ฮ่องเต้เล่าสิ่งที่ต้องจัดการ และคำแนะนำของเฟยลี่ ไทเฮามองเฟยลี่ด้วยสายตาแปลกไป
“นับว่านาง เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองทั้งยังมีกลยุทธ์แปลกใหม่ ทำให้ฝ่าบาทไม่ต้อง กังวลกับปัญหาบ้านเมือง แต่ด้วย นางไม่มีที่มาที่ไปฝ่าบาทจะยกย่องนางก็ไม่อาจทำได้”
“ลูกจึงมีเรื่องต้องรบกวนเสด็จแม่”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ลูกอยากให้เสด็จแม่ รับรองนางโดยการ หาคนในตระกูลหลิวของท่านรับนางเป็นบุตรบุญธรรม”
ไทเฮา ยิ้มจางๆก่อนจะพูด
“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ ไทเฮาอย่างข้าก็ไม่อาจ ไม่ทำตามแต่ขอเวลาแม่สักหน่อย”
“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลลูกไม่ได้เร่งรีบ หากแต่ต้องการให้นางมีฐานะที่เหมาะสมในยามที่ลูก...”
“แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮา ใช่ไหม”
ไทเฮารู้ทันความคิดของลูกชาย
“แม่อยากให้ฝ่าบาทไตร่ตรองอีกที สนมนางในหลายคนที่จะทำให้บัลลังก์ไม่สั่นคลอน”
"เสด็จแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะไม่ทำให้บัลลังก์นี้สั่นคลอนเป็นแน่แท้"
"เจ้ารับรองอย่างนี้แม่ก็เบาใจ "
ฮ่องเต้ พาแพรวามายังห้องเก็บบรรทมก่อนจะโยนชุดเก่าสีทึมทึบให้แพรวา
"เปลี่ยนซะ"
แพรวามอง ชุดเก่าๆในมืออย่างไม่เข้าใจ
"ทำไมต้องเปลี่ยน"
"ก็จะพาไปที่ทีอยากให้ไป"
แล้ว ฮ่องเต้ก็เปลี่ยนชุดให้ตัวเองบ้าง ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นหญิงชายสองคนวิ่งหลบทหารองครักษ์ไปมาจน ผ่านออกไปนอกวัง ชุดสามัญชนที่ใส่อยู่นั้นไม่ทำให้ผิดสังเกตแต่อย่างใด ฮ่องเต้ล้วงหมวกใบใหญ่มาใส่ปิดบังใบหน้าอีกที
"นี่ท่าน เล่นปลอมตัวเลยเหรอ"
แพรวาอดถามไม่ได้
"อ๋อ"
นึกถึงเมื่อครั้งที่เธอออกมากับชินอ๋องและโหวหยางจื้อ และพบกับจอมยุทธ์ผู้หนึ่ง
"เป็นท่านนี่เอง"ฮ่องเต้ยิ้ม
"ข้าไม่อาจดูดายต่อความทุกข์ยากของ ราษฎร"
"อ๋อ"
นึก ถึงเมื่อครั้งที่เธอออกมากับชินอ๋องและโหวหยางจื้อ และพบกับจอมยุทธ์ผู้หนึ่ง
"เป็นท่านนี่เอง"ฮ่องเต้ยิ้ม
"ข้าไม่อาจดูดายต่อความทุกข์ยากของ ราษฎร"
แพรวาอดจะปลื้มกับคำพูดแบบนี้ไม่ได้ช่างละเอียดอ่อน และเอาใจใส่ทุกรายละเอียดจริงๆ
“ถ้าไม่ออกมาแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้างมัวแต่นั่งอยู่บนบัลลังก์ฟังคำเท็จทูลของพวกขุนนางอย่างเดียว ไม่อาจเข้าถึงความต้องการที่แท้จริง”
ที่ค่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัย แล้งที่ทำให้มีการอดอยากขาดแคลนฮ่องเต้ ถอด หมวกที่สวมออกก่อนจะลงมือแจกจ่าย หมั่นโถวที่เตรียมใสห่อผ้ามาจากในวัง เด็กๆ หลายคนวิ่ง มา กอดแข้งกอดขา
“ท่านอา ขอ หมั่นโถวข้าบ้าง”
ห่อผ้าห่อใหญ่ที่คล้องอยู่บนบ่าทั้งสองห่อถูกแกะ แพรวาช่วยแจกจ่ายหมั่นโถวให้แก่เด็กๆใบหน้าเปี่ยมสุขของฮ่องเต้ยังอยู่ตรงนั้นเคียงข้างแพรวาเป็นแพรวาที่ประเมินฮ่องเต้ต่ำไปความจริงคนผู้นี้นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเมื่ออยู่สูงกลับเห็นอกเห็นใจคนที่อยู่ต่ำกว่า
“เหลือลูกหนึ่งพอดี ข้าให้เจ้า ถึงเวลาเที่ยงแล้วคงหิวใช่ไหม”
แพรวาแบ่งหมั่นโถว ออกครึ่งหนึ่งส่งให้ฮ่องเต้หนุ่ม
“คนละครึ่ง” ฮ่องเต้หันหน้ามามองแพรวา
“เหมยเจียงมักจะให้ หมั่นโถวแก่ข้าทั้งลูก ไม่เคยแบ่ง"แพรวาเบ้ปาก
“นั่นเหมยเจียง นี่แพรวา...เอ้ยเฟยลี่”
“แพรว่า” ฮ่องเต้ออกเสียงแบบผิดๆ
“แพรวาที่แปลว่า ผ้าแพรเหมือนเสื้อคลุมมังกรของฝ่าบาทอย่างไรล่ะเขาเรียกแพร แต่แพรวา เออย่างไรนะที่นี่เขาเรียกอะไรนะ เอาเป็นว่าฝ่าบาทเรียก เฟยลี่ก็ดีแล้ว”
ฮ่องเต้พยักหน้าก่อนจะหยิบ หมั่นโถในมือแพรวาส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“แพรวา เฟยลี่เหมือนกันเลย ออกเสียงเหมือนกัน”
“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่าเจ้ามาจากไหน เพียงแต่บอกว่าที่ไกลแสนไกล”
“ข้ามาจากทางตอนใต้ ของฉางอัน ใต้ที่ใต้จริงๆติดทะเลนู้นเมืองที่เหมือนด้ามขวาน”
“อาณาจักร เสียน”แพรวานึก ไม่ออกว่าใช่หรือไม่“เสียนโล้ สุโขทัย”ฮ่องเต้พยายามออกเสียงแพรวาตาโต“นั่นๆ ๆ ใช่เลย นั่นแหละ”“ไกลมาก แล้วทำไมมาถึงนี่”อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่แค่ไกลแค่ระยะทางหากแต่ไกล ในห้วงเวลาด้วย“ไม่รู้ ข้าพระองค์ก็ไม่รู้ แน่ชัดไว้รอแน่ใจก่อนจะเล่าให้ฟัง”“เหมยเจียงกับเจ้าอาจถูกเปลี่ยนตัวกันหรือเปล่า ข้าได้ยินมาว่า มีเรือสำเภาที่คอยจับหญิงงามเลอโฉมไปเป็นนางโลมยัง อาณาจักรอื่น”“ไม่แน่”แพรวา ไม่กล้าออกความเห็นมากนัก นึกสะดุดใจกับคำว่าเปลี่ยนตัวยังจำภาพความฝันที่เห็นหญิงนางหนึ่งนั่งหันหลังให้เธอ เคียงข้างพี่กันต์หรือว่า...แต่ทำไมเหมยเจียงต้องไปอยู่บนร่างเด็กหนุ่มได้ ต้องถามเอาความกระจ่างกับหมอหลวงให้แน่ชัดเสียทีจะได้เตรียมรับมือ สถานการณ์ได้ถูกต้องพากันกลับเข้าไปในวังเมื่อ บ่ายคล้อย“สนมฮุ่ย ถวายพระพร ฝ่าบาท”ท่าเดินชดช้อยอ่อยซ้ายอ่อยขวา แพรวาคิดในใจ“ฝ่าบาท วันวันนี้จางฮุ่ยลงทุนตุ๋นรากบัวมาถวายสุด ฝีมือ”“แหวะ”แพรวาส่งเสียงฮ่องเต้หันมา ดูแพรวาด้วยแววตาสงสัย“เป็นอย่างไรเฟยลี่”“แค่อยากอาเจียน”สนมฮุ่ย ยกมือขึ้นปิดปากตาพองโต คิดไปไกลคิดว่าแพรวาตั้งครรภ์“โอ้คง หิวสิ
"ฮุยเหนียง ได้ขอยามาผสมยาบำรุงกำหนัด(ใคร่ในกามคุณ) ไว้ใน... ตุ๋นรากบัว”ช้อนกระเบื้องหล่นลงโต๊ะหินแตกเป็นสองเสี่ยงเมื่อแพรวาแสดงการตกใจอย่างแรง ตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งกลมโตไปใหญ่ ซดไปหลายช้อนแล้ว เวรแล้วแพรวาทำท่านับนิ้วฮ่องเต้หนุ่ม ทำหน้าตาตกใจสุดขีด ก่อนจะตวาดลั่น“สนมฮุ่ย เจ้าทำอะไรลงไป”พระองค์เพิ่งซดไปได้ช้อนเดียวแต่แพรวาสิ หลายช้อนไม่อาจนับสนมฮุ่ยคุกเข่าลงกับพื้น หน้าตาแสดงว่ายอมรับผิด“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว ฮุ่ยเหนียงเพียงแค่อยากให้ฝ่าบาททรงพระสำราญ”ฮ่องเต้ถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ“ลุกขึ้นเถิดสนมฮุ่ย ความผิดลหุโทษ แล้วมียาถอนพิษไหมบอกมาโดยเร็ว”สนมฮุ่ยก้มหน้ามองมือตัวเอง ส่ายหน้าช้าๆ“ยาถอนพิษ อยู่ที่ไทฮองไทเฮา แต่ว่าสามชั่วยาม ฤทธิ์ยาก็จะหายไปเองเพค่ะฝ่าบาท”แพรวา กัดริมฝีปากจนเจ็บแต่ที่เจ็บจริงตอนนี้คือใจของเธอแค้นเคืองสนมฮุ่ย ที่บังอาจวางยาเธอได้ ไม่ยอมบอกสักคำน่าจะบอกกล่าวกันบ้าง หลับตาส่ายหัวไปมา แล้วจะไป ขอยาถอนพิษจาก ไทฮองไทเฮายิ่งไม่มีทาง“ทำไมไม่บอกข้า”แพรวากัดฟันพูดสนมฮุ่ย หันหน้าหนีเนื่องด้วยอดหัวเราะเยาะหยันแพรวาไม่ได้“เจ้า เห็นแก่กิน ทีแรกก็ทำท่าไม่อ
เสี่ยวโอวิ่งกระหืดกระหอบ นำยามายัดใส่ปากของแพรวา ก่อนที่แพรวาจะหมดสติไปในทันที ฮ่องเต้อุ้มร่างบางไปวางบนที่นอนนั่งลงข้างๆ“นางไม่เหมาะกับวังแห่งนี้ใช่ไหม เสี่ยวโอ”เสี่ยวโอพยักหน้าน้อย ๆ“ไม่ใหญ่ต้านลม กิ่งใบหักพัง เจี่ยเจีย ...ข้าหลวงเฟยลี่ไม่ยอมลู่ลม คงต้องเจอกับอะไรอีกหลายอย่าง”“ข้าจะปกป้องนางได้เท่าไหร่กันเชียว”“หากฝ่าบาทมีใจยึดมั่น ย่อม ทำให้ พี่สาวปลอดภัยจากคนปองร้าย แต่หากวันใดฝ่าบาทหมด เยื่อใยเมื่อนั้น พี่สาวคงจะต้องลำบาก”“ข้าไม่มี ทางจะทอดทิ้งนางแค่เพียงคิดใจข้าก็ไม่อาจ”เสี่ยวโออมยิ้มโล่งใจกับคำพูดที่ได้ยิน ฮ่องเต้ห่มผ้าให้แพรวา“ข้าน้อย จะไปนำชาร้อนๆ มาถวาย หิมะเริ่มโปรยปรายอีกแล้ว” เสี่ยวโอคล้อยหลังออกไปสักพัก ฮ่องเต้นั่งมอง แพรวาที่หลับตาพริ้มด้วยความคิดหลากหลาย ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้น เงาดำผ่านวูบที่หน้าต่างก่อนที่บุคคลลึกลับสองคนจะ พุ่งตัวเข้ามาในห้องฮ่องเต้ มีเพียงมือเปล่า กระบี่ในมือของผู้ที่หมายปองร้าย ตวัดเข้าใส่แพรวา อย่างจงใจฮ่องเต้หนุ่มสะบัดฝ่ามือซัดเข้ากลางลำตัวด้วยความรวดเร็ว อีกคนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายคือแพรวา ฮ่องเต้ถลาเข้าขว้างไว้ใช้ ฝ่ามื
แพรวา คว้าแขนฮ่องเต้ขึ้นมาดู“เป็นอะไร อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนข้าแทงท่าน”ไปกันใหญ่แพรวาฮ่องเต้ส่ายหน้าไม่อาจบอกได้ว่าโดนลอบทำร้ายและคนลอบทำร้ายหมายเอาชีวิตแพรวาจำต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้จนถึงที่สุด“ข้าซ้อมกระบี่กับชินอ๋อง พลาดท่าให้แก่ชินอ๋องบาดเจ็บเล็กน้อย”แพรวาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“เจ็บมากไหมข้าขอโทษ”ใบหน้าขาวใส ยิ้มกว้างแววตาสดใสอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เหมยเจียงจากไป ยังไม่มีใครพูดคำนี้อีกเลย“เจ้าอยากไถ่โทษไหม”แพรวาพยักหน้า“วันนี้ เดินชมสวนเป็นเพื่อนข้า ฟ้ง ข้า บรรเลงพิณสักเพลงหนึ่ง”แพรวาพยักหน้าไม่หนักหนาอะไร“ได้ เรื่องล็กน้อยเพียงนี้”แขนข้างที่เจ็บนั้นยังคงดีดพิณพลิ้วไหว แพรวามองคนเล่นด้วยความลืมตัวใบหน้าหล่อเหลายากหาใครเทียบเคียงแพรวาไม่อาจละสายตาเสียงบรรเลงเพลงพิณของฮ่องเต้ ช่างหวีดหวิว แววหวานจน แพรวาเคลิบเคลิ้มล่องลอย เคยได้ยินที่ไหน สักแห่งแต่นึกไม่ออก เหมือนมันติดอยู่ในความทรงจำตราบกระทั่งวันนี้ คล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนเป็นเด็กน้อย วิ่งเล่นอยู่ในสวนที่มีดอกเหมยสีแดงบานสะพรั่ง เสียงหัวเราะหยอกล้อ จากเด็กๆ ด้วยกันดังแว่วมาไม่ขาดระยะ ความฝันหรือความจ
แพรวา น้ำตาร่วงกราว เป็นอะไรของเขาวันนี้ ผุดลุกขึ้นหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทั้งโกรธทั้งอายเมื่อแพรวาจากไปฮ่องเต้ ถอนหายใจยาวเหยียด "เสี่ยวโอจัดคนอารักขา ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ให้ แน่นหนาอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับนางอีกไม่อย่างนั้นหัวพวกเจ้าจะหลุดจากบ่า”ก่อนจะโบกมือไล่ เสี่ยวโอ ให้ ออกไปนอกห้องปิดประตูลง กุ้ยเหรินกับ สนมฮุ่ยยิ้มในหน้า ฮ่องเต้พาตัวเองนั่งจมอยู่กับฎีกากองใหญ่ไม่สนใจทั้งคู่แต่จิตใจร้อนรุ่ม นึกเห็น รอยน้ำตาอยาก จูบปลอบโยน แต่ต้องหักห้ามใจสงสารเพียงใดต้องทำใจแข็งไว้ใบหน้าเรียบตึงไม่แสดงอาการใดใด ยังคงปล่อยให้สนมฮุ่ย เดินมาบีบนวดตามประสา กุ้ยเหรินก็นั่งนิ่งเป็นหุ่นแพรวา นึกมโน ไปไกล ถึง ภายในห้องของฮ่องเต้ที่กุ้ยเหรินกำลังเปลื้องผ้าเหมือนวันนั้น กับสนมฮุ่ยที่ขึ้นคร่อมร่างฮ่องเต้ ถวายการปรนนิบัติอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วหันมายิ้มเยาะ แพรวาในภาพมโน แพรวาคับแค้นใจสลัดความคิดนั้นทิ้งไปฟุบหน้าร้องไห้“พี่สาว อย่าโกรธเคืองไปเลย ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล”เสียงเสี่ยวโอ ดังลอดประตูเข้ามา แพรวานิ่งงันหยุดสะอื้นกลัวเสี่ยวโอได้ยิน“ฮ่องเต้ ทรงเป็นห่วงพี่สาวมากนะ สั่งคนมาอารักขา”แพรวาเกิดความสงสัยก
เช้าสดใส หิมะโปรยปรายบางเบา แพรวาขยับกายเบาๆ ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่น คนกอดยังหลับตาพริ้มอยู่เหมือนเปี่ยมสุข แพรวายก แขนข้างที่กอดออกเบาเบาภายใต้ผ้าห่มแพรอุ่นสบายอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหนอการที่อยากให้เขาสบายอยากให้เขามีความสุขกลัวเขาตื่นอยากให้เขานอนต่อนานๆ ภายใต้การดูแลของเรา แพรวาคิดก่อนจะลุก สำรวจตัวเองไม่มีอะไรบุบสลาย และยังมี สิ่งอื่นเพิ่มเติมขึ้นมาคือ จิตใจที่อิ่มเอมเป็นสุขเดินสำรวจรอบๆห้องบรรทมก่อนจะหยุดอยู่ที่ โต๊ะถวายงานที่มีฎีกาวางอยู่ระเกะระกะบ่อยไปที่แพรวาต้องจัดห้องหับให้พี่กันต์เมื่อครั้งที่อยู่บ้านสมัยนั้น เพราะความที่พี่กันต์งานยุ่งจนไม่มีเวลาทำความสะอาดคอนโด แม้จะมีแม่บ้านที่จ้างมาแต่พวกกองเอกสารหรือของใช้ส่วนตัวแม่บ้านก็ไม่กล้ายุ่มย่าม นี่เองเป็นเหตุให้แพรวามีกุญแจคอนโดของพี่เขาที่ให้ไว้เมื่อเธอว่างมักจะแวะเวียนมาจัดระเบียบในห้องสักครั้ง บางครั้งก็เผลอหลับไปบนเตียงนุ่มๆที่มีกลิ่นโคโลญน์หอมอ่อนๆ ก่อนจะถูกปลุกด้วยจุมพิตหวานทุกครั้งเมื่อนึกถึงตอนนี้แพรวาใจหายวาบก่อนจะกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอมอง ผ่านไปยังคนนอนบนแท่นบรรทมเขาเหมือนจะอ่อนโยนกว่าพี่กันต์ด้วยซ้ำหากไม่ติดที่ว่าเ
“ข้า จะกลับไปได้อย่างไรในเมื่อถูกนำมาแทนที่ใครบางคน”น้ำเสียงเศร้าสลด“อาจเป็นนาง มากกว่าที่ถูกนำไปแทนที่เจ้า เจ้าอาจเป็นคนที่อยู่นี่ตั้งแต่ทีแรก”แพรวาสะดุดใจกับคำพูดหมอหลวงเมื่อนึกถึงความฝันที่เห็นตัวเองยังเล็กนั้นวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหญิงนางหนึ่งที่ถึงกับต้องเรียกว่า ...แม่...“ถ้าไม่ได้กลับ ไปก็อย่าเสียใจเลย แม่นาง ...แพรวา เจ้ายังคงอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตที่นี่กับคนที่สมควรเป็นคนที่คอยปกป้องเจ้า เจ้าเองก็ต้องมอบความภักดีและต้องช่วยเหลือเขาเมื่อถึงเวลาอันควร”“เวลาอันควร ท่านหมายความว่าอย่างไร”“เมื่อถึงเวลานั้น มันก็จะเป็นลิขิตฟ้าเจ้าก็จะเข้าใจ ได้โดยไม่มีข้อกังขา”เอะอะอะไรก็ลิขิตฟ้า แพรวาชักฉุน“แม่นางเฟยลี่ ท่านชินอ๋องได้ส่งเครื่องบรรณาการและ และโสมชั้นดีจากฮันกึลให้ข้านำมันมามอบแก่ แม่นาง”หมอหลวงพยักหน้าแพรวารับเอาไปอย่างงงงง อันเก่าก็ยังไม่หมดขยันให้กันจริงวุ้ย“ชินอ๋องมีรับสั่งให้ท่านร่วมดื่มชา ที่จวน" แพรวานิ่วหน้าทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วย พยักหน้าอย่างขอไปที“ได้ เดี๋ยวข้าจะรีบไป”จวนอ๋องถูกจัดไว้อย่างสวยงามเหมือนต้อนรับบุคคลสำคัญ หรือแขกต่างบ้านต่างเมือง“แม่นางเฟยลี่เกรงใจเจ้
อย่าทำแบบนี้เลย แบบนี้เลยเหมือนฉันไม่เคยมีความหมาย เธอไม่เคยสนใจไม่เคยเห็นก็เป็นแค่เพียงอากาศ แค่ลมที่พัดไม่มีตัวตนT_Tเสี่ยวโอเขย่งเท้ามอง ก่อน จะนิ่วหน้า แสดงการสงสัยใคร่รู้ แพรวา เดินหลบออกไปยังห้องของตัวเอง อย่างไม่สนใจ ใคร่ดีใคร แต่กลับต้องดีใจอย่างที่สุดเมื่อพบกับ ลี่มี่ ที่กำลังจัดเก็บของในห้องอยู่เพียงลำพัง แพรวา กระโดดเข้าคว้ามือลี่มี่เขย่าเบาๆ“เจ้าหายดีแล้ว ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย”รู้สึกเหมือนที่พึ่งพิงกลับมาแล้ว ลี่มี่ยิ้มบางๆ“ข้าก็คิดถึงท่านแทบแย่ หมอหลวงอนุญาตให้กลับมารับใช้ท่านข้าดีใจแทบตายนายหญิง”“เจ้าอยู่กลับหมอหลวงข้าก็เบาใจ”แพรวาพูดจากใจจริงอย่างน้อยในวังแห่งนี้ สองคนนี้ก็เป็นที่พึ่งพิงทางใจได้อย่างดี“แล้วนายหญิงไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติ ฝ่าบาทหรือวันนี้”แพรวาสีหน้า เศร้าสลดลงทันที“ฝ่าบาท ทรงมีหญิงงามนางใหม่”“หาแสดงว่าข้าน้อยตกข่าว ทำไมได้ยินแต่เรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานนายหญิงยิ่งกว่าหญิงใด”“ผ้าแพรผืนเก่าสีไม่สวยถูกใจ เท่า ผ้าไหมผืนใหม่ หรอกลี่มี่”“แล้วนายหญิงยอมรึเจ้าค่ะ”มองหน้าลี่มี่แบบไม่เชื่อสายตายามที่แพรวาท้อ อย่างน้อยก็มี ลี่มี่นี่แหละที่ ปลุก สกิลเทพใ
“ข้าต้องทรมานเพียงใด เฟยลี่เมื่อมีเจ้าอยู่ใกล้”“ท่านนี่ปากหวานชะมัด รอให้หายก่อนเถิดและที่สำคัญเราไม่อาจเปิดเผยสถานะได้ในตอนนี้ ข้าเพียงแต่บอกพวกเขาว่าเราหนีออกมาจากวังหลวง ข้ากับเจ้าเป็นขันทีและนางในที่หลบหนีจากเหตุการณ์ ชิงบัลลังก์ของเหอหลง”“ตงเฉิง บุรุษผู้นั้นท่าทางฉลาดหลักแหลม อาจสงสัยในคำพูดของเจ้าเฟยลี่”“ช่างเขา ข้าขอเพียงท่านมีหมอมีที่พำนัก เอาตัวรอดไปทีละอย่าง”แพรวาไม่อาจบอกว่า เธอกำลังครุ่นคิดที่จะหลบหนีออกไปยังเมืองหน้าด่านเพื่อไปพบกับโหวหยางจื้อ เพราะจากท่าทีของตงเฉิงต้องการเหนี่ยวรั้งแพรวาไว้ที่นี่“ข้าไม่ชอบสายตาของตงเฉิงยามเมื่อมองเจ้า เฟยลี่เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ไม่อาจให้ใครแย่งชิง”แพรวายิ้มเอียงอายนึกถึงเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นของหยางหลงโดยสมบูรณ์เหมือนที่เขาว่า“เราปลอดภัยในที่แห่งนี้ท่านไม่ต้องห่วง เราจะออกเดินทางทันทีเมื่อท่านอาการดีขึ้น ตอนนี้ท่านไม่ต้องกังวลพักผ่อนเสียบ้างจะได้ หายไวไว ข้าต้มน้ำซุปไว้ข้างนอกนั่น เดี๋ยวจะออกไปยกมาให้ท่าน”ลุกขึ้นเดินหยางหลงฉุดมือ“ข้าไม่อาจทำให้เจ้าเป็นฮองเฮาของข้าได้แล้วตอนนี้ยังต้องให้เจ้าลำบากมาดูแลข้าอีก ข้าขออภัย
เสียงฝีเท้าม้าควบตรงมายังที่ทั้งคู่สนทนากันอยู่หยางหลงผุดลุกขึ้นในท่าทีเตรียมพร้อม ไฉนเลยเขาไม่ฉุกคิดว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยแพรวาหลบอยู่ด้านหลังอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว หยางหลงชักกระบี่ออกมาจากฝักอยู่ในท่าเตรียมพร้อมม้านับสิบล้อมรอบทั้งคู่ไว้ บุรุษบนหลังม้าจ้องมองมายังจุดเดียวร่างผึ่งผาย บนหลังม้าสีหมอกใบหน้าคมสันผิวพรรณสะอาดสะอ้านไม่ต่างจากหยางหลง“บอกนามของ พวกเจ้ามาเดี๋ยวนี้”สายตากวาดมองจนทั่ว ก่อนจะหยุดมองใบหน้าแพรวาอย่างพึงใจหยางหลง ไม่อาจละสายตาจากตาคมที่จ้องมองแพรวานิ่ง“ไม่จำเป็นที่ข้าต้องเอ่ยนาม”ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่ชอบใจสายตา หากแต่ไม่อยากคบค้าด้วยก็ว่าได้ บุรุษบนหลังม้าชักกระบี่ก่อนที่ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้น หยางหลงฝีมือไม่ด้อยกว่าใครในยุทธภพฟาดฟันกระบี่ดังจอมยุทธมือหนึ่ง วิชาตัวเบาพลิ้วไหวดั่งอินทรีย์โฉบเฉี่ยวบุรุษหนึ่งนั้นก็หาด้อยกว่าหยางหลงไม่หลบหลีกเหมือนรู้ทันทุกกระบวนท่าของหยางหลง แพรวาใจเต้นระทึกจ้องมองฉากที่เห็นเหมือน นั่งในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ พัลวัน แต่แล้วบุรุษตาคมก็พลาดท่าแก่หยางหลงเมื่อปลายกระบี่คมกริบในมือของหยางหลงจ่ออยู่ที่ ลำ
บางขณะเหมือนกับล่องลอยอาการป่วยหายไปร่างแนบชิดจนเกือบจะกายเป็นร่างเดียวกัน หยางหลงเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าความรัก และความใคร่เมื่อมาบรรจบกันนั้นมันแสดงออกถึงพลังมหาศาล อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกกับหญิงใดมาก่อน“ข้ารักเจ้าเฟยลี่นางหนึ่งเดียวในดวงใจของข้าต่อนี้ไป”ความหวานหอมที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาแพรวาครางเสียงแผ่ว หยางหลงจุมพิตไม่เบื่อหน่ายที่ริมฝีปากสวยนั้นจากนี้ไปจะเป็นหรือตาย หญิงงามนางนี้ก็เป็นสมบัติ ของเขาเพียงผู้เดียว ร่างบอบบางอ่อนระทวยในอ้อมแขนเขาแทบจะกลืนกินลงในบัดดลแพรวาเองไม่ต่างกันซบหน้าลงบนอกกว้างเปลือยเปล่า จะสามารถรักใครได้มากขนาดนี้โหยหาสัมผัสจากใครได้มากขนาดนี้ ร่างสองร่างกอดรัดไม่ห่างภายใต้แสงจันทร์นวลทุกสรรพสิ่งเป็นพยานในความรักของทั้งคู่ฟ้าสีทองส่องแสงอำพันทางทิศตะวันออกแพรวานอนหลับตาอย่างเป็นสุขในวงแขนแข็งแรง มือใหญ่หยิบเศษผมที่ตกลงมาปิดใบหน้าออกใช้มือเกลี่ยแก้มนวลเบาเบา อาการตัวร้อนหายไปยาเทียบนี้ดีเหลือเกินในความคิดของหยางหลง สงสัยต้องใช้บ่อยบ่อยเสียแล้วอมยิ้มกับความคิดของตัวเอง คนตัวเล็กในอ้อมแขนขยับตัวไปมาจูบไล่ตั้งแต่เปลือกตาเรื่อยมาจนถึงริมฝีปาก“ฝ่าบาท รังแกเฟย
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว