“ คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นแล้วหรือ ชุ่ยเอ๋อเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้วนะเจ้าค่ะ กำลังอุ่นพอดีเลย อาบน้ำกันเลยดีกว่านะเจ้าคะ จะได้รีบแต่งตัว รีบไปสถานศึกษากัน " ร่างอวบอิ่มงดงามของคุณหนูต้วนจึงได้ลุกจากเตียงอันแสนอุ่นของนาง แล้วก็เดินเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำแต่งกาย เตรียมตัวไปสถานศึกษาที่อีกไม่นานนางก็จะจบการศึกษาแล้ว
เหลือเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น การย้ายมาอยู่จวนแม่ทัพจางนี้ ทำให้นางไม่ต้องตื่นแต่เช้าเช่นเดิมนัก เพราะว่าสถานศึกษากับจวนแม่ทัพจางนั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก นางจึงไม่ต้องเร่งรีบดังเช่นเดิมอีก มีเวลาแต่งกายและกินอาหารตามสบายแล้วค่อยออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวนเพื่อไปยังสถานศึกษา
เมื่ออาบน้ำแต่งกายจนเรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงก็กินอาหารเช้าที่เรือนเล็กของนาง โดยมีชุ่ยเอ๋อสาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากจวนของบิดาไปยกจากโรงครัวมาให้นาง ตอนเช้านางเร่งรีบจะไปสถานศึกษาจึงคิดว่าจะไม่แวะไปกินอาหารเช้ากับท่านอาหนุ่มหมาดๆของนาง แต่จะไปกินอาหารร่วมกับเขาที่เรือนในตอนเย็นแทนจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น พี่หย่งเล่อท่านรอข้าหน่อยนะ ข้าจะเรียนจบแล้ว และจะเกี้ยวท่านกลับมาเป็นคนรักของข้าให้ได้ แค่คิดถึงใบหน้าเคร่งขรึมแต่หล่อเหลาเหลือร้ายของเขาแล้วก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาหน่อยๆแล้ว นางยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีนักที่บัดนี้ความฝันของตนเองเป็นจริงแล้ว
เยว่ชิงรีบเดินออกไปขึ้นรถม้าที่พ่อบ้านจวนจางจัดการให้รอรับนางที่หน้าประตูตามเวลาเดิมในทุกวันเพื่อไปส่งคุณหนูต้วนหลานสาวคนใหม่ของท่านแม่ทัพที่สถานศึกษาสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ชุ่ยเอ๋อเดินไปส่งคุณหนูของตนเองจนถึงที่รถม้าแล้วนางก็กลับไปอยู่ที่เรือนเล็กของคุณหนูเพื่อทำงานอะไรเล็กๆน้อยในเรือน แต่ก่อนจะกลับเข้าไปที่เรือนเล็กนางก็แวะไปกินอาหารเช้าที่โรงครัวให้เรียบร้อยก่อน พวกนางทำเช่นนี้เป็นปกติในทุกๆวันนอกจากวันหยุดที่เยว่ชิงคุณหนูคนงามไม่ได้ออกไปที่ใด กิจกรรมของนางในจวนก็เปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ในแต่ละวัน แต่ส่วนมากแล้ว ก็เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับแม่ทัพหนุ่มชายในดวงใจของนางนั่นเอง
เยว่ชิงเข้าครัวทำอาหารและขนมไปให้แม่ทัพจางชิมบ่อยๆ และนางมักจะสั่งที่โรงครัวทำอาหารที่เขาชื่นชอบให้เขาได้รับประทาน นางมักจะชงชาใส่ป้านน้ำชาและเป็นชาชั้นดีชนิดที่เขาโปรดปรานไปส่งให้เขาที่ห้องหนังสือเวลาที่เขาหมกมุ่นทำงานอยู่แต่ในนั้น ขนม อาหาร น้ำชา ผลไม้ที่เขาชื่นชอบนางก็มักจะสั่งให้คนไปจัดการหามาเตรียมเอาไว้ให้กับเขา นางมักจะไปนั่งเล่นกู่เจิ้งที่ศาลาริมบึงบัวที่อยู่ในสวนหน้าจวนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อตั้งใจจะให้เสียงบรรเลงกู่เจิ้งนั้นได้ยินไปถึงแม่ทัพหนุ่ม และเขานั้นก็ได้ยินมันเข้าจริงๆ และนิ่งฟังเพลงที่เขาโปรดปรานอยู่นานและรู้สึกว่ามันช่างคุ้นเคยนัก เหมือนกับเขาได้อวี้ชางกลับมาอย่างไรก็ไม่รู้ได้ คุณหนูต้วนผู้นี้ทำให้ความหลังที่เขาฝังกลบมันเอาไว้ถูกขุดคุ้ยขึ้นอีกครา
เขานิ่งคิดทบทวนหลายสิ่งที่เกี่ยวกับคุณหนูต้วนเยว่ชิงผู้นี้ นางมีส่วนคล้ายอวี้ชางมาก ทั้งแต่งกายที่คล้ายกัน แม้ใบหน้าและรูปร่างจะไม่ใช่ กลิ่นหอมที่เย้ายวนของนางก็คล้ายอวี้ชางนัก เขาเคยรู้ว่าอวี้ชางผสมเครื่องหอมที่ทำจากดอกไม้หลายชนิดเข้าด้วยกันและผสมลงในเครื่องประทินผิวของนางด้วยตนเอง จึงทำให้กลิ่นหอมที่ติดกายของนางนั้นไม่เหมือนผู้ใดทั้งสิ้น
และเพลงที่นางบรรเลงนั้นก็เป็นเพลงที่เขากับอวี้ชางชอบ และยังมีอาหารและของว่างที่เขาชอบอีก นางรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง รวมถึงอาภรณ์ของเขาที่มีการอบกลิ่นหอมของดอกไม้แห้งที่เขาชอบอีก หลังจากที่นางเข้ามาอาศัยในจวนของเขาแล้ว อาภรณ์ของเขาก็มีกลิ่นดอกไม้แห้งชนิดนี้แทบจะทุกตัว มันรวมไปถึงเครื่องนอนของเขาอีกด้วย เวลานอนเขาสูดกลิ่นหอมชื่นใจของมันเข้าไปเต็มปอดอย่างสบายอารมณ์นัก และยิ่งทำให้เขาคิดถึงอวี้ชางขึ้นมา ทั้งๆที่เขาพยายามจะลืมเลือนนางไปแล้วแท้ๆ
เพราะแม้จะรักนางและคิดถึงนางมากเพียงใดอวี้ชางก็มิอาจจะฟื้นคืนกลับมาแล้ว ดังเช่นที่พระชายาจางน้องสาวของเขานั้นได้บอกกับเขาเมื่อคราวนั้น เขาจึงได้เลิกโทษตนเอง และพยายามเปิดใจมองสตรีอื่น และเริ่มกลับมาใช้ชีวิตของตนเองได้มีความสุขมากขึ้น แต่การที่รับคุณหนูต้วนเยว่ชิงบุตรสาวของผู้มีพระคุณของเขาเข้ามาอยู่ในจวนและรับอุปการะนางนั้น มันทำให้เขาเริ่มเหมือนรู้สึกว่าอวี้ชางอยู่ใกล้ๆ เพราะเยว่ชิงทำอะไรหลายๆอย่างเหมือนอวี้ชางมากเกินไป เหมือนจนเขาแปลกใจและเกิดสงสัยขึ้นมา
เขาสังเกตุมาหลายครั้งแล้วว่าต้วนเยว่ชิงนั้น นางชอบมองเขาด้วยแววตาของสตรีที่มองชายที่ตนเองพึงใจ แววตาของนางไม่ใช่ของเด็กสาวที่ไร้เดียงสา แต่มันคือแววตาของสตรีแรกแย้มที่พร้อมจะรักใคร่บุรุษที่นางพึงใจแล้ว ยิ่งนานวันเขายิ่งสังเกตุเห็นมันได้ชัดเจนและนั่นทำให้เขาไม่สบายใจเลย นางมากินอาหารเย็นกับเขา ปรนนิบัติเขาดังเช่นนางเป็นฮูหยินของเขากระนั้น
นางคีบอาหารให้เขา ชี้ชวนให้เขากินอาหารที่นางทำเองหรือไม่ก็สั่งให้โรงครัวทำในแบบที่เขานั้นชื่นชอบ และมันก็เป็นความจริง เพราะเขาชื่นชอบอาหารเช่นนั้นจริงๆ ชาที่นางชงนั้นก็ถูกใจเขาที่สุด นางรู้จักชนิดของชาที่เขาชอบโดยที่ไม่ต้องมีใครบอกกับนางด้วยซ้ำ ชาชองนางผสมกลีบดอกเหม่ยกุ้ยที่ตากแห้งแล้วเข้าไปด้วย ทำให้มีกลิ่นหอมกว่าชาทั่วไป แม่ทัพหนุ่มได้เรียกพ่อบ้านจางมาสอบถามแล้ว เขาบอกไม่ได้บอกสิ่งใดเกี่ยวกับเขาให้นางได้รู้เลย และนางเองก็ไม่เคยเอ่ยถามเสียด้วยซ้ำ
นางลงมือจัดการทุกอย่างในชีวิตของเขาดังเช่นนางเป็นฮูหยินของเขา ตอนนี้นางเรียนจบจากสถานศึกษาแล้ว ทำให้นางเข้ามาดูแลจวนแม่ทัพดังเช่นนางเป็นฮูหยินได้มากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยปากบอกกับผู้อื่นว่านางนั้นคือฮูหยินจวนนี้เท่านั้น แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้ก้าวก่ายงานของพ่อบ้านจางจนน่าเกลียด นางแค่พยายามปรนนิบัติแม่ทัพหนุ่มดังเช่นเขาเป็นสามีของนางเพียงเท่านั้น ขาดเพียงอย่างเดียวคือนางไม่ได้เข้าไปนอนกับเขาในห้องนอนของเขาเพียงเท่านั้น
แม่ทัพหนุ่มนั้นก็จำต้องยอมรับว่านางทำทุกอย่างได้ถูกใจเขานัก ทำเอาเขาคิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาพยายามจะลืืมเลือนนางให้หมดใจและมันได้หวนคิดถึงนางขึ้นอีกครั้ง เยว่ชิงผู้นี้เหมือนอวี้ชางมาก ขาดแต่เพียงรูปลักษณ์ของนางเท่านั้นที่งดงามไปคนละแบบกับอวี้ชาง ในตอนเช้าหลังจากกินอาหารด้วยกันแล้ว นางก็จะเดินไปส่งเขาขึ้นรถม้าเพื่อจะไปราชการในวังหรือไม่ก็ไปราชการต่างเมือง และนางจะมารอรับเขาตามเวลา หากนางรู้เวลากลับจวนของเขา พร้อมกับรอยยิ้มอย่างยินดีที่เห็นหน้าเขา
หรือเมื่อวันใดที่เขาไม่ได้ออกไปทำงานนอกจวน นางก็จะทำอาหารหรือขนมหรือไม่ก็ผลไม้ที่เขาชื่นชอบยกมาให้เขาถึงที่ห้องหนังสือ หรือในห้องนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่ พร้อมกับป้านน้ำชาที่นางรู้ว่าเขาชอบจิบมัน และนั่นทำให้เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบกันในหมู่สาวใช้และบ่าวบางคนว่าคุณหนูต้วนผู้นี้ทำตัวดังเช่นจะเข้ามาเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพกระนั้น เพราะทุกคนต่างรู้ว่านางคือบุตรสาวของรองแม่ทัพต้วนที่หาชีวิตไม่แล้ว ทำให้ท่านแม่ทัพจางรับบุตรสาวของเขามาอุปการะ แต่คุณหนูต้วนที่ทั้งงดงามปานจะล่มเมืองและอยู่ในวัยสาวสะพรั่งก็ทำตัวรู้คุณเกินหน้าที่ คล้ายกับว่านางอยากจะขยับฐานะจากหลานสาวมาเป็นภรรยาของแม่ทัพจางกระนั้น นางปรนนิบัติใกล้ชิดเขาจนเกินงาม และแม่ทัพหนุ่มก็ได้ยินเสียงซุบซิบนั่น และเขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าหลานสาวนอกไส้ผู้นี้ทำตัวเกินเลยไปจนเป็นที่ครหาของคนในจวนแม่ทัพหนุ่่มนอนครุ่นคิดอยู่หลายคืน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการปรนนิบัติเช่นนี้ของหลานสาว นางทำได้ดีไม่มีที่ติ และดูแลเขาดีมากอย่างที่ไม่เคยมีสตรีใดดูแลเขาได้ดีเช่นนี้มาก่อน และนางทำให้เขาคิดถึงอวี้ชางขึ้นมาจับใจ และเขาคงจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้แล้ว แม่ท
แม้นางจะกลับมาเกิดใหม่แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกที่จะรักคนเดิม เยว่ชิงเดินเล่นอยู่ในสวนที่กว้างขวางของจวนแม่ทัพอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินไปเรื่อยๆ เพื่อครุ่นคิดทำใจเรื่องอดีตคนรักที่เขาเพิ่งบอกกับนางว่ากำลังจะหมั้นหมายกับสตรีอื่น เมื่อเดินวนเวียนอยู่ในสวนเพื่อครุ่นคิดทบทวนตัวเองจนคิดได้ และตกลงใจว่าจะเลิกทำตัววุ่นวายกับอดีตคนรักที่ปัจจุบันนางต้องยอมรับให้ได้ว่าเขาไม่ใช่คนรักของนางอีกต่อไปแล้ว และเมื่อเขาต้องการเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น นางควรจะส่งเสริมให้เขาได้ทำเช่นที่ใจของเขาต้องการ นางก็เคยพบสตรีคนนั้นที่ดูแล้วก็เป็นสตรีที่ทันสมัย ปราดเปรียวน่ารัก และนิสัยก็คงจะดีไม่น้อย เยว่ชิงยืนพิงก้อนหินก้อนใหญ่ที่ใช้ตกแต่งในสวนแห่งนี้ แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพิงมันเอาไว้ แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นมันเอาไว้ นางอยากจะร้องไห้เสียให้พอ ร้องให้สาแก่ใจ เพื่อที่ต่อไปนางจะไม่ร้องไห้ให้กับอดีตคนรักที่ต่อไปนี้ไม่ใช่คนที่นางควรจะรักอีกแล้ว เยว่ชิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอยู่สองข้างแก้มแล้วก็พยายามหยุดสะอื้นไห้ นางคิดได้แล้ว ต่อไปนางจะทำตัวเสียใหม่ ทำตัวเป็นแค่หลานสาวในอุปการะของเ
เขาจึงได้ลุกออกไปเพื่อสอดส่องดูนางกับชายผู้นั้น แต่ไม่ได้เข้าไปในศาลา เพียงแอบมองอยู่ด้านนอก เพื่อจับผิดสตรีในศาลานั่นว่าทำตัวไม่เหมาะสมหรือไม่ ยิ่งเขาเห็นสายตาที่เจ้าหมอนั่นจ้องมองมาที่นี่นางมันดูแวววาวผิดปกติ หรือเจ้าหมอนั่นพึงใจนาง จึงได้หาเรื่องมาจ้างให้นางวาดภาพ จิตรกรอื่นก็มีออกจะมากมาย ใยจึงมาจ้างงานสตรีเช่นนางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร เขาพลันรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก อาชีพอื่นก็มีออกจะมากมาย และนางนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำงานเลี้ยงชีพอีกด้วย เขาเองก็พอมีเงินทองเลี้ยงดูนางให้สุขสบายไม่ต้องทำงานสิ่งใดทั้งสิ้นเพียงอยู่เป็นคุณหนูในจวนแม่ทัพเช่นนี้ ทำไมต้องทำงานหาเงินด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจนางนัก แต่คงจะต้องเรียกมาพูดกันให้รู้เรื่องว่านางทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เมื่อนางไม่ยอมเหยียบย่างมาที่เรือนของเขาเลย แม่ทัพหนุ่มจึงจำต้องไปหานางที่เรือนของนางแทน “ เยว่เอ๋อ เหตุใดถึงไม่ไปกินข้าวกับอาที่เรือน แล้วหมู่นี่เจ้าทำตัวแปลกๆไปนะ ทำไมไม่ไปที่เรือนของอาบ้าง หรือเคยทำสิ่งใดก็ทำไปจะมีใครกล้าปากมากมาว่าเจ้า หากผู้ใดในจวนนี้ว่ากล่าวเจ้าก็บอกอามา อาจะจัดการให้ ” เขาบอกกับนางเช่นนั้
“ ขอบคุณท่านอามาก แต่ข้าขึ้นเองได้เจ้าค่ะ ” แล้วเย่ว์ชิงก็พยายามเดินขึ้นไปด้วยตนเอง นางไม่อยากจะให้มือของนางสัมผัสกับมือของเขา เพราะตอนนี้นางทำใจเรื่องของเขาได้มากแล้ว นางไม่อยากจะรื้อฟื้นความรู้สึกเจ็บปวดนั่นขึ้นมาอีก แม่ทัพหนุ่มรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่หลานสาวไม่ยอมส่งมือของนางมาวางบนมือของเขาเพื่อช่วยพยุงตัวของนางขึ้นไปบนรถม้า นางรังเกียจเขาถึงขนาดนี้เลยหรือ แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดขณะที่เขาเดินตามหลังนางเข้าไปนั่งในรถม้า และทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับนาง แต่แม่ทัพหนุ่มก็ไม่ปริปากอะไร เขาเพียงชำเลืองนางเล็กน้อยวันนี้นางงามมาก งามจนเขาตะลึง เขาแน่ใจมากว่านับจากวันนี้จวนแม่ทัพของเขาคงจะไม่ว่างเว้นจากแม่สื่ออย่างแน่นอน รถม้ายังคงแล่นไปเรื่อยๆ มุ่งตรงไปจวนคหบดีเหลียนที่อยู่ค่อนไปทางนอกเมืองเล็กน้อย เพราะจวนนี้เป็นจวนใหม่ที่สร้างขึ้นมาใหม่อีกหลังของเขา ที่หลังใหญ่กว่าเดิมพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก คุณหนูเหลียนบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขามักจะใช้ที่นี่เป็นที่จัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพราะบรรยากาศดี สวนกว้างขวางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามมากนั้น เหมาะแก่การจัดเลี้ยงในสวนทั้งยามบ่ายและยามค่ำคืนที่มองเห็น
“ อ้าว !! นั่นคุณชายเสิ่นใช่หรือไม่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดกัน ไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านพ่อบ่นคิดถึงท่านมาก หากว่างแล้วก็แวะไปหาท่านพ่อที่จวนบ้างนะเจ้าคะ ” คุณหนูเหลียนหันไปเห็นสหายรุ่นน้องของบิดา เขาแม้จะหนุ่มแน่นมีวัยมากกว่านางเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ก็เก่งกาจทางการค้าหาตัวจับยาก แม้แต่บิดาก็ชมเชยเขาอยู่บ่อยครั้ง คุณชายเสิ่นเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาเขายิ้มกว้างให้กับคุณหนูเหลียนซิงซิง แล้วหันไปคารวะท่านอ๋องกับพระชายาและทักทายแม่ทัพจางและหันมาจ้องมองคุณหนูต้วนเยว่ชิงอย่างพินิจและจ้องมองนางอย่างตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคร้ามคมของเขามีสีแดงระเรื่อเมื่อรู้สึกกว่าตนเองนั้นจ้องมองนางนานไปหน่อย “ คุณหนูผู้นี้มีนามว่าอะไร เราเคยพบกันหรือไม่ ” เขาถามนาง พร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำยามจ้องมองใบหน้าหวานของเยว่ชิงอย่างพึงใจ เยว่ชิงยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “ คงไม่เคยพบกันหรอกเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าต้วนเยว่ชิง เป็นบุตรสาวของรองแม่่ทัพต้วน แต่บิดาของข้าเสียชีวิตไปแล้ว ” นางบอกกับเขาไปตามตรง“ เจ้าพักอยู่ในเมืองหลวงนี้หรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบเจ้าเลย ” เขายังคงใคร่รู้เรื่องของนาง “ คุณชายเสิ่น ข้าคิดว่า
คืนนั้นแม่ทัพหนุ่มมาดักรอหลานสาวกาฝากของเขาที่ทางเดินระหว่างสวนเพราะนางจะต้องเดินผ่านมาทางนี้เพื่อจะไปที่เรือนของนาง เขายืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงาของใบไม้บดบังแสงสว่าง ผู้ที่เดินมาตามทางเดินจะไม่ทันสังเกตุเห็นเขาอย่างแน่นอน ผ่านไปครู่ใหญ่นางก็เดินตรงมาทางเขาอย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเอง ขณะนี้แม่ทัพหนุ่มเมามายไม่น้อยเพราะเมื่อกลับมาถึงที่จวนแม่ทัพ เขาให้สาวใช้ยกสุรามานั่งดื่มที่หน้าเรือนของเขา เพื่อเฝ้ารอแม่หลานสาวตัวดีให้กลับมา แต่เฝ้ารออยู่นานนางก็ไม่กลับมาเส่ียท่ี เขาจึงได้เดินมารอนางที่ริมทางเดินนี้ คืนนี้หากเขาไม่ได้พูดกับนางให้รู้เรื่อง เขาจะต้องบ้าอย่างแน่นอน ยิ่งเขาเห็นนางใกล้ชิดกับเจ้าคหบดีเสิ่นนั่นหัวใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะตรงไปกระชากนางให้ออกมาจากเจ้าหมอนั่น แต่คงจะทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้อื่นมิได้ เขากลั้นใจอดทนไว้ ยิ่งนางมาหายไปที่ใดก็ไม่รู้กับเจ้าหมอนั่น คนที่เพิ่งพบกันเสียด้วยซ้ำ โดยไม่มาขออนุญาติเขาก่อนอีกด้วย หากแม่หลานสาวตัวดีมาถึงจวนเมื่อไหร่เขาจะคิดทบต้นทบดอกกับนางอย่างขั้นเด็ดขาดจนนางไปหาบุรุษที่ไหนอีกไม่ได้เลย เมื่ออยากจะได้สามีนัก เขาก็จะเป็นสามีใ
คืนนั้นทั้งคืนแม่ทัพหนุ่มสุขสมยิ่งนัก ยิ่งกว่าที่เคยกับหญิงคณิกาที่เขาเคยผ่านมา และนางคล้ายกับอดีตคนรักของเขามาก มากจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน ทั้งลีลารักที่มีเพียงเขาที่เป็นสามีของนางที่รู้ เขาจะเก็บเยว่ชิงไว้เป็นเมียบำเรอลับ ๆ ของเขา แม้อาจจะดูเห็นแก่ตัวเหลือเกินที่คิดเช่นนี้ แต่เขากับเยว่ชิงนั้นมีวัยที่ต่างกันถึงสิบกว่าหนาว เขาเป็นบุรุษที่เคร่งขรึมและหมกมุ่นกับการงาน จนมิเคยมีตาไว้สนใจสตรีใด เมื่อครั้งได้ใกล้ชิดกับท่านหญิงอวี้ชางจนก่อเกิดเป็นความรักต้องห้าม ที่พวกเขามิอาจหักห้ามใจไม่ให้รักกันได้ จึงได้หนีตามกันไปนั้น เพราะเขารักนางจริงๆ รักนางเพียงผู้เดียว แต่เมื่อสูญเสียนางไป เขาก็เหมือนคนไร้หัวใจไปเลย จนน้องสาวของเขามาพูดเตือนสติเขา จึงได้เริ่มเปิดใจให้กับคุณหนูเหลียนที่นางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อน และเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นฝ่ายทำเหมือนเขามีนางเพียงผู้เดียว ทำให้นางมีความหวัง ทำให้นางปักใจคิดว่าเขาจะต้องไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินของเขาอย่างแน่นอน แม้มีชายอื่นมาสู่ขอนางก็ปฏิเสธไปเสียหมด แล้วเขาจะทำเช่นไรได้ เมื่อครั้งนี้เขากลับเปิดหัวใจที่เคยบอบช้ำจนมันแทบไม่อาจรักใครได้อีกนั้นใ
หลายวันต่อมาเหลียนซิงซิงมาเยี่ยมแม่ทัพหนุ่มที่จวน ขณะที่แม่ทัพจางหย่งเล่อกับภรรยาในความลับที่มีเพียงบ่าวไพร่ในจวนที่เห็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปนี้ แต่เบื้องหน้าก็คือหลานสาวในอุปการะของแม่ทัพจาง กำลังนั่งกินอาหารเช้ากันในห้องโถงหน้าเรือนของแม่ทัพหนุ่ม ทั้งสองต่างผลัดกันคีบอาหารให้แก่กัน บรรยากาศนั้นอวลไปด้วยความรักทั้งสองส่งสายตาหวานฉ่ำให้แก่กัน จนสาวใช้ในเรือนต่างก็พากันรับรู้หมดแล้วว่าบัดนี้ความสัมพันธ์ของอาหนุ่มและหลานสาวบุญธรรมที่งดงามปานจะล่มเมืองผู้นี้ พัฒนากลายมาเป็นยิ่งกว่าคนรักแล้ว เพราะบางวันนางก็เข้ามานอนในห้องนอนของท่านแม่ทัพจาง หากนางไม่มาเมื่อเขาอาบน้ำแล้วก็มักจะสวมเสื้อคลุมที่เขามักจะสวมตอนเข้านอน เดินไปที่เรือนหลังเล็กของหลานสาวคนงามและหายเข้าไปในนั้นทั้งคืน จะเดินกลับมาเข้าเรือนของเขาก็เมื่อฟ้าเริ่มจะสางแล้ว และตอนนั้นก็มีแสงแดดส่องรำไรในสวนกว้างหน้าจวนแม่ทัพแล้ว เขาไม่ได้คิดจะปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด บ่าวไพร่ในจวนก็ต่างเห็นประจักษ์ด้วยตาของตนเองแต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรมาก ได้แต่แอบซุบซิบกันเบาๆ ระหว่างกันเท่านั้นเอง และการแสดงออกต่อคุณหนูต้วนก็เปลี่ย
หลายวันต่อมาเหลียนซิงซิงมาเยี่ยมแม่ทัพหนุ่มที่จวน ขณะที่แม่ทัพจางหย่งเล่อกับภรรยาในความลับที่มีเพียงบ่าวไพร่ในจวนที่เห็นความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปนี้ แต่เบื้องหน้าก็คือหลานสาวในอุปการะของแม่ทัพจาง กำลังนั่งกินอาหารเช้ากันในห้องโถงหน้าเรือนของแม่ทัพหนุ่ม ทั้งสองต่างผลัดกันคีบอาหารให้แก่กัน บรรยากาศนั้นอวลไปด้วยความรักทั้งสองส่งสายตาหวานฉ่ำให้แก่กัน จนสาวใช้ในเรือนต่างก็พากันรับรู้หมดแล้วว่าบัดนี้ความสัมพันธ์ของอาหนุ่มและหลานสาวบุญธรรมที่งดงามปานจะล่มเมืองผู้นี้ พัฒนากลายมาเป็นยิ่งกว่าคนรักแล้ว เพราะบางวันนางก็เข้ามานอนในห้องนอนของท่านแม่ทัพจาง หากนางไม่มาเมื่อเขาอาบน้ำแล้วก็มักจะสวมเสื้อคลุมที่เขามักจะสวมตอนเข้านอน เดินไปที่เรือนหลังเล็กของหลานสาวคนงามและหายเข้าไปในนั้นทั้งคืน จะเดินกลับมาเข้าเรือนของเขาก็เมื่อฟ้าเริ่มจะสางแล้ว และตอนนั้นก็มีแสงแดดส่องรำไรในสวนกว้างหน้าจวนแม่ทัพแล้ว เขาไม่ได้คิดจะปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด บ่าวไพร่ในจวนก็ต่างเห็นประจักษ์ด้วยตาของตนเองแต่ไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรมาก ได้แต่แอบซุบซิบกันเบาๆ ระหว่างกันเท่านั้นเอง และการแสดงออกต่อคุณหนูต้วนก็เปลี่ย
คืนนั้นทั้งคืนแม่ทัพหนุ่มสุขสมยิ่งนัก ยิ่งกว่าที่เคยกับหญิงคณิกาที่เขาเคยผ่านมา และนางคล้ายกับอดีตคนรักของเขามาก มากจนแทบจะเป็นคนเดียวกัน ทั้งลีลารักที่มีเพียงเขาที่เป็นสามีของนางที่รู้ เขาจะเก็บเยว่ชิงไว้เป็นเมียบำเรอลับ ๆ ของเขา แม้อาจจะดูเห็นแก่ตัวเหลือเกินที่คิดเช่นนี้ แต่เขากับเยว่ชิงนั้นมีวัยที่ต่างกันถึงสิบกว่าหนาว เขาเป็นบุรุษที่เคร่งขรึมและหมกมุ่นกับการงาน จนมิเคยมีตาไว้สนใจสตรีใด เมื่อครั้งได้ใกล้ชิดกับท่านหญิงอวี้ชางจนก่อเกิดเป็นความรักต้องห้าม ที่พวกเขามิอาจหักห้ามใจไม่ให้รักกันได้ จึงได้หนีตามกันไปนั้น เพราะเขารักนางจริงๆ รักนางเพียงผู้เดียว แต่เมื่อสูญเสียนางไป เขาก็เหมือนคนไร้หัวใจไปเลย จนน้องสาวของเขามาพูดเตือนสติเขา จึงได้เริ่มเปิดใจให้กับคุณหนูเหลียนที่นางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาก่อน และเขาก็รู้สึกผิดที่เป็นฝ่ายทำเหมือนเขามีนางเพียงผู้เดียว ทำให้นางมีความหวัง ทำให้นางปักใจคิดว่าเขาจะต้องไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินของเขาอย่างแน่นอน แม้มีชายอื่นมาสู่ขอนางก็ปฏิเสธไปเสียหมด แล้วเขาจะทำเช่นไรได้ เมื่อครั้งนี้เขากลับเปิดหัวใจที่เคยบอบช้ำจนมันแทบไม่อาจรักใครได้อีกนั้นใ
คืนนั้นแม่ทัพหนุ่มมาดักรอหลานสาวกาฝากของเขาที่ทางเดินระหว่างสวนเพราะนางจะต้องเดินผ่านมาทางนี้เพื่อจะไปที่เรือนของนาง เขายืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงาของใบไม้บดบังแสงสว่าง ผู้ที่เดินมาตามทางเดินจะไม่ทันสังเกตุเห็นเขาอย่างแน่นอน ผ่านไปครู่ใหญ่นางก็เดินตรงมาทางเขาอย่างไม่รู้ชะตากรรมตนเอง ขณะนี้แม่ทัพหนุ่มเมามายไม่น้อยเพราะเมื่อกลับมาถึงที่จวนแม่ทัพ เขาให้สาวใช้ยกสุรามานั่งดื่มที่หน้าเรือนของเขา เพื่อเฝ้ารอแม่หลานสาวตัวดีให้กลับมา แต่เฝ้ารออยู่นานนางก็ไม่กลับมาเส่ียท่ี เขาจึงได้เดินมารอนางที่ริมทางเดินนี้ คืนนี้หากเขาไม่ได้พูดกับนางให้รู้เรื่อง เขาจะต้องบ้าอย่างแน่นอน ยิ่งเขาเห็นนางใกล้ชิดกับเจ้าคหบดีเสิ่นนั่นหัวใจของเขามันร้อนรุ่มอยากจะตรงไปกระชากนางให้ออกมาจากเจ้าหมอนั่น แต่คงจะทำอย่างนั้นต่อหน้าผู้อื่นมิได้ เขากลั้นใจอดทนไว้ ยิ่งนางมาหายไปที่ใดก็ไม่รู้กับเจ้าหมอนั่น คนที่เพิ่งพบกันเสียด้วยซ้ำ โดยไม่มาขออนุญาติเขาก่อนอีกด้วย หากแม่หลานสาวตัวดีมาถึงจวนเมื่อไหร่เขาจะคิดทบต้นทบดอกกับนางอย่างขั้นเด็ดขาดจนนางไปหาบุรุษที่ไหนอีกไม่ได้เลย เมื่ออยากจะได้สามีนัก เขาก็จะเป็นสามีใ
“ อ้าว !! นั่นคุณชายเสิ่นใช่หรือไม่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดกัน ไม่ได้พบกันเสียนาน ท่านพ่อบ่นคิดถึงท่านมาก หากว่างแล้วก็แวะไปหาท่านพ่อที่จวนบ้างนะเจ้าคะ ” คุณหนูเหลียนหันไปเห็นสหายรุ่นน้องของบิดา เขาแม้จะหนุ่มแน่นมีวัยมากกว่านางเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ก็เก่งกาจทางการค้าหาตัวจับยาก แม้แต่บิดาก็ชมเชยเขาอยู่บ่อยครั้ง คุณชายเสิ่นเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาเขายิ้มกว้างให้กับคุณหนูเหลียนซิงซิง แล้วหันไปคารวะท่านอ๋องกับพระชายาและทักทายแม่ทัพจางและหันมาจ้องมองคุณหนูต้วนเยว่ชิงอย่างพินิจและจ้องมองนางอย่างตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคร้ามคมของเขามีสีแดงระเรื่อเมื่อรู้สึกกว่าตนเองนั้นจ้องมองนางนานไปหน่อย “ คุณหนูผู้นี้มีนามว่าอะไร เราเคยพบกันหรือไม่ ” เขาถามนาง พร้อมกับสายตาที่เปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำยามจ้องมองใบหน้าหวานของเยว่ชิงอย่างพึงใจ เยว่ชิงยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร “ คงไม่เคยพบกันหรอกเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าต้วนเยว่ชิง เป็นบุตรสาวของรองแม่่ทัพต้วน แต่บิดาของข้าเสียชีวิตไปแล้ว ” นางบอกกับเขาไปตามตรง“ เจ้าพักอยู่ในเมืองหลวงนี้หรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบเจ้าเลย ” เขายังคงใคร่รู้เรื่องของนาง “ คุณชายเสิ่น ข้าคิดว่า
“ ขอบคุณท่านอามาก แต่ข้าขึ้นเองได้เจ้าค่ะ ” แล้วเย่ว์ชิงก็พยายามเดินขึ้นไปด้วยตนเอง นางไม่อยากจะให้มือของนางสัมผัสกับมือของเขา เพราะตอนนี้นางทำใจเรื่องของเขาได้มากแล้ว นางไม่อยากจะรื้อฟื้นความรู้สึกเจ็บปวดนั่นขึ้นมาอีก แม่ทัพหนุ่มรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่หลานสาวไม่ยอมส่งมือของนางมาวางบนมือของเขาเพื่อช่วยพยุงตัวของนางขึ้นไปบนรถม้า นางรังเกียจเขาถึงขนาดนี้เลยหรือ แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดขณะที่เขาเดินตามหลังนางเข้าไปนั่งในรถม้า และทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับนาง แต่แม่ทัพหนุ่มก็ไม่ปริปากอะไร เขาเพียงชำเลืองนางเล็กน้อยวันนี้นางงามมาก งามจนเขาตะลึง เขาแน่ใจมากว่านับจากวันนี้จวนแม่ทัพของเขาคงจะไม่ว่างเว้นจากแม่สื่ออย่างแน่นอน รถม้ายังคงแล่นไปเรื่อยๆ มุ่งตรงไปจวนคหบดีเหลียนที่อยู่ค่อนไปทางนอกเมืองเล็กน้อย เพราะจวนนี้เป็นจวนใหม่ที่สร้างขึ้นมาใหม่อีกหลังของเขา ที่หลังใหญ่กว่าเดิมพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิมมาก คุณหนูเหลียนบุตรสาวเพียงคนเดียวของเขามักจะใช้ที่นี่เป็นที่จัดงานเลี้ยงรื่นเริงเพราะบรรยากาศดี สวนกว้างขวางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามมากนั้น เหมาะแก่การจัดเลี้ยงในสวนทั้งยามบ่ายและยามค่ำคืนที่มองเห็น
เขาจึงได้ลุกออกไปเพื่อสอดส่องดูนางกับชายผู้นั้น แต่ไม่ได้เข้าไปในศาลา เพียงแอบมองอยู่ด้านนอก เพื่อจับผิดสตรีในศาลานั่นว่าทำตัวไม่เหมาะสมหรือไม่ ยิ่งเขาเห็นสายตาที่เจ้าหมอนั่นจ้องมองมาที่นี่นางมันดูแวววาวผิดปกติ หรือเจ้าหมอนั่นพึงใจนาง จึงได้หาเรื่องมาจ้างให้นางวาดภาพ จิตรกรอื่นก็มีออกจะมากมาย ใยจึงมาจ้างงานสตรีเช่นนางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร เขาพลันรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก อาชีพอื่นก็มีออกจะมากมาย และนางนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำงานเลี้ยงชีพอีกด้วย เขาเองก็พอมีเงินทองเลี้ยงดูนางให้สุขสบายไม่ต้องทำงานสิ่งใดทั้งสิ้นเพียงอยู่เป็นคุณหนูในจวนแม่ทัพเช่นนี้ ทำไมต้องทำงานหาเงินด้วย เขาเองก็ไม่เข้าใจนางนัก แต่คงจะต้องเรียกมาพูดกันให้รู้เรื่องว่านางทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เมื่อนางไม่ยอมเหยียบย่างมาที่เรือนของเขาเลย แม่ทัพหนุ่มจึงจำต้องไปหานางที่เรือนของนางแทน “ เยว่เอ๋อ เหตุใดถึงไม่ไปกินข้าวกับอาที่เรือน แล้วหมู่นี่เจ้าทำตัวแปลกๆไปนะ ทำไมไม่ไปที่เรือนของอาบ้าง หรือเคยทำสิ่งใดก็ทำไปจะมีใครกล้าปากมากมาว่าเจ้า หากผู้ใดในจวนนี้ว่ากล่าวเจ้าก็บอกอามา อาจะจัดการให้ ” เขาบอกกับนางเช่นนั้
แม้นางจะกลับมาเกิดใหม่แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกที่จะรักคนเดิม เยว่ชิงเดินเล่นอยู่ในสวนที่กว้างขวางของจวนแม่ทัพอย่างไม่มีจุดหมาย นางเดินไปเรื่อยๆ เพื่อครุ่นคิดทำใจเรื่องอดีตคนรักที่เขาเพิ่งบอกกับนางว่ากำลังจะหมั้นหมายกับสตรีอื่น เมื่อเดินวนเวียนอยู่ในสวนเพื่อครุ่นคิดทบทวนตัวเองจนคิดได้ และตกลงใจว่าจะเลิกทำตัววุ่นวายกับอดีตคนรักที่ปัจจุบันนางต้องยอมรับให้ได้ว่าเขาไม่ใช่คนรักของนางอีกต่อไปแล้ว และเมื่อเขาต้องการเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น นางควรจะส่งเสริมให้เขาได้ทำเช่นที่ใจของเขาต้องการ นางก็เคยพบสตรีคนนั้นที่ดูแล้วก็เป็นสตรีที่ทันสมัย ปราดเปรียวน่ารัก และนิสัยก็คงจะดีไม่น้อย เยว่ชิงยืนพิงก้อนหินก้อนใหญ่ที่ใช้ตกแต่งในสวนแห่งนี้ แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งพิงมันเอาไว้ แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างสุดที่จะกลั้นมันเอาไว้ นางอยากจะร้องไห้เสียให้พอ ร้องให้สาแก่ใจ เพื่อที่ต่อไปนางจะไม่ร้องไห้ให้กับอดีตคนรักที่ต่อไปนี้ไม่ใช่คนที่นางควรจะรักอีกแล้ว เยว่ชิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอยู่สองข้างแก้มแล้วก็พยายามหยุดสะอื้นไห้ นางคิดได้แล้ว ต่อไปนางจะทำตัวเสียใหม่ ทำตัวเป็นแค่หลานสาวในอุปการะของเ
หรือเมื่อวันใดที่เขาไม่ได้ออกไปทำงานนอกจวน นางก็จะทำอาหารหรือขนมหรือไม่ก็ผลไม้ที่เขาชื่นชอบยกมาให้เขาถึงที่ห้องหนังสือ หรือในห้องนั่งเล่นที่เขานั่งอยู่ พร้อมกับป้านน้ำชาที่นางรู้ว่าเขาชอบจิบมัน และนั่นทำให้เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบกันในหมู่สาวใช้และบ่าวบางคนว่าคุณหนูต้วนผู้นี้ทำตัวดังเช่นจะเข้ามาเป็นฮูหยินท่านแม่ทัพกระนั้น เพราะทุกคนต่างรู้ว่านางคือบุตรสาวของรองแม่ทัพต้วนที่หาชีวิตไม่แล้ว ทำให้ท่านแม่ทัพจางรับบุตรสาวของเขามาอุปการะ แต่คุณหนูต้วนที่ทั้งงดงามปานจะล่มเมืองและอยู่ในวัยสาวสะพรั่งก็ทำตัวรู้คุณเกินหน้าที่ คล้ายกับว่านางอยากจะขยับฐานะจากหลานสาวมาเป็นภรรยาของแม่ทัพจางกระนั้น นางปรนนิบัติใกล้ชิดเขาจนเกินงาม และแม่ทัพหนุ่มก็ได้ยินเสียงซุบซิบนั่น และเขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าหลานสาวนอกไส้ผู้นี้ทำตัวเกินเลยไปจนเป็นที่ครหาของคนในจวนแม่ทัพหนุ่่มนอนครุ่นคิดอยู่หลายคืน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบการปรนนิบัติเช่นนี้ของหลานสาว นางทำได้ดีไม่มีที่ติ และดูแลเขาดีมากอย่างที่ไม่เคยมีสตรีใดดูแลเขาได้ดีเช่นนี้มาก่อน และนางทำให้เขาคิดถึงอวี้ชางขึ้นมาจับใจ และเขาคงจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้แล้ว แม่ท
“ คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นแล้วหรือ ชุ่ยเอ๋อเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้วนะเจ้าค่ะ กำลังอุ่นพอดีเลย อาบน้ำกันเลยดีกว่านะเจ้าคะ จะได้รีบแต่งตัว รีบไปสถานศึกษากัน " ร่างอวบอิ่มงดงามของคุณหนูต้วนจึงได้ลุกจากเตียงอันแสนอุ่นของนาง แล้วก็เดินเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำแต่งกาย เตรียมตัวไปสถานศึกษาที่อีกไม่นานนางก็จะจบการศึกษาแล้วเหลือเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น การย้ายมาอยู่จวนแม่ทัพจางนี้ ทำให้นางไม่ต้องตื่นแต่เช้าเช่นเดิมนัก เพราะว่าสถานศึกษากับจวนแม่ทัพจางนั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก นางจึงไม่ต้องเร่งรีบดังเช่นเดิมอีก มีเวลาแต่งกายและกินอาหารตามสบายแล้วค่อยออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวนเพื่อไปยังสถานศึกษาเมื่ออาบน้ำแต่งกายจนเรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงก็กินอาหารเช้าที่เรือนเล็กของนาง โดยมีชุ่ยเอ๋อสาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากจวนของบิดาไปยกจากโรงครัวมาให้นาง ตอนเช้านางเร่งรีบจะไปสถานศึกษาจึงคิดว่าจะไม่แวะไปกินอาหารเช้ากับท่านอาหนุ่มหมาดๆของนาง แต่จะไปกินอาหารร่วมกับเขาที่เรือนในตอนเย็นแทนจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น พี่หย่งเล่อท่านรอข้าหน่อยนะ ข้าจะเรียนจบแล้ว และจะเกี้ยวท่านกลับมาเป็นคนรักของข้าให้ได้ แค่คิดถึงใ