นี่ค่ะ ห้องพี่หมอ” ต้นน้ำเปิดประตูห้องพักแขกที่ดัดแปลงมาจากห้องเก็บของ มีเพียงเตียงเล็กๆ เป็นเตียงเดี่ยว จัดไว้อย่างเรียบร้อย
“ไปกันเถอะเรย์ ไปห้องเรา” ต้นน้ำจับมือเพื่อนชายแน่น แล้วเดินออกจากห้องพักแขกอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำเดินนำ เพื่อนชายหนุ่มมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง และเปิดห้องเข้าไป ทั้งสองคนกำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง “เดี๋ยว...” “พี่หมอต้องการอะไรอีกคะ” “พี่แค่ต้องการ เคลียร์บางอย่างกับน้ำก่อน” “อะไรคะ” “คุณนอนที่ไหน คุณเรย์” “เรย์ก็ต้องนอนกับน้ำสิ เราจดทะเบียนกันแล้ว น้ำบอกพี่หมอไปแล้วไงว่าน้ำมีสามีแล้ว” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงแข็ง “ตกลงคุณจะนอนห้องนี้กับสามีของคุณ” สรรพนามเริ่มเปลี่ยน ทำให้ต้นน้ำรู้ทันทีว่า นายแพทย์หนุ่มกำลังอยู่ในอารมณ์เช่นไร เรย์ รัตนชาติ เริ่มอึดอัดกับภาวะระหว่างเราสามคน ตอนนี้ตนเองเริ่มรู้สึกว่ากำลังจะมีพายุลูกใหญ่กำลังซัดตัวเองด้วยเช่นกัน อนวินท์แทรกตัวผ่านคนสองคนเข้าไปอยู่ในห้องนอนของพยาบาลสาว ท่ามกลางความตกตะลึงของพยาบาลสาว และเพื่อนชายคนสนิท “พี่หมอเข้ามาห้องน้ำทำไม ออกไปสิ ห้องตัวเองอยู่ห้องโน้น” “ตกลงน้ำจะยืนยันว่า จะนอนห้องนี้กับสามีใช่ไหม” ต้นน้ำเม้มริมฝีปากแน่น แล้วพูดน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ค่ะ” อนวินท์เดินกลับไปที่ห้องพร้อมหิ้วกระเป๋ามาวางไว้บนเตียงท่ามกลางสายตาของหญิงสาวและเพื่อนชายคนสนิทที่กำลังยืนงงอยู่ “พี่หมอทำอะไร ออกไปจากห้องน้ำนะ” ต้นน้ำเริ่มทำเสียงดัง “ก็คุณบอกว่าจะนอนห้องนี้กับสามี ผมนี่แหละสามีคุณ” อนวินท์ เปลี่ยนสรรพนามการพูด เมื่อเริ่มกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนที่อดีตภรรยาสาวบอกว่าจะนอนห้องเดียวกับเพื่อนชายคนสนิท ทำให้ชายหนุ่มรู้ทันทีว่า อารมณ์ที่ควบคุมไว้กำลังจะระเบิด “พี่หมอ คุณพูดอะไร คุณคืออดีตสามี สามีปัจจุบันของน้ำคือเรย์ เราจดทะเบียนกันแล้ว” ต้นน้ำเถียงเสียงเริ่มสั่น อนวินท์เหลียวมามองอดีตภรรยาสาวนัยน์ตาดุ “จะเป็นอดีตสามีได้ยังไง ในเมื่อเรายังไม่ได้หย่ากัน” “ไม่จริง น้ำเซ็นต์ใบหย่าให้พี่หมอไปแล้ว” “แต่พี่ไม่ได้เซ็นต์ เอกสารจะสมบูรณ์ได้ไง อยากเห็นเอกสารไหม นี่ไงพี่ให้แจนส่งมาให้” ต้นน้ำรับโทรศัพท์ของอดีตสามีแล้วก้มลงมอง ตัวเริ่มสั่น เมื่อเห็นสัญญาณอันตรายบางอย่าง “การแต่งงานของน้ำกับคุณเรย์ถือเป็นโมฆะ คุณเรย์ครับผมขอเวลาส่วนตัวคุยกับภรรยาของผม” อนวินท์เน้นคำว่า “ของผม” เสียงดัง “เออ ได้ครับ” “นี่ดึกมากแล้ว คุณค้างที่ห้องพักแขกของเราซักคืนนะครับ” นายแพทย์อนวินท์หันไปพูดกับเรย์ รัตนชาติ น้ำเสียงฉะฉาน “พี่หมอ จะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ต้นน้ำรู้สึกโกรธ “ก็น้ำบอกเองว่าจะนอนห้องนี้กับสามี พี่นี่แหละสามีของน้ำตัวจริง อย่านึกว่าพี่โง่การที่น้ำรีบจดทะเบียนกับเพื่อนเพราะรู้ว่าพี่มาทำงานที่โรงพยาบาลพิงค์วราคม จดวันเดียวกับที่เราพบกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แวว แถมคนที่โรงพยาบาลยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวหน้าพยาบาลมีแฟนแล้ว อย่างงี้จะให้พี่เชื่อหรือไงพี่ไม่ได้โง่นะ” “พี่หมอให้คนมาสืบเรื่องน้ำงั้นเหรอ” ต้นน้ำตวาดสามี เสียงแข็ง เรย์ รัตนชาติรีบปลีกตัวออกไป เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองกำลังเป็นส่วนเกิน ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าที่เพื่อนสาวเอามาวางไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า แล้วรีบปลีกตัวเองออกจากห้องทันที อนวินท์เดินไปล็อคประตูห้อง ต้นน้ำหันไปมองนายแพทย์หนุ่มแววตาขุ่นมัว “ฉันไม่ให้คุณนอนห้องนี้ เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว ตัดขาดกันไปตั้งนานแล้ว” “ช่วยไม่ได้ น้ำเป็นคนพูดเองว่าจะนอนห้องนี้กับสามี ตอนแรกพี่ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่เมื่อน้ำบีบให้พี่ทำพี่ก็ต้องทำ น้ำต้องอยู่ในห้องนี้นอนด้วยกันห้องนี้ตามที่น้ำบอก เพราะพี่ยังเป็นสามีน้ำอยู่” “ไม่ใช่” “ใช่ น้ำเถียงไม่ได้หรอก อยากดูทะเบียนสมรสก็ได้นะ พี่ให้แจนส่งไลน์มาแล้ว” “ไม่จริง” “จริง ตอนแรกพี่ตั้งใจว่าพี่จะค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับน้ำ เพื่อที่เราจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง พี่ไม่รู้หรอกนะว่าน้ำโกรธพี่เรื่องอะไร แล้วพี่ก็ขี้เกียจจะไปรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ให้มันปวดหัวอีก เดี๋ยวนี้ปัจจุบันนี้เรามีลูกที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ น้ำปฏิเสธข้อนี้ไม่ได้ ตอนแรกพี่ตั้งใจจะให้น้ำปรับตัวเพื่อให้พี่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของน้ำอีกครั้ง พี่ตั้งใจจะให้เวลาน้ำแต่น้ำบังคับพี่เอง เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปพี่จะนอนห้องนี้มาอยู่ที่บ้านนี้กับน้ำและลูก” “ไม่ได้ ฉันไม่ยอม” “ก็คอยดู ถ้าไม่อยากให้จอยเดือดร้อน” “อย่าเอาจอยมาขู่” “พี่ทำจริง พี่มีคลิป น้ำก็เคยเห็นนี่” “พี่หมอ” ต้นน้ำกระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด “พี่ตั้งใจจะให้เวลา ช่วยไม่ได้น้ำบังคับพี่เอง ในเมื่อน้ำโจมตีก่อนพี่ก็ต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง” “สิทธิ์อะไร” “สิทธิ์ของคนที่เป็นสามี และเป็นพ่อของลูกของน้ำ” “ถ้าน้ำไม่ยอม” “ก็ลองดู พรุ่งนี้ที่บ้านพิพัฒนพงค์คงได้ข่าวดีจากพี่ แล้วเราคงต้องกลับกรุงเทพฯเลยทันที แล้วจอยก็คงต้องเข้าคุกฐานลักทรัพย์” “พอ...พอซักที” ต้นน้ำปิดหู น้ำตาไหลด้วยความอัดอั้นใจ อนวินท์อึ้งเมื่อเห็นภรรยาสาวยืนร้องไห้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ “อย่าร้องไห้เลย เกมส์มันกำลังเริ่มแล้วตอนนี้พี่กำลังสนุกที่จะลงเล่นเกมส์นี้กับน้ำ” อนวินท์จับที่ต้นแขนภรรยาสาว ด้วยมือทั้งสองข้าง “ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อย” ต้นน้ำดิ้น ยิ่งเห็นภรรยาสาวแสดงอาการรังเกียจ ทำให้อนวินท์ที่เริ่มใจอ่อนเมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้เริ่มหงุดหงิด “ไม่ปล่อย จะทำไม” อนวินท์ ก้มหน้าเข้าไปใกล้ภรรยาสาวอย่างต้องการกวนอารมณ์ ต้นน้ำผลักแล้วยกมือขึ้นตบหน้านายแพทย์หนุ่มอย่างลืมตัว อนวินท์รู้สึกชาที่ใบหน้าแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาทันควันเมื่อเห็นกิริยาของภรรยาสาวเริ่มก้าวร้าวจนตนเองทนไม่ได้ ชายหนุ่มกระชากร่างบอบบางเข้ามาใกล้ แล้วก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากอย่างหนักหน่วง ต้นน้ำดิ้น ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งรู้สึกว่าอ้อมกอดของชายหนุ่มจะแน่นขึ้น อนวินท์บดริมปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากของหญิงสาวหนักหน่วงรุนแรง ทั้งกัดทั้งดูดจนตัวเองก็รู้สึกเจ็บชาๆ บริเวณริมฝีปาก ต้นน้ำหยิกและข่วนเมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มเริ่มรุกเร้าแรง “ไอ้บ้า..ปล่อยนะ” เสียงของต้นน้ำบ่นพึมพำอยู่ในลำคอ อนวินท์ต้องการจะจูบลงโทษ แต่เหมือนน้ำมันมันใกล้ไฟ เหมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีก็ลุกโพลง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มลดระดับความรุนแรงลง ก่อนจะมาสะดุดเมื่อสัมผัสถึงหยาดน้ำตาที่เปียกแก้มของภรรยาสาว ต้นน้ำเมื่อดิ้นรนแล้วไม่ชนะ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลเพราะความเจ็บใจ อนวินท์หยุดชะงัก ก่อนจะหยุดรุกรานภรรยาสาวทันทีที่สัมผัสถึงหยาดน้ำตา “เอาล่ะ เป็นอันเข้าใจกันแล้วว่าเราต้องนอนด้วยกันในห้องนี้ แต่น้ำไม่ต้องกลัวว่าพี่จะทำอะไรพี่เป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจไหมพี่จะไปอาบน้ำก่อน แล้วอย่าออกจากห้องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นพรุ่งนี้เราคงต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมๆ กัน” “ไม่ต้องมาขู่” “น้ำก็รู้ว่าพี่ทำจริง” “คนใจร้าย” ต้นน้ำพูดเสียงกระแทก “ช่วยไม่ได้ น้ำบังคับให้พี่ทำแบบนี้เอง” อนวินท์พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ต้นน้ำมองตามนายแพทย์หนุ่ม ด้วยความอึดอัดใจ “นี่เราต้องนอนกับเขาทุกคืนเหรอเนี่ย ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้” ต้นน้ำปิดหน้า แล้วร้องไห้ด้วยความอึดอัดภายในใจหลายๆ เรื่อง แล้วรู้ว่าอนาคตอีกสามเดือนนี้คงเป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับเธอที่ต้องมาอยู่ในห้องนอนเดียวกันกับผู้ชายเพียงคนเดียวที่มีอิทธิพลในหัวใจของเธอ อนวินท์อาบน้ำเสร็จ สวมชุดนอนสีขาว ออกมาจากห้องน้ำนายแพทย์หนุ่มยืนมองภรรยาสาวที่นั่งนิ่ง ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาด้วยแววตาเศร้า นี่ใช่ไหมการที่ทำให้คนที่เรารักเจ็บปวดเหมือนความเจ็บปวดมันก็ย้อนกลับมาหาเราร้อยเท่าพันเท่า อนวินท์เม้มริมฝีปากพร้อมๆกับเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ที่คอซับที่ใบหน้าอีกครั้ง ต้นน้ำหันไปมองชายหนุ่มแล้วเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกทั้งเสียใจ เจ็บปวด และเจ็บใจ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมยังต้องมาติดบ่วงที่ตัวเองผูกขึ้นมาเอง นึกถึงว่าต้องอยู่กับคนที่เคยรักและแม้ตอนที่คิดว่าตนเองเกลียดที่สุดมันก็ยังมีความรักปนอยู่ด้วยคิดแล้วต้นน้ำก็ปวดหัวจี๊ด “พี่ว่าน้ำควรไปอาบน้ำนอนได้แล้ว ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วยังต้องมารบกับพี่อีก” อนวินท์พูดน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ต้องมายุ่ง จะอาบหรือไม่อาบมันเรื่องของฉัน...เออ ของน้ำ” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงแข็ง แต่เมื่อมองใบหน้าของอนวินท์แล้วจึงไม่อาจจะใช้สรรพนามห่างเหินได้ “ถ้าน้ำไม่ไปอาบ พี่จะอาบให้เอาไหม” อนวินท์ก้าวเข้ามาใกล้ๆ ต้นน้ำเม้มปาก แล้วรีบวิ่งไปอีกมุมห้อง “ไม่ต้อง ฉัน...เออ น้ำอาบเองได้ คุณจะไปไหนก็ไปเลย” ต้นน้ำทำเสียงแข็งแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว อนวินท์มานั่งที่ปลายเตียงที่เดียวกับที่หญิงสาวนั่ง ยังรับรู้ของความอุ่นและได้กลิ่นเหมือนกลิ่นกายหอมๆ ของภรรยาสาว นายแพทย์หนุ่มหลับตาแล้วสูดดมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคย แล้วรำพึงเบาๆ อย่างอ่อนใจ “พี่จะต้องทำยังไง น้ำถึงจะกลับมารักพี่เหมือนเดิม” น้ำเสียงอนวินท์อ่อนล้า ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนเหลือบไปเห็นแฟ้มรูปภาพ อนวินท์สปริงตัวลุกขึ้นไปหยิบขึ้นมาก่อนจะเปิดดูทีละหน้าทีละหน้าด้วยความซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ1 มีนาคม 2011 รอยเท้าแรกของลูกชายของแม่น้ำ เก้าเดือนแห่งการรอคอย วันนี้ 13.25 นาฬิกา ที่รพ.พิงค์วราคม จ.เชียงใหม่ เด็กชายนนทวัตร พิพัฒนพงค์ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก แม่น้ำไม่รู้จะบรรยายว่ายังไง แต่แม่อยากบอกน้องนนท์ว่านนท์เกิดขึ้นมาจากความรักของพ่อและแม่ แม่รักน้องนนท์ตั้งแต่แรกเห็นมันเป็นความรักที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่สักวันถ้าน้องนนท์โตขึ้น แม่จะเอาให้น้องนนท์อ่านนะครับ สุดที่รักของ แม่น้ำ 1 มิถุนาคม 2011 น้องนนท์ของแม่น้ำ สามเดือนแล้วสิครับ คนเก่งของแม่ ยกศีรษะขึ้นจากเบาะ แล้วส่งเสียงได้แล้ว แม่น้ำดีใจจนน้ำตาไหล ลูกชายของแม่น้ำเก่งที่สุด อนวินท์ ดูรูปลูกชายในระยะวัยต่างๆ แทบทุกๆ สองเดือนและสามเดือน จะมีการอัพเดทรูปภาพและเขียนข้อความบรรยายภาพได้อย่างน่ารัก น้ำตาของอนวินท์หยดลงบนสมุดภาพด้วยความซาบซึ้งแล้วรู้สึกเสียดายเวลาเกือบสี่ปีกว่า ที่ไม่ได้เห็นพัฒนาการต่างๆ พร้อมๆ กับภรรยาสาว มันช่างเป็นความรู้สึกเจ็บปวดมาก ชายหนุ่มปิดสมุดภาพแล้วปาดน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเหมือนหญิงสาวกำลังจะออกมา ต้นน้ำในชุดนอนสีขาวเป็นกระโปรงลูกไม้สีขาวหวาน หญิงสาวสวมทับเสื้อคลุมแน่น นัยน์ตามองไปที่นายแ
“ไอ้บ้า..ปล่อยนะ” เสียงของต้นน้ำบ่นพึมพำอยู่ในลำคอ อนวินท์ต้องการจะจูบลงโทษ แต่เหมือนน้ำมันมันใกล้ไฟ เหมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีก็ลุกโพลง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มลดระดับความรุนแรงลง ก่อนจะมาสะดุดเมื่อสัมผัสถึงหยาดน้ำตาที่เปียกแก้มของภรรยาสาว ต้นน้ำเมื่อดิ้นรนแล้วไม่ชนะ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลเพราะความเจ็บใจ อนวินท์หยุดชะงัก ก่อนจะหยุดรุกรานภรรยาสาวทันทีที่สัมผัสถึงหยาดน้ำตา “เอาล่ะ เป็นอันเข้าใจกันแล้วว่าเราต้องนอนด้วยกันในห้องนี้ แต่น้ำไม่ต้องกลัวว่าพี่จะทำอะไรพี่เป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจไหมพี่จะไปอาบน้ำก่อน แล้วอย่าออกจากห้องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นพรุ่งนี้เราคงต้องกลับกรุงเทพฯ พร้อมๆ กัน” “ไม่ต้องมาขู่” “น้ำก็รู้ว่าพี่ทำจริง” “คนใจร้าย” ต้นน้ำพูดเสียงกระแทก “ช่วยไม่ได้ น้ำบังคับให้พี่ทำแบบนี้เอง” อนวินท์พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ต้นน้ำมองตามนายแพทย์หนุ่ม ด้วยความอึดอัดใจ “นี่เราต้องนอนกับเขาทุกคืนเหรอเนี่ย ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้” ต้นน้ำปิดหน้า แล้วร้องไห้ด้วยความอึดอัดภายในใจหลายๆ เรื่อง แล้วรู้ว่าอนาคตอีกสามเดือนนี้คงเป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับเธอที่ต้องมาอยู่ในห้องนอนเดียวก
โรงพยาบาลพิงค์วราคม อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เฟื่องฟ้าตะลึงเมื่อเห็นรถรุ่นพี่พยาบาล แต่ขับโดยคุณหมอรูปหล่อที่กำลังฮอตในกลุ่มพยาบาลนับร้อยของโรงพยาบาลในตอนนี้ หญิงสาวสะกิดเพื่อนพยาบาลที่ร่วมเข้าเวรร่วมกัน “เฮ้ย ชมพู่ๆ นั่นรถพี่น้ำนี่แก ทำไมคุณหมออนวินท์ขับรถพี่น้ำอ่ะแก ใช่ไหม ฉันจำทะเบียนรถพี่น้ำได้เพราะมันเป็นวันเกิดน้องนนท์” “เออ ใช่จริงด้วย ทำไมหมอวินท์ขับรถพี่น้ำมาทำงาน แปลกจริง” อิ๋ว เพื่อนพยาบาลอีกคนที่เดินมาพร้อมๆ กัน รีบตอบ “ก็หมวินท์ยังไม่มีรถส่วนตัวใช้ บ้านพักหมอสุชาติ อยู่ใกล้บ้านพี่น้ำ คุณหมออาจไปยืมมาใช้ก่อน ไม่เห็นจะแปลก คุณหมออนวินท์ก็เหมือนเจ้านายของน้ำ” พยาบาลอิ๋ววิเคราะห์ ให้เพื่อนพยาบาลฟัง “อ๋อ แบบนี้เอง เฟื่องก็แค่สงสัย เห็นท่าทางที่ห้องพักพยาบาลเมื่อวาน” “เรื่องเป็นยังไงเล่าให้กันฟังบ้างสิ” อิ๋วพยาบาลที่ทำงานใกล้ชิดคุณหมออนวินท์ไต่ถามด้วยความอยากรู้ เธอก็เป็นคนหนึ่งที่นึกชอบหมอวินท์ตั้งแต่แรกพบอาจเป็นเพราะกริยาที่สุภาพ และความหล่อสไตล์หมอที่ทำให้พยาบาลสาวๆ เก็บเอามาเพ้อฝันโดยง่าย “เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะพี่อิ๋ว” เฟื่องฟ้าเล่าเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ “แหม นึ
“พี่หมอ ฟังก่อน” ต้นน้ำถอยหลังจน ร่างของเธอชนกับหัวเตียง ใบหน้าหญิงสาวหวาดกลัว “ไม่ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ฟังอะไรทั้งนั้น” อนวินท์กระแทกริมฝีปากลงบนริมฝีปากหญิงสาวแรง บดเบียดหนัก เม้มหนักหน่วง ต้นน้ำพยายามเบนหน้าหนี ยิ่งทำให้ชายหนุ่มซุกไซ้ที่ซอกคอขาว ตะบมจูบรุนแรง ก่อนจะเม้มหนักๆ ต้นน้ำน้ำตาไหลด้วยความโกรธ มือของหญิงสาวทั้งข่วนทั้งหยิก ชายหนุ่มหาได้สะทกสะท้านไม่ กลับยิ่งโหมกระหน่ำทั้งจูบ ทั้งเม้มกัดจนต้นน้ำรู้สึกเจ็บ แล้วเสียวซ่านไปทั่ว “ฉันเกลียดคุณ” ต้นน้ำพึมพำ กระแทกเสียงมือก็ยังทั้งผลัก ทั้งหยิก แต่ยิ่งหยิกยิ่งข่วน ชายหนุ่มยิ่งรุกเร้าหนักหน่วงจนต้นน้ำเจ็บระบมไปทั้งริมฝีปากและซอกคอ “พี่ชอบความเกลียดของน้ำ มันดีกว่าน้ำจะเย็นชากับพี่” อนวินท์กระซิบพูด พลางจูบระที่หน้าอกสวยบราเซียตัวสวยหลุดออกจากร่างกาย ไปตอนไหนไม่รู้ ต้นน้ำรู้สึกหนาวยะเยือก ก่อนจะร้อนผ่าวเมื่ออนวินท์ขยับมือประกบสองเต้าอวบ และเริ่มขยำหนักหน่วง ต้นน้ำเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง หญิงสาวขยับตัวจะหนีแต่ยิ่งเหมือนทำให้ชายหนุ่มบีบขยำหน้าอกสวยได้อย่างเต็มที่ “ไม่นะ..ปล่อยนะ” น้ำตาเหือดแห้งไปเพราะรู้สึกความร้อนผ่าวจากภายในกำล
หน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงภาพพิศวาสที่ผ่านมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อน จำได้ว่ากว่าจะได้หลับ ชายหนุ่มเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า จนนับไม่ไหว ต้นน้ำพยายามดึงท่อนขาเบาๆ แต่ดึงมาได้นิดเดียว ก็ต้องถูกหนีบกลับไป หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง เห็นอนวินท์ก้มลงมา ยิ้มทั้งตาและปาก “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ ภรรยาคนสวย” ต้นน้ำค้อนเบาๆ “ปล่อยน้ำนะ ตัวหนักอย่างกับอะไร” “ไม่ปล่อย จะนอนแบบนี้” “ไม่ได้นะ น้ำมีเรื่องต้องทำ” “ทำอะไร วันนี้วันอาทิตย์” “จะไปซักผ้า” “ไม่ให้ไป..ไม่ซักผ้าสักวันคงไม่เป็นอะไรหรอก” “เอ๊ะ...” “พี่ยังไม่หายโกรธนะเรื่องเมื่อวาน” “ช่างคุณสิ” ต้นน้ำเถียง แล้วรู้สึกอึดอัดเมื่ออ้อมกอดของชายหนุ่มแน่นขึ้น “เจ็บนะ คนบ้า” “ก็อยู่นิ่งๆ สิ แล้วจะไม่เจ็บ” “จะทำอะไรอีก” ต้นน้ำตกใจ เมื่ออนวินท์ก้มลงมาหา “อยากรักเมียตอนเช้า” “ไม่นะ” “ห้ามไม่ได้หรอก บอกแล้วไง น้ำต้องชดใช้เวลาที่ทอดทิ้งพี่ไปให้พี่ตายอดตายอยาก” อนวินท์ใช้จมูกตัวเองถูจมูกหญิงสาวไป มา เบาๆ “เอ๊ะ...ไม่นะ” พูดได้แค่นั้น ริมฝีปากของหญิงสาวก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของชายหนุ่ม ก่อนที่กระบวนการทางธรรมชาติ จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เสียงเคาะประตู ก่อนร่างของ
สวนสัตว์เชียงใหม่ อนวินท์แอบลอบมองภรรยาสาวแล้วนึกขำที่หญิงสาวนั่งกอดอกเกือบตลอดทาง ก่อนจะหันไปยิ้มให้เด็กชายนนทวัตรที่นอนดูดนม อนวินท์ต้องการให้ลูกชายเป็นระเบียบจึงจัดให้ไปนั่งด้านหลัง ตอนแรกเด็กชายแอบมีงอแง แต่อนวินท์ก็มีมาตรการกำหราบโดยที่เด็กชายทำตามแต่โดยดี ต้นน้ำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ปกติน้องนนท์จะไม่ยอมอะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้สิ่งที่ตนเองปรารถนา ต้นน้ำมีลูกชายเพียงคนเดียวดังนั้นอะไรที่เด็กชายต้องการ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงต้นน้ำก็พร้อมจะทำตามใจลูกชายตัวน้อยอย่างเต็มที่ ดังนั้นหญิงสาวมักจะเห็นเด็กชายจะร้องไห้จนกว่าจะได้สิ่งที่พอใจ ต้นน้ำจึงแปลกใจแค่อนวินท์พูดแค่สองสามประโยค เด็กชายก็ยอมไปนั่งที่ที่นั่งเด็กอย่างโดยดี แถมยังชอบอีกด้วย “น้ำหิวไหมไม่ได้ทานอะไรเลย พี่กับน้องนนท์รองท้องกันบ้างแล้ว” ต้นน้ำนิ่งเงียบทำเสมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด อนวินท์แกล้งเลี้ยวรถแล้วโน้มตัวมาใกล้ ต้นน้ำหันไป หมายจะด่าแต่ก็อึ้งเมื่อใบหน้าของเขาและเธอห่างกันนิดเดียว ในขณะที่รถติดสัญญาณไฟแดง “พี่ถาม ได้ยินไหมครับ” อนวินท์กระซิบถาม ตาจ้องหน้าภรรยาสาว แววตาส่งความหมายพิเศษ ต้นน้ำนั่งนิ่ง รีบหลบตาหญิงส
“ทำไมจะทานไม่หมด หิวจะแย่” ต้นน้ำเถียงทันควัน “ถ้าทานหมดก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าทานไม่หมดจะโดนลงโทษ” “ลงโทษอะไร” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม “กลับถึงบ้านแล้วจะบอก” อนวินท์ยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่เด็กชายนนท์วัตรตื่นเพราะเสียงกระดิ่งที่ดังมาจากวัดที่ห่างไปไม่ไกลจากร้านอาหารนัก อนวินท์ก้มลงจูบที่แก้มป่องๆของลูกชายอย่างสุดรัก เมื่อเด็กชายชี้ให้ดูนกที่กำลังเกาะอยู่บนต้นไม้แววตาสดใส มือข้างหนึ่งของเด็กชายคล้องที่คอ อนวินท์รู้สึกถึงความอบอุ่น แบบนี้นี่เองความรักแบบไม่มีเงื่อนไขไม่ต้องการเวลา มันมาจากความรู้สึก ต้นน้ำเองก็ตะลึงกับภาพนั้นเหมือนความสัมพันธ์พ่อลูกจะก่อเกิดอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวเองนึกหวั่นว่าถ้าเกิดวันใดที่ชายหนุ่มต้องจากไป ลูกชายตัวน้อยของเธอจะเป็นเช่นไร “นี่น้ำถ่ายรูปให้หน่อยสิ พี่ยังไม่เคยมีรูปกับน้องนนท์เลย” อนวินท์ส่งมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดให้เด็กชายนนท์วัตรพอเห็นแม่ถือมือถือ และเมื่อชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู เด็กชายตัวน้อยก็โผเข้ากอดมันช่างเป็นภาพที่อบอุ่นและน่าประทับใจ ต้นน้ำน้ำตารื้นที่เห็นลูกชายตัวน้อยแสดงถึงความรักต่อชายหนุ่มอย่างไร้เดียงสา ต้นน้ำถ่ายอยู่สองสามภาพ ก่อนที่จะตกใจเม
ก๊อกๆ “เชิญครับ” นายแพทย์ภัทรเงยหน้าจากแฟ้มคนป่วย จ้องมองคนที่เข้ามา อย่างรีบร้อนด้วยความสงสัย “นี่ภัทรนายเห็นรูปนี้หรือยัง รู้ไหมไอ้เด็กนี่ใคร ทำไมหน้าเหมือนวินท์จัง” แพทย์หญิงนิภาถามเสียงแหลม ภัทรยื่นมือรับโทรศัพท์ไป ก่อนจ้องมองรูปนั้นแล้วยักไหล่ “โน ไอเดีย ไม่รู้สิ” “บ้า นายสนิทกับหมอวินท์ ทำไมจะไม่รู้ว่าเป็นใคร บอกมานะ” “เฮ้ย ไม่รู้จริงๆ นี่นิถ้าอยากรู้ก็ถามวินท์เอาเอง เราไม่ใช่วินท์ ตอบไม่ได้หรอกนะ” “รู้ไหม หมอวินท์ไปเป็นหมอแลกเปลี่ยนนานแค่ไหน” “เท่าที่รู้สามเดือน” “จะบ้าตาย งานที่นี่ก็ล้นมืออยู่แล้ว หมอวินท์คิดอะไรของเขานะ” “เออ ใช่สิ คลินิกที่เซ็นทรัลเฟสติเวล เมื่อไหร่นะ” แพทย์หญิงนิภาตาโต เมื่อนึกออกว่ากำลังจะมีงานเปิดคลินิกสาขาใหม่ที่เชียงใหม่ “ก็ไหน เดือนก่อนบอกว่าไม่อยากไปไง” “ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว บอกให้เลขานายจองเครื่องให้เราด้วย เราจะไปหาคำตอบนี้ด้วยตัวเอง” แพทย์หญิงนิภาจิกสายตา ก่อนจะสะบัดตัวออกจากห้องไป จึงไม่เห็นว่าภัทรส่ายหน้าอย่างกำลังเอือมพฤติกรรมที่เอาแต่ใจของอีกฝ่ายอย่างมาก แพทย์หญิงนิภากระแทกเท้า เดินกลับห้อง กระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด “
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม