แพรวาด้วยชุดสีขาวที่บางเบา ไม่มีเสื้อคลุมสวมทับความหนาวเหน็บข้างนอก นั้นต่างจากจิตใจที่ร้อนรุ่ม แพรวาหันหลังพิงต้นดอกเหมย คิดทบทวนเรื่องต่างๆ และบทรักเมื่อสักครู่ว่าไม่ได้เพื่อเธอหากแต่เป็นอีกคนน้ำตา เจ้ากรรมก็พาลไหลรินอีกครั้ง
ทรุดตัวลงช้าๆ หลังพิงต้นดอกเหมยปล่อยให้น้ำตาร่วงลงจน
ถึงที่สุดเธอเป็นเพียงตัวสำรองไม่ว่าในภพไหนๆ กอดอกห่อไหล่งองุ้มหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ความหนาวภายนอกไม่อาจเท่าภายใน ที่มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เป็นเพียงคนคั้นเวลาของคน ถึงสองคนในช่วงเวลาไม่นานมานี้
เสื้อคลุมหนานุ่มอบอุ่นถูกคลี่ลงคลุมไปทั่วตัว แพรวาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสื้อคลุมหนานุ่มนั้นน้ำตาเต็มตา
“น้ำตาหมดร่างไม่อาจแบ่งเบา ความทุกข์ภายในใจได้หรอกแม่นาง”
ชินอ๋อง ผู้นี้ใยทำไมท่าทีเปลี่ยนไป แพรวามองเห็นความจริงใจและเอื้ออาทรในแววตานั้น
“ปล่อยให้ข้าได้ร้องเถิด เพื่อปลดปล่อย”
“อากาศหนาวเย็น กลัวว่าน้ำตาเจ้าจะแข็งไม่ไหลรินตัวเจ้าเองก็จะกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียก่อน เข้าไปดื่มชาร้อนๆ ที่จวนข้าชินอ๋องเถิด” เอื้อมมือมาจับมือเย็นเฉียบเกาะกุมก่อนจะพาเดินหายไปในความมืด ภายหลังนั้นกลับมีร่างหนึ่งเฝ้ามองด้วยสายตาปวดร้าว อยู่ในเงามืดฮ่องเต้หนุ่มทอดถอนลมหายใจยาวเหยียด ไม่อาจห้ามนางได้ด้วยความผิดที่เขาเป็นผู้ก่อขึ้น
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเขาไปในร่างบาง ที่ห่อคลุมด้วยเสื้อคลุมหนา ชาร้อนในมือถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากแดงเรื่อน่ามองชินอ๋องไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้
“จวนชินอ๋องไม่เคยต้อนรับหญิงใด หวังว่าแม่นางจะอภัยหาก มีอะไรผิดพลั้ง”
แพรวายิ้ม ด้วยใจจริงในคำ ออกตัวนั้น
“แม้จะไม่เคยต้อนรับหญิงใด หากแต่สวยงามสะอาดตานับว่าผู้เป็นเจ้าของ เอาใจใส่อย่างดี”
“แม่นางกล่าวเกินไปแล้ว ธรรมดา ของจวนไร้คู่ย่อมมีข้ารับใช้ดูแลให้หากวันใดมีเจ้าของจวนฝ่ายหญิงย่อมงดงาม มีชีวิตชีวา”
“ฝ่าบาท มีรักแท้กับเหมยเจียง เป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธ เป็นข้าที่ไม่มีผู้ใดใจถึงแม้ไม่มีทุกข์ก็ใช่ว่าจะมีสุข ทุกข์สุขของข้าและฝ่าบาทแตกต่างกัน หากแต่ความต้องการบางอย่างมีอยู่ในคนทุกคน”
แพรวาขมวดคิ้วชินอ๋องต้องการสื่อถึงอะไร
“ข้าเพียงหวัง ใช้ชีวิตที่นี่จนกระทั่งถึงวัน....จากไป..... ยังไม่ต้องการผูกมัดผู้ใด”
ใบหน้าหล่อเหลาสลดลงเล็กน้อย
“แม่นางจะจากไปที่แห่งใด กัน”
“....... ยังไม่มีจุดหมาย หรืออาจเป็นจุดหมายที่ไม่อาจบอกใคร”
“ข้าหวังว่าสักวันจะคู่ควรแก่การเหนี่ยวรั้งให้อยู่เหมือนที่ฝ่าบาท ทำอยู่ตอนนี้”
น้ำเสียงทุ่มนุ่มลึกทว่าเหมือนกับความทะเยอทะยาน จะพุ่งทะลักออกมาทางน้ำเสียงทุ้มนั้น แพรวาชะงักจากที่ยกชาจรดริมฝีปาก
“คารวะชินอ๋อง ข้าหลวงเฟยลี่ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ข้าเสี่ยวโอมารับข้าหลวงเฟยลี่ กลับตำหนัก”
“นางยังดื่มชากับข้าอยู่เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไร”
หัวใจของแพรวา ไหววูบ
“ข้าน้อยขออภัย หากแต่เป็นพระประสงค์ข้าหลวงหญิงก็มีสุขภาพอ่อนแอ ไม่ควรตากลมนานนัก ภายนอกมีเกี้ยวมารออยู่เชิญท่านข้าหลวง”
ชินอ๋องวางแก้วชา ให้เกิดเสียงดังก่อนจะฉุดมือ แพรวา ลุกขึ้น ประคอง เดินไปยังเกี้ยว
“วันหน้าหากมีโอกาส ข้าชินอ๋อง คงได้ร่วมดื่มชากับแม่นางอีกครั้ง”
เสี่ยวโอเปิด ผ้าแพรที่กั้นเกี้ยวไว้ แพรวา พาตัวเองเข้าไปอยู่ข้างในครุ่นคิดถึงคำพูดของชินอ๋อง ชินอ๋องผู้นี้ ไม่แน่ว่าจะจงรักภักดี ทั้งๆ ที่แพรวาเห็นมาตลอดว่าเขา ค่อนข้างซื่อสัตย์เหตุใดวันนี้ท่าทีเปลี่ยนไป
ชินอ๋อง หันหลังเดินกลับเข้าจวน สิ่งที่เขาเห็น ภาพ ของ แพรวาที่วิ่งร้องไห้ออกมาจากตำหนักฮ่องเต้ ทำเอาจิตใจ ของเขา เจ็บปวดอย่างประหลาด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่เขาอยากได้มักโดนช่วงชิงโดย ฝ่าบาท และสิ่งใดที่เขารัก มักจะ รักใคร่ฝ่าบาทเขาเป็นเพียงผู้ที่ต้องเจียมตน อยู่ภายในวังหลวงแห่งนี้ นางผู้นี้แตกต่าง ในความคิดของเขานางจะเป็นเหมือนคนอื่นไหมที่ มี ตา สองข้างเพียงเพื่อมองแค่ฝ่าบาท
“หลาน ถวายพระพร เสด็จ ย่า”
ชินอ๋องพาตัวเอง มาอยู่ตำหนักฟางซิน
“กว่าจะมา พบย่าได้ “
ยิ้มหวานแบบเอาใจ
“งานราชการเยอะไปหมดแม้ไม่ได้ไปรบหากแต่หลานต้องช่วยฝ่าบาทบริหารบ้านเมือง”
“ฝ่าบาทหลุมหลง ข้าหลวงหญิงนางนั้นยังมีแก่ใจใส่ใจราษฎรอยู่อีกรึ”
“ไม่ใช่ เสด็จย่าจะให้ ฝ่าบาท ทรงมีรัชทายาท โดยไวมิใช่หรือ”
“โดยไวหากว่า กำเนิดโดยคนของ..เราไม่ใช่ผีป่าแบบนั้นก็ทนรับไม่ไหว”
“เสด็จย่าทำการบุ่มบ่าม เกินไป”
“ทุกอย่างที่ทำ ย่าทำเพื่อหลานนะชินอ๋อง”
เกี้ยว ถูกหามมา ยัง ห้องบรรทมของฝ่าบาท
“เจี่ยเจีย อย่าได้โกรธเคืองเลย ฝ่าบาทเชิญท่านในตำหนัก”
เสี่ยวโอ คุกเข่าข้างหน้าเมื่อแพรวาก้าวลงเตรียมเดินไปยังห้องของตัวเอง
“คืนนี้ไม่เหมาะ ฝ่าบาทเลือกป้ายเป็นผู้ใด ค่ำนี้”
“ไม่มีผู้ใด"ทรงอารมณ์ฉุนเฉียวไม่อาจทำการเลือกป้ายเสี่ยวโอยังรายงาน
“งั้นก็ดีแล้วเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวข้าก็ไม่อาจเข้าหน้าได้ ร่างกายต้องการพักผ่อน”
ว่าแล้วแพรวาก็สาวเท้าเดิน กลับห้องของตัวเอง
“เจี่ยเจีย... เจี่ยเจีย”
เสี่ยวโอ คุกเข่าข้างหน้าเมื่อแพรวาก้าวลงเตรียมเดินไปยังห้องของตัวเอง“คืนนี้ไม่เหมาะ ฝ่าบาทเลือกป้ายเป็นผู้ใด ค่ำนี้”“ไม่มีผู้ใด"ทรงอารมณ์ฉุนเฉียวไม่อาจทำการเลือกป้ายเสี่ยวโอยังรายงาน“งั้นก็ดีแล้วเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวข้าก็ไม่อาจเข้าหน้าได้ ร่างกายต้องการพักผ่อน”ว่าแล้วแพรวาก็สาวเท้าเดิน กลับห้องของตัวเอง“เจี่ยเจีย... เจี่ยเจีย”เสี่ยวโอตะโกนตามหลังหากแพรวาไม่เหลียวหลังกลับมามอง ฮึ ให้รู้เสียบ้างว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงลืมง่ายโกรธนานไม่มีทาง อภัยให้ใครง่ายๆล้มตัวลงนอน ร่างกายอ่อนเพลีย จาก อาการป่วยแล้วยัง การร้องไห้อย่างหนักนั่นอีก หลับตาลง ก่อนจะเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวอากาศหนาวจนหิมะแรกร่วงหล่น แพรวาไม่เคยเผชิญอากาศ แบบนี้ กอดอกห่อไหล่นอนหนาวอยู่บนที่นอน ร่างสูงก้าวเข้าภายในห้องเบากริบแสงไฟสลัวส่องจับใบหน้านวล ที่หลับตาพริ้ม เดินไปหยุดที่ข้างเตียง ก่อนจะคลี่ผ้าห่มหนาปกคลุมร่างบางจนทั่วพิศมองใบหน้าผุดผาดนั้นความรู้สึกผิดต่อแพรวา ความรู้สึก ที่ไม่อาจบรรยาย และไม่อาจหักห้ามความต้องการของตัวเอง ก้มลงจุมพิต หน้าผาก เนียนนั้นแผ่วเบา“ตุ้ยปู้ฉี่ (ขอโทษ) เฟยลี่”ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แพรวาลืม
ภาพวาด ของเหมยเจียงถูกคลี่ออกจากม้วน ใบหน้าสวยเศร้า ฮ่องเต้หนุ่มจ้องมองเนิ่นนานก่อนจะวางลงบนโต๊ะความรู้สึกโหยหา หายไปจนสิ้นแพรวา แต่งกายด้วยชุดข้าหลวง วันนี้เธอต้องทำความรู้จักกับเด็กรับใช้คนใหม่เพราะลี่มี่ยังนอนซมด้วยอาการป่วย“เจี่ยเจีย ฝ่าบาททรง ให้ข้าน้อยมาเชิญท่านไปเสวยอาหารเช้ากับฝ่าบาทที่ ตำหนักเหมยฮวา (ดอกเหมย) ”แพรวาเลิกคิ้วเดี๋ยวนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปกินที่ศาลาชมดอกไม้รึ“พี่สาวกินไปแล้วเสี่ยวโอ”เสี่ยวโอหน้าละห้อย“เจี่ยเจีย เครื่องเสวยน่ากินนะ ข้าเห็นแล้วน้ำลายไหล”ทำท่าทางประกอบแพรวา นิ่ง“ไม่อยากไปคนไม่ถูกกัน”“พี่สาวนึกว่าเห็นแก่ข้า น้องชายผู้นี้หากตามท่านไปไม่สำเร็จไม่แน่อาจรับโทษหนักอาจถึงขั้น ถูกปลดจากตำแหน่ง”เว่อร์ไปหรือเปล่าเสี่ยวโอแค่ตาม เธอให้ไปกินข้าวไม่สำเร็จนี้นะ“ก็ได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เจ้าต้องเล่าเรื่อง..เหมยเจียง..ให้พี่สาวฟัง ...อย่างละเอียด”เสี่ยวโอนิ่วหน้า“แล้วแต่เจ้านะหรือจะ ยอมถูกปลด”แพรวาออกเดินนำไปยัง ตำหนักเหมยฮวาเสี่ยวโอเดินตามแทบไม่ทันชุดสวยสีเหลืองขับผิวนวล กลมกลืนกับหิมะขาวโพลน อากาศหนาวเหน็บแต่ทิวทัศน์สองข้างทางงามสดใส ดอกเหมยสีแดงถู
ฮ่องเต้เล่าสิ่งที่ต้องจัดการ และคำแนะนำของเฟยลี่ ไทเฮามองเฟยลี่ด้วยสายตาแปลกไป“นับว่านาง เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองทั้งยังมีกลยุทธ์แปลกใหม่ ทำให้ฝ่าบาทไม่ต้อง กังวลกับปัญหาบ้านเมือง แต่ด้วย นางไม่มีที่มาที่ไปฝ่าบาทจะยกย่องนางก็ไม่อาจทำได้”“ลูกจึงมีเรื่องต้องรบกวนเสด็จแม่”“หมายความว่าอย่างไร”“ลูกอยากให้เสด็จแม่ รับรองนางโดยการ หาคนในตระกูลหลิวของท่านรับนางเป็นบุตรบุญธรรม”ไทเฮา ยิ้มจางๆก่อนจะพูด“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ ไทเฮาอย่างข้าก็ไม่อาจ ไม่ทำตามแต่ขอเวลาแม่สักหน่อย”“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลลูกไม่ได้เร่งรีบ หากแต่ต้องการให้นางมีฐานะที่เหมาะสมในยามที่ลูก...”“แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮา ใช่ไหม”ไทเฮารู้ทันความคิดของลูกชาย“แม่อยากให้ฝ่าบาทไตร่ตรองอีกที สนมนางในหลายคนที่จะทำให้บัลลังก์ไม่สั่นคลอน”"เสด็จแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะไม่ทำให้บัลลังก์นี้สั่นคลอนเป็นแน่แท้""เจ้ารับรองอย่างนี้แม่ก็เบาใจ "ฮ่องเต้ พาแพรวามายังห้องเก็บบรรทมก่อนจะโยนชุดเก่าสีทึมทึบให้แพรวา"เปลี่ยนซะ"แพรวามอง ชุดเก่าๆในมืออย่างไม่เข้าใจ"ทำไมต้องเปลี่ยน""ก็จะพาไปที่ทีอยากให้ไป"แล้ว ฮ่องเต้ก็เปลี่ยนชุดให้ตัวเองบ้
“อาณาจักร เสียน”แพรวานึก ไม่ออกว่าใช่หรือไม่“เสียนโล้ สุโขทัย”ฮ่องเต้พยายามออกเสียงแพรวาตาโต“นั่นๆ ๆ ใช่เลย นั่นแหละ”“ไกลมาก แล้วทำไมมาถึงนี่”อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่แค่ไกลแค่ระยะทางหากแต่ไกล ในห้วงเวลาด้วย“ไม่รู้ ข้าพระองค์ก็ไม่รู้ แน่ชัดไว้รอแน่ใจก่อนจะเล่าให้ฟัง”“เหมยเจียงกับเจ้าอาจถูกเปลี่ยนตัวกันหรือเปล่า ข้าได้ยินมาว่า มีเรือสำเภาที่คอยจับหญิงงามเลอโฉมไปเป็นนางโลมยัง อาณาจักรอื่น”“ไม่แน่”แพรวา ไม่กล้าออกความเห็นมากนัก นึกสะดุดใจกับคำว่าเปลี่ยนตัวยังจำภาพความฝันที่เห็นหญิงนางหนึ่งนั่งหันหลังให้เธอ เคียงข้างพี่กันต์หรือว่า...แต่ทำไมเหมยเจียงต้องไปอยู่บนร่างเด็กหนุ่มได้ ต้องถามเอาความกระจ่างกับหมอหลวงให้แน่ชัดเสียทีจะได้เตรียมรับมือ สถานการณ์ได้ถูกต้องพากันกลับเข้าไปในวังเมื่อ บ่ายคล้อย“สนมฮุ่ย ถวายพระพร ฝ่าบาท”ท่าเดินชดช้อยอ่อยซ้ายอ่อยขวา แพรวาคิดในใจ“ฝ่าบาท วันวันนี้จางฮุ่ยลงทุนตุ๋นรากบัวมาถวายสุด ฝีมือ”“แหวะ”แพรวาส่งเสียงฮ่องเต้หันมา ดูแพรวาด้วยแววตาสงสัย“เป็นอย่างไรเฟยลี่”“แค่อยากอาเจียน”สนมฮุ่ย ยกมือขึ้นปิดปากตาพองโต คิดไปไกลคิดว่าแพรวาตั้งครรภ์“โอ้คง หิวสิ
"ฮุยเหนียง ได้ขอยามาผสมยาบำรุงกำหนัด(ใคร่ในกามคุณ) ไว้ใน... ตุ๋นรากบัว”ช้อนกระเบื้องหล่นลงโต๊ะหินแตกเป็นสองเสี่ยงเมื่อแพรวาแสดงการตกใจอย่างแรง ตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งกลมโตไปใหญ่ ซดไปหลายช้อนแล้ว เวรแล้วแพรวาทำท่านับนิ้วฮ่องเต้หนุ่ม ทำหน้าตาตกใจสุดขีด ก่อนจะตวาดลั่น“สนมฮุ่ย เจ้าทำอะไรลงไป”พระองค์เพิ่งซดไปได้ช้อนเดียวแต่แพรวาสิ หลายช้อนไม่อาจนับสนมฮุ่ยคุกเข่าลงกับพื้น หน้าตาแสดงว่ายอมรับผิด“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว ฮุ่ยเหนียงเพียงแค่อยากให้ฝ่าบาททรงพระสำราญ”ฮ่องเต้ถอนหายใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ“ลุกขึ้นเถิดสนมฮุ่ย ความผิดลหุโทษ แล้วมียาถอนพิษไหมบอกมาโดยเร็ว”สนมฮุ่ยก้มหน้ามองมือตัวเอง ส่ายหน้าช้าๆ“ยาถอนพิษ อยู่ที่ไทฮองไทเฮา แต่ว่าสามชั่วยาม ฤทธิ์ยาก็จะหายไปเองเพค่ะฝ่าบาท”แพรวา กัดริมฝีปากจนเจ็บแต่ที่เจ็บจริงตอนนี้คือใจของเธอแค้นเคืองสนมฮุ่ย ที่บังอาจวางยาเธอได้ ไม่ยอมบอกสักคำน่าจะบอกกล่าวกันบ้าง หลับตาส่ายหัวไปมา แล้วจะไป ขอยาถอนพิษจาก ไทฮองไทเฮายิ่งไม่มีทาง“ทำไมไม่บอกข้า”แพรวากัดฟันพูดสนมฮุ่ย หันหน้าหนีเนื่องด้วยอดหัวเราะเยาะหยันแพรวาไม่ได้“เจ้า เห็นแก่กิน ทีแรกก็ทำท่าไม่อ
เสี่ยวโอวิ่งกระหืดกระหอบ นำยามายัดใส่ปากของแพรวา ก่อนที่แพรวาจะหมดสติไปในทันที ฮ่องเต้อุ้มร่างบางไปวางบนที่นอนนั่งลงข้างๆ“นางไม่เหมาะกับวังแห่งนี้ใช่ไหม เสี่ยวโอ”เสี่ยวโอพยักหน้าน้อย ๆ“ไม่ใหญ่ต้านลม กิ่งใบหักพัง เจี่ยเจีย ...ข้าหลวงเฟยลี่ไม่ยอมลู่ลม คงต้องเจอกับอะไรอีกหลายอย่าง”“ข้าจะปกป้องนางได้เท่าไหร่กันเชียว”“หากฝ่าบาทมีใจยึดมั่น ย่อม ทำให้ พี่สาวปลอดภัยจากคนปองร้าย แต่หากวันใดฝ่าบาทหมด เยื่อใยเมื่อนั้น พี่สาวคงจะต้องลำบาก”“ข้าไม่มี ทางจะทอดทิ้งนางแค่เพียงคิดใจข้าก็ไม่อาจ”เสี่ยวโออมยิ้มโล่งใจกับคำพูดที่ได้ยิน ฮ่องเต้ห่มผ้าให้แพรวา“ข้าน้อย จะไปนำชาร้อนๆ มาถวาย หิมะเริ่มโปรยปรายอีกแล้ว” เสี่ยวโอคล้อยหลังออกไปสักพัก ฮ่องเต้นั่งมอง แพรวาที่หลับตาพริ้มด้วยความคิดหลากหลาย ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้น เงาดำผ่านวูบที่หน้าต่างก่อนที่บุคคลลึกลับสองคนจะ พุ่งตัวเข้ามาในห้องฮ่องเต้ มีเพียงมือเปล่า กระบี่ในมือของผู้ที่หมายปองร้าย ตวัดเข้าใส่แพรวา อย่างจงใจฮ่องเต้หนุ่มสะบัดฝ่ามือซัดเข้ากลางลำตัวด้วยความรวดเร็ว อีกคนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายคือแพรวา ฮ่องเต้ถลาเข้าขว้างไว้ใช้ ฝ่ามื
แพรวา คว้าแขนฮ่องเต้ขึ้นมาดู“เป็นอะไร อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนข้าแทงท่าน”ไปกันใหญ่แพรวาฮ่องเต้ส่ายหน้าไม่อาจบอกได้ว่าโดนลอบทำร้ายและคนลอบทำร้ายหมายเอาชีวิตแพรวาจำต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้จนถึงที่สุด“ข้าซ้อมกระบี่กับชินอ๋อง พลาดท่าให้แก่ชินอ๋องบาดเจ็บเล็กน้อย”แพรวาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ“เจ็บมากไหมข้าขอโทษ”ใบหน้าขาวใส ยิ้มกว้างแววตาสดใสอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่เหมยเจียงจากไป ยังไม่มีใครพูดคำนี้อีกเลย“เจ้าอยากไถ่โทษไหม”แพรวาพยักหน้า“วันนี้ เดินชมสวนเป็นเพื่อนข้า ฟ้ง ข้า บรรเลงพิณสักเพลงหนึ่ง”แพรวาพยักหน้าไม่หนักหนาอะไร“ได้ เรื่องล็กน้อยเพียงนี้”แขนข้างที่เจ็บนั้นยังคงดีดพิณพลิ้วไหว แพรวามองคนเล่นด้วยความลืมตัวใบหน้าหล่อเหลายากหาใครเทียบเคียงแพรวาไม่อาจละสายตาเสียงบรรเลงเพลงพิณของฮ่องเต้ ช่างหวีดหวิว แววหวานจน แพรวาเคลิบเคลิ้มล่องลอย เคยได้ยินที่ไหน สักแห่งแต่นึกไม่ออก เหมือนมันติดอยู่ในความทรงจำตราบกระทั่งวันนี้ คล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อรู้สึกว่าเหมือนเป็นเด็กน้อย วิ่งเล่นอยู่ในสวนที่มีดอกเหมยสีแดงบานสะพรั่ง เสียงหัวเราะหยอกล้อ จากเด็กๆ ด้วยกันดังแว่วมาไม่ขาดระยะ ความฝันหรือความจ
แพรวา น้ำตาร่วงกราว เป็นอะไรของเขาวันนี้ ผุดลุกขึ้นหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทั้งโกรธทั้งอายเมื่อแพรวาจากไปฮ่องเต้ ถอนหายใจยาวเหยียด "เสี่ยวโอจัดคนอารักขา ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ให้ แน่นหนาอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับนางอีกไม่อย่างนั้นหัวพวกเจ้าจะหลุดจากบ่า”ก่อนจะโบกมือไล่ เสี่ยวโอ ให้ ออกไปนอกห้องปิดประตูลง กุ้ยเหรินกับ สนมฮุ่ยยิ้มในหน้า ฮ่องเต้พาตัวเองนั่งจมอยู่กับฎีกากองใหญ่ไม่สนใจทั้งคู่แต่จิตใจร้อนรุ่ม นึกเห็น รอยน้ำตาอยาก จูบปลอบโยน แต่ต้องหักห้ามใจสงสารเพียงใดต้องทำใจแข็งไว้ใบหน้าเรียบตึงไม่แสดงอาการใดใด ยังคงปล่อยให้สนมฮุ่ย เดินมาบีบนวดตามประสา กุ้ยเหรินก็นั่งนิ่งเป็นหุ่นแพรวา นึกมโน ไปไกล ถึง ภายในห้องของฮ่องเต้ที่กุ้ยเหรินกำลังเปลื้องผ้าเหมือนวันนั้น กับสนมฮุ่ยที่ขึ้นคร่อมร่างฮ่องเต้ ถวายการปรนนิบัติอย่างถึงพริกถึงขิง แล้วหันมายิ้มเยาะ แพรวาในภาพมโน แพรวาคับแค้นใจสลัดความคิดนั้นทิ้งไปฟุบหน้าร้องไห้“พี่สาว อย่าโกรธเคืองไปเลย ทุกอย่างย่อมมีเหตุผล”เสียงเสี่ยวโอ ดังลอดประตูเข้ามา แพรวานิ่งงันหยุดสะอื้นกลัวเสี่ยวโอได้ยิน“ฮ่องเต้ ทรงเป็นห่วงพี่สาวมากนะ สั่งคนมาอารักขา”แพรวาเกิดความสงสัยก
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว
“ถาม ถามยังไม่หมด แล้วฝ่าบาททำไมถึง ...รักเหมยเจียง”แพรวาถามไปอย่างนั้นเพราะคิดคำถามไม่ออก ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงคาดไม่ถึงกับคำถามนั้น“เหมยเจียงเป็นสิ่งเดียวหลังจากที่ท่านแม่ตายไปนางเป็นทั้งเพื่อนเล่น และพี่สาวในเวลาเดียวกัน เหมยเจียงเป็นผู้ใหญ่เกินตัวทั้งยังมีจิตใจอ่อนโยนโอบอ้อมอารี”ดีเว่อร์ไปไหมถ้าเทียบกับแพรวา ที่ไม่มีคุณสมบัติที่ว่าเลยตำหนักไทฮองไทเฮา“ย่า ว่าเราคงต้องจัดการทุกอย่าง ให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว”ไทฮองไทเฮาใบหน้าเคร่งเครียด ยามที่เปล่งวาจาชินอ๋องก้มหน้านิ่งอย่างใช้ความคิด“เหมยหลิวไม่สามารถดำเนินแผนการให้สำเร็จได้ เพราะไทเฮาที่มาขัดขว้างนาง ช่างมาได้ถูกจังหวะทำให้แผนของเราปั่นป่วนตั้งแต่ครั้งที่แม่ของเจ้าต้องโทษให้ถูกจองจำในตำหนักเย็นก็เป็นไทเฮา”ชินอ๋องตาวาวโรจน์ด้วย อารมณ์คุกรุ่นภายใน เมื่อคำพูดเสียดแทงจิตใจ“หลานยังเตรียมการได้ไม่ดีเท่าที่ควร อยากให้เสด็จย่ารออีกสักระยะให้ทุกอย่างรัดกุมกว่านี้”ไทฮองไทเฮาทำเสียงจิจ๊ะ อย่างขัดใจ“ดอกเหมยจะงามเมื่อถึงเวลาเบ่งบาน เสด็จย่าโปรดรอวันที่หลานจะได้นั่งบัลลังก์”ไทฮองไทเฮายิ้มอย่างสมใจ“ถ้าเป็นเจ้าชินอ๋องหากว่าเซี้ยนตี้
เรามาทำความรู้จักกับ บรรดาผู้ที่เป็นตัวละครของเรื่องนี้กันค่ะฮ่องเต้ (หยางหลง) -ลูกของฮ่องเต้ องค์ก่อนที่ชิงบัลลังก์มาจากพ่อของแพรวา ซึ่งปู่ของแพรวาและฮ่องเต้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแพรวา -อายุ หกขวบก็ เดินทางข้ามเวลามาที่ไทยโดยการกระโดดลงน้ำพร้อมกับ ฮองเฮาหย่าจิ้งผู้เป็นมารดา และพออายุได้18 ปีก็เดินทางกลับมายังที่เดิมอีกครั้งชินอ๋อง-น้องต่างมารดา ที่แม่เป็นสนมเอกของเซี้ยนตี้ (พ่อของหยางหลงฮ่องเต้) และตาเป็นถึง ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก กุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด แต่ถูกเลี้ยงดูและ ฟูมฟักโดยไทฮองไทเฮาที่เป็นย่าเพราะชินอ๋องมีความเหมือนปู่ (ซึ่งเป็นปู่ของ หยางหลงฮ่องเต้ด้วย แต่หยางหลงฮ่องเต้ ได้นิสัยรักสงบจิตใจอ่อนโยนมาจากแม่) ชินอ๋องเป็นคนที่คนข้างเด็ดขาด และค่อนข้างโหดตามนิสัยทหาร ถ้าชินอ๋องมีความภักดี หยางหลงจะได้ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๋เลยที่เดียวโหวหยางจื้อ- น้องชายต่างมารดา ของหยางหลงฮ่องเต้ ซึ่งแม่เป็นสามัญชนเหมือนแม่ของหยางหลง แต่ เป็นที่โปรดปรานของเซี้ยนตี้ถึงกับแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหริน มีความภักดีต่อพี่ชาย และ มักจะเก่งทางด้านบุ๋น เป็นเหมือนมันสมองของ หยางหลงไทเฮา- ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮ
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ฮ่องเต้หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้ สักวันจะเสียทีให้กับคนที่คิดไม่ซื่อรีบแต่งตั้งสนมฮุ่ยเป็นฮองเฮา รีบมีรัชทายาท เมื่อนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรฝ่าบาทได้ เมื่อตระกูลใหญ่ทั้งสี่สนับสนุน ฐานะบนบัลลังก์มั่นคงอย่างนั้น”นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพราะฮ่องเต้องค์เก่า ที่เหมือนกับหยางหลงเหลือเกินรักความสงบปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ไม่รบรากับใครเทิดทูนความรักไม่ยอมมีรัชทายาทกับสนมคนใดรอเพียงให้มีกับหย่าจิ้งคนเดียว ซึ่งนางก็ให้กำเนิดเพียงแค่องค์หญิง สุดท้ายก็ต้องถูก แย่งชิงบัลลังก์จากเซี้ยนตี้ ถอนหายใจอีกครั้งหรือว่าประวัติศาตร์จะซ้ำรอย“ลูกขอเวลาตรึกตรอง ตอนนี้เองฮุ่ยเหนียงก็ยังไม่พ้นมลทินคงต้องรอให้นางพิสูจน์ตัวเองเสียก่อน”“แม่หวังว่าฝ่าบาทจะคิดให้ถ้วนถี่เฟยลี่ฝ่าบาทจะให้นางดำรงตำแหน่งอะไรก็ได้ จะอยู่กับนางทุกคืนก็ได้นางให้ได้แค่ความสำราญ พระทัย แต่เพื่อความมั่นคงของฝ่าบาทต้องเป็นสนมฮุ่ยเท่านั้น”ไทเฮาจากไป ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะไปบอกข่าวดีนี้แก่แพรวาเหลือเกิน แต่นึกถึงใบหน้าเย็นชานั้นเล่าจะหายไปหรือยังป่านนี้คงได้ข่าว เรื่องเหมยหลิวที่ เล็ดลอดออกไปแพร่สะพัดไปทั่ว หยางหลงฮ่องเต้