ขวัญจิราตระหนกตกใจ บอดี้การ์ดรีบกระชากร่างเจ้านายออกจากบริเวณนั้น ปล่อยให้คนเจ็บนอนกองกับพื้น
นาราภัทรรีบวิ่งเข้ามาดูคนเจ็บ พยุงร่างบอบช้ำไว้ ใบหน้าเขียวช้ำโชคดีที่มาทัน ไม่งั้นคงเละแน่ คิ้วบางขมวดเมื่อมองหน้าชัดๆ ปากอ้าค้างด้วยความตกใจ
“คะ...คุณเมื่อเช้า!”
รวินดาปรือตามอง “อย่าบอกใครนะ ขอร้อง...”
“บอกใครเรื่องไหน เรื่องคุณกับภีมพล หรือเรื่องที่คุณถูกทำร้าย!” หญิงสาวถามรัว
“ทั้งสองเรื่อง อย่าบอกใคร ไม่อย่างนั้นพวกมันต้องฆ่าฉันตายแน่!”
“พาฉันไปหาภีม พาไปหาเขาที”
ให้ตายสิ เธออยากจะบ้า ช่วยแล้วยังต้องลำบากอีก ควรทำยังไงดี ช่วยหรือไม่ช่วย จะซวยหรือเปล่า คนพวกนั้นดูโหดเสียด้วย
“ฉันจะพาคุณไปหลบที่ห้องฉันใกล้ๆ นี้ก่อน แล้วจะไปตามผู้ชายของคุณมาหาก็แล้วกัน!”
เธอพยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ นาราภัทรพยุงร่างบอบช้ำไปยังห้องตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆ จับคนเจ็บเอนกายนอนลงบนเตียง แล้วออกมาจากห้อง เร่งฝีเท้าไปหาเป้าหมาย ไม่อยากไปเลยจริงๆ ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอหงุดหงิดพิลึก จนแทบอยากตบหน้าเสียด้วยซ้ำ วันนั้นแทนที่จะหยุดปกปิด แต่กลับทำหน้าตาเหมือนจะกวนอารมณ์ มันทำให้เธอละอายจนต้องหนีไปเอง
ก๊อก ก๊อก
เคาะประตูหน้าห้อง ธามไทเปิดประตูออก เผชิญหน้ากับหญิงสาวที่เจ้านายให้สืบหา เธอสวยจริงๆ ไม่แปลกที่คุณภีมพลให้ความสนใจ
“มาทำอะไรครับ” ธามไทถามเสียงเรียบ
“ฉันต้องการพบเจ้านายคุณ!”
“สักครู่” เขาปิดประตูลง
ภีมพลเหลือบมองลูกน้องเดินเข้ามาหา
“มีอะไรเหรอ” ชายหนุ่มถาม แล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“เธอมาครับ”
“ใคร?”
“นาราภัทร คนที่คุณให้ตามสืบ”
คิ้วเข้มขมวดหากันหนักกว่าเก่า ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกล้ามาหาเขาถึงห้อง เขาคลี่ยิ้มกว้าง
“ให้เข้ามา”
นาราภัทรถูกเชื้อเชิญเข้ามาในห้อง เธอยืนต่อหน้าเขาท่าทีร้อนรนจนสังเกตได้
“คุณต้องไปช่วยแฟนคุณ แฟนคุณโดนทำร้ายอยู่ที่ห้องของฉัน!” หญิงสาวรีบบอกรัว
“ใครแฟนผม?” เขาย้อนถาม สีหน้ามึนงง
คนถูกถามกัดฟัน จะให้พูดยังไง โป๊ขนาดนั้น ไม่ใช่แฟนแล้วอะไร ทำไมยังมาทำหน้าตาเหมือนไม่รู้เรื่องไปได้
“ก็คนที่ฉันเจอเมื่อเช้าไง ที่คุณกอดกันออกมาจากห้อง!”
“หวานนะเหรอ”
คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาหงุดหงิด เธอหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอด
“ฉันไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่จำหน้าได้ว่าเธอคือคนที่ฉันเจอเมื่อตอนเช้าในห้องของคุณ จะไปไหมคะ ถ้าไม่ไปเธออาจโดนทำร้ายจนตายได้นะ!”
ชายหนุ่มลุกยืนเต็มความสูง “ที่ไหนล่ะ”
นาราภัทรเร่งฝีเท้า พาเขามาถึงห้องพักตนเอง ภีมพลกวาดตามองรอบๆ ห้องพนักงานห้องนี้เป็นห้องเดียว มีที่นอนห้องน้ำ แล้วก็พื้นที่ใช้สอยนิดหน่อย เล็กแคบไม่น่าอยู่เอาเสียเลย บนเตียงมีคู่ขาเขานอนหายใจผะแผ่วอยู่ ชายหนุ่มรีบทรุดกายลงนั่งบนเตียงจับชีพจร แล้วตรวจดูใบหน้า
“ธามไทพาไปที่ห้อง เสร็จแล้วโทรตามหมอมาหน่อย”
“ได้ครับ”
ร่างคนเจ็บถูกช้อนอุ้มพาออกจากห้องไป นาราภัทรยืนมอง จังหวะนั้นเขาหันกลับมาแล้วยิ้มกว้าง ก่อนก้าวติดตามลูกน้องไป หญิงสาวเบ้ปากใส่แผ่นหลัง
หล่อตายล่ะ!
เปลือกตาค่อยๆ เปิดออก ใบหน้าปวดร้าวระบบ รวินดาปรือตามอง สภาพในห้องเปลี่ยนไป ขยับกายเล็กน้อยก็ปวดร้าวไปทั้งหน้า ก่อนหน้านั้นเธอถูกขวัญจิราเล่นงานอย่างหนักหน่วง ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ กล้าทำร้ายเธอบนเรือ โดยไม่คิดว่าใครจะมาเห็นเสียด้วยซ้ำ
“ฉันขอน้ำหน่อยได้ไหม” เสียงหวานผะแผ่วร้องขอน้ำดื่ม ริมฝีปากมันขยับได้ยากเพราะเจ่อบวม จากฤทธิ์ฝ่ามือของขวัญจิรา และบอดี้การ์ดที่คอยติดตาม
ธามไทชะงัก แล้วหยิบน้ำมาป้อนให้ตามคำขอ ก่อนเดินออกจากห้องแล้วตรงไปแจ้งข่าวแก่เจ้านาย ภีมพลเข้ามายืนข้างเตียงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
“เป็นยังไงบ้าง”
“เจ็บค่ะ ระบบไปหมด” เธอตอบเสียงเบา
ภีมพลระบายลมหายใจ “เกิดอะไรขึ้นเหรอหวาน”
คนถูกถามน้ำตาคลอ นึกขุ่นเคืองในใจ ขวัญจิราร้ายกาจ ยิ่งได้บิดาของภีมพลเป็นสามี ยิ่งมีอำนาจ หวังได้สมบัติและลูกเลี้ยง
“ขวัญจิราทำร้ายฉัน เพราะฉันมานอนกับคุณ!” หญิงสาวตอบตามตรง คนฟังนิ่งไปครู่หนึ่ง มือกำแน่น
เขาเอื้อมมือลูบเรือนผมแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร ผมจัดการเรื่องนี้เอง คุณพักผ่อนเถอะนะ”
ขวัญจิราหลับตาลงลมหายใจสม่ำเสมอ อาการเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นอกจากบวมช้ำภายนอก แต่การกระทำของขวัญจิราไม่น่าให้อภัย เขาเลิกกับเธอไปนานแล้ว ตั้งแต่เธอเสนอตัวเข้ามาเป็นแม่เลี้ยง เป็นเมียอีกคนของพ่อ นับจากวันนั้นหัวใจก็หยุดลง ไม่คิดสานต่ออะไรกับผู้หญิงคนนี้อีก ทำไมเธอไม่ยอมรามือง่ายๆ หรือต้องให้เขาบอกพ่อกันแน่
“ธามไท ไปบอกขวัญจิรา ผมอยากเจอตอนสามทุ่มวันนี้”
“ได้ครับ” ธามไทรับคำ แล้วเดินออกจากห้อง
ประตูห้องพักเปิดออก บอดี้การ์ดขวัญจิรากางมือกั้น จนเจ้าของห้องอนุญาต ธามไทเดินเข้างในแล้วก้มศีรษะเพื่อทำความเคารพ อย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็คือเมียนายใหญ่
“มีอะไรหรือธามไท” เธอถามเสียงเบา แล้วยิ้มเย็น
“คุณภีมขอพบคุณตอนสามทุ่มครับ”
เธอชะงักแล้วยิ้มกว้าง
“ได้สิ แต่บอกเขานะว่าให้มาเจอฉันที่ห้อง”
“ได้ครับ” ธามไทออกมา
เมื่อพูดคุยกับเจ้านาย เรื่องที่ขวัญจิราต้องการ ภีมพลรู้ดีว่าอดีตคนรักไม่ธรรมดา คงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
“ไปกับฉันด้วยแล้วกันธามไท ฉันไม่อยากมีปัญหา”
“ครับ”
สามทุ่มตรงร่างสูงยืนอยู่หน้าห้อง เจ้าของห้องให้บอดี้การ์ดพาเข้ามา ธามไทยืนอยู่ด้านซ้ายมือเจ้านายตลอด เขาเองก็กังวลกลัวเจ้านายตนพลาดเช่นเดียวกัน ขวัญจิราไขว่ห้างมองมายังลูกเลี้ยงหนุ่มแล้วยิ้มยั่ว
“มีอะไรเหรอคะถึงได้ขอนัดฉัน” เธอถามเสียงพร่า ดวงตาทอดมองไปยังคนรักเก่าไม่ละ
คนถูกถามตีหน้าเรียบนิ่ง “ทำไมต้องทำร้ายรวินดา”
หญิงสาวเลิ่กคิ้วมอง แล้วยักไหล่
“ฉันเปล่านะคะ”
“งั้นเหรอ?” ชายหนุ่มขบกรามแน่น พยายามอดทนถึงที่สุด “ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร เอาไว้ผมไปคุยกับพ่อเองก็แล้วกัน!” ภีมพลตัดบทแล้วลุกยืน เจ้าของห้องกัดฟันแล้วลุกตาม
“คุณอยากให้พ่อคุณรู้หรือไงว่าเราเคยเป็นอะไรกัน!”
“ผมคงไม่เสียหายล่ะมั้งหากพ่อรู้ แต่คุณคงไม่ใช่ เพราะพ่อคงคิดว่าเป็นแฟนลูก แต่มาเลือกพ่อ แล้วเลือกเพราะอะไรพ่อเป็นคนฉลาด คงเห็นเจตนาคุณชัดเจนขวัญ!”
มือบางกำแน่น แววตาเจ็บปวด“ฉันเคยอธิบายคุณไปแล้ว ว่าฉันทำเพื่อครอบครัว!”“ถ้าทำเพื่อครอบครัว ก็ทำตัวให้มันดีๆ อย่ามาวุ่นวายกับผม ผมไม่นิยมมีเมียคนเดียวกับพ่อเข้าใจไหม!” เขาตวาดลั่น “คุณอยากให้ผมเป็นไอ้ลูกทรพีแย่งเมียพ่อหรือไง เราเลิกกันแล้วคุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับผม ถ้าไม่เลิก อย่าหาว่าผมไม่เตือน ผมถือว่าผมอดทนกับคุณมามากพอแล้วขวัญ!”คนถูกตวาดน้ำตานองหน้า ริมฝีปากสั่นระริก“ฉันยังรักคุณ คุณก็รู้ภีม”เขาหัวเราะในลำคอ “รักเหรอ? รักภาษาอะไร ถ้ารักผมมากพอคุณน่าจะรอได้ แต่คุณรอไม่ได้ไงขวัญ”“ฉันมีความจำเป็น คุณก็รู้”“เปล่าเลยผมไม่รู้อะไรเลย ผมไม่ต้องการจะรู้ด้วย คุณคือเมียของพ่อผม ผมรู้แค่นี้เข้าใจไหม!”มือบางยกปิดปาก ทรุดกายลงนั่งกับโซฟา เขาหันกายเพื่อกลับ“เดี๋ยวก่อนได้ไหมภีม ดื่มกับขวัญสักแก้ว เหมือนที่เมื่อก่อนเราเคยดื่มด้วยกันได้ไหม ขวัญสัญญาว่าขวัญจะหยุดทุกอย่าง”เขาหันมาสีหน้าไม่ไว้ใจ “อย่าดีกว่า ผมไม่อยากเชื่อใจอะไรคุณอีก”หญิงสาวหัวเราะ “คุณกลัวขวัญเหรอ กลัวทั้งๆ ที่ธามไทอยู่ด้วย”ภีมพลเหลือบมองลูกน้อง แล้วเดินกลับมากระแทกก้นลงบนโซฟาระบายลมหายใจ“แก้วเดียวเท่านั้น!”เธอรินไวน์ขาวใส่
แควก!มือบางยกปิดบังไม่ยอมให้ถูกรุกรานโดยง่าย แต่มีหรือที่อีกคนจะยินยอม ร่างสูงใหญ่ปลดอาภรณ์จากร่างกายแล้วใช้ความชำนาญกลืนกินอีกคน ความเดียงสาทำให้เธอไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ร่างกายมันร้อนวูบวาบ ความรัญจวนพุ่งทะยาน เธอเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ลมหายใจหอบถี่ขึ้นทุกขณะยามเขาจูบซับไปทุกส่วน ทุกซอก ทุกมุมร่างบางสั่นสะท้านไหว มือบางยกกระหวัดโอบรอบคอเขาไว้แน่น หวาดกลัวและเสียวซ่านผสมปนเป เขาแทรกซึมเข้าหาและรู้ว่าคนใต้ร่างยังไม่เคยผ่านชายใด ผ่อนปรน และค่อยๆ เร่าร้อนขึ้นทุกขณะ นาราภัทรสวยไปหมดทั้งใบหน้าและร่างกาย เธอทำให้เขาแทบหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างหญิงสาวกรีดร้องน้ำตารินไหล เมื่อรับรู้ว่าตนเองได้สูญเสียสิ่งที่เฝ้าระแวดระวัง ความสวยเป็นของอันตราย เธอไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องตกเป็นของคนแปลกหน้าที่รู้จักได้ไม่กี่วัน ไม่คิดว่าชีวิตนี้ต้องเป็นที่ระบายความใคร่ของใครโดยไม่ตั้งใจ ไม่ยินยอม เขาหยุดขยับกายแล้วผละห่าง คนตัวเล็กหันหลังตะแคงสะอื้นไม่หยุดทว่าฤทธิ์ยายังไม่ผ่อนลง เขาขบกรามแล้วรั้งร่างบางให้หันมาเผชิญหน้า แววตาทอดมองมามีความตื่นตระหนกหวาดหวั่น เขาไม่ได้ตั้งใจ ถึงรู้ว่าเจ้าของเรือนร่า
ชัยวุฒิผ่ายมือเชิญแขกเข้ามา เจ๊มะนาวนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของห้อง แล้ววางเงินไว้ตรงหน้า เขาขมวดคิ้วมองสีหน้าสงสัย“อะไรครับเจ๊” ชัยวุฒิเอ่ยถาม แล้วมองเลยไปยังด้านหลัง เห็นสาวที่เจ้าตัวหมายตากำลังยืนสงบนิ่ง“หนี้ของนาราไง ฉันใช้คืนให้”เขาหัวเราะ “ใช้คืน ใช้ทำไมกันเจ๊!”“ฉันต้องการพาตัวนาราไปทำงานด้วย” เจ๊อธิบาย สีหน้าเครียดขึ้น รู้สึกรำคาญกับท่าทางกวนประสาทของหมอนี่ชัยวุฒิกัดฟันขบกรามแน่น แน่ล่ะ ทำไมเจ๊จะไม่อยากได้ ก็สวยออกขนาดนั้น เป็นดาราคงทำเงินได้ไม่น้อย แต่เขายังไม่เคยชิมสักครั้ง เกิดเป็นคนดัง จะชิมคงลำบาก“ไม่! ผมไม่ยอม!” ชัยวุฒิปฏิเสธเสียงแข็ง“คุณปฏิเสธเจ๊ได้ด้วยเหรอชัยวุฒิ สัญญาระบุไว้ว่ายังไง นาราเอาให้เจ๊อ่านแล้วนะ ถ้ามีเงินใช้หนี้มันก็จบไม่ใช่หรือไง ถ้าคุณรั้งไว้ ระวังจะกลายเป็นคดีความเอานะ”“ผมไม่กลัวเรื่องคดี ผมไม่ให้นาราไป!”เจ๊มะนาวกระตุกยิ้มมุมปาก“อยากได้นาราเป็นเมียน้อยเหรอ ไม่ได้เอาก็เลยยังไม่อยากยกให้ ถ้าดังขึ้นมาคงเอายากใช่ไหม!” มะนาวเริ่มเสียงดัง ชัยวุฒิขบกรามตีหน้าเครียด“เจ๊อย่ามากล่าวหาผมดีกว่า”“แล้วแกมีปัญหาอะไรถึงไม่ยอม!”ชัยวุฒิฮึดฮัด ทำหูทวนลม จนมะนาวทนไม
ประตูห้องพักเปิดออก บอดี้การ์ดสองคนกางแขนกั้นไม่ให้ภีมพลเข้าด้านใน ทว่าเขากลับใช้กำลังจัดการพวกมัน จนหมอบราบคาบ ธามไทยืนนิ่งมองเจ้านาย ไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน ภีมพลตรงไปยังร่างเพรียวระหงส์ที่ลุกยืนมองมา เมื่อถึงตัวมือหนาจับไหล่มนแล้วบีบสุดแรง“โอ้ย! ขวัญเจ็บนะภีม!!” ขวัญจิราร้อง แล้วดิ้นรนเพื่อหลีกหนี แต่มือเขาราวคีมเหล็ก“เรื่องนี้พ่อต้องรู้!”เธอยกมือดันแผงอกแล้วผลักสุดแรง ทว่าคนถูกผลักกลับไม่สะเทือน“ปล่อยนะภีม ขวัญเจ็บ!” ขวัญจิราร้อง เบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด“เธอทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนบาป ทำร้ายคนบริสุทธิ์!” ผลักร่างบางจนล้มกองกับพื้นมือหนากำแน่น เป็นครั้งแรกที่อยากทำร้ายผู้หญิง หากบีบคอได้คงทำไปแล้ว ภีมพลขบกรามสูดลมหายใจเข้าปอด ในอกมันจุกแน่นไปหมด เขาจะมองหน้าเธอคนนั้นได้อย่างไรกันขวัญจิรายิ้มเย้ย แล้วแหงนมอง“คนบาปงั้นเหรอ ในความเป็นจริงคุณก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง!”เขาย่อกายลง ดวงตาเรียวคมจ้องมอง มันเยือกเย็นแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว“ต่อให้ต้องแตกหัก พ่อต้องรู้เรื่องนี้ ฉันมีพยานและภาพจากกล้องวงจรปิด เธอพยายามทำให้ฉันกลายเป็นลูกอกตัญญู เธอไม่รู้จริงๆ เหรอว่าฉันหมดรักเธอนาน
ชัยวุฒินั่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางกวนอารมณ์ ภีมพลทอดสายตามองนิ่ง แล้วเอาสัญญาวางไว้ตรงหน้า เขามองมันแล้วหยิบขึ้นมาอ่าน ก่อนวางลงตามเดิม“อยากได้เรือลำนี้เหรอครับ ว่าแล้วว่าทำไมคุณถึงขึ้นเรือผมมา”“ผมอยากได้คุณจะขายเท่าไหร่ หรือราคาในสัญญามันถูกไป” ภีมพลถาม น้ำเสียงจริงจังคนถูกถามยักไหล่ “ไม่ขาย!”ภีมพลขมวดคิ้ว “ทำไมครับ ผมว่าคุณน่าจะอยากขายเรือลำนี้อยู่ เพราะผมเห็นคุณกำลังประกาศขาย กับพวกเศรษฐีที่ผมรู้จัก”เขาหัวเราะลั่น “ผมขายกับทุกคนได้ แต่ไม่ใช่คุณ คุณภีมพล”ชายหนุ่มชะงัก แล้วตีหน้านิ่ง ก่อนรวบเอกสารสัญญาใส่ในซองตามเดิม แล้วลุกยืนเดินออกจากห้อง ทว่าไม่ทันได้ก้าวออก เสียงของเจ้าของห้องก็ตามมา“เป็นไง เด็กเสริฟ์ผมอร่อยดีไหม” ชัยวุฒิถามไล่หลังเขาหันมา “คุณกำลังหมายถึงอะไร”“แหม.. ทำเป็นไม่รู้เหรอครับ นาราภัทรไงครับ รู้จักดีหรือยัง!” แววตาชัยวุฒิวาวโรจน์ภีมพลนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วสบตา “อย่ามาหาเรื่องกับผมดีกว่า ไม่ขายก็จบกันไป เรื่องอื่นมันเป็นเรื่องส่วนตัว!”ปังประตูปิดลง ชัยวุฒิกระแทกก้นบนโซฟา แววตาเกรี้ยวกราด นึกเสียดายของที่ไม่เคยได้ชิม อยากรู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน คิดแล้วหงุดหงิ
สองปีต่อมา..แชะ แชะ แชะ เสียงแฟลตดังติดต่อกัน แสงวูบวาบทั่วบริเวณงาน ร่างบางในชุดราตรีสีทองปักเลื่อมก้าวเข้ามาอย่างมาดมั่น แล้วหยุดตรงพื้นพรมแดงให้นักข่าวถ่ายภาพ เพียงเวลาไม่นานเธอกลายเป็นดารานางแบบชื่อดัง เพราะหน้าตาและรูปร่างรวมถึงฝีมือการแสดงที่ทำให้ทุกคนติดตามผลงานงานประกาศรางวัลทำให้เธอต้องมาร่วมงานนี้ มีผู้กำกับ และดาราหลายสังกัดเข้ามาประชัดอวดโฉมกันมากมาย เธอคือหนึ่งในนั้น ทันทีที่ก้าวเข้ามานั่งทุกสายตามองมา แล้วหันไปซุบซิบกัน นาราภัทรไม่ได้สนใจ ที่เธอยอมฝันฝ่าอุปสรรคมายืนตรงจุดนี้ เพราะต้องการตอบแทนบุญคุณเจ๊มะนาว ซึ่งคอยชุบเลี้ยงดูแลมาอย่างดี“รางวันนักแสดงหน้าใหม่ได้แก่ คุณนาราภัทรค่า!” เสียงประกาศจากพิธีกร เจ้าของชื่อลุกแล้วก้มศีรษะเล็กน้อย เดินขึ้นสู่เวทีอย่างสง่างามไมค์จอตรงปาก เธอรับถ้วยรางวัลแล้วโชว์มันให้ทุกคนดู“รางวัลนี้ต้องขอบคุณคุณรุ่งรันต์หรือเจ๊มะนาวมากนะคะ ถ้าไม่มีคุณรุ่งรัตน์ นาราก็คงไม่มีทางได้มายืนอยู่ตรงนี้ จุดที่นารายืน นาราต้องฝ่าฟันอะไรมากมาย แต่นาราก็ฝ่าฟันมันมาได้ ขอบคุณทุกแรงเชียร์ และทุกกำลังใจ ที่ส่งมาให้นาราเสมอค่ะ พวกคุณคือสิ่งสำคัญในชีวิตนารานะ
ผู้กำกับชื่อดังช้อนสายตามองน้องสาว“อย่ามาทำให้งานพี่เสีย กลับไปทำงานไป”“ขวัญไม่ยอมนะพี่ ขวัญไม่ชอบหน้านังนั่นเลย วันนี้มันเข้าไปพบคุณอรรถมาที่ห้องด้วย พี่ลองคิดดูว่ามันต้องการอะไร พี่จะยอมให้ขวัญโดนแย่งสามีเหรอ!”สุเชษฐถอนหายใจ “ขวัญ เรื่องนี้เอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินไม่ได้ ผู้ใหญ่หลายท่านเห็นด้วยว่าต้องเป็นนารา”“ขวัญจัดการเอง พี่แค่หานางเอกคนใหม่มาแค่นั้น เรื่องผู้บริหารขวัญจะไปคุยเอง”“พี่รอคำสั่งผู้ใหญ่เท่านั้น ถ้าไม่มีคำสั่งพี่ไม่ถอนเด็ดขาด!”คนเป็นน้องกัดริมฝีปากไม่พอใจ ลุกยืนแววตาเกรี้ยวกราด เดินกระแทกส้นเท้าออกจากห้อง สุเชษฐถอนหายใจแล้วก้มหน้าทำงานต่อ ให้เป็นห่วงแค่ไหนก็ทำได้เท่านี้ ในเมื่อสามีของน้องไม่เคยคิดวางตัวเป็นผู้ใหญ่สมกับสถานะตัวเองเลยสักครั้ง สู้ลูกชายไม่ได้เลย ให้ตายเถอะในห้องประชุมใหญ่ นางเอกใหม่นามรัศมีนั่งเชิดหน้าด้วยความยินดี วันนี้ทางบริษัทจะจัดแถลงข่าวละครเรื่องใหม่ และเธอได้เข้ามาสวมบทบาทแทนนาราภัทรนางเอกดาวรุ่ง โชคดีอะไรเช่นนี้ รัศมียกมือไหว้ผู้บริหารที่พากันเดินเข้ามา ประตูเปิดอ้ากว้างมากขึ้น คนในห้องประชุกลุกยืนเมื่อแขกคนสำคัญเข้ามาเอดิสัน กราวินอฟ
เสียงหัวเราะในห้องนั่งเล่น ร่างเล็กถูกโอบกอดไว้แนบแน่น นาราภัทรจุมพิตแก้มบุตรสาวด้วยความคิดถึง แล้วเล่นด้วยพักใหญ่ ก่อนเจ๊มะนาวจะเดินเข้ามา หลังจากไปพบกับอรรถเดชในวันนั้น ดูเหมือนงานเธอลดน้อยลง ที่สำคัญบทนางเอกที่ถูกเสนอก็ดันเอานางเอกคนอื่นเข้ามาแทนที่ ทว่าเธอไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณเจ๊มะนาวเท่านั้นรุ่งรันต์เดินเข้ามา ทิ้งกายลงบนโซฟาท่าทีเหนื่อยอ่อน รู้สึกเหมือนเด็กในสังกัดกำลังถูกกลั่นแกล้ง“เป็นอะไรคะเจ๊”“งานหดหายหมดน่ะสินารา” เจ๊มะนาวบ่น“เดี๋ยวก็มีงานค่ะ”“ก็หวังว่าคงเป็นอย่างนั้นนะ”สำหรับนาราภัทร การได้อยู่กับลูกมันทำให้มีความสุข เธอมีเวลาอยู่กับลูกสาวน้อยมาก พอมีโอกาสเลยขอใช้เต็มที่เสียหน่อย อีกไม่นานลูกก็ต้องเข้าเรียนแล้ว เธอยังไม่รู้เลยว่าจะพาลูกไปได้ยังไง เมื่อเจ๊มะนาวให้ปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเสียงมือถือดังขึ้น เจ้าของสะดุ้งโหย่งรีบกดรับ“ค่า”“เจ๊มะนาวนี่ผมภีมพลเองนะ”“ค่า ว่ายังไงคะคุณภีม!”คนฟังชะงัก มือบางหยุดลงเมื่อได้ยินชื่อนี้ เธอกัดริมฝีปากและคิดว่าคงไม่ใช่เขาแน่ โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้น“ผมอยากให้เจ๊พานาราภัทรมาพบผมหน่อย
ภีมพลล้วงกระเป๋าสูท หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมา นาราภัทรชะงักดวงตาเบิกกว้างน้ำตาเริ่มไหลริน มือบางยกปิดปากเก็บอาการดีใจเอาไว้ เขาคุกเข่าต่อหน้านักข่าว“นารา... แต่งงานกับผมนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ “ค่ะคุณภีม”แหวนถูกบรรจงสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ครอบครองมันขวัญจิรากรีดร้อง น้ำตานองหน้า เมื่อเห็นข่าวในโลกโซเชียล ทำไมพวกมันถึงมีความสุข แล้วเหตุใดเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ทุกวันนี้ข้าวจะกินแทบไม่มี ต้องอดอยาก ถูกคนอื่นตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ“เท่าไหร่น้อง!” เสียงลูกค้าเอ่ยถามขวัญจิรารีบเก็บอาการ “พันนึงค่ะพี่ ค้างคืนถึงเช้าเลยจ้ะ”ลูกค้าสองคนมองหน้ากัน “สองคนพันนึงไหวไหม”แม่ค้าชักสีหน้าแต่รีบเก็บอาการ วันนี้ยังไม่ได้ลูกค้า ถ้าปฏิเสธคงลำบากแน่“เพิ่มอีกสักห้าร้อยได้ไหมคะ”“สองร้อย ถ้าไม่ได้ไม่เอา”“ได้จ้ะๆ พันสองนะคะ”ประตูรถเปิดออก ร่างบางแทรกกายนั่ง ยังไม่ทันถึงห้อง เธอต้องบำรุงบำเรอลูกค้ากลัดมันขณะรถขับเคลื่อนอยู่ อีกคนจบ อีกคนก็สลับมาแทน ถึงบ้านพักไม่ทันได้อาบน้ำก็ถูกกระชากลากขึ้นเตียง จากนั้นพากับอัพยาคนละเม็ด ร่างกายเธอแทบลุกไม่ไหวเม
รุ่งรันต์มองหน้าเด็กแล้วถอนหายใจ ชีวิตเด็กคนนี้น่าสงสาร แต่ยังมีวาสนาอยู่บ้าง คงไม่มีใครเหมือนนาราอีกแล้ว ที่พ่อของลูกย้อนกลับมาสร้างความสัมพันธ์กันตั้งแต่ศูนย์รถจอดเสียงดังจนคนในบ้านชะงัก นาราภัทรและเจ๊มะนาวมองหน้ากันแล้วเดินออกมา เห็นร่างสูงใหญ่กำลังเปิดประตูลงมา เขาเร่งฝีเท้ามาหยุดยืนหน้าคนรักแล้วดึงมือบางมากุมไว้“นารา ผมขอโทษ เกิดเรื่องกับคุณอีกแล้ว!” สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความห่วงใย รุ่งรันต์เม้มริมฝีปากแล้วระบายลมหายใจ“เรื่องนี้คุณจะทำยังไงคะ คุณภีมพล ในเมื่อคุณมีส่วนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” มะนาวถามหาความรับผิดชอบ และคิดว่ามีเพียงเขาที่แก้ปัญหานี้ได้“ไม่ต้องห่วง ผมจะจัดการเอง ผมไม่มีทางทำให้นาราต้องเจ็บปวดหรือร้องไห้อีก” เขายืนยันเสียงหนักแน่นนาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องข่าวสักเท่าไหร่ ในวงการบันเทิงสามารถกอบโกยเงินได้มากก็จริง ทว่ามันไม่ได้สร้างความสุขให้เลย มีแต่คนริษยาแก่งแย่งชิงดีกัน เธอเองคงยืนในสถานะดาราดังได้ไม่นานสามคนพากันเดินเข้าห้องรับรองในบ้าน แล้วนั่งปรึกษากัน“พรุ่งนี้ผมนัดนักข่าวเพื่อแถลงข่าวแล้ว”“แล้วจะแถลงข่าวยังไงให้นาราไม่กลายเป็นประเด็
ขวัญจิรากัดฟันเมื่อเห็นข่าวตามหน้าหนังสือ และสื่อในโลกออนไลน์ มือยกนิตยสารฉีกจนขาดวิ่น แล้วเหวี่ยงลงพื้น กระทืบซ้ำด้วยความเกลียดชัง และขออาฆาตแค้นคนในรูปไปตลอดเธอหยิบมือถือติดต่อหาเพื่อนสนิท ไม่มีวันให้มันได้มีความสุข รวมถึงเขาด้วย บังอาจทอดทิ้งเธอไม่ไยดี“ว่าไงขวัญ” เสียงวิชาญรับสาย“เจอกันหน่อยได้ไหม”“มีอะไรอีกล่ะ ช่วงนี้ฉันยุ่งนะ”“ออกมาเถอะน่า รอบนี้ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย สองแสนพอไหม”ปลายสายชะงักแล้วยิ้มกว้าง“ตกลง เดี๋ยวไปหานะ”วิชาญเดินทางถึงคอนโด เมื่อประตูเปิดออก เขารีบแทรกกายเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งกายลงบนโซฟาตัวยาว ขวัญจิรารีบนั่งลงตรงข้าม“มีอะไรจะใช้งานอีกล่ะ!” วิชาญถามแล้วระบายลมหายใจ“ฉันอยากให้ช่วยจัดการนังนาราภัทรหน่อย”วิชายตวัดสายตามองสีหน้าตกใจ“จะทำอะไรอีกล่ะขวัญ แค่ที่ทำไปมันยังไม่พอหรือไง ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงประกันตัว หาเรื่องใส่ตัวเดี๋ยวก็โดนหนักขึ้นอีกหรอก!” คนเป็นเพื่อนเตือน“ช่างมัน! คนอย่างฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ตอนนี้ทำอะไรได้บ้างนอกจากนอนอยู่ในห้องไปวันๆ งานที่ไหนก็ไม่จ้าง เงินเก็บก็ร่อยหรอลงไปทุกที!”“ถ้ารู้ว่าลำบาก ก็อย่าเลยดีกว่าไหม” ไม่คิดว่าขวัญจ
สองอาทิตย์ต่อมาร่างคนเจ็บยังคงอยู่บนเตียง ศีรษะและขามีผ้าพันไว้ เขาต้องเข้าเฝือกเนื่องจากกระดูกหัก และเย็บแผลตรงขาเนื่องจากมีแผลฉีกขาดเป็นทางยาว เขาตื่นมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ร้าวระบมไปทั่วร่าง นึกว่าตนเองคงตายไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น โชคดีที่ยังรอด ได้กลับมาแก้ตัวกับคนที่รักอีก“ภีมเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ครั้งนี้เพิ่งเข้าใจว่าลูกมีความสำคัญกับชีวิตเขามากแค่ไหน“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ” เขาบอก แล้วกวาดตามองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน แต่วันนี้กลับไม่มีวี่แววอรรถเดชรู้สึกได้ “มองหานาราอยู่เหรอ”เขายิ้มบางๆ “เธอคงไม่มา”คนที่มาเยี่ยม พบนาราบ่อยครั้ง มีเพียงเขาที่ตื่นมาไม่เคยพบเธอเลย นาราทำเหมือนต้องการหลบหน้า เขาอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลย ยังดีเสียกว่ารู้ความจริงแล้วต้องเจ็บปวดแอด..เสียงประตูดัง ร่างบางก้าวเข้ามาในอ้อมแขนมีเด็กหญิงอายุราวๆ สองขวบ เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆ แล้วยิ้มด้วยความดีใจ ภีมพลชะงักจ้องมองด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น เขาขยับเตียงให้หลังตรงเพื่อมองหน้าเด็กคนนั้นให้ชัดเจนนาราภัทรอุ้มน้ำฟ้ามายืนข้างเตียง เด็กน้อยมองดูค
เธอเดินผ่านหน้า เขาคว้าข้อมือจับไว้แล้วบีบเบาๆ“หากวันใดคุณแต่งงานกับผม ผมก็ต้องรู้ คุณจะปิดผมไปตลอดชีวิตเลยหรือไง!”คนถูกจับหันกลับมามองทั้งน้ำตา“ฉันไม่คิดปิดบัง แต่ฉันยังไม่อาจทำใจได้ ถึงน้ำฟ้าจะไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ แต่ฉันก็รักเขามาก คุณคงไม่เข้าใจเพราะตลอดเวลาที่ฉันเลี้ยงน้ำฟ้ามา คุณไม่เคยอยู่เคียงข้าง คุณอาจหลงลืมคนที่คุณทำร้ายไปแล้วด้วยซ้ำในเวลานั้น”ชายหนุ่มหลับตาเพื่อกลั้นน้ำตา“เพราะคุณไม่เคยบอก รู้ไหม... ว่าผมตามหาคุณตลอด ผมต้องการรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมหาคุณไม่พบ”หญิงสาวบิดข้อมือให้พ้นการเกาะกุม ช้อนสายตามองคนรักทั้งน้ำตา ใช่เธอยังรักเขา แต่ในหัวมันสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี“ฉันขอเวลานะคะภีม ขอเวลาให้ฉันได้คิด ใคร่ครวญทุกอย่าง”“แล้วผมละนารา ระหว่างที่คุณขอเวลา ผมควรทำยังไง” เป็นครั้งแรกที่อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ เจ็บแบบนี้เพิ่งเคยเผชิญ มันทรมานเหลือเกิน ต้องจากกันทั้งที่ยังรัก แล้วเมื่อไหร่จะกลับมาเหมือนเดิมอีก"ฉันขอร้อง ตอนนี้ฉันยังให้คำตอบอะไรคุณไม่ได้ ขอเวลาคิดหน่อยนะคะ”คนตัวเล็กไม่ให้อีกคนตอบ เดินออกมาจากบ้านแล้วใส่กระเป๋าไว้ท้าย ขับเคลื่อนออก ภีมพ
ประตูห้องนอนเปิดออก ร่างบางก้าวออกมาดวงตาแดงก่ำ เดินลงมาถึงชั้นล่างเห็นเขายืนพูดคุยกับสาวใช้ เมื่อสบตากันรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมา นาราภัทรเม้มริมฝีปาก ภีมพลขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคนรักผิดปกติ เขาเดินมาหารั้งมือบางมากุมไว้“เป็นอะไรครับ” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วงคนตัวเล็กดึงมือออก มองเขาแววตาเย็นชา น้ำตาเริ่มคลอ“นารา...”ริมฝีปากบางสั่นระริก เจ็บตรงหัวใจเหลือเกิน เธออยากมีความสุข แต่กลับไม่หลุดพ้นห้วงความทุกข์ในอดีตเสียที“คุณภีม... คุณจำฉันได้บ้างหรือเปล่า” เสียงแผ่วเบาถาม น้ำตาเริ่มไหลรินภีมพลชะงักดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองใบหน้าคนรัก สีหน้าเริ่มเผือดลง“หมายความว่ายังไงครับ” พยายามทำใจดีสู้เสือ แต่แววตาเธอบ่งบอกมาหมดแล้วสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ความเจ็บช้ำในอดีตตามหลอกหลอนเธอไม่เคยเจือจาง เธอเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าหากไม่ได้เจ๊มะนาวช่วยเหลือ คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขา“คุณไม่เคยจำเรื่องที่ทำไว้ในอดีตเลยเหรอคะ ไม่เคยจำว่าทำร้ายใครไว้ ไม่สนว่าคนคนนั้นจะเจ็บปวดแค่ไหนด้วยใช่ไหม!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา มือจับหน้าอกข้างซ้ายรวดร้าวทรมานคนถูกตำหนิเข้าโอบประคอง แต่เธอกลับเบี่ยงก
หญิงสาวหลับตาพยายามข่มใจตัวเอง ทำไมหัวใจมันถึงเต้นระรัวแบบนี้ นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าความรัก“คือว่า..” คนตัวเล็กอึกอัก“ไม่ได้เหรอครับ”“เปล่าค่ะ”“เช่นนั้นแล้ว...” ภีมพลนิ่งเพื่อรอคำตอบ จากคำถามเมื่อครู่“ค่ะ ฉัน... ก็รู้สึกเหมือนคุณ”เขาคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าครั้งไหนๆ ความรู้สึกมากมายมันขยับขยายขึ้นเรื่อย สักวันเขาจะสารภาพเรื่องทุกอย่าง และขอให้เธออภัยให้เขาขวัญจิรากุมขมับเมื่อศาลตัดสินโทษให้จำคุกหนึ่งปี ไม่รอลงอาญา เธอหวาดหวั่นหวาดกลัว จนต้องตัดสินใจเดินทางมาพบสามีเพื่อให้เขาช่วยเหลือ เธอทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้าทันทีเมื่อมาถึงห้องพักของเขา อรรถเดชทอดสายตามองไร้ความอาลัย สำหรับเขาขวัญจิราไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ภีมพลต่างหากที่สำคัญ เขารู้ซึ้งในข้อนี้ ตั้งแต่ลูกขนข้าวของออกไป ให้ขวัญจิราเข้ามาแทนที่ ในใจรู้สึกผิดกับภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อเขาไล่เธอออกไป เหมือนปลดทุกข์ออกจากความรู้สึกทั้งหมดคนกระทำผิดน้ำตานองหน้า วิงวอนขอร้องให้สามีช่วยเหลือ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว เงินเก็บยิ่งนานวันก็ยิ่งหมดไปกับการต่อสู้คดี ทุกวันนี้ต้องวิ่งเต้นหาทนายเก่งๆ เพื่อแก้ต่าง จนแทบไม่มีเวลาทำงานเลย“คุณอ
ขวัญจิราตีหน้าเบื่อหน่าย “ก็บอกตามตรงไปเลยดีกว่าไหมวิชาญ จะมาอมพะนำทำไม!”“เออ ก็ได้!” วิชายตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เด็กคนนี้เป็นลูกของนาราภัทร!”“ลูกงั้นเหรอ!” คนฟังร้องลั่น รีบหยิบกล้องมาส่องภาพในนั้นใหม่อีกครั้ง“ฉันได้ยินนารามันเรียกเด็กคนนี้ว่าน้ำฟ้า ยัยเจ๊มะนาวนั้นมันก็บอกว่าถ้าอยากมาหาลูกให้หายก่อน จะให้คิดว่ายังไงถ้าไม่ใช่ลูกที่ยัยนาราภัทรนั่นซุกไว้!” เขาหยิบกล้องออกมา แล้วกดคลิปที่ถ่ายเอาไว้ “ถ้าไม่เชื่อดูคลิปได้เลย มีเสียงพูดอยู่”ขวัญจิราดูคลิปภาพเคลื่อนไหว ได้ยินชัดทั้งเสียง ทั้งภาพ เธอยิ้มกว้าง ข่าวใหญ่กว่าที่คิด แม่นี่มีความลับอันแสนทุเรศปิดบังไว้เลยนะเนี่ย“ทำดีมากวิชาญ ข่าวนี้ถูกใจฉันมาก” เธอบอกเสียงเย็น มองดูภาพนั้น นาราภัทรมันต้องสิ้นชื่อ“คำชมอย่างเดียวไม่โอเคหรอกนะ ต้องมีของตอบแทนอย่างอื่นด้วย”“ได้สิ” ขวัญจิราตอบกลับ แล้วล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง “แสนนึงพอใช่ไหม”วิชาญหยิบมากรีดแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ“จะเรียกใช้อะไรอีกก็บอกแล้วกัน”ขวัญจิราไม่ได้ตอบเพื่อน แต่เลื่อนภาพอื่นดูต่อ เรื่องนี้ถ้าถึงหูอดีตคนรัก อยากรู้นักว่าเขาจะยอมรับได้หรือเปล่าที่แฟนใหม่มีลูกติดม
เจ้าของท่อนแขนสะบัดออก เหลือบเห็นแววตาบิดามองมา มันบ่งบอกถึงความเสียใจ“ปล่อยผม แล้วอย่ามายุ่งกับผมอีก!”ร่างสูงใหญ่ก้าวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ขวัญจิราผวาคิดเข้าขวาง กลับถูกสามีกระชากเรียวแขนไว้“ปล่อยฉันนะคุณอรรถ บอกให้ปล่อยไงเล่า!” กรีดร้องดิ้นรนเพื่อให้เขาปล่อย แต่ไม่เป็นผลเธอถูกรั้งให้หันมาเผชิญหน้า พยายามขัดขืนเท่าไหร่ อีกฝ่ายไม่ยินยอมเพียะ!ใบหน้าหันตามแรงฝ่ามือ ดวงตาคมวาวโรจน์ ขวัญจิราไม่เคยรักเขา และไม่เคยคิดเกรงใจต่อหน้ายังขนาดนี้ลับหลังมันขนาดไหนกัน ลูกต้องอดทนแค่ไหนกับผู้หญิงคนนี้“ถ้ารักลูกชายผมมาก ก็ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ!” ชี้นิ้วไปยังหน้าประตู ขวัญจิรารู้สึกตัวทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น“ไม่ค่ะ ขวัญไม่ไป คุณอรรถขวัญผิดไปแล้ว”“เธอทำเหมือนฉันไม่มีความหมาย ไม่ให้เกียรติ นึกว่าฉันจะทนกับเธองั้นเหรอขวัญจิรา!” ตวาดเสียงลั่นคนถูกตวาดกอดขาสามีไว้แน่น “ขวัญผิดไปแล้วค่ะคุณอรรรถ อย่าไล่ขวัญเลย ขวัญพูดออกไปเพราะโกรธที่คุณคิดมีเมียอีก!”เขาสะบัดท่อนขาออก มองภรรยาแววตาเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณมากพอแล้วขวัญ จากนี้ไปเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันต่างคนต่างอยู่!”ขวัญจิรารู้แน่ว่าสามีไม่ต้องการอ