ภาพวาด ของเหมยเจียงถูกคลี่ออกจากม้วน ใบหน้าสวยเศร้า ฮ่องเต้หนุ่มจ้องมองเนิ่นนานก่อนจะวางลงบนโต๊ะความรู้สึกโหยหา หายไปจนสิ้น
แพรวา แต่งกายด้วยชุดข้าหลวง วันนี้เธอต้องทำความรู้จักกับเด็กรับใช้คนใหม่เพราะลี่มี่ยังนอนซมด้วยอาการป่วย
“เจี่ยเจีย ฝ่าบาททรง ให้ข้าน้อยมาเชิญท่านไปเสวยอาหารเช้ากับฝ่าบาทที่ ตำหนักเหมยฮวา (ดอกเหมย) ”
แพรวาเลิกคิ้วเดี๋ยวนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปกินที่ศาลาชมดอกไม้รึ
“พี่สาวกินไปแล้วเสี่ยวโอ”
เสี่ยวโอหน้าละห้อย
“เจี่ยเจีย เครื่องเสวยน่ากินนะ ข้าเห็นแล้วน้ำลายไหล”
ทำท่าทางประกอบ
แพรวา นิ่ง
“ไม่อยากไปคนไม่ถูกกัน”
“พี่สาวนึกว่าเห็นแก่ข้า น้องชายผู้นี้หากตามท่านไปไม่สำเร็จไม่แน่อาจรับโทษหนักอาจถึงขั้น ถูกปลดจากตำแหน่ง”
เว่อร์ไปหรือเปล่าเสี่ยวโอแค่ตาม เธอให้ไปกินข้าวไม่สำเร็จนี้นะ
“ก็ได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เจ้าต้องเล่าเรื่อง..เหมยเจียง..ให้พี่สาวฟัง ...อย่างละเอียด”
เสี่ยวโอนิ่วหน้า
“แล้วแต่เจ้านะหรือจะ ยอมถูกปลด”
แพรวาออกเดินนำไปยัง ตำหนักเหมยฮวาเสี่ยวโอเดินตามแทบไม่ทัน
ชุดสวยสีเหลืองขับผิวนวล กลมกลืนกับหิมะขาวโพลน อากาศหนาวเหน็บแต่ทิวทัศน์สองข้างทางงามสดใส ดอกเหมยสีแดงถูกเกาะกุมด้วยหิมะสีขาว มองเหมือนหยาดเพรชเกาะพร่างพราว แพรวาอดที่จะใช้มือเรียวบาง ลูบไล้ไปบนหิมะขาวใบหน้าสดใสยิ่งดูน่ามอง ฮ่องเต้คลี่เสื้อคลุมห่มคลุมร่างบางกอดจะกอดรัดไม่อายสายตาใคร
เสี่ยวโอพยักพะเยินให้เหล่าสนม และผู้ติดตามถอยห่างก่อนที่จะอมยิ้มพาตัวเองเดินเลี่ยงออกมา แพรวาสะดุ้งก่อนจะหันหน้ามา
“ไม่รู้จักอายใครหรือ”
“ข้าไม่อายใครใครเขาก็รู้กันหมดแล้ว ว่าฮ่องเต้ลุ่มหลงข้าหลวงหญิงข้างกายแค่ไหน”
ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่รัดแน่น
“หากเป็น การแสดงฝ่าบาทไปต้องฝืนใจ เพราะตอนนี้ใครๆ เขาก็ลือกันจนเห็นภาพ”
“หากไม่ใช่การแสดง หากแต่เป็นข้าที่อยากอยู่กับเจ้าไปทุกปีใน หิมะแรกเช่นนี้เล่า”
แพรวาตะลึง แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดจริงหรือเท็จ
“ข้าน้อย ยังคงคู่ควรอยู่หรือไม่ใช่เป็นเหมยเจียงที่ฝ่าบาท ทรง ...ถวิลหาไม่สร่างซา”
ฮ่องเต้ ยิ้มแบบยียวน
“หึง รึ”
แพรวารู้ว่าตัวเองเดินหมากผิดเสียแล้ว
“เปล่าเพียงแค่ เห็นฝ่าบาททรง พร่ำเพ้อถึงนางแม้กระทั่งตอนที่....”
“เจ้า เฟยลี่ คือสิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของข้าสว่างไสวภายใต้ เงามืดของปัญหาบ้านเมือง”
“ฝ่าบาท มีปัญหา เรื่องใด ข้าน้อยอาจช่วย แก้ไข”
ฮ่องเต้ถอนใจ กับ เรื่องที่จะเล่าให้เฟยลี่ฟัง
“ขุนนางใหญ่ในราชสำนักสุขสบายจนเคยตัว ข้าคิดจะลดเบี้ยหวัดเพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยธรรมชาติ หากต้องกระทบและสร้างความไม่พอใจเป็นแน่”
แพรวามองใบหน้าหมองนั้นอย่างเข้าใจการอยู่ที่สูงยิ่งหนาวเหน็บและเดียวดายกว่าคนอื่น
“ฝ่าบาท คงต้อง เปลี่ยนแนวทางที่จะผันเงินจากพวกขุนนางทั้งหลาย การบังคับมักสร้างความไม่พอใจแต่หากเป็นความสมัครใจ และทำให้ได้ชื่อเสียงใครๆก็ต้องการ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรเฟยลี่”
“ฝ่าบาททรง ออกประกาศให้มีการ บริจาคช่วยชาวบ้าน หากใครบริจาคเยอะ ก็มีสิ่งของประทานให้เป็นสิ่งตอบแทนไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งในวังหรือของกำนัล จากต่างแคว้นต่างๆเล็กๆน้อยๆ ที่พระองค์ทรงได้รับมาจากเครื่องบรรณาการ ที่หาประโยชน์อะไรไม่ได้เก็บไว้ก็เสียเปล่า ให้พวกเขาไปเพื่อการนี้ไม่ดีกว่าหรือ”
ฮ่องเต้ มองเฟยลี่แบบไม่เชื่อสายตา
“กลยุทธ์ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อน ช่างเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับแคว้นเรา”
แพรวายิ้มแม้สมัยนี้ใครๆ ก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้น มีโล่รางวัลมีใบประกาศถ้ามีกล้องทีวียิ่งแล้วใหญ่แห่บริจาคกันจนนับเงินไม่ทัน นับว่าเธอมาพลิกโฉบประวัติศาสตร์เลยไหมนะ
“ข้าจะใช้กลยุทธ์นี้ เป็นอะไรที่ดี แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น แล้วยังได้ช่วยราษฎรอีกด้วย”
มือใหญ่กุมมือแพรวาอย่างรู้สึกขอบคุณ
“วันนี้ข้ามีบางที่ที่อยากพาเจ้าไป”
แพรวาเก็บความสงสัยไว้ ที่แห่งไหนนะ
“ไทเฮา เสด็จจจจจจจจจ”
ฮ่องเต้ หันหน้าไปตามเสียงแพรวาถวายพระพร
“แม่ ไม่มีโอกาสพบเจ้าเลยฮ่องเต้ หากไม่มาพบเจ้าเอง”
“เสด็จแม่กังวลมากไปแล้ว ลูกราชกิจยุ่งเหยิงไม่อาจไปถวายพระพรเสด็จแม่ที่ตำหนัก บัดนี้มีความปลอดโปร่งโล่งใจแล้ว คิดว่าจะพา เฟยลี่ ไปถวายพระพร เสด็จแม่เสียที”
“ราชกิจยุ่งเหยิง แต่ข่าวที่ถึงหูมาเจ้ายังมีเวลาทรงเครื่องเสวยพร้อมนาง”
“เสด็จแม่ ว่ากล่าวเกินความจริงความจริงเป็นเฟยลี่ ที่ช่วยเรื่องราชกิจแก่ลูกจนหมดกังวล”
ไทเฮา เลิกคิ้ว อย่างสงสัย
ฮ่องเต้เล่าสิ่งที่ต้องจัดการ และคำแนะนำของเฟยลี่ ไทเฮามองเฟยลี่ด้วยสายตาแปลกไป“นับว่านาง เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองทั้งยังมีกลยุทธ์แปลกใหม่ ทำให้ฝ่าบาทไม่ต้อง กังวลกับปัญหาบ้านเมือง แต่ด้วย นางไม่มีที่มาที่ไปฝ่าบาทจะยกย่องนางก็ไม่อาจทำได้”“ลูกจึงมีเรื่องต้องรบกวนเสด็จแม่”“หมายความว่าอย่างไร”“ลูกอยากให้เสด็จแม่ รับรองนางโดยการ หาคนในตระกูลหลิวของท่านรับนางเป็นบุตรบุญธรรม”ไทเฮา ยิ้มจางๆก่อนจะพูด“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ ไทเฮาอย่างข้าก็ไม่อาจ ไม่ทำตามแต่ขอเวลาแม่สักหน่อย”“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลลูกไม่ได้เร่งรีบ หากแต่ต้องการให้นางมีฐานะที่เหมาะสมในยามที่ลูก...”“แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮา ใช่ไหม”ไทเฮารู้ทันความคิดของลูกชาย“แม่อยากให้ฝ่าบาทไตร่ตรองอีกที สนมนางในหลายคนที่จะทำให้บัลลังก์ไม่สั่นคลอน”"เสด็จแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะไม่ทำให้บัลลังก์นี้สั่นคลอนเป็นแน่แท้""เจ้ารับรองอย่างนี้แม่ก็เบาใจ "ฮ่องเต้ พาแพรวามายังห้องเก็บบรรทมก่อนจะโยนชุดเก่าสีทึมทึบให้แพรวา"เปลี่ยนซะ"แพรวามอง ชุดเก่าๆในมืออย่างไม่เข้าใจ"ทำไมต้องเปลี่ยน""ก็จะพาไปที่ทีอยากให้ไป"แล้ว ฮ่องเต้ก็เปลี่ยนชุดให้ตัวเองบ้
“อาณาจักร เสียน”แพรวานึก ไม่ออกว่าใช่หรือไม่“เสียนโล้ สุโขทัย”ฮ่องเต้พยายามออกเสียงแพรวาตาโต“นั่นๆ ๆ ใช่เลย นั่นแหละ”“ไกลมาก แล้วทำไมมาถึงนี่”อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่แค่ไกลแค่ระยะทางหากแต่ไกล ในห้วงเวลาด้วย“ไม่รู้ ข้าพระองค์ก็ไม่รู้ แน่ชัดไว้รอแน่ใจก่อนจะเล่าให้ฟัง”“เหมยเจียงกับเจ้าอาจถูกเปลี่ยนตัวกันหรือเปล่า ข้าได้ยินมาว่า มีเรือสำเภาที่คอยจับหญิงงามเลอโฉมไปเป็นนางโลมยัง อาณาจักรอื่น”“ไม่แน่”แพรวา ไม่กล้าออกความเห็นมากนัก นึกสะดุดใจกับคำว่าเปลี่ยนตัวยังจำภาพความฝันที่เห็นหญิงนางหนึ่งนั่งหันหลังให้เธอ เคียงข้างพี่กันต์หรือว่า...แต่ทำไมเหมยเจียงต้องไปอยู่บนร่างเด็กหนุ่มได้ ต้องถามเอาความกระจ่างกับหมอหลวงให้แน่ชัดเสียทีจะได้เตรียมรับมือ สถานการณ์ได้ถูกต้องพากันกลับเข้าไปในวังเมื่อ บ่ายคล้อย“สนมฮุ่ย ถวายพระพร ฝ่าบาท”ท่าเดินชดช้อยอ่อยซ้ายอ่อยขวา แพรวาคิดในใจ“ฝ่าบาท วันวันนี้จางฮุ่ยลงทุนตุ๋นรากบัวมาถวายสุด ฝีมือ”“แหวะ”แพรวาส่งเสียงฮ่องเต้หันมา ดูแพรวาด้วยแววตาสงสัย“เป็นอย่างไรเฟยลี่”“แค่อยากอาเจียน”สนมฮุ่ย ยกมือขึ้นปิดปากตาพองโต คิดไปไกลคิดว่าแพรวาตั้งครรภ์“โอ้คง หิวสิ
"ฮุยเหนียง ได้ขอยามาผสมยาบำรุงกำหนัด(ใคร่ในกามคุณ) ไว้ใน... ตุ๋นรากบัว”ช้อนกระเบื้องหล่นลงโต๊ะหินแตกเป็นสองเสี่ยงเมื่อแพรวาแสดงการตกใจอย่างแรง ตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งกลมโตไปใหญ่ ซดไปหลายช้อนแล้ว เวรแล้วแพรวาทำท่านับนิ้วฮ่องเต้หนุ่ม ทำหน้าตาตกใจสุดขีด ก่อนจะตวาดลั่น“สนมฮุ่ย เจ้าทำอะไรลงไป”พระองค์เพิ่งซดไปได้ช้อนเดียวแต่แพรวาสิ หลายช้อนไม่อาจนับสนมฮุ่ยคุกเข่าลงกับพื้น หน้าตาแสดงว่ายอมรับผิด“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว ฮุ่ยเหนียงเพียงแค่อยากให้ฝ่าบาททรงพระสำราญ”ฮ่องเต้ถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ“ลุกขึ้นเถิดสนมฮุ่ย ความผิดลหุโทษ แล้วมียาถอนพิษไหมบอกมาโดยเร็ว”สนมฮุ่ยก้มหน้ามองมือตัวเอง ส่ายหน้าช้าๆ“ยาถอนพิษ อยู่ที่ไทฮองไทเฮา แต่ว่าสามชั่วยาม ฤทธิ์ยาก็จะหายไปเองเพค่ะฝ่าบาท”แพรวา กัดริมฝีปากจนเจ็บแต่ที่เจ็บจริงตอนนี้คือใจของเธอแค้นเคืองสนมฮุ่ย ที่บังอาจวางยาเธอได้ ไม่ยอมบอกสักคำน่าจะบอกกล่าวกันบ้าง หลับตาส่ายหัวไปมา แล้วจะไป ขอยาถอนพิษจาก ไทฮองไทเฮายิ่งไม่มีทาง“ทำไมไม่บอกข้า”แพรวากัดฟันพูดสนมฮุ่ย หันหน้าหนีเนื่องด้วยอดหัวเราะเยาะหยันแพรวาไม่ได้“เจ้า เห็นแก่กิน ทีแรกก็ทำท่าไม่อ
เสี่ยวโอวิ่งกระหืดกระหอบ นำยามายัดใส่ปากของแพรวา ก่อนที่แพรวาจะหมดสติไปในทันที ฮ่องเต้อุ้มร่างบางไปวางบนที่นอนนั่งลงข้างๆ“นางไม่เหมาะกับวังแห่งนี้ใช่ไหม เสี่ยวโอ”เสี่ยวโอพยักหน้าน้อย ๆ“ไม่ใหญ่ต้านลม กิ่งใบหักพัง เจี่ยเจีย ...ข้าหลวงเฟยลี่ไม่ยอมลู่ลม คงต้องเจอกับอะไรอีกหลายอย่าง”“ข้าจะปกป้องนางได้เท่าไหร่กันเชียว”“หากฝ่าบาทมีใจยึดมั่น ย่อม ทำให้ พี่สาวปลอดภัยจากคนปองร้าย แต่หากวันใดฝ่าบาทหมด เยื่อใยเมื่อนั้น พี่สาวคงจะต้องลำบาก”“ข้าไม่มี ทางจะทอดทิ้งนางแค่เพียงคิดใจข้าก็ไม่อาจ”เสี่ยวโออมยิ้มโล่งใจกับคำพูดที่ได้ยิน ฮ่องเต้ห่มผ้าให้แพรวา“ข้าน้อย จะไปนำชาร้อนๆ มาถวาย หิมะเริ่มโปรยปรายอีกแล้ว” เสี่ยวโอคล้อยหลังออกไปสักพัก ฮ่องเต้นั่งมอง แพรวาที่หลับตาพริ้มด้วยความคิดหลากหลาย ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้น เงาดำผ่านวูบที่หน้าต่างก่อนที่บุคคลลึกลับสองคนจะ พุ่งตัวเข้ามาในห้องฮ่องเต้ มีเพียงมือเปล่า กระบี่ในมือของผู้ที่หมายปองร้าย ตวัดเข้าใส่แพรวา อย่างจงใจฮ่องเต้หนุ่มสะบัดฝ่ามือซัดเข้ากลางลำตัวด้วยความรวดเร็ว อีกคนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายคือแพรวา ฮ่องเต้ถลาเข้าขว้างไว้ใช้ ฝ่ามื
แพรวา คว้าแขนฮ่องเต้ขึ้นมาดู“เป็นอะไร อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนข้าแทงท่าน”ไปกันใหญ่แพรวาฮ่องเต้ส่ายหน้าไม่อาจบอกได้ว่าโดนลอบทำร้ายและคนลอบทำร้ายหมายเอาชีวิตแพรวาจำต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้จนถึงที่สุด“ข้าซ้อมกระบี่กับชินอ๋อง พลาดท่าให้แก่ชินอ๋องบาดเจ็บเล็กน้อย”แพรวาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“เจ็บมากไหมข้าขอโทษ”ใบหน้าขาวใส ยิ้มกว้างแววตาสดใสอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เหมยเจียงจากไป ยังไม่มีใครพูดคำนี้อีกเลย“เจ้าอยากไถ่โทษไหม”แพรวาพยักหน้า“วันนี้ เดินชมสวนเป็นเพื่อนข้า ฟ้ง ข้า บรรเลงพิณสักเพลงหนึ่ง”แพรวาพยักหน้าไม่หนักหนาอะไร“ได้ เรื่องล็กน้อยเพียงนี้”แขนข้างที่เจ็บนั้นยังคงดีดพิณพลิ้วไหว แพรวามองคนเล่นด้วยความลืมตัวใบหน้าหล่อเหลายากหาใครเทียบเคียงแพรวาไม่อาจละสายตาเสียงบรรเลงเพลงพิณของฮ่องเต้ ช่างหวีดหวิว แววหวานจน แพรวาเคลิบเคลิ้มล่องลอย เคยได้ยินที่ไหน สักแห่งแต่นึกไม่ออก เหมือนมันติดอยู่ในความทรงจำตราบกระทั่งวันนี้ คล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนเป็นเด็กน้อย วิ่งเล่นอยู่ในสวนที่มีดอกเหมยสีแดงบานสะพรั่ง เสียงหัวเราะหยอกล้อ จากเด็กๆ ด้วยกันดังแว่วมาไม่ขาดระยะ ความฝันหรือความจ
แพรวา น้ำตาร่วงกราว เป็นอะไรของเขาวันนี้ ผุดลุกขึ้นหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทั้งโกรธทั้งอายเมื่อแพรวาจากไปฮ่องเต้ ถอนหายใจยาวเหยียด "เสี่ยวโอจัดคนอารักขา ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ให้ แน่นหนาอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับนางอีกไม่อย่างนั้นหัวพวกเจ้าจะหลุดจากบ่า”ก่อนจะโบกมือไล่ เสี่ยวโอ ให้ ออกไปนอกห้องปิดประตูลง กุ้ยเหรินกับ สนมฮุ่ยยิ้มในหน้า ฮ่องเต้พาตัวเองนั่งจมอยู่กับฎีกากองใหญ่ไม่สนใจทั้งคู่แต่จิตใจร้อนรุ่ม นึกเห็น รอยน้ำตาอยาก จูบปลอบโยน แต่ต้องหักห้ามใจสงสารเพียงใดต้องทำใจแข็งไว้ใบหน้าเรียบตึงไม่แสดงอาการใดใด ยังคงปล่อยให้สนมฮุ่ย เดินมาบีบนวดตามประสา กุ้ยเหรินก็นั่งนิ่งเป็นหุ่นแพรวา นึกมโน ไปไกล ถึง ภายในห้องของฮ่องเต้ที่กุ้ยเหรินกำลังเปลื้องผ้าเหมือนวันนั้น กับสนมฮุ่ยที่ขึ้นคร่อมร่างฮ่องเต้ ถวายการปรนนิบัติอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วหันมายิ้มเยาะ แพรวาในภาพมโน แพรวาคับแค้นใจสลัดความคิดนั้นทิ้งไปฟุบหน้าร้องไห้“พี่สาว อย่าโกรธเคืองไปเลย ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล”เสียงเสี่ยวโอ ดังลอดประตูเข้ามา แพรวานิ่งงันหยุดสะอื้นกลัวเสี่ยวโอได้ยิน“ฮ่องเต้ ทรงเป็นห่วงพี่สาวมากนะ สั่งคนมาอารักขา”แพรวาเกิดความสงสัยก
เช้าสดใส หิมะโปรยปรายบางเบา แพรวาขยับกายเบาๆ ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่น คนกอดยังหลับตาพริ้มอยู่เหมือนเปี่ยมสุข แพรวายก แขนข้างที่กอดออกเบาเบาภายใต้ผ้าห่มแพรอุ่นสบายอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหนอการที่อยากให้เขาสบายอยากให้เขามีความสุขกลัวเขาตื่นอยากให้เขานอนต่อนานๆ ภายใต้การดูแลของเรา แพรวาคิดก่อนจะลุก สำรวจตัวเองไม่มีอะไรบุบสลาย และยังมี สิ่งอื่นเพิ่มเติมขึ้นมาคือ จิตใจที่อิ่มเอมเป็นสุขเดินสำรวจรอบๆห้องบรรทมก่อนจะหยุดอยู่ที่ โต๊ะถวายงานที่มีฎีกาวางอยู่ระเกะระกะบ่อยไปที่แพรวาต้องจัดห้องหับให้พี่กันต์เมื่อครั้งที่อยู่บ้านสมัยนั้น เพราะความที่พี่กันต์งานยุ่งจนไม่มีเวลาทำความสะอาดคอนโด แม้จะมีแม่บ้านที่จ้างมาแต่พวกกองเอกสารหรือของใช้ส่วนตัวแม่บ้านก็ไม่กล้ายุ่มย่าม นี่เองเป็นเหตุให้แพรวามีกุญแจคอนโดของพี่เขาที่ให้ไว้เมื่อเธอว่างมักจะแวะเวียนมาจัดระเบียบในห้องสักครั้ง บางครั้งก็เผลอหลับไปบนเตียงนุ่มๆที่มีกลิ่นโคโลญน์หอมอ่อนๆ ก่อนจะถูกปลุกด้วยจุมพิตหวานทุกครั้งเมื่อนึกถึงตอนนี้แพรวาใจหายวาบก่อนจะกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอมอง ผ่านไปยังคนนอนบนแท่นบรรทมเขาเหมือนจะอ่อนโยนกว่าพี่กันต์ด้วยซ้ำหากไม่ติดที่ว่าเ
“ข้า จะกลับไปได้อย่างไรในเมื่อถูกนำมาแทนที่ใครบางคน”น้ำเสียงเศร้าสลด“อาจเป็นนาง มากกว่าที่ถูกนำไปแทนที่เจ้า เจ้าอาจเป็นคนที่อยู่นี่ตั้งแต่ทีแรก”แพรวาสะดุดใจกับคำพูดหมอหลวงเมื่อนึกถึงความฝันที่เห็นตัวเองยังเล็กนั้นวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงนางหนึ่งที่ถึงกับต้องเรียกว่า ...แม่...“ถ้าไม่ได้กลับ ไปก็อย่าเสียใจเลย แม่นาง ...แพรวา เจ้ายังคงอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตที่นี่กับคนที่สมควรเป็นคนที่คอยปกป้องเจ้า เจ้าเองก็ต้องมอบความภักดีและต้องช่วยเหลือเขาเมื่อถึงเวลาอันควร”“เวลาอันควร ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะเป็นลิขิตฟ้าเจ้าก็จะเข้าใจ ได้โดยไม่มีข้อกังขา”เอะอะอะไรก็ลิขิตฟ้า แพรวาชักฉุน“แม่นางเฟยลี่ ท่านชินอ๋องได้ส่งเครื่องบรรณาการและ และโสมชั้นดีจากฮันกึลให้ข้านำมันมามอบแก่ แม่นาง”หมอหลวงพยักหน้าแพรวารับเอาไปอย่างงงงง อันเก่าก็ยังไม่หมดขยันให้กันจริงวุ้ย“ชินอ๋องมีรับสั่งให้ท่านร่วมดื่มชา ที่จวน" แพรวานิ่วหน้าทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย พยักหน้าอย่างขอไปที“ได้ เดี๋ยวข้าจะรีบไป”จวนอ๋องถูกจัดไว้อย่างสวยงามเหมือนต้อนรับบุคคลสำคัญ หรือแขกต่างบ้านต่างเมือง“แม่นางเฟยลี่เกรงใจเจ้
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว