วันนี้ทั้งวัน ต้นน้ำเหมือนคนทำงานเหมือนใจไม่อยู่กับตัว ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นหัวหน้าพยาบาล แต่ก็มีบางครั้งต้องทำงานร่วมกับหมอ หญิงสาวกำลังนึกว่าวันนี้เป็นวันศุกร์วันที่อนวินท์บอกว่าจะมาค้างที่บ้าน นึกแล้วใจเต้นแรง สองวันที่ผ่านมาเขาติดสัมมนาที่ในตัวเมืองกับคณะท่านผู้อำนวยการ จึงไม่ได้มาทานอาหารเย็น แต่เมื่อคืนหลังจากได้รับแมสเสจว่าชายหนุ่มกลับมาแล้ว ต้นน้ำก็เริ่มใจไม่อยู่กับตัว คิดไปต่างๆ นานาว่าเพื่อนร่วมงานจะว่ายังไงบ้าง หญิงสาวไม่อยากเป็นเป้าสายตาของผู้ร่วมงาน ดังนั้นวันนี้หญิงสาวรู้สึกทำงานแบบไม่ค่อยมีสมาธินัก ดีว่าคนไข้เยอะทำให้ลืมๆ ที่จะคิดกังวลไปบ้าง ตอนพักกลางวันทานข้าวกับพวกรุ่นน้องๆ ก็ได้ยินข่าวว่า รถของท่านผู้อำนวยการกลับมาแล้วตอนสายๆ แล้วตอนนี้ก็ประชุมกันอยู่ที่ห้องประชุมใหญ่ สาวๆ รุ่นน้องพยาบาลก็กรี๊ดกร๊าดหมอหนุ่มที่ย้ายเข้ามาใหม่ ต้นน้ำนึกหมั่นไส้อดีตสามีไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยังเสน่ห์แรงเสมอในกลุ่มพยาบาลสาว อาจเป็นเพราะถึงแม้จะย่างเข้าสามสิบกว่าๆ แต่หมอหนุ่มยังรักษาหุ่นให้เฟิร์มอยู่เสมอ สังเกตว่าเวลาผ่านไปเกือบห้าปีแต่ชายหนุ่มยังดูเหมือนเดิม อาจดูภูมิฐานมากกว่านายแพทย์จบใหม่เมื่อหลายปีก่อน คนไข้เริ่มบางตามากแล้วในห้องพักพยาบาลต้นน้ำกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานด้วยความเหนื่อยและเพลีย อาจเป็นเพราะหลังจากได้รับข้อความจากชายหนุ่มเมื่อคืน ทำให้เธอนอนไม่หลับ
“พี่น้ำไม่สบายเหรอ” ชมพู่ เพื่อนรุ่นน้องคนสนิท ยกแก้วชามาให้อย่างรู้ใจ “ดื่มชาร้อนๆพี่ เผื่อช่วย วันนี้คนไข้เยอะด้วย วันศุกร์ไงพี่” “อืม ขอบใจนะชมพู่ น่ารักกับพี่เสมอเลย” “โห เมื่อกี้นะ เดินผ่านห้องครัวเจอหมอที่มาแทนหมอสุชาตินะพี่ หมอไรนะเฟื่อง จำชื่อไม่ได้” ชมพู่ตะโกนถามเพื่อนพยาบาลรุ่นเดียวกัน “คุณหมออนวินท์ เลิศวสินไง ผู้อำนวยการสุดหล่อของเลิศวสิน กรุ๊ปไง หล่อ รวย โสด เออ เคยได้ยินว่าแกเคยแต่งงานนะกับพยาบาลด้วยสิ” ต้นน้ำสำลักน้ำชาทันทีที่ได้ยินเพื่อนรุ่นน้องพูดจบ อึก อึก อึก เสียงไอติดๆ กันทำให้ ชมพู่เข้ามาลูบหลัง หัวหน้าพยาบาลรุ่นพี่ทันที “ขอโทษจ๊ะ” “แหม พี่น้ำ เล่าถึงคุณหมอหนุ่มแล้วสำลักน้ำชาเชียวนะ” “เออ ขอโทษจ๊ะพี่คงรีบดื่มไปหน่อย” “เล่าต่อๆ เล่าต่อ เฟื่อง” “ฉันอ่านที่นิตยสารไรไม่รู้อ่ะ เขาว่าอาจารย์หมอวิชัย มีลูกสาวหนึ่งคน กับลูกชายคนนี้แหละ แต่ลูกสาวแต่งงานกับชาวต่างชาติไปแล้ว เลยมีแต่หมอวินท์นี่แหละ สืบทอดกิจการโรงพยาบาลแทน รู้สึกตอนหลังๆเขามีคลีนิคเสริมความงามอีกสองสามแห่งนะ เลิศวสินกรุ๊ปไง” “เคยเห็นโฆษณาทีวี จำได้ล่ะ” ชมพู่เอ่ยขึ้น “หล่อ เท่ห์ รวย ฝันของสาวๆ เออ แต่ไม่เคยเห็นภรรยาแกออกสื่อเลยนะ มีแต่หมออะไรนะ ที่แกควงตอนนี้อ่ะเฟื่อง จำได้ไหม เมื่อวันก่อนมีข่าวว่ากลับจากนอกด้วยกัน แสดงว่าแกเลิกกับเมียที่เป็นพยาบาลเหรอแก เล่าสิ ข่าววงในสุดๆ” “เขาว่าแกเลิกกับเมียจริงๆ หมอที่เป็นแฟนใหม่นะ ก็เท่ห์เลย ผมสั้นๆ ใส่แว่น เขาว่าหยิ่งมาก เป็นหมอสูติ ไงแกที่เขาว่าแกได้เกียรตินิยมตามๆ หมอวินท์มา จบที่เดียวกันด้วยนะ” เฟื่องฟ้ายังพูดต่อ ต้นน้ำฟัง เพื่อนรุ่นน้องสองคน พูดถึงอดีตสามีแล้วน้ำตาซึม “จริงสินะ เราคืออดีต” “พี่น้ำพูดว่าไงนะ” ชมพู่ถามเมื่อได้ยิน เพื่อนรุ่นพี่ละเมอเบาๆ “ไม่มีอะไร” “แกล่ะ เฟื่อง เคยเจอตัวจริงหรือยังหมอวินท์” “เคยสิ ได้คุยเมื่อตอนสายๆ ตอนเอาแฟ้มคนไข้ไปให้ พูดเพราะมากๆ” เฟื่องฟ้าเคลิ้ม จนเอามือประสานกัน หลับตาพริ้ม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อผู้ชายคนที่พวกเธอนินทากำลังเดินตรงเข้ามาในห้องพักพยาบาล ต้นน้ำนั่งหันหลังให้กับประตู ทำให้ไม่เห็นว่าสองสาวพยาบาลรุ่นน้องกำลังอ้าปากหวอ เมื่อบุคคลที่พวกเธอกำลังพูดถึง กำลังเดินตรงเข้ามาในห้องพักพยาบาลและตรงเข้ามาในกลุ่มที่พวกเธอนั่ง รอบๆ ห้องก็ยังมีพยาบาลอีกสองกลุ่มที่นั่งคุยกันทุกคนมองมาที่นายแพทย์หนุ่มกันเป็นจุดเดียว อนวินท์มองแผ่นหลังอดีตภรรยาก็จำได้ ไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนชายหนุ่มก็ไม่เคยลืม อนวินท์ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสองสาวทำท่าทางตกตะลึง “เป็นอะไรล่ะ เล่าต่อสิสาวๆ ถึงตรงไหนแล้ว” ต้นน้ำขำท่าทางของรุ่นน้อง “นึกถึงเจ้าชาย เจ้าชายก็มา” เฟื่องฟ้าทรุดตัวลงไปนั่งเก้าอี้ ตรงข้ามหัวหน้าพยาบาลรุ่นพี่ “พูดอะไรงง” “ขอโทษครับที่รบกวน น้ำ พี่ขอคุยด้วยหน่อย” อนวินท์ใช้สรรพนามที่คุ้นเคยทันที ท่ามกลางความตะลึงของพยาบาลรุ่นน้องทั้งสองคน ต้นน้ำเหลียวไปมองก็ต้องตกใจเมื่ออดีตสามี พ่อของลูกยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะที่เธอนั่งแค่หนึ่งไม้บรรทัด “เออ คือ ดิฉันไม่ว่างค่ะ กำลังจัดตารางเวร” ต้นน้ำเอื้อมมือไปเปิดสมุด ก่อนส่งสายตาเหมือนขอร้องให้ รุ่นน้องทั้งสองนั่งอยู่ก่อน ในขณะที่สองพยาบาลสาวยกมือไหว้แล้วเดินหลบไปอีกมุม อนวินท์โน้มตัวเข้าไปใกล้ จนต้นน้ำต้องเบนตัวเองออกด้วยความตกใจ “ตกลงจะไปคุยที่ห้องพี่ หรือน้ำอยากคุยตรงนี้เลือกเอา” ชายหนุ่มกัดฟันพูดเบาๆ “น้ำไม่ว่าง” ต้นน้ำกระซิบพูด “แล้วทำไมเมื่อกี้ยังว่างคุยเล่นกับสาวๆ พวกนั้น ตามพี่ไปคุยที่ห้อง หรือน้ำอยากให้ทุกคนที่นี่รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน ดีเหมือนกัน” อนวินท์วางมือที่พนักเก้าอี้แกล้งหญิงสาว ต้นน้ำสปริงตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินกระแทกส้นออกจากห้องพักพยาบาลทันที ท่ามกลางสายตาเกือบสิบกว่าคู่ที่มองตาม อนวินท์เดินตามภรรยาสาว แล้วนึกขำในความดื้อรั้นของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินขึ้นมาเคียงข้างในเวลาต่อมา “พี่มีเวลาคุยอีกห้านาที จะต้องเข้าห้องผ่าตัด” “จริงๆ คุยตรงนี้ก็ได้ ทำไมต้องเรื่องมากไปที่ห้องของคุณ” ต้นน้ำหันหน้ามาพูดน้ำเสียงห้วน “พี่ไม่ชอบคุยที่คนเยอะๆ หรือน้ำชอบ” อนวินท์จ้องหน้าภรรยาสาวระยะประชิด ต้นน้ำเชิดหน้า ก่อนกอดอกและหยุดยืน “พูดตรงนี้ก็ได้ ถ้าแค่ห้านาที” “โอเค” “จำได้ไหม ว่าคืนนี้พี่จะไปค้างที่บ้าน” “รู้แล้ว พูดแล้วพูดอีก ฉันไม่ใช่เด็กๆนะ” “อย่าแทนตัวเองว่า “ฉัน” อนวินท์เน้นคำพูดทีละคำ ใบหน้าดุ ชนิดที่ต้นน้ำเองก็เห็นไม่บ่อยครั้ง “ต้นน้ำ” “ค่ะ” “เดี๋ยวพี่มีผ่าตัดอีกเคสหนึ่ง แล้วเราจะไปรับน้องนนท์ที่โรงเรียนด้วยกัน พี่อยากไปรับลูก” “ทำไมต้องเรื่องมาก ไปเจอกันที่บ้านไม่ได้หรือไง ฉัน...เออ น้ำไม่...” “พี่ไม่ได้ถามความเห็น เพียงแค่มาบอก อยู่รอพี่ด้วย นี่เป็นคำสั่ง” อนวินท์พูดน้ำเสียงเข้ม แล้วเดินจากไป จึงไม่เห็นว่าอดีตภรรยาสาวเม้มริมฝีปากแน่นอย่างดื้อดึง “สั่ง สั่ง สั่ง นึกว่ากลัวนักหรือไง ถ้าไม่เพราะจอยนะ ไม่มีวันหรอกที่ฉันจะยอมคุณ” ต้นน้ำบ่นพึมพำ ก่อนรู้สึกหนักใจ ถ้าไปที่โรงเรียนอีกไม่นานคุณครูที่โรงเรียนก็ต้องรู้ พยาบาลสาวนึกหวั่นใจถ้าทุกคนที่นี่รู้ว่าเธอกับเขามีความสัมพันธ์กันเช่นใด สังคมบ้านนอกแบบนี้ทุกอย่างเร็วแค่พริบตา หญิงสาวไม่ชอบเป็นเป้าสายตาใคร และไม่ชอบเป็นขี้ปากคน นึกมาถึงตอนนี้แล้วต้นน้ำรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันควันโรงเรียนอนุบาลรุ่งอรุณ ต้นน้ำยืนอยู่ข้างๆ นายแพทย์อนวินท์ เด็กๆกำลังจะเลิกเรียน โรงเรียนเตรียมอนุบาลแห่งนี้อยู่ไม่ไกลมาก จากโรงพยาบาลทำให้สะดวกในการไปรับและมาส่ง ต้นน้ำน้ำตาซึมเมื่อมองเห็นท่าทางตื่นเต้นของลูกชายตัวน้อยที่มองมาจากที่นั่ง คุณครูกำลังจะปล่อยนักเรียน พยาบาลสาวมองเห็นลูกชายตัวน้อยกำลังซอยเท้าเหมือนกำลังตื่นเต้นเต็มที่ที่จะได้เจอพ่อ ผู้ชายที่ยืนข้างๆ นี้ พยาบาลรับรู้ถึงความอบอุ่นหญิงสาวเหลือบไปมอง เห็นนายแพทย์หนุ่มขยับแว่น หญิงสาวขนลุกเมื่อมองเห็นเหมือนอดีตสามีมีน้ำรื้นๆ อยู่ในดวงตา หญิงสาวยังแอบเห็นว่าชายหนุ่มกำมือแน่น แล้วเงยหน้าเหมือนต้องการทำการหยุดไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ต้นน้ำเหลียวไปมองอีกครั้งในห้องเรียนเห็นลูกชายตัวน้อยวิ่งตรงมาที่ตนเองและหมอหนุ่มยืนรอพร้อมอ้าแขนมาแต่ไกล “พ่อ พ่อฮะ พ่อ.....” น้องนนท์ร้องเรียกเสียงดัง จนต้นน้ำตกใจ อนวินท์ย่อตัวลงนั่งพร้อมกับอ้าแขนรับร่างเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาหาเหมือนคุ้นเคยกันนานปี ต้นน้ำเบือนหน้าหนีเมื่อน้ำตาหยดลงมา หญิงสาวรีบปาดน้ำตาทิ้ง “นนท์ ลูกพ่อ” อนวินท์อุ้มลูกชายพร้อมเหวี่ยงไปมาอย่างดีใจ “พ่อ พ่อ ....พ่อ” น้องนนท์
ต้นน้ำลอบมองนายแพทย์อนวินท์กำลังวิ่งเตะบอลกับลูกชาย นัยน์ตาเธอรื้นด้วยน้ำตา ภาพแบบนี้มันเคยอยู่ในความฝัน ภาพครอบครัวที่แม่ทำอาหาร พ่อและลูกชายวิ่งเล่นที่สนามหน้าบ้าน ใครจะเชื่อภาพฝันที่เคยอยู่ในภวังค์ความคิดเมื่อหลายปีก่อนวันนี้กลับเป็นภาพแห่งความจริงเสียงหัวเราะของเด็กชายนนทวัตรสลับกับเสียงหัวเราะของนายแพทย์อนวินท์ซึ่งน้อยครั้งจะมีคนได้ยินเพราะบุคลิกของหมอที่เคร่งขรึมและเอาจริงเอาจัง ตั้งแต่ชายหนุ่มอยู่มัธยมปลายจนกระทั่งเรียนจบยังเป็นภาพจำมิรู้ลืม แม้กระทั่งแต่งงานกันแล้วต้นน้ำจำได้ว่าก็ไม่บ่อยนักที่จะได้ยินชายหนุ่มหัวเราะเสียงแจ่มใสแบบนี้อาจเป็นเพราะภาระหน้าที่รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนเมื่อหลายปีก่อนงานค่อนข้างหนัก ตอนนี้ชายหนุ่มได้เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว เนื่องจากนายแพทย์เอกชัยได้เกษียณตัวเองเมื่อสองปีก่อนตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาวคนสนิท ต้นน้ำมองภาพนั้นหัวใจรู้สึกปวดร้าวขึ้นมา เมื่อนึกว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าถ้าชายหนุ่มต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ หญิงสาวไม่อยากนึกภาพว่าลูกชายตัวน้อยจะเศร้าใจเพียงไรยิ่งเห็นภาพความสุขของบุตรชายยิ่งทำให้พยาบาลสาวนึกหวั่
ทุ่มครึ่ง ต้นน้ำก้มมองนาฬิกาแล้วรู้สึกกระสับกระส่าย เมื่อนายแพทย์อนวินท์และลูกชายตัวน้อยมานั่งรอพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร สายตาของทั้งคู่จ้องมองมาที่เธอ “เออ ขอโทษนะคะ เรย์ยังมาไม่ถึง คุณ....เออ พี่หมอหิวก็ทานก่อนได้นะคะ” “พี่ไม่หิวมากหรอก รอได้แต่ลูกสิ” อนวินท์ตวัดสายตาไปที่เด็กชายตัวน้อยที่นั่งมองอาหารตาละห้อย “นนท์หิวครับ แม่น้ำ” “เออ งั้นทานเลยครับ แม่น้ำขอโทษ” ต้นน้ำตักข้าวใส่จานลูกแล้วป้อนข้าวลูกด้วยตัวเองนายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้ว แล้วพูดน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “นนท์ครับ โตแล้ว นนท์ควรหัดตักทานเองได้แล้วนะครับ ดูพ่อนี่” “เอ๊ะพี่หมอ ลูกของน้ำน้ำจะป้อนลูกพี่หมอมีปัญหาอะไร” พยาบาลสาวหงุดหงิด เมื่อเด็กชายนนท์วัตร พยายามจะใช้ช้อนตักเอง “ลูกจะสี่ขวบแล้ว น้ำควรเริ่มให้น้องนนท์เริ่มช่วยเหลือตัวเอง” “ลูกของน้ำ” “ลูกของพี่เหมือนกัน พี่มีสิทธิ์จะสอนเขาเท่าที่น้ำจะสอน เป็นลูกผู้ชายควรหัดช่วยเหลือตัวเอง” อนวินท์จ้องมองภรรยาสาว นัยน์ตาเอาจริงเอาจัง ตาจ้องตา ต้นน้ำยอมรับว่าคำสอนของชายหนุ่มก็มีส่วนถูก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยจะลองสอนแต่สุดท้ายเธอเลือกที่จะป้อนให้กับเด็กชายเอง เพราะรู้สึกมีความสุขทุกค
นี่ค่ะ ห้องพี่หมอ” ต้นน้ำเปิดประตูห้องพักแขกที่ดัดแปลงมาจากห้องเก็บของ มีเพียงเตียงเล็กๆ เป็นเตียงเดี่ยว จัดไว้อย่างเรียบร้อย “ไปกันเถอะเรย์ ไปห้องเรา” ต้นน้ำจับมือเพื่อนชายแน่น แล้วเดินออกจากห้องพักแขกอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำเดินนำ เพื่อนชายหนุ่มมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง และเปิดห้องเข้าไป ทั้งสองคนกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง “เดี๋ยว...” “พี่หมอต้องการอะไรอีกคะ” “พี่แค่ต้องการ เคลียร์บางอย่างกับน้ำก่อน” “อะไรคะ” “คุณนอนที่ไหน คุณเรย์” “เรย์ก็ต้องนอนกับน้ำสิ เราจดทะเบียนกันแล้ว น้ำบอกพี่หมอไปแล้วไงว่าน้ำมีสามีแล้ว” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงแข็ง “ตกลงคุณจะนอนห้องนี้กับสามีของคุณ” สรรพนามเริ่มเปลี่ยน ทำให้ต้นน้ำรู้ทันทีว่า นายแพทย์หนุ่มกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร เรย์ รัตนชาติ เริ่มอึดอัดกับภาวะระหว่างเราสามคน ตอนนี้ตนเองเริ่มรู้สึกว่ากำลังจะมีพายุลูกใหญ่กำลังซัดตัวเองด้วยเช่นกัน อนวินท์แทรกตัวผ่านคนสองคนเข้าไปอยู่ในห้องนอนของพยาบาลสาว ท่ามกลางความตกตะลึงของพยาบาลสาว และเพื่อนชายคนสนิท “พี่หมอเข้ามาห้องน้ำทำไม ออกไปสิ ห้องตัวเองอยู่ห้องโน้น” “ตกลงน้ำจะยืนยันว่า จะนอนห้องนี้กับสามีใช่ไหม”
1 มีนาคม 2011 รอยเท้าแรกของลูกชายของแม่น้ำ เก้าเดือนแห่งการรอคอย วันนี้ 13.25 นาฬิกา ที่รพ.พิงค์วราคม จ.เชียงใหม่ เด็กชายนนทวัตร พิพัฒนพงค์ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก แม่น้ำไม่รู้จะบรรยายว่ายังไง แต่แม่อยากบอกน้องนนท์ว่านนท์เกิดขึ้นมาจากความรักของพ่อและแม่ แม่รักน้องนนท์ตั้งแต่แรกเห็นมันเป็นความรักที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่สักวันถ้าน้องนนท์โตขึ้น แม่จะเอาให้น้องนนท์อ่านนะครับ สุดที่รักของ แม่น้ำ 1 มิถุนาคม 2011 น้องนนท์ของแม่น้ำ สามเดือนแล้วสิครับ คนเก่งของแม่ ยกศีรษะขึ้นจากเบาะ แล้วส่งเสียงได้แล้ว แม่น้ำดีใจจนน้ำตาไหล ลูกชายของแม่น้ำเก่งที่สุด อนวินท์ ดูรูปลูกชายในระยะวัยต่างๆ แทบทุกๆ สองเดือนและสามเดือน จะมีการอัพเดทรูปภาพและเขียนข้อความบรรยายภาพได้อย่างน่ารัก น้ำตาของอนวินท์หยดลงบนสมุดภาพด้วยความซาบซึ้งแล้วรู้สึกเสียดายเวลาเกือบสี่ปีกว่า ที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการต่างๆ พร้อมๆ กับภรรยาสาว มันช่างเป็นความรู้สึกเจ็บปวดมาก ชายหนุ่มปิดสมุดภาพแล้วปาดน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเหมือนหญิงสาวกำลังจะออกมา ต้นน้ำในชุดนอนสีขาวเป็นกระโปรงลูกไม้สีขาวหวาน หญิงสาวสวมทับเสื้อคลุมแน่น นัยน์ตามองไปที่นายแ
“ไอ้บ้า..ปล่อยนะ” เสียงของต้นน้ำบ่นพึมพำอยู่ในลำคอ อนวินท์ต้องการจะจูบลงโทษ แต่เหมือนน้ำมันมันใกล้ไฟ เหมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีก็ลุกโพลง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มลดระดับความรุนแรงลง ก่อนจะมาสะดุดเมื่อสัมผัสถึงหยาดน้ำตาที่เปียกแก้มของภรรยาสาว ต้นน้ำเมื่อดิ้นรนแล้วไม่ชนะ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลเพราะความเจ็บใจ อนวินท์หยุดชะงัก ก่อนจะหยุดรุกรานภรรยาสาวทันทีที่สัมผัสถึงหยาดน้ำตา “เอาล่ะ เป็นอันเข้าใจกันแล้วว่าเราต้องนอนด้วยกันในห้องนี้ แต่น้ำไม่ต้องกลัวว่าพี่จะทำอะไรพี่เป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจไหมพี่จะไปอาบน้ำก่อน แล้วอย่าออกจากห้องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นพรุ่งนี้เราคงต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมๆ กัน” “ไม่ต้องมาขู่” “น้ำก็รู้ว่าพี่ทำจริง” “คนใจร้าย” ต้นน้ำพูดเสียงกระแทก “ช่วยไม่ได้ น้ำบังคับให้พี่ทำแบบนี้เอง” อนวินท์พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ต้นน้ำมองตามนายแพทย์หนุ่ม ด้วยความอึดอัดใจ “นี่เราต้องนอนกับเขาทุกคืนเหรอเนี่ย ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้” ต้นน้ำปิดหน้า แล้วร้องไห้ด้วยความอึดอัดภายในใจหลายๆ เรื่อง แล้วรู้ว่าอนาคตอีกสามเดือนนี้คงเป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับเธอที่ต้องมาอยู่ในห้องนอนเดียวก
โรงพยาบาลพิงค์วราคม อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เฟื่องฟ้าตะลึงเมื่อเห็นรถรุ่นพี่พยาบาล แต่ขับโดยคุณหมอรูปหล่อที่กำลังฮอตในกลุ่มพยาบาลนับร้อยของโรงพยาบาลในตอนนี้ หญิงสาวสะกิดเพื่อนพยาบาลที่ร่วมเข้าเวรร่วมกัน “เฮ้ย ชมพู่ๆ นั่นรถพี่น้ำนี่แก ทำไมคุณหมออนวินท์ขับรถพี่น้ำอ่ะแก ใช่ไหม ฉันจำทะเบียนรถพี่น้ำได้เพราะมันเป็นวันเกิดน้องนนท์” “เออ ใช่จริงด้วย ทำไมหมอวินท์ขับรถพี่น้ำมาทำงาน แปลกจริง” อิ๋ว เพื่อนพยาบาลอีกคนที่เดินมาพร้อมๆ กัน รีบตอบ “ก็หมวินท์ยังไม่มีรถส่วนตัวใช้ บ้านพักหมอสุชาติ อยู่ใกล้บ้านพี่น้ำ คุณหมออาจไปยืมมาใช้ก่อน ไม่เห็นจะแปลก คุณหมออนวินท์ก็เหมือนเจ้านายของน้ำ” พยาบาลอิ๋ววิเคราะห์ ให้เพื่อนพยาบาลฟัง “อ๋อ แบบนี้เอง เฟื่องก็แค่สงสัย เห็นท่าทางที่ห้องพักพยาบาลเมื่อวาน” “เรื่องเป็นยังไงเล่าให้กันฟังบ้างสิ” อิ๋วพยาบาลที่ทำงานใกล้ชิดคุณหมออนวินท์ไต่ถามด้วยความอยากรู้ เธอก็เป็นคนหนึ่งที่นึกชอบหมอวินท์ตั้งแต่แรกพบอาจเป็นเพราะกริยาที่สุภาพ และความหล่อสไตล์หมอที่ทำให้พยาบาลสาวๆ เก็บเอามาเพ้อฝันโดยง่าย “เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะพี่อิ๋ว” เฟื่องฟ้าเล่าเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ “แหม นึ
“พี่หมอ ฟังก่อน” ต้นน้ำถอยหลังจน ร่างของเธอชนกับหัวเตียง ใบหน้าหญิงสาวหวาดกลัว “ไม่ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ฟังอะไรทั้งนั้น” อนวินท์กระแทกริมฝีปากลงบนริมฝีปากหญิงสาวแรง บดเบียดหนัก เม้มหนักหน่วง ต้นน้ำพยายามเบนหน้าหนี ยิ่งทำให้ชายหนุ่มซุกไซ้ที่ซอกคอขาว ตะบมจูบรุนแรง ก่อนจะเม้มหนักๆ ต้นน้ำน้ำตาไหลด้วยความโกรธ มือของหญิงสาวทั้งข่วนทั้งหยิก ชายหนุ่มหาได้สะทกสะท้านไม่ กลับยิ่งโหมกระหน่ำทั้งจูบ ทั้งเม้มกัดจนต้นน้ำรู้สึกเจ็บ แล้วเสียวซ่านไปทั่ว “ฉันเกลียดคุณ” ต้นน้ำพึมพำ กระแทกเสียงมือก็ยังทั้งผลัก ทั้งหยิก แต่ยิ่งหยิกยิ่งข่วน ชายหนุ่มยิ่งรุกเร้าหนักหน่วงจนต้นน้ำเจ็บระบมไปทั้งริมฝีปากและซอกคอ “พี่ชอบความเกลียดของน้ำ มันดีกว่าน้ำจะเย็นชากับพี่” อนวินท์กระซิบพูด พลางจูบระที่หน้าอกสวยบราเซียตัวสวยหลุดออกจากร่างกาย ไปตอนไหนไม่รู้ ต้นน้ำรู้สึกหนาวยะเยือก ก่อนจะร้อนผ่าวเมื่ออนวินท์ขยับมือประกบสองเต้าอวบ และเริ่มขยำหนักหน่วง ต้นน้ำเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง หญิงสาวขยับตัวจะหนีแต่ยิ่งเหมือนทำให้ชายหนุ่มบีบขยำหน้าอกสวยได้อย่างเต็มที่ “ไม่นะ..ปล่อยนะ” น้ำตาเหือดแห้งไปเพราะรู้สึกความร้อนผ่าวจากภายในกำล
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม