เขากวาดมองทั่วเรือนร่าง แม้นั่งอยู่ ทว่าเธอคนนี้กลับมีทรวดทรง ผิวกาย น่าพิสมัย ทำเอาเลือดในกายชายหนุ่มร้อนขึ้นมาทันที ภีมพลลอบมองบ่อยครั้งเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ เขาและเธอทายผลเหมือนกันตลอด ส่วนคนร่วมวงคนอื่นพากันออกจากโต๊ะจนเหลือแค่สองคนเท่านั้น ชายหนุ่มนึกสนุกเลยหันไปมอง
“พนันกับผมหน่อยไหม” เขาเอ่ยถาม แล้วยกแก้วไวน์กระดกดื่ม
“พนันอะไรคะ” นาราภัทรย้อนถาม
“ทายแต้มเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผมให้คุณตาละห้าหมื่น แต่ถ้าคุณทายผิด ผมขอให้คุณถอดสิ่งที่คุณใส่อยู่ทีละชิ้นโดยที่ผมเป็นคนเลือก เอาไหม”
ข้อต่อรองน่าสนใจ แต่ถ้าหากเธอแพ้ มีหวังได้อายคนทั้งห้องแน่ ทว่าหากชนะเงินนี้จะช่วยให้หนี้สินที่ติดชัยวุฒิเบาบางลงมาก เธออยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าสักวันจะกลายเป็นเมียน้อยชัยวุฒิเข้าจริงๆ
“ได้ค่ะ ฉันยินดีพนันกับคุณ”
พนักงานประจำโต๊ะเขย่าลูกเต๋า คนตัวเล็กนิ่งฟัง ส่วนเขายกยิ้มแล้วเหลือบมอง เมื่อพนักงานวางแก้วลง นาราภัทรหยิบชิพแล้ววางเงินลงบนแต้มต่ำ เขาวางตรงกันข้าม
“ต่ำค่ะ” พนักงานบอก
นาราภัทรยิ้มกว้างทันที ฟังเสียงพนักงานเขย่าลูกเต๋าต่อ แล้ววางชิพไว้ตรงแต้มต่ำเหมือนเดิม เขายังคงวางชิพไว้ตรงแต้มสูง
“ต่ำค่ะ!” พนักงานประจำโต๊ะรายงานผล
นาราภัทรอมยิ้มแล้วแสดงท่าทีเรียบเฉย ไม่อยากให้อีกฝ่ายล่วงรู้ความคิด ทว่าภีมพลนั้นเข้าใจว่าสาวปริศนาคิดเช่นไร และเขาก็ต้องการทำให้เธอเข้าใจอย่างนั้น เงินไม่กี่ล้านไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งมันร่วงลงมาหรอก
“สูงค่ะ!” อีกครั้ง ทายถูกอีกแล้ว
บางทีไม่ต้องคิดมากก็แค่ทายตรงข้ามกับหมอนั่น เธอก็ได้เงินใช้ฟรีๆ แล้ว
“ยังจะเล่นต่ออีกเหรอคะ คุณเสียให้ฉันเท่าไหร่แล้วรู้ไหม” หญิงสาวพูดแทรก เขาชะงักแล้วหันกลับมายิ้มบางๆ
“ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินที่เสียไปหรอกครับ” พูดจบเขากวาดตามองทั่วเรือนร่าง “ผมก็แค่อยากเห็นเรือนร่างคุณเท่านั้น เวลามันไม่ใส่อะไรเลยจะสวยสักแค่ไหน”
คนถูกเย้าหน้าแดงก่ำเมินมองทางอื่น นัยน์ตาเขาช่างมีมนต์ ทำเอาเธอแทบละไม่ได้ หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด
“คุณจะไม่มีวันได้เห็นมันหรอก!”
เขายักไหล่ “ผมก็ยังไม่อยากเห็นตอนนี้หรอกนะครับ ผมชอบเก็บไว้ดูกันสองต่อสอง ไม่ชอบเผื่อแผ่ใคร”
นาราภัทรไม่อยากต่อปากต่อคำ เพราะเชื่อว่ายังสามารถเรียกทรัพย์จากผู้ชายหน้าหล่อ แต่ไร้ฝีมือได้อีกมาก เลยแสร้งยิ้มยั่วแทน
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้ฉันถอดให้ได้สิคะ” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกเผยอยิ้มราวกับเชิญชวน ภีมพลกระตุกยิ้ม
เขาสบตาสาวปริศนา “เราไปแข่งกันในห้องสองต่อสองไหม”
คนถูกชวนชะงัก “ฉันไม่นิยมนอนกับผู้ชายแปลกหน้า!” เธอแย้งขึ้นมาทันที
“เกิดคุณแพ้ คุณจะยอมถอดต่อหน้าคนมากมายเหรอครับ”
“ฉันไม่มีทางแพ้!” เธอสวนทันที
ภีมพลหัวเราะแผ่ว “ผมสมมติ คนเราเกิดมาไม่มีใครชนะได้ตลอดหรอกครับ”
คนตัวเล็กชะงัก แล้วเธอจะแสดงให้ดู คำว่าชนะตลอดน่ะ
“ก็ได้ จะพนันกันที่ไหนว่ามา!”
ภีมพลผสานมือไว้ตรงหน้า แล้วเหลือบมองลูกน้อง ชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำเดินเข้ามา
“ธามไท นำคุณผู้หญิงไปที่ห้องพักฉันหน่อย”
“ได้ครับ”
นาราภัทรลุกยืน “ฉันขอให้คุณสัญญาว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อให้ฉันเปลื้องผ้าต่อหน้าคุณทั้งหมดก็ตาม!”
“ผมสัญญา” เขาตอบรับแววตาจริงจัง เธอจึงไว้ใจ
ร่างบางก้าวตามบอดี้การ์ดของภีมพล เธอกวาดตามองรอบๆ ชั้นนี้เป็นแขกวีไอพี ห้องพักหนึ่งห้องคืนละแสนบาท ด้านในถูกแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนสองห้อง และห้องน้ำ ประตูเปิดออกธามไทผายมือเชื้อเชิญ เธอก้าวเข้าด้านในแล้วนั่งลงบนโซฟาในห้อง ไม่นานเจ้าของห้องก็ติดตามมา
เขาวางแก้วลูกเต๋าไว้ตรงหน้า แล้วทอดสายตามองสาวปริศนา ที่นั่งเชิดหน้าเย่อหยิ่ง
“ผมขอเป็นคนเขย่าได้ไหม”
“แล้วคุณจะทายยังไง”
“ผมให้คุณทายคนเดียว ผมจะเลือกตรงข้ามกับคุณ ถ้าผมแพ้ผมเพิ่มให้อีกตาละแสน เป็นไงสนไหม”
คนฟังตาลุกวาว “ตกลง”
ภีมพลหยิบแก้วมา แล้วค่อยๆ บรรจงเขย่าเพียงสองครั้ง คนฟังชะงักแววตาไหววูบ ริมฝีปากเม้มหากันอย่างครุ่นคิด เขาวางมันลงตรงหน้า
“เชิญทายได้เลยครับ” เสียงทุ้มเชื้อเชิญแล้วทอดสายตามองสาวปริศนา
นาราภัทรกัดฟัน ไม่เคยเจอคนเขย่าลูกเต๋าเช่นนี้มาก่อนเลย ปกติทายแต่พนักงานด้วยกัน พอสนิทสนมเลยคอยถามเทคนิค เธอจึงเล่นไฮโลกับเพื่อนคนนี้ประจำ และชัยวุฒิก็ไม่เคยว่าอะไรเสียด้วย
“ต่ำ!” ตัดสินใจคาดเดาเอา
ทว่าเมื่อเปิดแก้วครอบขึ้นมา แต้มกลับกลายเป็นสูง ดวงตาคนทายไหววูบสีหน้าเผือดลง
“ผมชนะ”
หญิงสาวระบายลมหายใจ “ต้องการให้ถอดชิ้นไหนคะ”
ถ้าเขาให้ถอดชั้นในหรือบราเซียอย่างไรก็มีชุดเดรสปกปิด ถ้าให้ถอดเดรสมันคงเหมือนชุดว่ายน้ำเวลาเธอทำงานเสิร์ฟตรงสระก็เคยใส่มาก่อน ไม่ได้น่าหวาดกลัวสักนิด เพราะเขาสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไร
“หน้ากากอันนั้น ช่วยถอดออกด้วยครับ” ของชิ้นแรกที่เขาต้องการคือสิ่งที่ปกปิดใบหน้า อยากรู้ว่าผู้หญิงที่มองผาดๆ ว่าสวยแล้ว ภายใต้หน้ากากนั้นจะงดงามสักแค่ไหน
นาราภัทรทำตาม ปลดเชือกคาดใบหูออก เผยให้เห็นใบหน้าอันแท้จริง คนมองนิ่งงันราวกับถูกมนต์สะกดภายใต้หน้ากากนั้นแอบซ่อนความงดงามไว้อย่างหมดจด ทำเอาเขาหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมาอยู่บนเรือลำนี้ ไม่ได้เป็นดารานางแบบหรือนางเอกละครแน่หรือ
ภีมพลพยายามเก็บอาการ ปกติแล้วใบหน้าของเขาเรียกสาวๆ ได้ผลนัก ไม่ต้องเสียเงินก็มีสาวยอมทอดกายให้เชยชม อาจเพราะชื่อเสียงของเขาด้วยกระมัง ที่ทำให้สาวๆ พากันต้องการ แต่กับผู้หญิงคนนี้ สิ่งเดียวที่เจ้าตัวหวังคงเป็นเงินแน่นอน และเขาจะเอามันมาหลอกล่อให้เธอติดกับดัก
คนถูกมองกัดริมฝีปาก ไม่ชอบแววตาสีหน้าเวลาเพศตรงข้ามจ้องมา มันเหมือนต้องการปลดเปลื้องอาภรณ์แล้วลากเธอขึ้นเตียง พยายามรักษาตัวเองอย่างดีที่สุดมาตลอด เธอไม่มีวันพลาดให้ตนเองต้องตกต่ำ เกลือกกลั้วกับพวกด้านมืดหรอก สักวันเธอต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้
“จะเล่นต่อไหมคะ” เธอถามเพื่อทำลายความเงียบ และให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทกับเธอมากเกินไป
เขาชะงักเล็กน้อย “ได้สิ ผมจะเขย่าอีกรอบแล้วกัน”
แกร๊ก
เสียงแผ่วเบาเพียงครั้งเดียวทำเอาหญิงสาวขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วช้อนสายตามอง
“คุณจงใจแกล้งฉันหรือเปล่าคะ!” นาราภัทรเริ่มไม่พอใจ
“ถ้าคุณเก่งจริงไม่ว่าผมเขย่าแบบไหนคุณน่าจะทายถูกไม่ใช่เหรอ”
คนถูกปรามาสนิ่งแล้วคิดหนัก การเขย่าของเขามันทำให้เธอหงุดหงิด ผู้ชายคนนี้เหมือนต้องการกลั่นแกล้งกัน แต่ช่างเถอะ อย่างไรเธอก็ได้เงินจากเขามาไม่น้อยในตอนนี้“สูง!” ตอบอย่างรวดเร็ว และรออย่างใจจดใจจ่อเขาเปิดออกมา แต้มออกเป็นต่ำ สีหน้าคนทายนิ่งไป เหลือบมองผู้ชนะแววตาหวาดหวั่น เห็นรอยยิ้มฉาบในใบหน้านั้น เหมือนอีกฝ่ายกำลังคุมเกม และอยู่เหนือกว่าทุกทาง“เดรสของคุณ ผมขอได้ไหม” ภีมพลพูดจบยื่นมือไปด้านหน้า เพื่อรอรับเดรสที่กำลังจะถูกปลดมือบางเริ่มสั่นเทา แต่เธอต้องยอมทำ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาขึ้น เธอรูดซิบด้านหลังแล้วรูดชุดเดรสออกทางปลายเท้า วางชุดนั้นไว้บนมือฝ่ายชนะ และนั้นมันทำให้ทรวดทรงเธอเผยออกมาต่อสายตาชายแปลกหน้า บราเซียเกาะอก รวมถึงซับในลูกไม้สีเดียวกับชุด ชวนให้หลงใหล อยากยกมือปกปิดทว่านาราภัทรเลือกทำตรงกันข้าม เธอหย่อนกายลงนั่งตามเดิม เชิดหน้าประดุจนางพญา หากเราไม่เกรงกลัว ชายคนนี้คงไม่กล้าทำอะไรทรวดทรงปรากฏต่อสายตา ภีมพลลอบกลืนน้ำลายลงคอ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแต่ไม่เคยพบใครคนไหน หุ่นและหน้าตาช่างบาดหัวใจแบบนี้ ไม่อยากคิดหากได้มานอนกกกอด จะมีความสุขสักแค่ไหนกัน ถ้าต่อรองให้เธอมาขึ้นเต
ตุบ!เธอโยนเงินไว้ตรงหน้าเขา ชัยวุฒิมองแล้วขบกรามแน่น เงินจากการไปนอนกับผู้ชายรวย เมื่อคืนนาราภัทรได้ขนาดนี้เชียวหรือ“สองแสนห้า นี่คือเงินที่ฉันใช้หนี้คุณ!”“แต่หนี้ระหว่างเรายังไม่หมด รู้ใช่ไหม”คนเป็นหนี้เม้มริมฝีปาก “ฉันรู้!”“ยังไงเธอก็ต้องทำงานใช้หนี้ฉันต่อไปนารา เงินสองล้านเธอเพิ่งหาใช้ได้ห้าแสนเท่านั้นเอง” เขาก้าวเข้ามาใกล้ เชยคางมนขึ้นมา “ถ้าเธอยอมเป็นเมียฉัน ฉันจะล้างหนี้ให้ทั้งหมด ดีไหม...”เธอปัดมือเขาออก แล้วหรี่ตามอง“ฉันยอมกระโดดน้ำตายดีกว่าเป็นเมียคุณ!” พูดจบเธอหันกายเร่งฝีเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็วชัยวุฒิกัดฟันข่มใจ สักวันนาราต้องเป็นของเขา ยังไงก็ต้องเอามาให้ได้เลยคอยดู!ร่างเพรียวระหงส์ยกขาขึ้นไขว่ห้าง เดรสสั้นส่งผลให้เกือบเห็นถึงเนื้อใน เธอยิ้มยั่วยวนกวาดตามองรอบ แล้วหยุดที่ชายหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยง มือบางเอื้อมหาแล้วกุมมือเขาแผ่วเบา ภีมพลช้อนสายตามอง ชุดเว้าตัววีเผยให้เห็นทรวงงามซึ่งถูกปกปิดด้วยบราเซียสีดำ สีหน้าแววตาชายหนุ่มเรียบนิ่ง ไร้อารมณ์ใดๆ“คุณไม่ควรทำแบบนี้” เขาบอกเสียงเบา หันไปสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อ“ภีม... คุณอย่าทำเย็นชากับ
วรินดาลุกยืน “หวานไม่เกรงใจแล้วนะคะ” จบคำพูดรูดซิบกระโปรงออก แล้วสะบัดอาภรณ์ท่อนบนจากร่างกายชิ้นส่วนสองชิ้นแทบปกปิดไม่มิด กำลังห่อหุ้มของสำคัญไว้ เธอค่อยคร่อมบนตักเขา แล้วบดเบียดร่างกายเข้าหา“หวานจะทำให้คุณมีความสุข” เธอบอกเสียงพร่ามือบางค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด แล้วเลื่อนไล้ไปตามหน้าท้องอุดมด้วยมัดกล้าม รั้งให้ร่างสูงลุกยืน ปลดทุกอย่างออกจากร่างกาย จนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าสองร่าง ท่ามกลางแสงของจันทราที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างเขาถูกผลักให้นั่งลงบนโซฟา วรินดาทรุดกายลงนั่งจับต้นขาไว้แน่น แล้วช่วยให้เขามีความสุข ศีรษะคนตัวใหญ่แหงนหงายดวงตาฉ่ำปรือเมื่อถูกปรนเปรออย่างชำนาญจากคู่ขาเก่า วรินดายิ้มกว้างเมื่อเห็นเขาปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดสิ้น เธอหยัดตัวแล้วค่อยๆ คร่อมทับบนตักริมฝีปากบางสั่นระริก เมื่อความสุขเข้าครอบงำ ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามความต้องการ เวลานี้เธอคือคนคุมเกม แต่ไม่นานนัก สะโพกงอนกับถูกกอบกุมและขยับตามใจเขาแทน ร่างสองร่างร้อนระอุทุกขณะ เมื่อเกมรักจบลง ร่างงามกลับถูกโอบอุ้มออกจากห้องนั่งเล่นไปอีกห้อง ทันทีที่หลังแตะฟูกหนา เกมรักอันเร่าร้อนก็เริ่มต้นอีกครั้ง และอีกคร
ขวัญจิราตระหนกตกใจ บอดี้การ์ดรีบกระชากร่างเจ้านายออกจากบริเวณนั้น ปล่อยให้คนเจ็บนอนกองกับพื้นนาราภัทรรีบวิ่งเข้ามาดูคนเจ็บ พยุงร่างบอบช้ำไว้ ใบหน้าเขียวช้ำโชคดีที่มาทัน ไม่งั้นคงเละแน่ คิ้วบางขมวดเมื่อมองหน้าชัดๆ ปากอ้าค้างด้วยความตกใจ“คะ...คุณเมื่อเช้า!”รวินดาปรือตามอง “อย่าบอกใครนะ ขอร้อง...”“บอกใครเรื่องไหน เรื่องคุณกับภีมพล หรือเรื่องที่คุณถูกทำร้าย!” หญิงสาวถามรัว“ทั้งสองเรื่อง อย่าบอกใคร ไม่อย่างนั้นพวกมันต้องฆ่าฉันตายแน่!”“พาฉันไปหาภีม พาไปหาเขาที”ให้ตายสิ เธออยากจะบ้า ช่วยแล้วยังต้องลำบากอีก ควรทำยังไงดี ช่วยหรือไม่ช่วย จะซวยหรือเปล่า คนพวกนั้นดูโหดเสียด้วย“ฉันจะพาคุณไปหลบที่ห้องฉันใกล้ๆ นี้ก่อน แล้วจะไปตามผู้ชายของคุณมาหาก็แล้วกัน!”เธอพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ นาราภัทรพยุงร่างบอบช้ำไปยังห้องตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆ จับคนเจ็บเอนกายนอนลงบนเตียง แล้วออกมาจากห้อง เร่งฝีเท้าไปหาเป้าหมาย ไม่อยากไปเลยจริงๆ ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอหงุดหงิดพิลึก จนแทบอยากตบหน้าเสียด้วยซ้ำ วันนั้นแทนที่จะหยุดปกปิด แต่กลับทำหน้าตาเหมือนจะกวนอารมณ์ มันทำให้เธอละอายจนต้องหนีไปเองก๊อก ก๊อกเคาะประตูหน้า
มือบางกำแน่น แววตาเจ็บปวด“ฉันเคยอธิบายคุณไปแล้ว ว่าฉันทำเพื่อครอบครัว!”“ถ้าทำเพื่อครอบครัว ก็ทำตัวให้มันดีๆ อย่ามาวุ่นวายกับผม ผมไม่นิยมมีเมียคนเดียวกับพ่อเข้าใจไหม!” เขาตวาดลั่น “คุณอยากให้ผมเป็นไอ้ลูกทรพีแย่งเมียพ่อหรือไง เราเลิกกันแล้วคุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับผม ถ้าไม่เลิก อย่าหาว่าผมไม่เตือน ผมถือว่าผมอดทนกับคุณมามากพอแล้วขวัญ!”คนถูกตวาดน้ำตานองหน้า ริมฝีปากสั่นระริก“ฉันยังรักคุณ คุณก็รู้ภีม”เขาหัวเราะในลำคอ “รักเหรอ? รักภาษาอะไร ถ้ารักผมมากพอคุณน่าจะรอได้ แต่คุณรอไม่ได้ไงขวัญ”“ฉันมีความจำเป็น คุณก็รู้”“เปล่าเลยผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่ต้องการจะรู้ด้วย คุณคือเมียของพ่อผม ผมรู้แค่นี้เข้าใจไหม!”มือบางยกปิดปาก ทรุดกายลงนั่งกับโซฟา เขาหันกายเพื่อกลับ“เดี๋ยวก่อนได้ไหมภีม ดื่มกับขวัญสักแก้ว เหมือนที่เมื่อก่อนเราเคยดื่มด้วยกันได้ไหม ขวัญสัญญาว่าขวัญจะหยุดทุกอย่าง”เขาหันมาสีหน้าไม่ไว้ใจ “อย่าดีกว่า ผมไม่อยากเชื่อใจอะไรคุณอีก”หญิงสาวหัวเราะ “คุณกลัวขวัญเหรอ กลัวทั้งๆ ที่ธามไทอยู่ด้วย”ภีมพลเหลือบมองลูกน้อง แล้วเดินกลับมากระแทกก้นลงบนโซฟาระบายลมหายใจ“แก้วเดียวเท่านั้น!”เธอรินไวน์ขาวใส่
แควก!มือบางยกปิดบังไม่ยอมให้ถูกรุกรานโดยง่าย แต่มีหรือที่อีกคนจะยินยอม ร่างสูงใหญ่ปลดอาภรณ์จากร่างกายแล้วใช้ความชำนาญกลืนกินอีกคน ความเดียงสาทำให้เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ร่างกายมันร้อนวูบวาบ ความรัญจวนพุ่งทะยาน เธอเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ลมหายใจหอบถี่ขึ้นทุกขณะยามเขาจูบซับไปทุกส่วน ทุกซอก ทุกมุมร่างบางสั่นสะท้านไหว มือบางยกกระหวัดโอบรอบคอเขาไว้แน่น หวาดกลัวและเสียวซ่านผสมปนเป เขาแทรกซึมเข้าหาและรู้ว่าคนใต้ร่างยังไม่เคยผ่านชายใด ผ่อนปรน และค่อยๆ เร่าร้อนขึ้นทุกขณะ นาราภัทรสวยไปหมดทั้งใบหน้าและร่างกาย เธอทำให้เขาแทบหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างหญิงสาวกรีดร้องน้ำตารินไหล เมื่อรับรู้ว่าตนเองได้สูญเสียสิ่งที่เฝ้าระแวดระวัง ความสวยเป็นของอันตราย เธอไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องตกเป็นของคนแปลกหน้าที่รู้จักได้ไม่กี่วัน ไม่คิดว่าชีวิตนี้ต้องเป็นที่ระบายความใคร่ของใครโดยไม่ตั้งใจ ไม่ยินยอม เขาหยุดขยับกายแล้วผละห่าง คนตัวเล็กหันหลังตะแคงสะอื้นไม่หยุดทว่าฤทธิ์ยายังไม่ผ่อนลง เขาขบกรามแล้วรั้งร่างบางให้หันมาเผชิญหน้า แววตาทอดมองมามีความตื่นตระหนกหวาดหวั่น เขาไม่ได้ตั้งใจ ถึงรู้ว่าเจ้าของเรือนร่า
ชัยวุฒิผ่ายมือเชิญแขกเข้ามา เจ๊มะนาวนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของห้อง แล้ววางเงินไว้ตรงหน้า เขาขมวดคิ้วมองสีหน้าสงสัย“อะไรครับเจ๊” ชัยวุฒิเอ่ยถาม แล้วมองเลยไปยังด้านหลัง เห็นสาวที่เจ้าตัวหมายตากำลังยืนสงบนิ่ง“หนี้ของนาราไง ฉันใช้คืนให้”เขาหัวเราะ “ใช้คืน ใช้ทำไมกันเจ๊!”“ฉันต้องการพาตัวนาราไปทำงานด้วย” เจ๊อธิบาย สีหน้าเครียดขึ้น รู้สึกรำคาญกับท่าทางกวนประสาทของหมอนี่ชัยวุฒิกัดฟันขบกรามแน่น แน่ล่ะ ทำไมเจ๊จะไม่อยากได้ ก็สวยออกขนาดนั้น เป็นดาราคงทำเงินได้ไม่น้อย แต่เขายังไม่เคยชิมสักครั้ง เกิดเป็นคนดัง จะชิมคงลำบาก“ไม่! ผมไม่ยอม!” ชัยวุฒิปฏิเสธเสียงแข็ง“คุณปฏิเสธเจ๊ได้ด้วยเหรอชัยวุฒิ สัญญาระบุไว้ว่ายังไง นาราเอาให้เจ๊อ่านแล้วนะ ถ้ามีเงินใช้หนี้มันก็จบไม่ใช่หรือไง ถ้าคุณรั้งไว้ ระวังจะกลายเป็นคดีความเอานะ”“ผมไม่กลัวเรื่องคดี ผมไม่ให้นาราไป!”เจ๊มะนาวกระตุกยิ้มมุมปาก“อยากได้นาราเป็นเมียน้อยเหรอ ไม่ได้เอาก็เลยยังไม่อยากยกให้ ถ้าดังขึ้นมาคงเอายากใช่ไหม!” มะนาวเริ่มเสียงดัง ชัยวุฒิขบกรามตีหน้าเครียด“เจ๊อย่ามากล่าวหาผมดีกว่า”“แล้วแกมีปัญหาอะไรถึงไม่ยอม!”ชัยวุฒิฮึดฮัด ทำหูทวนลม จนมะนาวทนไม
ประตูห้องพักเปิดออก บอดี้การ์ดสองคนกางแขนกั้นไม่ให้ภีมพลเข้าด้านใน ทว่าเขากลับใช้กำลังจัดการพวกมัน จนหมอบราบคาบ ธามไทยืนนิ่งมองเจ้านาย ไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน ภีมพลตรงไปยังร่างเพรียวระหงส์ที่ลุกยืนมองมา เมื่อถึงตัวมือหนาจับไหล่มนแล้วบีบสุดแรง“โอ้ย! ขวัญเจ็บนะภีม!!” ขวัญจิราร้อง แล้วดิ้นรนเพื่อหลีกหนี แต่มือเขาราวคีมเหล็ก“เรื่องนี้พ่อต้องรู้!”เธอยกมือดันแผงอกแล้วผลักสุดแรง ทว่าคนถูกผลักกลับไม่สะเทือน“ปล่อยนะภีม ขวัญเจ็บ!” ขวัญจิราร้อง เบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด“เธอทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนบาป ทำร้ายคนบริสุทธิ์!” ผลักร่างบางจนล้มกองกับพื้นมือหนากำแน่น เป็นครั้งแรกที่อยากทำร้ายผู้หญิง หากบีบคอได้คงทำไปแล้ว ภีมพลขบกรามสูดลมหายใจเข้าปอด ในอกมันจุกแน่นไปหมด เขาจะมองหน้าเธอคนนั้นได้อย่างไรกันขวัญจิรายิ้มเย้ย แล้วแหงนมอง“คนบาปงั้นเหรอ ในความเป็นจริงคุณก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!”เขาย่อกายลง ดวงตาเรียวคมจ้องมอง มันเยือกเย็นแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว“ต่อให้ต้องแตกหัก พ่อต้องรู้เรื่องนี้ ฉันมีพยานและภาพจากกล้องวงจรปิด เธอพยายามทำให้ฉันกลายเป็นลูกอกตัญญู เธอไม่รู้จริงๆ เหรอว่าฉันหมดรักเธอนาน
ภีมพลล้วงกระเป๋าสูท หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา นาราภัทรชะงักดวงตาเบิกกว้างน้ำตาเริ่มไหลริน มือบางยกปิดปากเก็บอาการดีใจเอาไว้ เขาคุกเข่าต่อหน้านักข่าว“นารา... แต่งงานกับผมนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ “ค่ะคุณภีม”แหวนถูกบรรจงสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ครอบครองมันขวัญจิรากรีดร้อง น้ำตานองหน้า เมื่อเห็นข่าวในโลกโซเชียล ทำไมพวกมันถึงมีความสุข แล้วเหตุใดเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ทุกวันนี้ข้าวจะกินแทบไม่มี ต้องอดอยาก ถูกคนอื่นตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ“เท่าไหร่น้อง!” เสียงลูกค้าเอ่ยถามขวัญจิรารีบเก็บอาการ “พันนึงค่ะพี่ ค้างคืนถึงเช้าเลยจ้ะ”ลูกค้าสองคนมองหน้ากัน “สองคนพันนึงไหวไหม”แม่ค้าชักสีหน้าแต่รีบเก็บอาการ วันนี้ยังไม่ได้ลูกค้า ถ้าปฏิเสธคงลำบากแน่“เพิ่มอีกสักห้าร้อยได้ไหมคะ”“สองร้อย ถ้าไม่ได้ไม่เอา”“ได้จ้ะๆ พันสองนะคะ”ประตูรถเปิดออก ร่างบางแทรกกายนั่ง ยังไม่ทันถึงห้อง เธอต้องบำรุงบำเรอลูกค้ากลัดมันขณะรถขับเคลื่อนอยู่ อีกคนจบ อีกคนก็สลับมาแทน ถึงบ้านพักไม่ทันได้อาบน้ำก็ถูกกระชากลากขึ้นเตียง จากนั้นพากับอัพยาคนละเม็ด ร่างกายเธอแทบลุกไม่ไหวเม
รุ่งรันต์มองหน้าเด็กแล้วถอนหายใจ ชีวิตเด็กคนนี้น่าสงสาร แต่ยังมีวาสนาอยู่บ้าง คงไม่มีใครเหมือนนาราอีกแล้ว ที่พ่อของลูกย้อนกลับมาสร้างความสัมพันธ์กันตั้งแต่ศูนย์รถจอดเสียงดังจนคนในบ้านชะงัก นาราภัทรและเจ๊มะนาวมองหน้ากันแล้วเดินออกมา เห็นร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูลงมา เขาเร่งฝีเท้ามาหยุดยืนหน้าคนรักแล้วดึงมือบางมากุมไว้“นารา ผมขอโทษ เกิดเรื่องกับคุณอีกแล้ว!” สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความห่วงใย รุ่งรันต์เม้มริมฝีปากแล้วระบายลมหายใจ“เรื่องนี้คุณจะทำยังไงคะ คุณภีมพล ในเมื่อคุณมีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” มะนาวถามหาความรับผิดชอบ และคิดว่ามีเพียงเขาที่แก้ปัญหานี้ได้“ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ผมไม่มีทางทำให้นาราต้องเจ็บปวดหรือร้องไห้อีก” เขายืนยันเสียงหนักแน่นนาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องข่าวสักเท่าไหร่ ในวงการบันเทิงสามารถกอบโกยเงินได้มากก็จริง ทว่ามันไม่ได้สร้างความสุขให้เลย มีแต่คนริษยาแก่งแย่งชิงดีกัน เธอเองคงยืนในสถานะดาราดังได้ไม่นานสามคนพากันเดินเข้าห้องรับรองในบ้าน แล้วนั่งปรึกษากัน“พรุ่งนี้ผมนัดนักข่าวเพื่อแถลงข่าวแล้ว”“แล้วจะแถลงข่าวยังไงให้นาราไม่กลายเป็นประเด็
ขวัญจิรากัดฟันเมื่อเห็นข่าวตามหน้าหนังสือ และสื่อในโลกออนไลน์ มือยกนิตยสารฉีกจนขาดวิ่น แล้วเหวี่ยงลงพื้น กระทืบซ้ำด้วยความเกลียดชัง และขออาฆาตแค้นคนในรูปไปตลอดเธอหยิบมือถือติดต่อหาเพื่อนสนิท ไม่มีวันให้มันได้มีความสุข รวมถึงเขาด้วย บังอาจทอดทิ้งเธอไม่ไยดี“ว่าไงขวัญ” เสียงวิชาญรับสาย“เจอกันหน่อยได้ไหม”“มีอะไรอีกล่ะ ช่วงนี้ฉันยุ่งนะ”“ออกมาเถอะน่า รอบนี้ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย สองแสนพอไหม”ปลายสายชะงักแล้วยิ้มกว้าง“ตกลง เดี๋ยวไปหานะ”วิชาญเดินทางถึงคอนโด เมื่อประตูเปิดออก เขารีบแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาตัวยาว ขวัญจิรารีบนั่งลงตรงข้าม“มีอะไรจะใช้งานอีกล่ะ!” วิชาญถามแล้วระบายลมหายใจ“ฉันอยากให้ช่วยจัดการนังนาราภัทรหน่อย”วิชายตวัดสายตามองสีหน้าตกใจ“จะทำอะไรอีกล่ะขวัญ แค่ที่ทำไปมันยังไม่พอหรือไง ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงประกันตัว หาเรื่องใส่ตัวเดี๋ยวก็โดนหนักขึ้นอีกหรอก!” คนเป็นเพื่อนเตือน“ช่างมัน! คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ตอนนี้ทำอะไรได้บ้างนอกจากนอนอยู่ในห้องไปวันๆ งานที่ไหนก็ไม่จ้าง เงินเก็บก็ร่อยหรอลงไปทุกที!”“ถ้ารู้ว่าลำบาก ก็อย่าเลยดีกว่าไหม” ไม่คิดว่าขวัญจ
สองอาทิตย์ต่อมาร่างคนเจ็บยังคงอยู่บนเตียง ศีรษะและขามีผ้าพันไว้ เขาต้องเข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกหัก และเย็บแผลตรงขาเนื่องจากมีแผลฉีกขาดเป็นทางยาว เขาตื่นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ร้าวระบมไปทั่วร่าง นึกว่าตนเองคงตายไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น โชคดีที่ยังรอด ได้กลับมาแก้ตัวกับคนที่รักอีก“ภีมเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกมีความสำคัญกับชีวิตเขามากแค่ไหน“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ” เขาบอก แล้วกวาดตามองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน แต่วันนี้กลับไม่มีวี่แววอรรถเดชรู้สึกได้ “มองหานาราอยู่เหรอ”เขายิ้มบางๆ “เธอคงไม่มา”คนที่มาเยี่ยม พบนาราบ่อยครั้ง มีเพียงเขาที่ตื่นมาไม่เคยพบเธอเลย นาราทำเหมือนต้องการหลบหน้า เขาอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ยังดีเสียกว่ารู้ความจริงแล้วต้องเจ็บปวดแอด..เสียงประตูดัง ร่างบางก้าวเข้ามาในอ้อมแขนมีเด็กหญิงอายุราวๆ สองขวบ เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆ แล้วยิ้มด้วยความดีใจ ภีมพลชะงักจ้องมองด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น เขาขยับเตียงให้หลังตรงเพื่อมองหน้าเด็กคนนั้นให้ชัดเจนนาราภัทรอุ้มน้ำฟ้ามายืนข้างเตียง เด็กน้อยมองดูค
เธอเดินผ่านหน้า เขาคว้าข้อมือจับไว้แล้วบีบเบาๆ“หากวันใดคุณแต่งงานกับผม ผมก็ต้องรู้ คุณจะปิดผมไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!”คนถูกจับหันกลับมามองทั้งน้ำตา“ฉันไม่คิดปิดบัง แต่ฉันยังไม่อาจทำใจได้ ถึงน้ำฟ้าจะไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ แต่ฉันก็รักเขามาก คุณคงไม่เข้าใจเพราะตลอดเวลาที่ฉันเลี้ยงน้ำฟ้ามา คุณไม่เคยอยู่เคียงข้าง คุณอาจหลงลืมคนที่คุณทำร้ายไปแล้วด้วยซ้ำในเวลานั้น”ชายหนุ่มหลับตาเพื่อกลั้นน้ำตา“เพราะคุณไม่เคยบอก รู้ไหม... ว่าผมตามหาคุณตลอด ผมต้องการรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมหาคุณไม่พบ”หญิงสาวบิดข้อมือให้พ้นการเกาะกุม ช้อนสายตามองคนรักทั้งน้ำตา ใช่เธอยังรักเขา แต่ในหัวมันสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี“ฉันขอเวลานะคะภีม ขอเวลาให้ฉันได้คิด ใคร่ครวญทุกอย่าง”“แล้วผมละนารา ระหว่างที่คุณขอเวลา ผมควรทำยังไง” เป็นครั้งแรกที่อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ เจ็บแบบนี้เพิ่งเคยเผชิญ มันทรมานเหลือเกิน ต้องจากกันทั้งที่ยังรัก แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเหมือนเดิมอีก"ฉันขอร้อง ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ ขอเวลาคิดหน่อยนะคะ”คนตัวเล็กไม่ให้อีกคนตอบ เดินออกมาจากบ้านแล้วใส่กระเป๋าไว้ท้าย ขับเคลื่อนออก ภีมพ
ประตูห้องนอนเปิดออก ร่างบางก้าวออกมาดวงตาแดงก่ำ เดินลงมาถึงชั้นล่างเห็นเขายืนพูดคุยกับสาวใช้ เมื่อสบตากันรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมา นาราภัทรเม้มริมฝีปาก ภีมพลขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคนรักผิดปกติ เขาเดินมาหารั้งมือบางมากุมไว้“เป็นอะไรครับ” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็กดึงมือออก มองเขาแววตาเย็นชา น้ำตาเริ่มคลอ“นารา...”ริมฝีปากบางสั่นระริก เจ็บตรงหัวใจเหลือเกิน เธออยากมีความสุข แต่กลับไม่หลุดพ้นห้วงความทุกข์ในอดีตเสียที“คุณภีม... คุณจำฉันได้บ้างหรือเปล่า” เสียงแผ่วเบาถาม น้ำตาเริ่มไหลรินภีมพลชะงักดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าคนรัก สีหน้าเริ่มเผือดลง“หมายความว่ายังไงครับ” พยายามทำใจดีสู้เสือ แต่แววตาเธอบ่งบอกมาหมดแล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ความเจ็บช้ำในอดีตตามหลอกหลอนเธอไม่เคยเจือจาง เธอเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าหากไม่ได้เจ๊มะนาวช่วยเหลือ คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไม่เคยจำเรื่องที่ทำไว้ในอดีตเลยเหรอคะ ไม่เคยจำว่าทำร้ายใครไว้ ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเจ็บปวดแค่ไหนด้วยใช่ไหม!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา มือจับหน้าอกข้างซ้ายรวดร้าวทรมานคนถูกตำหนิเข้าโอบประคอง แต่เธอกลับเบี่ยงก
หญิงสาวหลับตาพยายามข่มใจตัวเอง ทำไมหัวใจมันถึงเต้นระรัวแบบนี้ นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก“คือว่า..” คนตัวเล็กอึกอัก“ไม่ได้เหรอครับ”“เปล่าค่ะ”“เช่นนั้นแล้ว...” ภีมพลนิ่งเพื่อรอคำตอบ จากคำถามเมื่อครู่“ค่ะ ฉัน... ก็รู้สึกเหมือนคุณ”เขาคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ ความรู้สึกมากมายมันขยับขยายขึ้นเรื่อย สักวันเขาจะสารภาพเรื่องทุกอย่าง และขอให้เธออภัยให้เขาขวัญจิรากุมขมับเมื่อศาลตัดสินโทษให้จำคุกหนึ่งปี ไม่รอลงอาญา เธอหวาดหวั่นหวาดกลัว จนต้องตัดสินใจเดินทางมาพบสามีเพื่อให้เขาช่วยเหลือ เธอทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้าทันทีเมื่อมาถึงห้องพักของเขา อรรถเดชทอดสายตามองไร้ความอาลัย สำหรับเขาขวัญจิราไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ภีมพลต่างหากที่สำคัญ เขารู้ซึ้งในข้อนี้ ตั้งแต่ลูกขนข้าวของออกไป ให้ขวัญจิราเข้ามาแทนที่ ในใจรู้สึกผิดกับภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อเขาไล่เธอออกไป เหมือนปลดทุกข์ออกจากความรู้สึกทั้งหมดคนกระทำผิดน้ำตานองหน้า วิงวอนขอร้องให้สามีช่วยเหลือ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว เงินเก็บยิ่งนานวันก็ยิ่งหมดไปกับการต่อสู้คดี ทุกวันนี้ต้องวิ่งเต้นหาทนายเก่งๆ เพื่อแก้ต่าง จนแทบไม่มีเวลาทำงานเลย“คุณอ
ขวัญจิราตีหน้าเบื่อหน่าย “ก็บอกตามตรงไปเลยดีกว่าไหมวิชาญ จะมาอมพะนำทำไม!”“เออ ก็ได้!” วิชายตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เด็กคนนี้เป็นลูกของนาราภัทร!”“ลูกงั้นเหรอ!” คนฟังร้องลั่น รีบหยิบกล้องมาส่องภาพในนั้นใหม่อีกครั้ง“ฉันได้ยินนารามันเรียกเด็กคนนี้ว่าน้ำฟ้า ยัยเจ๊มะนาวนั้นมันก็บอกว่าถ้าอยากมาหาลูกให้หายก่อน จะให้คิดว่ายังไงถ้าไม่ใช่ลูกที่ยัยนาราภัทรนั่นซุกไว้!” เขาหยิบกล้องออกมา แล้วกดคลิปที่ถ่ายเอาไว้ “ถ้าไม่เชื่อดูคลิปได้เลย มีเสียงพูดอยู่”ขวัญจิราดูคลิปภาพเคลื่อนไหว ได้ยินชัดทั้งเสียง ทั้งภาพ เธอยิ้มกว้าง ข่าวใหญ่กว่าที่คิด แม่นี่มีความลับอันแสนทุเรศปิดบังไว้เลยนะเนี่ย“ทำดีมากวิชาญ ข่าวนี้ถูกใจฉันมาก” เธอบอกเสียงเย็น มองดูภาพนั้น นาราภัทรมันต้องสิ้นชื่อ“คำชมอย่างเดียวไม่โอเคหรอกนะ ต้องมีของตอบแทนอย่างอื่นด้วย”“ได้สิ” ขวัญจิราตอบกลับ แล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง “แสนนึงพอใช่ไหม”วิชาญหยิบมากรีดแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ“จะเรียกใช้อะไรอีกก็บอกแล้วกัน”ขวัญจิราไม่ได้ตอบเพื่อน แต่เลื่อนภาพอื่นดูต่อ เรื่องนี้ถ้าถึงหูอดีตคนรัก อยากรู้นักว่าเขาจะยอมรับได้หรือเปล่าที่แฟนใหม่มีลูกติดม
เจ้าของท่อนแขนสะบัดออก เหลือบเห็นแววตาบิดามองมา มันบ่งบอกถึงความเสียใจ“ปล่อยผม แล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก!”ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ขวัญจิราผวาคิดเข้าขวาง กลับถูกสามีกระชากเรียวแขนไว้“ปล่อยฉันนะคุณอรรถ บอกให้ปล่อยไงเล่า!” กรีดร้องดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อย แต่ไม่เป็นผลเธอถูกรั้งให้หันมาเผชิญหน้า พยายามขัดขืนเท่าไหร่ อีกฝ่ายไม่ยินยอมเพียะ!ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ดวงตาคมวาวโรจน์ ขวัญจิราไม่เคยรักเขา และไม่เคยคิดเกรงใจต่อหน้ายังขนาดนี้ลับหลังมันขนาดไหนกัน ลูกต้องอดทนแค่ไหนกับผู้หญิงคนนี้“ถ้ารักลูกชายผมมาก ก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ!” ชี้นิ้วไปยังหน้าประตู ขวัญจิรารู้สึกตัวทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น“ไม่ค่ะ ขวัญไม่ไป คุณอรรถขวัญผิดไปแล้ว”“เธอทำเหมือนฉันไม่มีความหมาย ไม่ให้เกียรติ นึกว่าฉันจะทนกับเธองั้นเหรอขวัญจิรา!” ตวาดเสียงลั่นคนถูกตวาดกอดขาสามีไว้แน่น “ขวัญผิดไปแล้วค่ะคุณอรรรถ อย่าไล่ขวัญเลย ขวัญพูดออกไปเพราะโกรธที่คุณคิดมีเมียอีก!”เขาสะบัดท่อนขาออก มองภรรยาแววตาเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณมากพอแล้วขวัญ จากนี้ไปเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันต่างคนต่างอยู่!”ขวัญจิรารู้แน่ว่าสามีไม่ต้องการอ