โรงพยาบาลพิงค์วราคม อ.หางดง จ.เชียงใหม่
เฟื่องฟ้าตะลึงเมื่อเห็นรถรุ่นพี่พยาบาล แต่ขับโดยคุณหมอรูปหล่อที่กำลังฮอตในกลุ่มพยาบาลนับร้อยของโรงพยาบาลในตอนนี้ หญิงสาวสะกิดเพื่อนพยาบาลที่ร่วมเข้าเวรร่วมกัน “เฮ้ย ชมพู่ๆ นั่นรถพี่น้ำนี่แก ทำไมคุณหมออนวินท์ขับรถพี่น้ำอ่ะแก ใช่ไหม ฉันจำทะเบียนรถพี่น้ำได้เพราะมันเป็นวันเกิดน้องนนท์” “เออ ใช่จริงด้วย ทำไมหมอวินท์ขับรถพี่น้ำมาทำงาน แปลกจริง” อิ๋ว เพื่อนพยาบาลอีกคนที่เดินมาพร้อมๆ กัน รีบตอบ “ก็หมวินท์ยังไม่มีรถส่วนตัวใช้ บ้านพักหมอสุชาติ อยู่ใกล้บ้านพี่น้ำ คุณหมออาจไปยืมมาใช้ก่อน ไม่เห็นจะแปลก คุณหมออนวินท์ก็เหมือนเจ้านายของน้ำ” พยาบาลอิ๋ววิเคราะห์ ให้เพื่อนพยาบาลฟัง “อ๋อ แบบนี้เอง เฟื่องก็แค่สงสัย เห็นท่าทางที่ห้องพักพยาบาลเมื่อวาน” “เรื่องเป็นยังไงเล่าให้กันฟังบ้างสิ” อิ๋วพยาบาลที่ทำงานใกล้ชิดคุณหมออนวินท์ไต่ถามด้วยความอยากรู้ เธอก็เป็นคนหนึ่งที่นึกชอบหมอวินท์ตั้งแต่แรกพบอาจเป็นเพราะกริยาที่สุภาพ และความหล่อสไตล์หมอที่ทำให้พยาบาลสาวๆ เก็บเอามาเพ้อฝันโดยง่าย “เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะพี่อิ๋ว” เฟื่องฟ้าเล่าเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ “แหม นึกว่าคุณหมออนวินท์มาปิ๊งเพื่อนเราซะแล้ว หมดสิทธิ์ลุ้นเลยเรา” พยาบาลอิ๋ว ถอนหายใจยาว ด้วยความโล่งอก ก่อนที่ พยาบาลทั้งสาม จะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อนวินท์กลับมาที่บ้าน บ่ายสี่โมง ก็ต้องแปลกใจเพราะบ้านเงียบผิดปกติ ชายหนุ่มตะโกนเรียกเสียงดังสักพัก สมศรีก็วิ่งเข้ามา “ทำไมบ้านเงียบจัง ไปไหนกันหมด” “ไปในเมืองเจ้า พ่อนาย” สมศรีพูดภาษาเหนือตอบ “ไปทำไมในเมืองรู้ไหม เมื่อไหร่กลับ” “บ่อฮู้เจ้า แม่นายบอกหื้อข้าเจ้าอุ่นกับข้าวหื้อพ่อนายเจ้า” สมศรีตอบเป็นภาษาพื้นเมือง “เธอกลับเถอะ ฉันไม่หิว ฉันจะรอกินพร้อมกับแม่นายของเธอ” อนวินท์นึกโมโหภรรยาสาว “จะไปไหนทำไมไม่บอก โทรศัพท์ก็มี” อนวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับจิ้มโทรหาภรรยาสาวทันที ต้นน้ำนั่งมองเด็กชายนนท์ วิ่งเล่นที่บ้านบอล ท่าทางสนุกสนาน แล้วยิ้ม เรย์ รัตน์ชาติ สะกิดที่มือของหญิงสาว “น้ำ โทรศัพท์แกดังไม่ได้ยินหรือไง” “ช่างมัน ไม่สำคัญหรอก” “เฮ้ย พี่หมอแกอาจโทรหานะ รับสิ” “ไม่!! ไปดูหนังกันเถอะเรย์ การ์ตูนเรื่องนี้สนุกมาก” “น้ำ...นี่จะไปดูหนังเหรอ ห้าโมงแล้วนะแก” “ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน ไปเถอะเรย์ เสร็จแล้วจะไปส่งนายทำเลเซอร์หน้า แล้วก็ไปกินอาหารญี่ปุ่นกันฉันเลี้ยงเอง” “น้ำ....แกตีรวนไม่อยากกลับบ้านใช่ไหม แกกลัวจะได้เจอพี่หมอของแกหรือยังไง” “นี่เรย์ จะไปไหม” “เออ ไปก็ได้ แต่คืนนี้ฉันกลับไปนอนคอนโดฯ นะแก ไม่นอนบ้านแกเด็ดขาด” “อืม...ไปส่งที่บ้านก็พอ” ต้นน้ำหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาปิด เมื่อรู้สึกว่าเสียงมันจะดังติดๆ กัน หลายครั้งจนน่ารำคาญ ในขณะที่ปลายสาย แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เมื่อมีสัญญาณว่าไม่สามารถติดต่อได้ “นี่ปิดเครื่องงั้นเหรอ น้ำนะน้ำ คอยดูกลับมาเห็นดีกันแน่” อนวินท์ขว้างโทรศัพท์ลงโซฟาด้วยความโกรธ สี่ทุ่ม เรย์ รัตนชาติ ขับรถมาส่งเพื่อนสาวคนสนิท เมื่อรถจอดหน้าบ้าน ชายหนุ่มก็อุ้มเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะส่งให้เพื่อนสาวทันที “ขอให้แกโชคดีนะน้ำ ฉันล่ะเสียวแทนแกจริงๆ” เรย์ รัตน์ชาติมองไปทางห้องของหญิงสาว ที่เปิดไฟสลัวไว้แสดงว่ามีคนอยู่ในห้องนั้น ต้นน้ำเหลียวตามสายตาของเพื่อน หญิงสาวรู้สึกหวิวๆ เหมือนกัน แต่พยายามใจแข็ง “กลับไปได้แล้วเรย์ ขอบคุณมากนะที่วันนี้อยู่เป็นเพื่อนทั้งวัน” “น้ำ ฉันไปก่อนะโชคดีเพื่อน” เรย์ รัตน์ชาติโบกมือแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำอุ้มน้องนนท์ เข้าไปในห้องนอน หญิงสาวเปลี่ยนชุดนอนให้ลูกชาย ก่อนจะหอมแก้มห่มผ้าห่มแล้วเดินออกจากห้องลูก หญิงสาวมาหยุดที่หน้าห้องตัวเอง มือจะคว้าลูกบิด ก่อนจะปล่อยมือลง หมุนตัวไปมาก่อนจะทำใจแข็ง “ทำไมต้องกลัวเขาด้วย เราเป็นเจ้าของบ้านเขาแค่คนอาศัย ไม่สิ ต้องไม่กลัวสิต้นน้ำ เข้มแข็งสิน้ำ เข้มแข็ง” หญิงสาวภาวนาไปมา หญิงสาว เอามือจับลูกบิดแต่ต้องสะดุ้ง เมื่อประตูเปิดออกมา ต้นน้ำตะลึงด้วยความตกใจเมื่อคนที่เปิดมาก่อนคือนายแพทย์อนวินท์ หญิงสาวพยายามตีหน้าขรึม ทั้งๆ ที่ในใจเต้นแรง เมื่อสบสายตาแข็งกระด้าง ใบหน้าบึ้งราวกับโกรธกันมาร้อยชาติ “ไปไหนมา จะไปไหนมาไหนทำไมไม่โทรบอก รู้ไหมว่าผมรอ” “เรื่องของน้ำ น้ำจะไปไหนมาไหน ทำไมต้องบอกพี่หมอด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “ผมเป็นสามีคุณ และคุณก็เป็นภรรยาของผมจงจำไว้ ถ้าลืมล่ะก็” อนวินท์ตวาดเสียงดัง ก่อนจะกระชากให้หญิงสาวเข้าห้องพร้อมกับปิดประตูดังปัง ต้นน้ำตกใจก้าวเท้าหนี อนวินท์ก้าวเท้าตาม “จะทำอะไร” “รู้ไหมวันนี้ผมรีบทำงานแทบตาย เพื่อจะกลับมาบ้าน เพื่อพาคุณกับลูกไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณกลับแกล้งพาลูกไปเที่ยวในเมืองโดยไม่นึกเลยว่าใครจะรออยู่บ้าง ผมบอกใช่ไหมว่าจะกลับมาทานข้าวที่บ้านด้วย จำได้ไหมที่ผมพูด” อนวินท์ตวาดเสียงดัง “จำไม่ได้ ไม่ใส่ใจ” ต้นน้ำยังลอยหน้าเถียง “ดี ต่อไปนี้ผมจะทำให้รู้ว่า คุณและผมอยู่ในสถานะอะไร” อนวินท์ถอดเสื้อยืดออก ต้นน้ำตกใจเดินถอยหลังเร็ว กระเป๋าถือร่วงลงพื้น อนวินท์เตะไปอีกด้าน ใบหน้าขมึงขึ้นด้วยความโกรธที่ถูกยั่วเย้า “นี่คุณ ถอดเสื้อทำไม จะทำอะไร” “จะทำให้รู้ว่าผมอยู่ในสถานะอะไร และคุณควรจะจำไว้” “ไม่นะ ...อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” “คุณยั่วผมเองนะน้ำ จริงๆ ผมไม่ต้องการจะทำรุนแรงกับคุณ ผมอยากให้เรากลับมาแล้วค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน แต่คุณ คุณนั่นแหละทำให้ผมต้องใช้วิธีนี้” “ไม่นะ..ไม่” ต้นน้ำเริ่มหวาดหวั่น เมื่อเห็นสายตาก้าวร้าวและท่าทางคุกคามของอีกฝ่าย อนวินท์กระชากต้นแขนของต้นน้ำ หญิงสาวขัดขืน ก่อนจะสะบัดมือไปที่แก้มของอีกฝ่ายทันที หมายจะเรียกสติให้อีกฝ่าย “อย่ามาทำบ้าๆ กับฉันนะ” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนเมื่อเริ่มรู้สึกโกรธ ที่อีกฝ่ายแสดงกิริยาก้าวร้าว อนวินท์ลูบที่แก้มที่กำลังชา ก่อนจะแสยะยิ้ม “อ๋อ ชอบความรุนแรง” “ออกไปนะ...” “ไม่...วันนี้แหละผมจะทำให้คุณรู้ ว่าผมอยู่ในฐานะอะไร จะบอกให้รู้ไว้ ผมเป็นสามี สามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนิตินัย...และพฤตินัย” “บ้า...พี่หมอ อย่านะ อย่ามาทำบ้าๆนะ น้ำชักจะโกรธแล้วนะ” ต้นน้ำตวาดเสียงดัง อนวินท์กระชากเสื้อ ที่เป็นชุดกระโปรงสีน้ำตาลอ่อน เสียงผ้าฉีกดัง “แคว๊ก...” ต้นน้ำตกตะลึงก่อนจะทุบที่หน้าอกที่ตอนนี้เปลือยเปล่า อนวินท์ไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะใช้มือกระชากร่างของหญิงสาวมาแนบอก หญิงสาวรู้สึกเจ็บ เมื่อปะทะกันแรงตาม แรงกระชาก หญิงสาวกำลังจะอ้าปากด่า แต่ชายหนุ่มปิดริมฝีปากด้วยริมฝีปากหนา ชายหนุ่มบดขยี้รุนแรงแบบต้องการลงโทษ ริมฝีปากเบียดกันไปมาหนักหน่วง ก่อนรู้สึกเจ็บเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มเริ่มกัดที่ริมฝีปากมาดหมายจะลงโทษพยาบาลสาวน้ำตาซึมด้วยความเจ็บ หญิงสาวดิ้น ยิ่งดิ้นเหมือนชายหนุ่มจะกอดแน่นขึ้น หน้าอกแนบหน้าอก ต้นขาแนบต้นขา หน้าท้องแนบหน้าท้อง จนต้นน้ำรู้สึกวาบหวาม แบบหวิวๆ หญิงสาวรู้สึกสัมผัสถึงความต้องการของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ก่อนจะตกใจเมื่ออนวินท์เริ่มกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างกายของตัวเอง “ปล่อยนะ คนบ้า อย่าทำอะไรบ้าๆแบบนี้นะ” ต้นน้ำกัดฟันพูด เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนจากริมฝีปากไปจูบที่ร่องคอขาว “ไม่มีวัน พี่จะให้บทเรียนกับคนที่ดื้อกับพี่ แล้วต้องโดนแบบนี้ จำไว้ พี่เป็นสามีของน้ำ เป็นพ่อของนนท์ ท่องไว้และจำให้แม่นอย่าทำกับพี่เหมือนกับวันนี้อีก ไม่งั้นจะโดนจัดหนักเหมือนวันนี้” “ไม่นะ พี่หมอ..อย่านะ” ต้นน้ำเริ่มรู้สึกกลัวเมื่อเห็นแววตา และท่าทางเอาจริงของอีกฝ่าย นี่คงไม่ใช่การขู่แน่นอน “สายไปแล้วน้ำ...ขอโทษด้วยถ้าต้องรุนแรงกับน้ำวันนี้ แต่น้ำรนหาที่เอง” อนวินท์ใช้มือกระชากเสื้อผ้าอีกครั้ง ต้นน้ำกรีดร้องเสียงดัง ทั้งหยิกทั้งทุบ แต่อนวินท์หาได้แสดงความเจ็บปวดไม่ กลับกระชากเสื้ออีกข้างจนต้นน้ำเหลือเพียงบราเซียตัวสีชมพูอ่อน“พี่หมอ ฟังก่อน” ต้นน้ำถอยหลังจน ร่างของเธอชนกับหัวเตียง ใบหน้าหญิงสาวหวาดกลัว “ไม่ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ฟังอะไรทั้งนั้น” อนวินท์กระแทกริมฝีปากลงบนริมฝีปากหญิงสาวแรง บดเบียดหนัก เม้มหนักหน่วง ต้นน้ำพยายามเบนหน้าหนี ยิ่งทำให้ชายหนุ่มซุกไซ้ที่ซอกคอขาว ตะบมจูบรุนแรง ก่อนจะเม้มหนักๆ ต้นน้ำน้ำตาไหลด้วยความโกรธ มือของหญิงสาวทั้งข่วนทั้งหยิก ชายหนุ่มหาได้สะทกสะท้านไม่ กลับยิ่งโหมกระหน่ำทั้งจูบ ทั้งเม้มกัดจนต้นน้ำรู้สึกเจ็บ แล้วเสียวซ่านไปทั่ว “ฉันเกลียดคุณ” ต้นน้ำพึมพำ กระแทกเสียงมือก็ยังทั้งผลัก ทั้งหยิก แต่ยิ่งหยิกยิ่งข่วน ชายหนุ่มยิ่งรุกเร้าหนักหน่วงจนต้นน้ำเจ็บระบมไปทั้งริมฝีปากและซอกคอ “พี่ชอบความเกลียดของน้ำ มันดีกว่าน้ำจะเย็นชากับพี่” อนวินท์กระซิบพูด พลางจูบระที่หน้าอกสวยบราเซียตัวสวยหลุดออกจากร่างกาย ไปตอนไหนไม่รู้ ต้นน้ำรู้สึกหนาวยะเยือก ก่อนจะร้อนผ่าวเมื่ออนวินท์ขยับมือประกบสองเต้าอวบ และเริ่มขยำหนักหน่วง ต้นน้ำเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง หญิงสาวขยับตัวจะหนีแต่ยิ่งเหมือนทำให้ชายหนุ่มบีบขยำหน้าอกสวยได้อย่างเต็มที่ “ไม่นะ..ปล่อยนะ” น้ำตาเหือดแห้งไปเพราะรู้สึกความร้อนผ่าวจากภายในกำล
หน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงภาพพิศวาสที่ผ่านมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อน จำได้ว่ากว่าจะได้หลับ ชายหนุ่มเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า จนนับไม่ไหว ต้นน้ำพยายามดึงท่อนขาเบาๆ แต่ดึงมาได้นิดเดียว ก็ต้องถูกหนีบกลับไป หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง เห็นอนวินท์ก้มลงมา ยิ้มทั้งตาและปาก “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ ภรรยาคนสวย” ต้นน้ำค้อนเบาๆ “ปล่อยน้ำนะ ตัวหนักอย่างกับอะไร” “ไม่ปล่อย จะนอนแบบนี้” “ไม่ได้นะ น้ำมีเรื่องต้องทำ” “ทำอะไร วันนี้วันอาทิตย์” “จะไปซักผ้า” “ไม่ให้ไป..ไม่ซักผ้าสักวันคงไม่เป็นอะไรหรอก” “เอ๊ะ...” “พี่ยังไม่หายโกรธนะเรื่องเมื่อวาน” “ช่างคุณสิ” ต้นน้ำเถียง แล้วรู้สึกอึดอัดเมื่ออ้อมกอดของชายหนุ่มแน่นขึ้น “เจ็บนะ คนบ้า” “ก็อยู่นิ่งๆ สิ แล้วจะไม่เจ็บ” “จะทำอะไรอีก” ต้นน้ำตกใจ เมื่ออนวินท์ก้มลงมาหา “อยากรักเมียตอนเช้า” “ไม่นะ” “ห้ามไม่ได้หรอก บอกแล้วไง น้ำต้องชดใช้เวลาที่ทอดทิ้งพี่ไปให้พี่ตายอดตายอยาก” อนวินท์ใช้จมูกตัวเองถูจมูกหญิงสาวไป มา เบาๆ “เอ๊ะ...ไม่นะ” พูดได้แค่นั้น ริมฝีปากของหญิงสาวก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของชายหนุ่ม ก่อนที่กระบวนการทางธรรมชาติ จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เสียงเคาะประตู ก่อนร่างของ
สวนสัตว์เชียงใหม่ อนวินท์แอบลอบมองภรรยาสาวแล้วนึกขำที่หญิงสาวนั่งกอดอกเกือบตลอดทาง ก่อนจะหันไปยิ้มให้เด็กชายนนทวัตรที่นอนดูดนม อนวินท์ต้องการให้ลูกชายเป็นระเบียบจึงจัดให้ไปนั่งด้านหลัง ตอนแรกเด็กชายแอบมีงอแง แต่อนวินท์ก็มีมาตรการกำหราบโดยที่เด็กชายทำตามแต่โดยดี ต้นน้ำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ปกติน้องนนท์จะไม่ยอมอะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้สิ่งที่ตนเองปรารถนา ต้นน้ำมีลูกชายเพียงคนเดียวดังนั้นอะไรที่เด็กชายต้องการ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงต้นน้ำก็พร้อมจะทำตามใจลูกชายตัวน้อยอย่างเต็มที่ ดังนั้นหญิงสาวมักจะเห็นเด็กชายจะร้องไห้จนกว่าจะได้สิ่งที่พอใจ ต้นน้ำจึงแปลกใจแค่อนวินท์พูดแค่สองสามประโยค เด็กชายก็ยอมไปนั่งที่ที่นั่งเด็กอย่างโดยดี แถมยังชอบอีกด้วย “น้ำหิวไหมไม่ได้ทานอะไรเลย พี่กับน้องนนท์รองท้องกันบ้างแล้ว” ต้นน้ำนิ่งเงียบทำเสมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด อนวินท์แกล้งเลี้ยวรถแล้วโน้มตัวมาใกล้ ต้นน้ำหันไป หมายจะด่าแต่ก็อึ้งเมื่อใบหน้าของเขาและเธอห่างกันนิดเดียว ในขณะที่รถติดสัญญาณไฟแดง “พี่ถาม ได้ยินไหมครับ” อนวินท์กระซิบถาม ตาจ้องหน้าภรรยาสาว แววตาส่งความหมายพิเศษ ต้นน้ำนั่งนิ่ง รีบหลบตาหญิงส
“ทำไมจะทานไม่หมด หิวจะแย่” ต้นน้ำเถียงทันควัน “ถ้าทานหมดก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าทานไม่หมดจะโดนลงโทษ” “ลงโทษอะไร” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม “กลับถึงบ้านแล้วจะบอก” อนวินท์ยิ้มที่มุมปาก ในขณะที่เด็กชายนนท์วัตรตื่นเพราะเสียงกระดิ่งที่ดังมาจากวัดที่ห่างไปไม่ไกลจากร้านอาหารนัก อนวินท์ก้มลงจูบที่แก้มป่องๆของลูกชายอย่างสุดรัก เมื่อเด็กชายชี้ให้ดูนกที่กำลังเกาะอยู่บนต้นไม้แววตาสดใส มือข้างหนึ่งของเด็กชายคล้องที่คอ อนวินท์รู้สึกถึงความอบอุ่น แบบนี้นี่เองความรักแบบไม่มีเงื่อนไขไม่ต้องการเวลา มันมาจากความรู้สึก ต้นน้ำเองก็ตะลึงกับภาพนั้นเหมือนความสัมพันธ์พ่อลูกจะก่อเกิดอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวเองนึกหวั่นว่าถ้าเกิดวันใดที่ชายหนุ่มต้องจากไป ลูกชายตัวน้อยของเธอจะเป็นเช่นไร “นี่น้ำถ่ายรูปให้หน่อยสิ พี่ยังไม่เคยมีรูปกับน้องนนท์เลย” อนวินท์ส่งมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดให้เด็กชายนนท์วัตรพอเห็นแม่ถือมือถือ และเมื่อชายหนุ่มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู เด็กชายตัวน้อยก็โผเข้ากอดมันช่างเป็นภาพที่อบอุ่นและน่าประทับใจ ต้นน้ำน้ำตารื้นที่เห็นลูกชายตัวน้อยแสดงถึงความรักต่อชายหนุ่มอย่างไร้เดียงสา ต้นน้ำถ่ายอยู่สองสามภาพ ก่อนที่จะตกใจเม
ก๊อกๆ “เชิญครับ” นายแพทย์ภัทรเงยหน้าจากแฟ้มคนป่วย จ้องมองคนที่เข้ามา อย่างรีบร้อนด้วยความสงสัย “นี่ภัทรนายเห็นรูปนี้หรือยัง รู้ไหมไอ้เด็กนี่ใคร ทำไมหน้าเหมือนวินท์จัง” แพทย์หญิงนิภาถามเสียงแหลม ภัทรยื่นมือรับโทรศัพท์ไป ก่อนจ้องมองรูปนั้นแล้วยักไหล่ “โน ไอเดีย ไม่รู้สิ” “บ้า นายสนิทกับหมอวินท์ ทำไมจะไม่รู้ว่าเป็นใคร บอกมานะ” “เฮ้ย ไม่รู้จริงๆ นี่นิถ้าอยากรู้ก็ถามวินท์เอาเอง เราไม่ใช่วินท์ ตอบไม่ได้หรอกนะ” “รู้ไหม หมอวินท์ไปเป็นหมอแลกเปลี่ยนนานแค่ไหน” “เท่าที่รู้สามเดือน” “จะบ้าตาย งานที่นี่ก็ล้นมืออยู่แล้ว หมอวินท์คิดอะไรของเขานะ” “เออ ใช่สิ คลินิกที่เซ็นทรัลเฟสติเวล เมื่อไหร่นะ” แพทย์หญิงนิภาตาโต เมื่อนึกออกว่ากำลังจะมีงานเปิดคลินิกสาขาใหม่ที่เชียงใหม่ “ก็ไหน เดือนก่อนบอกว่าไม่อยากไปไง” “ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว บอกให้เลขานายจองเครื่องให้เราด้วย เราจะไปหาคำตอบนี้ด้วยตัวเอง” แพทย์หญิงนิภาจิกสายตา ก่อนจะสะบัดตัวออกจากห้องไป จึงไม่เห็นว่าภัทรส่ายหน้าอย่างกำลังเอือมพฤติกรรมที่เอาแต่ใจของอีกฝ่ายอย่างมาก แพทย์หญิงนิภากระแทกเท้า เดินกลับห้อง กระแทกตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด “
หมู่บ้านปัญญาวดีหมูบ้านไฮโซที่มีแต่บ้านหลังใหญ่สิบห้าล้านบาทขึ้นไปนับเป็นหมู่บ้านติดท๊อปๆ ในกรุงเทพฯ ว่าเป็นหมู่บ้านของกลุ่มคนรวยระดับท๊อปของในสังคมของคนกรุงเทพฯ แน่นอน หนึ่งในนั้นก็ต้องมีชื่อแพทย์หญิงนิภา แพทย์หญิงด้านสูตินารีชื่อดัง หญิงสาวเลี้ยวรถเข้าในหมู่บ้านด้วยความหงุดหงิดเพราะแม้จะนอนพักที่ห้องพักแพทย์สามวันเพื่อดักจะรอพบนายแพทย์อนวินท์แต่ก็ต้องหมดหวัง เพราะผ่านไปสามวันก็ยังไม่มีวี่แววว่าชายหนุ่มจะกลับเข้ามาอีก วันนี้ก็เลยกะว่าจะกลับมาพักผ่อนที่บ้านเพราะพรุ่งนี้กับวันมะรืนเป็นวันหยุด กว่าสิบหกวันที่ทำงานติดกันไม่ได้พัก เนื่องจากแพทย์อีกคนบินไปดูงานที่ต่างประเทศ ทำให้แพทย์หญิงนิภารู้สึกเหนื่อยล้า วันนี้เลยกะว่าจะกลับบ้านมาดื่มสักหน่อย เมื่อเลี้ยวเข้าใกล้กับตัวบ้านก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรถยุโรปสีดำป้ายยังเป็นสีแดง เหมือนเป็นรถใหม่ หญิงสาวขมวดคิ้วเพราะปกติบ้านเธอแทบจะไม่มีแขกมาเยี่ยมเยียน เพราะทั้งเธอและมารดาเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต แพทย์หญิงนิภาจอดรถไว้หน้าบ้านเพราะไม่สามารถจะเอารถเข้าไปในตอนนี้ได้ เพราะชายหนุ่มจอดขวางอยู่ หญิงสาวเปิดประตูรถ ก่อนจะขยับแว่นต
โรงพยาบาล เลิศวสิน กรุงเทพฯอินเตอร์ แพทย์หญิงนิภาสูดลมหายใจ เมื่อมายืนห้องทำงานของนายแพทย์สุชาติ หญิงสาวยกมือขึ้นเคาะก่อนจะเปิดเข้าไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากอนุญาตนายแพทย์สุชาติเงยหน้าแล้วขยับแว่น หญิงสาวมองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าด้วยความเกลียดชัง แต่ในใจก็แอบสำรวจอีกฝ่ายชายหนุ่มวัยสี่สิบกว่า ผมมีสีขาวตรงปลายๆเส้นผมที่มองเห็นแซมอยู่กับผมขาว ส่งให้ชายหนุ่มดูเป็นหนุ่มใหญ่ ใบหน้าตี๋ๆ ผิวขาวอย่างผิวของคนภาคเหนือ ทำให้อีกฝ่ายก็ดูไม่ใช่เป็นคนขี้เหร่มากในสายตาเธอ แต่คำพูดและท่าทางกวนประสาทต่างหากที่ทำให้เธอเกลียด “คุณควรรอให้ผมอนุญาตก่อน ค่อยเปิดประตูเข้ามา” นายแพทย์สุชาติเอ่ยตำหนิซึ่งๆหน้า “ฉันจะมาเอาแฟ้มประวัติแม่ แล้วอยากมาเตือนให้คุณอยู่ห่างๆ จากเรื่องนี้” “เสียใจ ผมเป็นแพทย์ผมตรวจไปตามอาการ แล้วที่วินท์เค้าตรวจไม่เจอ อาจเป็นเพราะคุณแม่ของคุณรักลูกสาวมากจนหลงผิดอย่างที่ท่านสารภาพกับผม สามปีนะคุณอย่าทรมานคนแก่เลย อาการของแม่คุณก็เหมือนคนแก่ทั่วๆ ไป ความดันสูงต้องควบคุมน้ำตาล ไขมันอุดดันในเส้นเลือด” นายแพทย์สุชาติอ่านแฟ้มประวัติ แล้ววางบนโต๊ะ แพทย์หญิงนิภามองแฟ้มประวัติเขม็ง “อย่
โรงพยาบาลเลิศวสิน กรุงเทพฯ อินเตอร์ แพทย์หญิงนิภาแอบมองนายแพทย์สุชาติ เดินเข้าไปในห้องออลคอลรูม แล้วล้วงมือไปหยิบขวดยาที่เพิ่งได้รับตอนบ่ายแววตาโหดเหี้ยม หญิงสาวมองแม่บ้านถือแก้วน้ำส้มใส่น้ำแข็งเต็มแก้ว แม่บ้านกำลังจะเดินตรงไปที่ห้องออนคอลรูม “มณี เดี๋ยวก่อน” แม่บ้านสาวหยุดแล้วเอี้ยวตัวกลับมาพร้อมถาดเครื่องดื่ม “ขอฉันก่อนแก้วนี้” “เออ คือว่า คือว่า หมอสุชาติสั่งให้หนูเอาไปให้ท่านค่ะ” “ฉันหิวน้ำ ฉันขอก่อน เธอก็ไปเตรียมมาให้ท่านใหม่แล้วกันนะ” “แต่....” “ไม่รู้เหรอ ใครใหญ่ที่นี่ นั่นนะหมอพิเศษ ส่วนฉันเนี่ยมีหุ้นที่โรงพยาบาลนี้นะ ไม่รู้เหรอ” แพทย์หญิงนิภาพูดโอ้อวด แม่บ้านสาววัยกลางคน ยื่นถาดเครื่องดื่มให้ แล้วเดินแกมวิ่งเพื่อจะไปเตรียมน้ำแก้วใหม่ แพทย์หญิงนิภา หยิบแก้วน้ำแล้ววางถาดไว้ที่เก้าอี้หน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูห้องออนคอลที่เปิดไว้ หญิงสาวได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำเล็กๆ ภายในห้องออนคอลรูม แพทย์หญิงนิภาจัดการหยดยาเข้าไปในแก้ว แล้วหันไปมองที่ห้องน้ำอย่างโหดเหี้ยม “ขอโทษนะคุณหมอ ช่วยไม่ได้คุณอยากมาขวางทางฉัน เห็นทีวงการแพทย์คงเสียหมอดีๆ ถ้าคุณยังขวางทางฉัน” แพทย์
ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม