ลี่มี่ เข้ามารายงาน แพรวาเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องด้วยคราวนี้ไทฮองไทเฮาเรียกหาเธอเพียงลำพังไม่ได้มีฮ่องเต้ไปด้วยเหมือนครั้งก่อน“เจ้ารู้ไหมลี่มี่ ว่ามีเรื่องอะไรถึงเรียกหาข้า”ลี่มี่ส่ายหน้าไปมา“ข้าน้อยอยากให้นายหญิงระวังตัวให้ดี ไทฮองไทเฮาก็เหมือนลายปักบนผ้าที่ด้านหนึ่งสวยงามอีกด้านกับซ่อนเส้นด้ายและรอยต่อไว้มากมาย”โอ้โห้นี่ขนาดสาวใช้นะ คำคม ล้ำลึกแพรวาเดินตามทางเดินลาดยาวที่มีดอกเหมยริมทางทั้งสีแดงและสีชมพู ภาวนาอย่าให้ มีเรื่องร้ายๆเลยรู้ว่ามีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่จะช่วยเธอได้หากแต่ตอนนี้ฮ่องเต้ ออกว่าราชการในท้องพระโรงและไม่แน่ว่าเขาจะช่วยเธอเพราะเมื่อคืนเธอสร้างวีรกรรมไว้ ทหารองครักษ์ยืนอยู่ทางขึ้นไปบนตำหนัก มองเธอด้วยสายตาสงสาร แบบที่แพรวาคิดไปเองไทฮองไทเฮา นอนตะแคงใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้ มีนางกำนัลบีบนวดเหมือนเดิมใบหน้าที่สวยไม่สร่างเมื่อครั้งยังสาวสะคราญคง สวยจับใจ มองเธอด้วยสายตามีอะไรแอบแฝง“ข้าน้อยข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ถวายพระพรไทฮองไทเฮา”พยายามทำตัวเองให้เป็นคนมารยาทดีที่สุด ลี่มี่ย่อตัวตาม“ตังซิน (ระวังตัว) ”ลี่มี่กระซิบเสียงเบาที่สุด ไทฮองไทเฮา หลุบตามองมือตัวเองที่
เป็นเขาที่ละเลยปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตราย หากวันนี้ไม่คิดว่าจะต้องแก้เผ็ดเรื่องเมื่อคืน คงไม่ออกตามหาตัวกันจนพบ นางกำนัลคนหนึ่งบอกว่า แม่นางเฟยลี่ มุ่งหน้าไปทางตำหนักฟางซินเสี่ยวโอซอยเท้ามาด้วยความรีบร้อนหมอหลวงเดินตามมาไม่ห่างท่าทางเร่งรีบเช่นกัน ฮ่องเต้ถอยออกมายืนห่างๆ หมอหลวงตรวจวัดชีพจร“นางปลอดภัยแล้วฝ่าบาท หากแต่ข้าพระองค์จะให้ขันทีตามไปรับยา เพื่อที่จะมาให้นางได้แก้พิษถึงแม้ไม่ใช่ยาพิษที่มีพิษถึงแก่ชีวิต แต่มีผลทำให้นางไม่สามารถมีบุตรได้หากได้รับยาเข้าไปในปริมาณมาก”ฮ่องเต้กัดฟันจนเป็นสันนูน“ข้าเป็นถึงฮ่องเต้แต่ไม่อาจปกป้องนางได้”รำพึงเบาๆ“แม่นางเฟยลี่เองมาจาก...แดนไกล ไม่รู้ขนบธรรมเนียมในวังหลวงจึงไม่อาจระวังตัว ข้าน้อยจะค่อยๆสั่งสอนนางอีกแรง”คำพูดมีเลศนัยของหมอหลวงแต่ฮ่องเต้กลับไม่ได้สงสัยอะไรร่างบอบบางนอนแน่นิ่งฮ่องเต้เฝ้ามองด้วยความรู้สึกประหลาดเรียกว่าอะไรความรู้สึกแบบนี้ต่างจากที่รู้สึกกับเหมยเจียง ยกมือขึ้นลูบแก้มใส หลับตาเสียก็ไม่มีพิษสง หากลืมตานางคงต้องโวยวายเรื่องการถูกเนื้อต้องตัว“ฝ่าบาท ลี่มี่โลหิตไหลไม่หยุด หมอหลวงเร่งให้ข้าน้อยมาดูอาการ เจี่ยเจียเอ๊ยข้าหลว
แพรวาแลบลิ้นเพราะรู้ว่าฮ่องเต้ต้องหมายถึงเธอแน่ๆ (สำคัญตัวเองผิด มโนไปเองเปล่าวะ)“ของของเราหากพยายามไม่มากพอก็อาจเป็นของคนอื่น” โหวหยางจื้อเข้ามาสมทบอีกคน แพรวาหันหน้าไปพึมพำเบาๆจะพูดเรื่อง ของเรา ของเขา หรือว่าจะมาเยี่ยมเธอกันแน่“นี่คือโสมชั้นดีจาก ฮันกึล (เกาหลี) ไว้ให้ แม่นางเฟยลี่ฟื้นฟูร่างกาย”โหวหยางจื้อ ยื่นกล่องโสม ส่งให้ด้วยแววตาจริงใจ ชินอ๋องล้วงเอาของในอกเสื้อออกมาบ้าง“ข้าชินอ๋องมีเพียงกำไลหยก เครื่องรางป้องกันภัยเท่านั้นใส่ไว้ติดตัวคาดว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้าย”ถ่อมตัวจริงๆ กำไลหยก ที่ถูกทำขึ้นด้วยความประณีตถูกยื่นส่งมาตรงหน้าของแพรวา ก่อนที่นางกำนัลจะรับไปเก็บไว้ ฮ่องเต้มองของสองสิ่ง ไปมาไม่มีอะไรให้กับเขาไม่ได้เตรียมอะไรมา“เมื่อ ส่งของกำนัลให้นางแล้วก็ อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของนางเลยเชิญเจ้าทั้งสองที่ห้องอักษรข้ามีเรื่อง หารือ”ชินอ๋องและโหวหยางจื้อไม่รอช้า ก้าวออกจากห้องบรรทมด้วยสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ผู้ใดจะเข้าออกได้ตามแต่ใจต้องการ ฮ่องเต้ทรุดตัวลงนั่งข้าแท่นนอน“ฝ่าบาทไม่มีของกำนัลให้ข้าน้อย เฟยลี่เหมือนคนอื่นหรือไร”แพรวาแกล้งแหย่ใบหน้าหล่อก้มลงจนเก
โหวหยางจื้อได้ทีพูดขึ้นมาบ้าง“ให้แต่ละคนส่งฎีกา เสนอชื่อ ผู้ที่เหมาะแก่การ ดำรงตำแหน่งฮองเฮาด้วยเถิด”ทั้งโหวหยางจื้อและ ชินอ๋องคุกเข่าขอร้อง“เจ้าทั้งคู่ สนิทสนมกับข้ามาก็นานคงจะรู้ดี ข้าเพียงแค่รอคอยว่าสักวันเหมยเจียงจะกลับมานางเพียงคนเดียวที่เหมาะกับตำแหน่งฮองเฮา....ของข้า”พูดไปใจก็คิดถึงอีกคนที่นอนอยู่ที่แท่นบรรทมตอนนี้ ภาพใบหน้างดงามนั้นลอยวนขึ้นมากวนใจคราวนี้เป็นท่านโหว และชินอ๋องที่ถอนหายใจเกือบพร้อมกัน“ขอเวลาอีกสักหน่อย ให้ข้าลืมเลือนนางอีกสักพัก”“พระสนม ฝ่าบาทห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปภายในตำหนัก ของฝ่าบาทหากไม่ได้รับอนุญาต “เสียงเสี่ยวโอตะโกนดังลั่นเหมือนจะเตือนให้ แพรวาที่อยู่ข้างในได้ระแวดระวังภัย และพยายามถ่วงเวลาไว้“ข้าเป็นถึงสนมเอก บิดาข้าเป็นถึงเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เจ้าบังอาจนักเจ้าขันทีน้อย”ดวงตาเขียวปั้ดจ้องมองเสี่ยวโอด้วยความมุ่งร้าย ผลักประตูห้องบรรทมเข้าไปข้างใน เสี่ยวโอหลบออกมาทันทีแพรวา รีบลุกจากเตียง“ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ถวายพระพรพระสนม”ใบหน้าที่เชิดหยิ่งอยู่แล้วยิ่งเชิดสูง“เจ้านี่นอกจากจะไม่เจียมตัวแล้วยัง ใฝ่สูง กล้าตีตัวเสมอฝ่าบาท นอนในแท่นบรรทมได้อย่างไ
แพรวาด้วยชุดสีขาวที่บางเบา ไม่มีเสื้อคลุมสวมทับความหนาวเหน็บข้างนอก นั้นต่างจากจิตใจที่ร้อนรุ่ม แพรวาหันหลังพิงต้นดอกเหมย คิดทบทวนเรื่องต่างๆ และบทรักเมื่อสักครู่ว่าไม่ได้เพื่อเธอหากแต่เป็นอีกคนน้ำตา เจ้ากรรมก็พาลไหลรินอีกครั้งทรุดตัวลงช้าๆ หลังพิงต้นดอกเหมยปล่อยให้น้ำตาร่วงลงจนถึงที่สุดเธอเป็นเพียงตัวสำรองไม่ว่าในภพไหนๆ กอดอกห่อไหล่งองุ้มหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ความหนาวภายนอกไม่อาจเท่าภายใน ที่มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เป็นเพียงคนคั้นเวลาของคน ถึงสองคนในช่วงเวลาไม่นานมานี้เสื้อคลุมหนานุ่มอบอุ่นถูกคลี่ลงคลุมไปทั่วตัว แพรวาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสื้อคลุมหนานุ่มนั้นน้ำตาเต็มตา“น้ำตาหมดร่างไม่อาจแบ่งเบา ความทุกข์ภายในใจได้หรอกแม่นาง”ชินอ๋อง ผู้นี้ใยทำไมท่าทีเปลี่ยนไป แพรวามองเห็นความจริงใจและเอื้ออาทรในแววตานั้น“ปล่อยให้ข้าได้ร้องเถิด เพื่อปลดปล่อย”“อากาศหนาวเย็น กลัวว่าน้ำตาเจ้าจะแข็งไม่ไหลรินตัวเจ้าเองก็จะกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียก่อน เข้าไปดื่มชาร้อนๆ ที่จวนข้าชินอ๋องเถิด” เอื้อมมือมาจับมือเย็นเฉียบเกาะกุมก่อนจะพาเดินหายไปในความมืด ภายหลังนั้นกลับมีร่างหนึ่งเฝ้ามองด้วยสายตาปวดร้าว อยู
เสี่ยวโอ คุกเข่าข้างหน้าเมื่อแพรวาก้าวลงเตรียมเดินไปยังห้องของตัวเอง“คืนนี้ไม่เหมาะ ฝ่าบาทเลือกป้ายเป็นผู้ใด ค่ำนี้”“ไม่มีผู้ใด"ทรงอารมณ์ฉุนเฉียวไม่อาจทำการเลือกป้ายเสี่ยวโอยังรายงาน“งั้นก็ดีแล้วเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวข้าก็ไม่อาจเข้าหน้าได้ ร่างกายต้องการพักผ่อน”ว่าแล้วแพรวาก็สาวเท้าเดิน กลับห้องของตัวเอง“เจี่ยเจีย... เจี่ยเจีย”เสี่ยวโอตะโกนตามหลังหากแพรวาไม่เหลียวหลังกลับมามอง ฮึ ให้รู้เสียบ้างว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงลืมง่ายโกรธนานไม่มีทาง อภัยให้ใครง่ายๆล้มตัวลงนอน ร่างกายอ่อนเพลีย จาก อาการป่วยแล้วยัง การร้องไห้อย่างหนักนั่นอีก หลับตาลง ก่อนจะเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวอากาศหนาวจนหิมะแรกร่วงหล่น แพรวาไม่เคยเผชิญอากาศ แบบนี้ กอดอกห่อไหล่นอนหนาวอยู่บนที่นอน ร่างสูงก้าวเข้าภายในห้องเบากริบแสงไฟสลัวส่องจับใบหน้านวล ที่หลับตาพริ้ม เดินไปหยุดที่ข้างเตียง ก่อนจะคลี่ผ้าห่มหนาปกคลุมร่างบางจนทั่วพิศมองใบหน้าผุดผาดนั้นความรู้สึกผิดต่อแพรวา ความรู้สึก ที่ไม่อาจบรรยาย และไม่อาจหักห้ามความต้องการของตัวเอง ก้มลงจุมพิต หน้าผาก เนียนนั้นแผ่วเบา“ตุ้ยปู้ฉี่ (ขอโทษ) เฟยลี่”ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แพรวาลืม
ภาพวาด ของเหมยเจียงถูกคลี่ออกจากม้วน ใบหน้าสวยเศร้า ฮ่องเต้หนุ่มจ้องมองเนิ่นนานก่อนจะวางลงบนโต๊ะความรู้สึกโหยหา หายไปจนสิ้นแพรวา แต่งกายด้วยชุดข้าหลวง วันนี้เธอต้องทำความรู้จักกับเด็กรับใช้คนใหม่เพราะลี่มี่ยังนอนซมด้วยอาการป่วย“เจี่ยเจีย ฝ่าบาททรง ให้ข้าน้อยมาเชิญท่านไปเสวยอาหารเช้ากับฝ่าบาทที่ ตำหนักเหมยฮวา (ดอกเหมย) ”แพรวาเลิกคิ้วเดี๋ยวนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปกินที่ศาลาชมดอกไม้รึ“พี่สาวกินไปแล้วเสี่ยวโอ”เสี่ยวโอหน้าละห้อย“เจี่ยเจีย เครื่องเสวยน่ากินนะ ข้าเห็นแล้วน้ำลายไหล”ทำท่าทางประกอบแพรวา นิ่ง“ไม่อยากไปคนไม่ถูกกัน”“พี่สาวนึกว่าเห็นแก่ข้า น้องชายผู้นี้หากตามท่านไปไม่สำเร็จไม่แน่อาจรับโทษหนักอาจถึงขั้น ถูกปลดจากตำแหน่ง”เว่อร์ไปหรือเปล่าเสี่ยวโอแค่ตาม เธอให้ไปกินข้าวไม่สำเร็จนี้นะ“ก็ได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เจ้าต้องเล่าเรื่อง..เหมยเจียง..ให้พี่สาวฟัง ...อย่างละเอียด”เสี่ยวโอนิ่วหน้า“แล้วแต่เจ้านะหรือจะ ยอมถูกปลด”แพรวาออกเดินนำไปยัง ตำหนักเหมยฮวาเสี่ยวโอเดินตามแทบไม่ทันชุดสวยสีเหลืองขับผิวนวล กลมกลืนกับหิมะขาวโพลน อากาศหนาวเหน็บแต่ทิวทัศน์สองข้างทางงามสดใส ดอกเหมยสีแดงถู
ฮ่องเต้เล่าสิ่งที่ต้องจัดการ และคำแนะนำของเฟยลี่ ไทเฮามองเฟยลี่ด้วยสายตาแปลกไป“นับว่านาง เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองทั้งยังมีกลยุทธ์แปลกใหม่ ทำให้ฝ่าบาทไม่ต้อง กังวลกับปัญหาบ้านเมือง แต่ด้วย นางไม่มีที่มาที่ไปฝ่าบาทจะยกย่องนางก็ไม่อาจทำได้”“ลูกจึงมีเรื่องต้องรบกวนเสด็จแม่”“หมายความว่าอย่างไร”“ลูกอยากให้เสด็จแม่ รับรองนางโดยการ หาคนในตระกูลหลิวของท่านรับนางเป็นบุตรบุญธรรม”ไทเฮา ยิ้มจางๆก่อนจะพูด“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ ไทเฮาอย่างข้าก็ไม่อาจ ไม่ทำตามแต่ขอเวลาแม่สักหน่อย”“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลลูกไม่ได้เร่งรีบ หากแต่ต้องการให้นางมีฐานะที่เหมาะสมในยามที่ลูก...”“แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮา ใช่ไหม”ไทเฮารู้ทันความคิดของลูกชาย“แม่อยากให้ฝ่าบาทไตร่ตรองอีกที สนมนางในหลายคนที่จะทำให้บัลลังก์ไม่สั่นคลอน”"เสด็จแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะไม่ทำให้บัลลังก์นี้สั่นคลอนเป็นแน่แท้""เจ้ารับรองอย่างนี้แม่ก็เบาใจ "ฮ่องเต้ พาแพรวามายังห้องเก็บบรรทมก่อนจะโยนชุดเก่าสีทึมทึบให้แพรวา"เปลี่ยนซะ"แพรวามอง ชุดเก่าๆในมืออย่างไม่เข้าใจ"ทำไมต้องเปลี่ยน""ก็จะพาไปที่ทีอยากให้ไป"แล้ว ฮ่องเต้ก็เปลี่ยนชุดให้ตัวเองบ้
บรรจงจุมพิตที่แก้มนวล แพรวาหลับตาลงช้าๆ เหมือนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ คิดถึงอดีตที่เคยอยู่ข้างกายหยางหลง“ฮุ่ยเหนียงเจ้ามารอข้าถึงนี่เลยหรืออย่างไร”แพรวาเบิกตาโพลงหันหน้ามาเผชิญหน้ากับ หยางหลงเต็มตาฮ่องเต้หนุ่มจ้องมองแพรวา ที่สวยหวานปานหยาดน้ำผึ้งอย่างตะลึงงันสักพักก็เปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งชี้มือมาที่แพรวาด้วยมือสั่นระริก“เจ้า เจ้าบังอาจ นำชุดของสนมฮุ่ยมาสวมใส่ใครก็ได้มาจับนางไว้”เสี่ยวโอรีบวิ่งมาคุกเข่าแพรวานิ่งคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะตาลปัตรขนาดนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงพริบตาเดียว ทหารองครักษ์สองนายวิ่งมายืนขนาบข้างกดแพรวาให้คุกเข่าแพรวาไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด แต่อดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลริน“ฝ่าบาท ทรงสอบสวนก่อน”เสี่ยวโอแย้งขึ้นทันทีเมื่อเห็นน้ำตาแพรวา"ไม่มีการสอบสวนใดใดทั้งสิ้น นำนางไปจองจำไว้”องครักษ์หิ้วแขนสองข้างของแพรวาขึ้นมาทันที“ไทฮองไทเฮาเสด็จจจจจจจจจจจจจจจจ”เสียงดังกังวานทำเอาทุกคนหยุดทุกการกระทำ“ฮ่องเต้ ใยเจ้ากล่าวโทษนาง ย่ามองไม่เห็นว่านางจะมีความผิดแต่อย่างใด”น้ำเสียงปราศจากความยโสเหมือนที่แพรวาเคยได้ยินแต่น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความปรานี“เสด็จย่านางนำอาภรณ์ของสนมฮุ
ลี่มี่ก้มลงกระซิบเบาๆ“ชินอ๋องข้าหมายถึงเหอหลงที่พยายามจะเตือนฝ่าบาทเรื่องสนมฮุ่ยและใต้เท้าจาง ไม่เพียงแต่ชินอ๋องเท่านั้น ท่านโหวเองก็ไม่พอใจใต้เท้าจางนักที่อาศัยความที่เป็นพ่อตาวางอำนาจบาตรใหญ่คุมกองกำลังทหารองครักษ์และสามเหล่าทัพจนเป็นที่เกรงขามไปทั่วเพียงเพราะฝ่าบาทโปรดปรานสนมฮุ่ยเรียกหาทุกค่ำคืน”เป็นไปได้อย่างไรไม่น่าเชื่อสิ่งที่ได้ยินทุกอย่างกลับตารปัดไปหมดเช่นนี้“แล้วชินอ๋อง ...เหอหลงเล่าอยู่ที่ไหน”“ชินอ๋องทนความเหิมเกริมของใต้เท้าจางโดยที่ฝ่าบาทเพิกเฉยมาตลอดนำกำลังเข้าล้อมวังหลวงสามพันนาย แต่ใต้เท้าจางกับนำทหารทัพหน้าสามเหล่า ทัพตีตลบทัพหน้าของใต้เท้าจางเกือบพ่ายแพ้เพราะชินอ๋องมีแต่กำลังทหารที่ยอมพลีชีพคนเขาลือกันว่าท่านหมอ ทำนายทายทักไว้จนท่านโหวนำกำลังอีกส่วนมาช่วยใต้เท้าจางทัน ....แต่ความจริงเขาลือกันว่าโหวหยางจื้อไปช่วย..ชินอ๋องเสียมากกว่าเพราะกำลังทหารสามพันหรือจะสู้กำลังทหารหมื่นนายของใต้เท้าจาง เขายังพูดกันอีกว่าทหารองครักษ์บางส่วน หันกระบี่เข้าใส่ทหารสามเหล่าทัพปกป้องชินอ๋อง” แพรวาตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินคราวนี้เป็นแพรวาเสียเองที่ใช้มือปิดปากตัวเอง“เพราะอย่างนี้ใช่ไหม
ก้มหน้านิ่งกลัวว่าหยาดน้ำตาจะร่วงรินให้ใครเห็น ความจริงแพรวากลับมาเพื่อหยางหลงแต่สิ่งที่ต้องเผชิญ ทำให้จิตใจไร้เรี่ยวแรง“ฝ่าบาทให้นางพำนักที่จวนข้าเถิด เพราะท่านหมอได้ฝากฝังนางไว้แก่ข้า”โหวหยางจื้อยังไม่ยอมแพ้ อ๋อนี่หลังจากสร้างเรื่องแล้วคงรู้ดีว่าแพรวาต้องเจอกับอะไรบางอย่างนั้นสิ ถึงได้เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้“อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงหญิงนางหนึ่ง ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในวังหลวงที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ข้าไม่อาจวางใจให้นางอยู่ห่างไกลสายตาของข้าเจ้าอย่าห่วงเลยโหวหยางจื้ออย่างไรเสียข้าคงไม่สั่งประหารนางตอนนี้หากต้องมีเรื่องใหญ่ขนาดนั้นคงต้องหารือเจ้าอย่างแน่นอน”แพรวาได้แต่ทอดถอนใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอาวะเป็นอย่างไรเป็นกันต้องสู้ดูสักตั้งใช่ว่าแผ่นดินจะสิ้นไร้เท่าใบซานซา (พุทรา) อย่างน้อย ถ้าไม่ไหวจริงๆ แพรวาจะขอให้หมอหลวงหาทางให้กลับบ้านจะดีกว่าเงยหน้ายิ้มสู้“ไม่ต้องกังวลเรื่องตัวข้าให้มากนัก ท่านทั้งสองข้าเป็นหญิงตัวคนเดียวเพียงแค่ได้ที่พักพิงอาศัย ไม่ว่าจะที่ใดก็ดีใจเหลือเกินแล้ว ปลาย่อมพึ่งสายน้ำ ทั้งฝ่าบาทและ ท่านโหวเป็นห่วงเป็นใยข้าเพียงนี้ข้าน้อยเฟยลี่ไม่อาจดื้อรั้นอีกต่อไปจะขออาศัย
เผลอหลับไปข้างๆ แพรวาโดยไม่รู้ตัวแพรวาหลับสนิทเผลอคว้าหาหมอนข้างด้วยความเคยชินเพื่อมาก่ายกอดกับคว้าเอาร่างใหญ่มากอดไว้ซุกหน้ากับอกอุ่น อีกคนก็นอนหลับใหลเพราะความง่วง ใจกระหวัดคิดไปว่าเป็นสนมฮุ่ยที่เคยข้างกายมาตลอดแสงเช้าสาดส่องเข้ามาอย่างเคยไม่มีบิดพลิ้ว คนนอนก่อนตื่นก่อนสนมฮุ่ยนอนบิดขี้เกียจอยู่บนแท่นนอนก่อนจะมองสอดส่ายสายตาหาฝ่าบาทที่เคยอยู่ข้างกายสายตาหยุดลงที่ภาพบาดตา แพรวานอนกอดก่ายร่างของฮ่องเต้ไว้แน่นทั้งคู่หลับสนิทไม่รู้เรื่องราว“กรี๊ดดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องดังลั่น ฮ่องเต้หนุ่มสะดุ้งตื่นจากบรรทม แพรวายังนอนไม่รู้ไม่ชี้ก็เมื่อคืนนอนดึกเหลือกำลังร่างใหญ่ผุดลุกขึ้นแพรวากับคว้าคอไว้แน่น เสี่ยวโอวิ่งรวดเดียวเข้ามาถึงในห้องทำหน้าตาพิกล จะว่าตกใจก็ไม่ใช่จะว่าแปลกใจก็ไม่ใช่“ฝ่าบาท ฝ่าบาท”สนมฮุ่ยพูดได้เพียงแค่นั้น ฮ่องเต้หนุ่มพยายามแกะมือแพรวาที่เหนียวเหมือนปลาหมึกที่โอบรอบลำคอแพรวางัวเงียลืมตาตื่นยังลำดับเหตุการณ์ได้ไม่ดีนักเอ่ยปากถามทันที“อ้าว เช้าแล้วเหรอยังนอนไม่อิ่มเลย”ปล่อยมือจากลำคอบิดขี้เกียจเหมือนแกล้ง แล้วทิ้งตัวลงนอนตะแคงตามเดิมสนมฮุ่ยมองหน้าตาเขียวปั๊ด“เจ้าใยไร้ย
ยกมือประสานกันโค้งคำนับก่อนจะถอยห่างแต่ช้าไปฮ่องเต้หนุ่มคว้าแขน มากำไว้แน่น“ข้ายังไม่อนุญาตห้ามเจ้าไป”แพรวาหันหน้ามาส่ายหน้าไปมา“ฝ่าบาทท่านช่าง ไม่มีความกระดากหรืออย่างไรท่านไม่เห็นหรือว่าสนมของท่าน ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยออกเพียงนั้นยังจะให้ข้า...อยู่ทำไม” แล้วจะยังความมั่นคงในรักของเขาอีก แพรวาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเกิดอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างไม่มีเหตุผล หรือว่าหึงวะ“ไม่ได้ในเมื่อไม่อนุญาตใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดกล้าขัดบัญชาข้าได้”แพรวาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้าอย่างประชดประชัน บ่นงึมงำเมื่อเริ่มง่วงจริงๆเสียแล้ว“จะได้นอนไหมคืนนี้”“ใครให้นอนตอบคำถามข้ามาเจ้ามีเจตนาอะไรกันแน่ ถึงได้สมคบคิดกับหมอหลวงข้าไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างเป็น ลิขิตของสวรรค์ใยช่างเหมาะเจาะเช่นนี้”“ตามนั้นเลยฝ่าบาทข้าพระองค์มาเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง”อยากบอกว่าเหลือเกินเพราะคิดถึงเขา“พูดมาจุดประสงค์ใด หรือเหอหลงส่งเจ้ามา”แพรวาเริ่มสะกิดใจ คงต้องหาคำตอบเรื่องเหอหลงให้จนได้“.....................”“คงต้อง ทรมานด้วยม้าแยกร่างเจ้าถึงจะยอมพูดสิ่งที่ข้าอยากรู้”“เหอ.... นอกจากจะไม่ฟังเหตุผลแล้วยังชอบทรมานคนอื่น”เอาวะเ
ความมืดปกคลุมไปทั่วเสียงต่างๆเงียบเชียบ แพรวาเดินลัดเลาะตามกำแพงสูงใหญ่ด้วยความคล่องแคล่วและมั่นใจอย่างน้อยแพรวาก็ไม่กลัวผี แต่ที่แย่คือไม่ได้หยิบเสื้อคลุมมามีเพียงชุดฮั่นฟูบางเบาทำเอาความหนาวแทรกซึมเข้าสู่ผิวกายเดินกอดอกห่อไหล่เสียงฝีเท้าหนักๆ แพรวนึกภาพทหารยาม ที่เดินยามค่ำคืน แต่ช้าไปเสียแล้วหาทางหลบก็ไม่รอด หลับตาปี๋เป็นอย่างไรเป็นกันฉับพลันร่างบางก็ถูกคว้าตัวจากทางด้านหลังกอดจะฉุดมือให้หายเข้าไปใต้พุ่มไม้หนา ร่างใหญ่ของใครบางคนเบียดบดร่างบางไว้ ตรงพุ่มไม้ข้างกำแพงแพรวาดิ้นแต่ปากถูกมือใหญ่ปิดไว้ ทหารยามเดินผ่านไปอย่างไม่เฉลียวใจร่างใหญ่คลายมือออกจากปากแพรวา“บอกมา เจ้าเป็นใครกันแม่นาง เป็นใครบงการให้เจ้าเข้ามาในนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่หรือว่าจะเป็นเหอหลง”เสียงเข้มของหยางหลงดุดันอยู่ข้างหูแพรวาตะลึงงันไม่คิดว่าจะเป็นหยางหลง เขาเข้าใจเธอผิดอย่างแรงจากทางด้านหลังกอดจะฉุดมือให้หายเข้าไปใต้พุ่มไม่หนา ร่างใหญ่ของใครบางคนเบียดบดร่างบางไว้ ตรงพุ่มไม้ข้างกำแพงแพรวาดิ้นแต่ปากถูกมือใหญ่ปิดไว้ ทหารยามเดินผ่านไปอย่างไม่เฉลียวใจร่างใหญ่คลาย มือออกจากปากแพรวา“บอกมาเจ้าเป็นใครกันแม่นาง เป
อย่างน้อยสนมฮุ่ยก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน“เจ้ามาจากไหนทำมาสำออยอยู่หน้าตำหนักฝ่าบาท แล้วไหนจะข่าวลือเรื่องฉลองพระองค์เสื้อคลุมมังกรที่ฝ่าบาททรง ใช้คลุมร่างกายเปียกปอนของเจ้าอีกเล่าบอกข้ามาเจ้าเป็นใครมาจากไหน”แพรวายหุบยิ้ม มาแปลกตามปกติต้องไม่ช่างซักขนาดนี้“ข้าน้อยเฟยลี่ บังเอิญหลงเข้ามาในเขตวังหลวงขอพระสนมโปรดอภัย”มือประสานกัน ด้วยความเคารพสนมฮุ่ยยิ้มในหน้าอย่างสาใจ“รู้จักที่สูงที่ต่ำข้ามิอาจกล่าวโทษเจ้า ได้เมื่อร่างกายแข็งแรงข้าหวังว่าเจ้าจะจากไปโดยเร็ว”โอ้โหนี่ยังไม่ทันไรไล่กันเสียแล้วแพรวาคิด“เพคะ”ใจอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่มีทางกว่าที่แพรวาจะมาถึงนี่ได้กว่าจะหาทางกลับมาได้ช่างยากเย็นเข็ญใจ เรื่องอะไรจะจากไปง่ายๆ“ฮ่องเต้เสด็จ"เสียงตะโกนก้องของเสี่ยวโอดังเข้ามาครั้งในห้อง แพรวาน้ำตาปริ่มขอบตาคิดถึงเสี่ยวโอเหลือเกิน ประตูถูกเปิดกว้างออกโดยเร็ว ชายเสื้อยาวสะบัดพรึบพับแสดงความเคารพ“ถวายพระพรฝ่าบาท" หลายคนในนั้้นคุกเข่าด้วยความเคารพเสี่ยวโอเดินตามเข้ามาติดๆแพรวาเกือบจะกระโดดเข้าไปทักทายเสี่ยวโอ“ฮุ่ยเหนียงลำบากเจ้าแล้วเจ้านี่ช่างมีน้ำใจห่วงใยดูแลหลายเรื
รีบหาคำแก้ตัวไม่คิดว่าพลอยจะโกรธแทนแพรวาได้ขนาดนี้ หนุ่มจีนหันหน้ามามองทั้งคู่แบบงงๆแต่ สาวเจ้าที่อยู่ข้างกายกลับออกอาการโมโหสุดขีด ส่งภาษาจีน โวยวายออกมาคล้ายกับทั้งสองคนกำลังจะแย่งคนรักไปด้วยร่างที่สูงใหญ่ของหญิงสาวชาวจีนทั่วไป เอื้อมมือมาผลักพลอยอย่างแรงร่างของพลอยเซถลามาชนแพรวา ที่ไม่ทันระวังตัวราวสะพาน ด้านล่างที่ทอดต่ำลงมากกว่าด้านบน แพรวาหงายหลังลงจากราวสะพานหล่นตูมลงไปในน้ำเย็นยะเยือกความเย็นแทรกบาดผิวหนังจนเจ็บไปทั่วสรรพร่างกาย เสียงพลอยตะโกนไล่หลังด้วยความห่วงใยแพรวาพยายามตะเกียกตะกายเพื่อพาตัวเองโผล่ขึ้นจากน้ำแต่ ด้วยความที่น้ำลึกสุดลึก แพรวาไม่สามารถช่วยตัวเองได้เสียง กระโดดน้ำตามตูมตาม คงมีคนคิดช่วยเธอ กินน้ำเข้าไปหลายอึก ลมหายใจแผ่วเบาจนกระทั่งหยุดหายใจในที่สุด สติดับวูบไปในทันทีกลิ่นหอมขจรขจาย โชยมาอ่อนๆความหนาวเหน็บยังคงอยู่ แพรวากวาดสายตามองรอบๆตัว เตียงนอนไม่สูงนักที่เธอนอนอยู่กลิ่นหอมที่ได้กลิ่นเมื่อกี้ คงมาจากอ่างสีทองใบใหญ่ใส่น้ำลอยดอกอะไรสักอย่างสีแดงเข้มไว้ข้างๆ อ่างทองใบนั้นมีกำยานถูกจุดไว้ควันสีขาวลอยอ้อยอิ่ง (บทนำ) กรวดสายตามองจนรอบ ไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องได
“แม่นาง ท่านจำคำพูดของข้าไว้ให้ดี”“เชิญท่านพูดมาข้าจะจำไว้”“หากต้องเลือก ท่านจะเลือกการมีชีวิตอยู่โดยไร้ซึ่งหยางหลง หรือว่าท่านต้องการหมดลมหายใจในอ้อมแขนของหยางหลง ขอให้ท่านตัดสินใจให้ดีแต่ท่านไม่มีทางเลือกเพราะสวรรค์เป็นฝ่ายเลือกให้แม่นางแล้ว”“หมายความว่า ข้าไม่สามารถกลับไปเป็นเฟยลี่ได้อีกแล้ว”“ท่านแลกชีวิตกับการกลับมามีชีวิตอีกครั้งที่นี่”แพรวาน้ำตาหยดริน เข้าใจคำพูดของหมอหลวงเป็นอย่างดี อย่างนี้นี้เองแพรวากลับมาก่อนกำหนดในช่วงสิบสองปีนักษัตร จึงไม่สามารถกลับไปได้อีก“แล้วทำอย่างไรข้าถึงจะกลับไปได้”"ไม่มีทางแม่นางเคยคิดไหมว่าทำไมเหมยเจียงนางยังอยู่ที่นี่”แพรวาพยักหน้า เหมยเจียงเองก็ไม่ต้องกลับไปเช่นกันเป็นกรณีพิเศษ ความรู้สึก คิดถึงทวีความรุนแรงต่อไปแพรวาไม่อาจให้ความหวังแก่ตัวเองอีกแล้ว ว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปพบหยางหลงอยู่เคียงข้างเขาแบบนั้น“ฝ่าบาทสบายดีไหมเมื่อไม่มีข้า”“ฝ่าบาท ทรงยอมแลกเพียงเพื่อให้แม่นางมีชีวิตอยู่ไม่ว่าจะภพไหนก็ตาม ข้าพยายามเต็มที่แล้วแต่มันฝืนกฎสวรรค์ ไม่สามารถนำพาท่านกลับไปได้ จึงได้แต่เพียงส่งข่าว ฝ่าบาทรอท่านผู้เดียวเหมือนกับคำจารึกบนราวสะพานที่ท่