางในฝัน นางมาในท่าทีที่มีความสุขสดใสและงดงามมาก นางคงจะได้ไปอยู่ที่ๆดี อย่างแน่นอนน้องสาวของเขายืนยันเช่นนั้น
และนางฝากบอกเขาว่าให้เปิดใจคบหาสตรีอื่นได้แล้ว นางอยากให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่ต้องรู้สึกผิดเรื่องของนางอีกแล้ว และก่อนจะไปนั้นนางบอกว่าอีกไม่นานนางจะกลับมาแล้วเราคงจะได้พบกัน นางทิ้งท้ายเอาไว้เช่นนั้น ทำให้แม่ทัพหนุ่มเก็บมาครุ่นคิดถึงความฝันของน้องสาวตลอดหลายปีมานี้ ทำให้เขายังไม่ตกลงปลงใจกับสตรีใดทั้งสิ้น แม้จะยอมเปิดใจคบหากับคุณหนูเหลียนซิงซิงที่บังเอิญพบกันในป่าหลังจากที่เขากลับมาจากวัด รถม้าของนางเสีย นางจึงได้ขอติดรถเขากลับมา
และตั้งแต่นั้นความสัมพันธ์ของเขากับนางก็คืบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขานั้นก็ยังไม่ทำให้มันคืบหน้าไปกว่าการคบหากันมากกว่าสหายเล็กน้อย และพานางไปงานเลี้ยงต่างๆบ้างเป็นบางครั้ง ซื้อหาข้าวของเล็กๆน้อยให้นางบ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมขยับความสัมพันธ์ไปไกลกว่านี้มากนัก
เขายังไม่ได้รักนาง แค่ชอบพออัธยาศัยที่นางนั้นเหมือนสตรีที่ความคิดทันสมัยกว่าสตรีในยุคนี้มาก อาจจะเป็นเพราะนางได้มีโอกาสไปประเทศตะวันตก และนางนั้นก็ติดต่อค้าขายกับคนหลายเชื้อชาติ โดยเฉพาะประเทศทางตะวันตกก็ได้ ทำให้ความคิดอ่านของนางนั้นทันสมัยกว่าคุณหนูในห้องหอในยุคนี้มาก นางไม่เรื่องมาก และทำให้เขาเบื่อหน่ายและรำคาญ จึงได้คบหากันมาได้นานกว่าสตรีอื่น
วันหนึ่งขณะที่ท่านแม่ทัพจางหย่งเล่อเดินทางไปราชการต่างเมือง พร้อมด้วยทหารคู่กายคนสนิทสองคน ระหว่างทางกลับมานั้นได้พบกับกลุ่มโจรป่าลอบโจมตี พวกเขาต่อสู้กับมันได้ไม่ยากเย็นนักเพราะฝีมือยุทธ์นั้นคนละชั้น แต่แล้วรองแม่ทัพต้วนทหารคู่กายคนสนิทที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่สนามรบครั้งที่แล้ว ที่บิดาของเขามอบรองแม่ทัพผู้นีี้ให้กับเขาเพื่อจะได้มาช่วยงานของเขานั้น พุ่งตัวออกไปรับลูกธนูที่โจรป่าลอบยิงใส่พวกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อพวกมันทำท่าว่าจะพ่ายแพ้ ทำให้ลูกธนูนั้นปักที่ท้องของรองแม่ทัพต้วนทันที และนั่นทำให้เขาสิ้นใจเกือบจะทันทีหลังจากได้เอ่ยปากฝากฝังบุตรสาวเพียงคนเดียวที่รอบิดาอยู่ที่จวนเล็กชานเมืองไว้กับแม่ทัพจาง แม่ทัพหนุ่มรับปากอย่างแข็งขันและเต็มใจยิ่ง เขาเสียใจมากที่ไม่อาจจะยื้อชีวิตคนสนิทและภักดีเช่นรองแม่ทัพต้วนเอาไว้ได้
จึงได้แต่จัดงานศพของเขาอย่างสมเกียรติและไปรับบุตรสาวของเขาที่จวนเล็กที่ตั้งอยู่เกือบจะนอกเมืองเข้ามาอยู่ด้วยกันที่จวนใหญ่ของเขา เพราะบุตรสาวของรองแม่ทัพต้วนนั้นไม่เหลือใครแล้ว นางมีเพียงบิดาเพียงคนเดียว ส่วนมารดานั้นได้เสีียชีวิตไปตั้งแต่นางเพิ่งคลอดออกมา นางมีนามว่าต้วนเยว่ชิง เป็นสาวน้อยใบหน้าหวานปานจะล่มเมืองที่ปีนี้จะเรียนจบจากสถานศึกษาของสตรีที่ในเมืองนี้แล้ว และก็ใกล้จะถึงวันปักปิ่นของนางแล้วด้วย
ต้วนเยว์ชิงนั้นเมื่อรู้ว่าบิดาของนางนั้นได้เสียชีวิตลงไปแล้ว นางร้องไห้แทบจะขาดใจร้องไห้จนเป็นลมสลบไสลไปแม่ทัพจางหย่งเล่อจึงได้ช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มเกินวัยของคุณหนูต้วนเข้าไปพักในเรือนหลังเล็กที่เขายกให้เป็นเรือนของนางที่อยู่ห่างเรือนหลักของเขาไปอีก เรือนหลังเล็กนั่นตั้งอยู่ริมรั้วแต่ว่าการจัดสวนหน้าเรือนและด้านข้างเรือนที่อยู่ใกล้รั้วนั้นสวยงามน่ารัก
เรือนหลังน้อยมีระเบียงเรือนยื่นต่อออกไป ระเบียงนั้นกว้างพอสมควร มีตั่งไม้เอาไว้นอนเล่นยามบ่ายตอนที่แดดล่มแล้ว มีกระถางบัวตั้งอยู่ที่ระเบียงนั้นสองกระถาง และมีกระถางต้นไม้เคลือบหลายกระถางที่ปลูกดอกไม้เอาไว้หลากสีสันล้วนกำลังบานสะพรั่งทำให้ระเบียงเรือนหลังนี้งดงามยิ่งนัก
แม่ทัพจางจึงได้ยกเรือนหลังนี้ให้แก่บุตรสาวของรองแม่ทัพต้วนที่เขารับมาอุปการะเพื่อเห็นว่านางเป็นสตรีคงจะชอบเรือนหลังเล็กที่น่าอยู่นี้ เขาสั่งให้พ่อบ้านสั่งให้บ่าวมาจัดสวนหน้าเรือนให้นางให้งดงามเพื่อต้อนรับบุตรสาวคนใหม่ที่เขารับมาอุปการะ แม่ทัพจางคิดเพียงว่าเขาจะรับนางมาอุปการะดังเช่นบิดาของนาง
แม่ทัพจางอุ้มร่างอวบอิ่มของคุณหนูต้วนที่หมดสติไปทันทีหลังจากร้องไห้อย่างหนัก เขาไปวางไว้บนเตียงนอนในห้องนอนน้อยของนาง เรือนนี้พร้อมให้นางเข้ามาอยู่อาศัยได้แล้ว เพราะเขาให้พ่อบ้านจัดการให้เป็นการด่วน เมื่อเขารับตัวของนางมาถึงจวนใหม่ของเขา เรือนหลังน้อยแห่งนี้ก็พร้อมเข้าอยู่ได้ในทันที
แม่ทัพหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงริมร่างอวบอิ่มที่เอนกายนอนราบบนฟูกนอนหนานุ่มใหม่เอี่ยม แม่ทัพจางจ้องมองใบหน้าหวานนั้นที่ซีดลงเล็กน้อยอย่่างหนักใจ เขาเองก็ไม่เคยมีบุตร ยังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้จะต้องมาเลี้ยงบุตรสาวตัวโตเท่านี้ แม่ทัพหนุ่่มเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจะทำได้ดีหรือไม่
แต่ในเมื่อนางเป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณของเขาที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเขา แม่ทัพหนุ่มก็จำต้องทำให้ได้ ขนตางอนยาวกระพริบถี่ๆ เหมือนนางกำลังจะรู้สึกตัวแล้ว แม่ทัพหนุ่มจับจ้องใบหน้าหวานนั้นอย่างเป็นห่วง แล้วดวงตาเรียวยาวดุจดวงตาหงส์นั้น ก็พลันลืมตาขึ้น มองสบตากับใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม แต่ดวงตายาวรีที่คมกริบที่กำลังจับจ้องมองนางอยู่ ใบหน้าหวานก็พลันมีสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
อวี้ชางจ้องมองใบหน้าอดีตคนรักนิ่ง นางนั้นได้มาเกิดใหม่ในร่างคุณหนูต้วนผู้นี้ได้สองปีมาแล้ว นับจากนางเสียชีวิตลงไปไม่นานนัก อยู่ๆวัหนึ่งนขณะที่นางกำลังเดินวนเวียนในหมอกควันสีขาวอยู่นั้น ก็มีลำแสงที่สว่างมากพวยพุ่งเข้ามาหานางและนางก็วูบหมดสติไป แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มาอยู่ในร่างของคุณหนูต้วนเย่วชิงผู้นี้ ที่นางนั้นร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งนางเป็นไข้และเป็นลมชักโดยที่ไม่มีใครเห็น ทำให้ชักจนหมดสติไป และวิญญาณของท่านหญิงอวี้ชางที่อธิษฐานจิตขอให้ได้พบกับคนรักของนางอีกครั้งก็มาเข้าร่างคุณหนูผู้นี้ในทันที โดยที่ความทรงจำครั้งอดีตชาติที่เป็นท่านหญิงอวี้ชางยังอยู่ครบ แต่ไม่มีความทรงจำของคุณหนูต้วนอยู่เลย และนับจากที่นางได้มาเข้าร่างของคุณหนูต้วนผู้นี้ นางก็ปรับตัวและใช้ชีวิตเป็นคุณหนูผู้นี้จนเคยชินแล้ว นางมีโอกาสได้พบบิดาของคุณหนูผู้นี้เพียงไม่นานนัก แต่นางก็พยายามทำตัวให้เป็นบุตรสาวที่ดี เพราะนางสงสารเขามากที่ไม่รู้ว่าบุตรสาวตัวจริงของเขานั้นเสียชีวิตไปแล้ว และนางก็ไม่อาจจะบอกใครถึงเรื่องนี้ได้ เพราะแม้บอกไปแล้วใครจะเชื่อนางกัน แต่แล้วหลังจากบิดากลับไปทำงานที่จวน
“ คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นแล้วหรือ ชุ่ยเอ๋อเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้วนะเจ้าค่ะ กำลังอุ่นพอดีเลย อาบน้ำกันเลยดีกว่านะเจ้าคะ จะได้รีบแต่งตัว รีบไปสถานศึกษากัน " ร่างอวบอิ่มงดงามของคุณหนูต้วนจึงได้ลุกจากเตียงอันแสนอุ่นของนาง แล้วก็เดินเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำแต่งกาย เตรียมตัวไปสถานศึกษาที่อีกไม่นานนางก็จะจบการศึกษาแล้วเหลือเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น การย้ายมาอยู่จวนแม่ทัพจางนี้ ทำให้นางไม่ต้องตื่นแต่เช้าเช่นเดิมนัก เพราะว่าสถานศึกษากับจวนแม่ทัพจางนั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก นางจึงไม่ต้องเร่งรีบดังเช่นเดิมอีก มีเวลาแต่งกายและกินอาหารตามสบายแล้วค่อยออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวนเพื่อไปยังสถานศึกษาเมื่ออาบน้ำแต่งกายจนเรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงก็กินอาหารเช้าที่เรือนเล็กของนาง โดยมีชุ่ยเอ๋อสาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากจวนของบิดาไปยกจากโรงครัวมาให้นาง ตอนเช้านางเร่งรีบจะไปสถานศึกษาจึงคิดว่าจะไม่แวะไปกินอาหารเช้ากับท่านอาหนุ่มหมาดๆของนาง แต่จะไปกินอาหารร่วมกับเขาที่เรือนในตอนเย็นแทนจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น พี่หย่งเล่อท่านรอข้าหน่อยนะ ข้าจะเรียนจบแล้ว และจะเกี้ยวท่านกลับมาเป็นคนรักของข้าให้ได้ แค่คิดถึงใ
หรือเมื่อวันใดที่เขาไม่ได้ออกไปทำงานนอกจวน นางก็จะทำอาหารหรือขนมหรือไม่ก็ผลไม้ที่เขาชื่นชอบยกมาให้เขาถึงที่ห้องหนังสือ หรือในห้องนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่ พร้อมกับป้านน้ำชาที่นางรู้ว่าเขาชอบจิบมัน และนั่นทำให้เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบกันในหมู่สาวใช้และบ่าวบางคนว่าคุณหนูต้วนผู้นี้ทำตัวดังเช่นจะเข้ามาเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพกระนั้น เพราะทุกคนต่างรู้ว่านางคือบุตรสาวของรองแม่ทัพต้วนที่หาชีวิตไม่แล้ว ทำให้ท่านแม่ทัพจางรับบุตรสาวของเขามาอุปการะ แต่คุณหนูต้วนที่ทั้งงดงามปานจะล่มเมืองและอยู่ในวัยสาวสะพรั่งก็ทำตัวรู้คุณเกินหน้าที่ คล้ายกับว่านางอยากจะขยับฐานะจากหลานสาวมาเป็นภรรยาของแม่ทัพจางกระนั้น นางปรนนิบัติใกล้ชิดเขาจนเกินงาม และแม่ทัพหนุ่มก็ได้ยินเสียงซุบซิบนั่น และเขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าหลานสาวนอกไส้ผู้นี้ทำตัวเกินเลยไปจนเป็นที่ครหาของคนในจวนแม่ทัพหนุ่่มนอนครุ่นคิดอยู่หลายคืน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการปรนนิบัติเช่นนี้ของหลานสาว นางทำได้ดีไม่มีที่ติ และดูแลเขาดีมากอย่างที่ไม่เคยมีสตรีใดดูแลเขาได้ดีเช่นนี้มาก่อน และนางทำให้เขาคิดถึงอวี้ชางขึ้นมาจับใจ และเขาคงจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้แล้ว แม่ท
แม้นางจะกลับมาเกิดใหม่แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกที่จะรักคนเดิม เยว่ชิงเดินเล่นอยู่ในสวนที่กว้างขวางของจวนแม่ทัพอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินไปเรื่อยๆ เพื่อครุ่นคิดทำใจเรื่องอดีตคนรักที่เขาเพิ่งบอกกับนางว่ากำลังจะหมั้นหมายกับสตรีอื่น เมื่อเดินวนเวียนอยู่ในสวนเพื่อครุ่นคิดทบทวนตัวเองจนคิดได้ และตกลงใจว่าจะเลิกทำตัววุ่นวายกับอดีตคนรักที่ปัจจุบันนางต้องยอมรับให้ได้ว่าเขาไม่ใช่คนรักของนางอีกต่อไปแล้ว และเมื่อเขาต้องการเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น นางควรจะส่งเสริมให้เขาได้ทำเช่นที่ใจของเขาต้องการ นางก็เคยพบสตรีคนนั้นที่ดูแล้วก็เป็นสตรีที่ทันสมัย ปราดเปรียวน่ารัก และนิสัยก็คงจะดีไม่น้อย เยว่ชิงยืนพิงก้อนหินก้อนใหญ่ที่ใช้ตกแต่งในสวนแห่งนี้ แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพิงมันเอาไว้ แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นมันเอาไว้ นางอยากจะร้องไห้เสียให้พอ ร้องให้สาแก่ใจ เพื่อที่ต่อไปนางจะไม่ร้องไห้ให้กับอดีตคนรักที่ต่อไปนี้ไม่ใช่คนที่นางควรจะรักอีกแล้ว เยว่ชิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอยู่สองข้างแก้มแล้วก็พยายามหยุดสะอื้นไห้ นางคิดได้แล้ว ต่อไปนางจะทำตัวเสียใหม่ ทำตัวเป็นแค่หลานสาวในอุปการะของเ
เขาจึงได้ลุกออกไปเพื่อสอดส่องดูนางกับชายผู้นั้น แต่ไม่ได้เข้าไปในศาลา เพียงแอบมองอยู่ด้านนอก เพื่อจับผิดสตรีในศาลานั่นว่าทำตัวไม่เหมาะสมหรือไม่ ยิ่งเขาเห็นสายตาที่เจ้าหมอนั่นจ้องมองมาที่นี่นางมันดูแวววาวผิดปกติ หรือเจ้าหมอนั่นพึงใจนาง จึงได้หาเรื่องมาจ้างให้นางวาดภาพ จิตรกรอื่นก็มีออกจะมากมาย ใยจึงมาจ้างงานสตรีเช่นนางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร เขาพลันรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก อาชีพอื่นก็มีออกจะมากมาย และนางนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำงานเลี้ยงชีพอีกด้วย เขาเองก็พอมีเงินทองเลี้ยงดูนางให้สุขสบายไม่ต้องทำงานสิ่งใดทั้งสิ้นเพียงอยู่เป็นคุณหนูในจวนแม่ทัพเช่นนี้ ทำไมต้องทำงานหาเงินด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจนางนัก แต่คงจะต้องเรียกมาพูดกันให้รู้เรื่องว่านางทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เมื่อนางไม่ยอมเหยียบย่างมาที่เรือนของเขาเลย แม่ทัพหนุ่มจึงจำต้องไปหานางที่เรือนของนางแทน “ เยว่เอ๋อ เหตุใดถึงไม่ไปกินข้าวกับอาที่เรือน แล้วหมู่นี่เจ้าทำตัวแปลกๆไปนะ ทำไมไม่ไปที่เรือนของอาบ้าง หรือเคยทำสิ่งใดก็ทำไปจะมีใครกล้าปากมากมาว่าเจ้า หากผู้ใดในจวนนี้ว่ากล่าวเจ้าก็บอกอามา อาจะจัดการให้ ” เขาบอกกับนางเช่นนั้
“ ขอบคุณท่านอามาก แต่ข้าขึ้นเองได้เจ้าค่ะ ” แล้วเย่ว์ชิงก็พยายามเดินขึ้นไปด้วยตนเอง นางไม่อยากจะให้มือของนางสัมผัสกับมือของเขา เพราะตอนนี้นางทำใจเรื่องของเขาได้มากแล้ว นางไม่อยากจะรื้อฟื้นความรู้สึกเจ็บปวดนั่นขึ้นมาอีก แม่ทัพหนุ่มรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่หลานสาวไม่ยอมส่งมือของนางมาวางบนมือของเขาเพื่อช่วยพยุงตัวของนางขึ้นไปบนรถม้า นางรังเกียจเขาถึงขนาดนี้เลยหรือ แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดขณะที่เขาเดินตามหลังนางเข้าไปนั่งในรถม้า และทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับนาง แต่แม่ทัพหนุ่มก็ไม่ปริปากอะไร เขาเพียงชำเลืองนางเล็กน้อยวันนี้นางงามมาก งามจนเขาตะลึง เขาแน่ใจมากว่านับจากวันนี้จวนแม่ทัพของเขาคงจะไม่ว่างเว้นจากแม่สื่ออย่างแน่นอน รถม้ายังคงแล่นไปเรื่อยๆ มุ่งตรงไปจวนคหบดีเหลียนที่อยู่ค่อนไปทางนอกเมืองเล็กน้อย เพราะจวนนี้เป็นจวนใหม่ที่สร้างขึ้นมาใหม่อีกหลังของเขา ที่หลังใหญ่กว่าเดิมพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก คุณหนูเหลียนบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขามักจะใช้ที่นี่เป็นที่จัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพราะบรรยากาศดี สวนกว้างขวางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามมากนั้น เหมาะแก่การจัดเลี้ยงในสวนทั้งยามบ่ายและยามค่ำคืนที่มองเห็น
“ อ้าว !! นั่นคุณชายเสิ่นใช่หรือไม่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดกัน ไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านพ่อบ่นคิดถึงท่านมาก หากว่างแล้วก็แวะไปหาท่านพ่อที่จวนบ้างนะเจ้าคะ ” คุณหนูเหลียนหันไปเห็นสหายรุ่นน้องของบิดา เขาแม้จะหนุ่มแน่นมีวัยมากกว่านางเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ก็เก่งกาจทางการค้าหาตัวจับยาก แม้แต่บิดาก็ชมเชยเขาอยู่บ่อยครั้ง คุณชายเสิ่นเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาเขายิ้มกว้างให้กับคุณหนูเหลียนซิงซิง แล้วหันไปคารวะท่านอ๋องกับพระชายาและทักทายแม่ทัพจางและหันมาจ้องมองคุณหนูต้วนเยว่ชิงอย่างพินิจและจ้องมองนางอย่างตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคร้ามคมของเขามีสีแดงระเรื่อเมื่อรู้สึกกว่าตนเองนั้นจ้องมองนางนานไปหน่อย “ คุณหนูผู้นี้มีนามว่าอะไร เราเคยพบกันหรือไม่ ” เขาถามนาง พร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำยามจ้องมองใบหน้าหวานของเยว่ชิงอย่างพึงใจ เยว่ชิงยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “ คงไม่เคยพบกันหรอกเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าต้วนเยว่ชิง เป็นบุตรสาวของรองแม่่ทัพต้วน แต่บิดาของข้าเสียชีวิตไปแล้ว ” นางบอกกับเขาไปตามตรง“ เจ้าพักอยู่ในเมืองหลวงนี้หรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบเจ้าเลย ” เขายังคงใคร่รู้เรื่องของนาง “ คุณชายเสิ่น ข้าคิดว่า
คืนนั้นแม่ทัพหนุ่มมาดักรอหลานสาวกาฝากของเขาที่ทางเดินระหว่างสวนเพราะนางจะต้องเดินผ่านมาทางนี้เพื่อจะไปที่เรือนของนาง เขายืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงาของใบไม้บดบังแสงสว่าง ผู้ที่เดินมาตามทางเดินจะไม่ทันสังเกตุเห็นเขาอย่างแน่นอน ผ่านไปครู่ใหญ่นางก็เดินตรงมาทางเขาอย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเอง ขณะนี้แม่ทัพหนุ่มเมามายไม่น้อยเพราะเมื่อกลับมาถึงที่จวนแม่ทัพ เขาให้สาวใช้ยกสุรามานั่งดื่มที่หน้าเรือนของเขา เพื่อเฝ้ารอแม่หลานสาวตัวดีให้กลับมา แต่เฝ้ารออยู่นานนางก็ไม่กลับมาเส่ียท่ี เขาจึงได้เดินมารอนางที่ริมทางเดินนี้ คืนนี้หากเขาไม่ได้พูดกับนางให้รู้เรื่อง เขาจะต้องบ้าอย่างแน่นอน ยิ่งเขาเห็นนางใกล้ชิดกับเจ้าคหบดีเสิ่นนั่นหัวใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะตรงไปกระชากนางให้ออกมาจากเจ้าหมอนั่น แต่คงจะทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้อื่นมิได้ เขากลั้นใจอดทนไว้ ยิ่งนางมาหายไปที่ใดก็ไม่รู้กับเจ้าหมอนั่น คนที่เพิ่งพบกันเสียด้วยซ้ำ โดยไม่มาขออนุญาติเขาก่อนอีกด้วย หากแม่หลานสาวตัวดีมาถึงจวนเมื่อไหร่เขาจะคิดทบต้นทบดอกกับนางอย่างขั้นเด็ดขาดจนนางไปหาบุรุษที่ไหนอีกไม่ได้เลย เมื่ออยากจะได้สามีนัก เขาก็จะเป็นสามีใ
หลายวันต่อมาเหลียนซิงซิงมาเยี่ยมแม่ทัพหนุ่มที่จวน ขณะที่แม่ทัพจางหย่งเล่อกับภรรยาในความลับที่มีเพียงบ่าวไพร่ในจวนที่เห็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปนี้ แต่เบื้องหน้าก็คือหลานสาวในอุปการะของแม่ทัพจาง กำลังนั่งกินอาหารเช้ากันในห้องโถงหน้าเรือนของแม่ทัพหนุ่ม ทั้งสองต่างผลัดกันคีบอาหารให้แก่กัน บรรยากาศนั้นอวลไปด้วยความรักทั้งสองส่งสายตาหวานฉ่ำให้แก่กัน จนสาวใช้ในเรือนต่างก็พากันรับรู้หมดแล้วว่าบัดนี้ความสัมพันธ์ของอาหนุ่มและหลานสาวบุญธรรมที่งดงามปานจะล่มเมืองผู้นี้ พัฒนากลายมาเป็นยิ่งกว่าคนรักแล้ว เพราะบางวันนางก็เข้ามานอนในห้องนอนของท่านแม่ทัพจาง หากนางไม่มาเมื่อเขาอาบน้ำแล้วก็มักจะสวมเสื้อคลุมที่เขามักจะสวมตอนเข้านอน เดินไปที่เรือนหลังเล็กของหลานสาวคนงามและหายเข้าไปในนั้นทั้งคืน จะเดินกลับมาเข้าเรือนของเขาก็เมื่อฟ้าเริ่มจะสางแล้ว และตอนนั้นก็มีแสงแดดส่องรำไรในสวนกว้างหน้าจวนแม่ทัพแล้ว เขาไม่ได้คิดจะปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด บ่าวไพร่ในจวนก็ต่างเห็นประจักษ์ด้วยตาของตนเองแต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรมาก ได้แต่แอบซุบซิบกันเบาๆ ระหว่างกันเท่านั้นเอง และการแสดงออกต่อคุณหนูต้วนก็เปลี่ย
คืนนั้นทั้งคืนแม่ทัพหนุ่มสุขสมยิ่งนัก ยิ่งกว่าที่เคยกับหญิงคณิกาที่เขาเคยผ่านมา และนางคล้ายกับอดีตคนรักของเขามาก มากจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน ทั้งลีลารักที่มีเพียงเขาที่เป็นสามีของนางที่รู้ เขาจะเก็บเยว่ชิงไว้เป็นเมียบำเรอลับ ๆ ของเขา แม้อาจจะดูเห็นแก่ตัวเหลือเกินที่คิดเช่นนี้ แต่เขากับเยว่ชิงนั้นมีวัยที่ต่างกันถึงสิบกว่าหนาว เขาเป็นบุรุษที่เคร่งขรึมและหมกมุ่นกับการงาน จนมิเคยมีตาไว้สนใจสตรีใด เมื่อครั้งได้ใกล้ชิดกับท่านหญิงอวี้ชางจนก่อเกิดเป็นความรักต้องห้าม ที่พวกเขามิอาจหักห้ามใจไม่ให้รักกันได้ จึงได้หนีตามกันไปนั้น เพราะเขารักนางจริงๆ รักนางเพียงผู้เดียว แต่เมื่อสูญเสียนางไป เขาก็เหมือนคนไร้หัวใจไปเลย จนน้องสาวของเขามาพูดเตือนสติเขา จึงได้เริ่มเปิดใจให้กับคุณหนูเหลียนที่นางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อน และเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นฝ่ายทำเหมือนเขามีนางเพียงผู้เดียว ทำให้นางมีความหวัง ทำให้นางปักใจคิดว่าเขาจะต้องไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินของเขาอย่างแน่นอน แม้มีชายอื่นมาสู่ขอนางก็ปฏิเสธไปเสียหมด แล้วเขาจะทำเช่นไรได้ เมื่อครั้งนี้เขากลับเปิดหัวใจที่เคยบอบช้ำจนมันแทบไม่อาจรักใครได้อีกนั้นใ
คืนนั้นแม่ทัพหนุ่มมาดักรอหลานสาวกาฝากของเขาที่ทางเดินระหว่างสวนเพราะนางจะต้องเดินผ่านมาทางนี้เพื่อจะไปที่เรือนของนาง เขายืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงาของใบไม้บดบังแสงสว่าง ผู้ที่เดินมาตามทางเดินจะไม่ทันสังเกตุเห็นเขาอย่างแน่นอน ผ่านไปครู่ใหญ่นางก็เดินตรงมาทางเขาอย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเอง ขณะนี้แม่ทัพหนุ่มเมามายไม่น้อยเพราะเมื่อกลับมาถึงที่จวนแม่ทัพ เขาให้สาวใช้ยกสุรามานั่งดื่มที่หน้าเรือนของเขา เพื่อเฝ้ารอแม่หลานสาวตัวดีให้กลับมา แต่เฝ้ารออยู่นานนางก็ไม่กลับมาเส่ียท่ี เขาจึงได้เดินมารอนางที่ริมทางเดินนี้ คืนนี้หากเขาไม่ได้พูดกับนางให้รู้เรื่อง เขาจะต้องบ้าอย่างแน่นอน ยิ่งเขาเห็นนางใกล้ชิดกับเจ้าคหบดีเสิ่นนั่นหัวใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะตรงไปกระชากนางให้ออกมาจากเจ้าหมอนั่น แต่คงจะทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้อื่นมิได้ เขากลั้นใจอดทนไว้ ยิ่งนางมาหายไปที่ใดก็ไม่รู้กับเจ้าหมอนั่น คนที่เพิ่งพบกันเสียด้วยซ้ำ โดยไม่มาขออนุญาติเขาก่อนอีกด้วย หากแม่หลานสาวตัวดีมาถึงจวนเมื่อไหร่เขาจะคิดทบต้นทบดอกกับนางอย่างขั้นเด็ดขาดจนนางไปหาบุรุษที่ไหนอีกไม่ได้เลย เมื่ออยากจะได้สามีนัก เขาก็จะเป็นสามีใ
“ อ้าว !! นั่นคุณชายเสิ่นใช่หรือไม่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดกัน ไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านพ่อบ่นคิดถึงท่านมาก หากว่างแล้วก็แวะไปหาท่านพ่อที่จวนบ้างนะเจ้าคะ ” คุณหนูเหลียนหันไปเห็นสหายรุ่นน้องของบิดา เขาแม้จะหนุ่มแน่นมีวัยมากกว่านางเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ก็เก่งกาจทางการค้าหาตัวจับยาก แม้แต่บิดาก็ชมเชยเขาอยู่บ่อยครั้ง คุณชายเสิ่นเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาเขายิ้มกว้างให้กับคุณหนูเหลียนซิงซิง แล้วหันไปคารวะท่านอ๋องกับพระชายาและทักทายแม่ทัพจางและหันมาจ้องมองคุณหนูต้วนเยว่ชิงอย่างพินิจและจ้องมองนางอย่างตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคร้ามคมของเขามีสีแดงระเรื่อเมื่อรู้สึกกว่าตนเองนั้นจ้องมองนางนานไปหน่อย “ คุณหนูผู้นี้มีนามว่าอะไร เราเคยพบกันหรือไม่ ” เขาถามนาง พร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำยามจ้องมองใบหน้าหวานของเยว่ชิงอย่างพึงใจ เยว่ชิงยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “ คงไม่เคยพบกันหรอกเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าต้วนเยว่ชิง เป็นบุตรสาวของรองแม่่ทัพต้วน แต่บิดาของข้าเสียชีวิตไปแล้ว ” นางบอกกับเขาไปตามตรง“ เจ้าพักอยู่ในเมืองหลวงนี้หรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบเจ้าเลย ” เขายังคงใคร่รู้เรื่องของนาง “ คุณชายเสิ่น ข้าคิดว่า
“ ขอบคุณท่านอามาก แต่ข้าขึ้นเองได้เจ้าค่ะ ” แล้วเย่ว์ชิงก็พยายามเดินขึ้นไปด้วยตนเอง นางไม่อยากจะให้มือของนางสัมผัสกับมือของเขา เพราะตอนนี้นางทำใจเรื่องของเขาได้มากแล้ว นางไม่อยากจะรื้อฟื้นความรู้สึกเจ็บปวดนั่นขึ้นมาอีก แม่ทัพหนุ่มรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่หลานสาวไม่ยอมส่งมือของนางมาวางบนมือของเขาเพื่อช่วยพยุงตัวของนางขึ้นไปบนรถม้า นางรังเกียจเขาถึงขนาดนี้เลยหรือ แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดขณะที่เขาเดินตามหลังนางเข้าไปนั่งในรถม้า และทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับนาง แต่แม่ทัพหนุ่มก็ไม่ปริปากอะไร เขาเพียงชำเลืองนางเล็กน้อยวันนี้นางงามมาก งามจนเขาตะลึง เขาแน่ใจมากว่านับจากวันนี้จวนแม่ทัพของเขาคงจะไม่ว่างเว้นจากแม่สื่ออย่างแน่นอน รถม้ายังคงแล่นไปเรื่อยๆ มุ่งตรงไปจวนคหบดีเหลียนที่อยู่ค่อนไปทางนอกเมืองเล็กน้อย เพราะจวนนี้เป็นจวนใหม่ที่สร้างขึ้นมาใหม่อีกหลังของเขา ที่หลังใหญ่กว่าเดิมพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก คุณหนูเหลียนบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขามักจะใช้ที่นี่เป็นที่จัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพราะบรรยากาศดี สวนกว้างขวางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามมากนั้น เหมาะแก่การจัดเลี้ยงในสวนทั้งยามบ่ายและยามค่ำคืนที่มองเห็น
เขาจึงได้ลุกออกไปเพื่อสอดส่องดูนางกับชายผู้นั้น แต่ไม่ได้เข้าไปในศาลา เพียงแอบมองอยู่ด้านนอก เพื่อจับผิดสตรีในศาลานั่นว่าทำตัวไม่เหมาะสมหรือไม่ ยิ่งเขาเห็นสายตาที่เจ้าหมอนั่นจ้องมองมาที่นี่นางมันดูแวววาวผิดปกติ หรือเจ้าหมอนั่นพึงใจนาง จึงได้หาเรื่องมาจ้างให้นางวาดภาพ จิตรกรอื่นก็มีออกจะมากมาย ใยจึงมาจ้างงานสตรีเช่นนางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร เขาพลันรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก อาชีพอื่นก็มีออกจะมากมาย และนางนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำงานเลี้ยงชีพอีกด้วย เขาเองก็พอมีเงินทองเลี้ยงดูนางให้สุขสบายไม่ต้องทำงานสิ่งใดทั้งสิ้นเพียงอยู่เป็นคุณหนูในจวนแม่ทัพเช่นนี้ ทำไมต้องทำงานหาเงินด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจนางนัก แต่คงจะต้องเรียกมาพูดกันให้รู้เรื่องว่านางทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เมื่อนางไม่ยอมเหยียบย่างมาที่เรือนของเขาเลย แม่ทัพหนุ่มจึงจำต้องไปหานางที่เรือนของนางแทน “ เยว่เอ๋อ เหตุใดถึงไม่ไปกินข้าวกับอาที่เรือน แล้วหมู่นี่เจ้าทำตัวแปลกๆไปนะ ทำไมไม่ไปที่เรือนของอาบ้าง หรือเคยทำสิ่งใดก็ทำไปจะมีใครกล้าปากมากมาว่าเจ้า หากผู้ใดในจวนนี้ว่ากล่าวเจ้าก็บอกอามา อาจะจัดการให้ ” เขาบอกกับนางเช่นนั้
แม้นางจะกลับมาเกิดใหม่แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกที่จะรักคนเดิม เยว่ชิงเดินเล่นอยู่ในสวนที่กว้างขวางของจวนแม่ทัพอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินไปเรื่อยๆ เพื่อครุ่นคิดทำใจเรื่องอดีตคนรักที่เขาเพิ่งบอกกับนางว่ากำลังจะหมั้นหมายกับสตรีอื่น เมื่อเดินวนเวียนอยู่ในสวนเพื่อครุ่นคิดทบทวนตัวเองจนคิดได้ และตกลงใจว่าจะเลิกทำตัววุ่นวายกับอดีตคนรักที่ปัจจุบันนางต้องยอมรับให้ได้ว่าเขาไม่ใช่คนรักของนางอีกต่อไปแล้ว และเมื่อเขาต้องการเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น นางควรจะส่งเสริมให้เขาได้ทำเช่นที่ใจของเขาต้องการ นางก็เคยพบสตรีคนนั้นที่ดูแล้วก็เป็นสตรีที่ทันสมัย ปราดเปรียวน่ารัก และนิสัยก็คงจะดีไม่น้อย เยว่ชิงยืนพิงก้อนหินก้อนใหญ่ที่ใช้ตกแต่งในสวนแห่งนี้ แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพิงมันเอาไว้ แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นมันเอาไว้ นางอยากจะร้องไห้เสียให้พอ ร้องให้สาแก่ใจ เพื่อที่ต่อไปนางจะไม่ร้องไห้ให้กับอดีตคนรักที่ต่อไปนี้ไม่ใช่คนที่นางควรจะรักอีกแล้ว เยว่ชิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอยู่สองข้างแก้มแล้วก็พยายามหยุดสะอื้นไห้ นางคิดได้แล้ว ต่อไปนางจะทำตัวเสียใหม่ ทำตัวเป็นแค่หลานสาวในอุปการะของเ
หรือเมื่อวันใดที่เขาไม่ได้ออกไปทำงานนอกจวน นางก็จะทำอาหารหรือขนมหรือไม่ก็ผลไม้ที่เขาชื่นชอบยกมาให้เขาถึงที่ห้องหนังสือ หรือในห้องนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่ พร้อมกับป้านน้ำชาที่นางรู้ว่าเขาชอบจิบมัน และนั่นทำให้เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบกันในหมู่สาวใช้และบ่าวบางคนว่าคุณหนูต้วนผู้นี้ทำตัวดังเช่นจะเข้ามาเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพกระนั้น เพราะทุกคนต่างรู้ว่านางคือบุตรสาวของรองแม่ทัพต้วนที่หาชีวิตไม่แล้ว ทำให้ท่านแม่ทัพจางรับบุตรสาวของเขามาอุปการะ แต่คุณหนูต้วนที่ทั้งงดงามปานจะล่มเมืองและอยู่ในวัยสาวสะพรั่งก็ทำตัวรู้คุณเกินหน้าที่ คล้ายกับว่านางอยากจะขยับฐานะจากหลานสาวมาเป็นภรรยาของแม่ทัพจางกระนั้น นางปรนนิบัติใกล้ชิดเขาจนเกินงาม และแม่ทัพหนุ่มก็ได้ยินเสียงซุบซิบนั่น และเขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าหลานสาวนอกไส้ผู้นี้ทำตัวเกินเลยไปจนเป็นที่ครหาของคนในจวนแม่ทัพหนุ่่มนอนครุ่นคิดอยู่หลายคืน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการปรนนิบัติเช่นนี้ของหลานสาว นางทำได้ดีไม่มีที่ติ และดูแลเขาดีมากอย่างที่ไม่เคยมีสตรีใดดูแลเขาได้ดีเช่นนี้มาก่อน และนางทำให้เขาคิดถึงอวี้ชางขึ้นมาจับใจ และเขาคงจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้แล้ว แม่ท
“ คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นแล้วหรือ ชุ่ยเอ๋อเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้วนะเจ้าค่ะ กำลังอุ่นพอดีเลย อาบน้ำกันเลยดีกว่านะเจ้าคะ จะได้รีบแต่งตัว รีบไปสถานศึกษากัน " ร่างอวบอิ่มงดงามของคุณหนูต้วนจึงได้ลุกจากเตียงอันแสนอุ่นของนาง แล้วก็เดินเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำแต่งกาย เตรียมตัวไปสถานศึกษาที่อีกไม่นานนางก็จะจบการศึกษาแล้วเหลือเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น การย้ายมาอยู่จวนแม่ทัพจางนี้ ทำให้นางไม่ต้องตื่นแต่เช้าเช่นเดิมนัก เพราะว่าสถานศึกษากับจวนแม่ทัพจางนั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก นางจึงไม่ต้องเร่งรีบดังเช่นเดิมอีก มีเวลาแต่งกายและกินอาหารตามสบายแล้วค่อยออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวนเพื่อไปยังสถานศึกษาเมื่ออาบน้ำแต่งกายจนเรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงก็กินอาหารเช้าที่เรือนเล็กของนาง โดยมีชุ่ยเอ๋อสาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากจวนของบิดาไปยกจากโรงครัวมาให้นาง ตอนเช้านางเร่งรีบจะไปสถานศึกษาจึงคิดว่าจะไม่แวะไปกินอาหารเช้ากับท่านอาหนุ่มหมาดๆของนาง แต่จะไปกินอาหารร่วมกับเขาที่เรือนในตอนเย็นแทนจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น พี่หย่งเล่อท่านรอข้าหน่อยนะ ข้าจะเรียนจบแล้ว และจะเกี้ยวท่านกลับมาเป็นคนรักของข้าให้ได้ แค่คิดถึงใ