ลี่มี่ เข้ามารายงาน แพรวาเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องด้วยคราวนี้ไทฮองไทเฮาเรียกหาเธอเพียงลำพังไม่ได้มีฮ่องเต้ไปด้วยเหมือนครั้งก่อน
“เจ้ารู้ไหมลี่มี่ ว่ามีเรื่องอะไรถึงเรียกหาข้า”
ลี่มี่ส่ายหน้าไปมา
“ข้าน้อยอยากให้นายหญิงระวังตัวให้ดี ไทฮองไทเฮาก็เหมือนลายปักบนผ้าที่ด้านหนึ่งสวยงามอีกด้านกับซ่อนเส้นด้ายและรอยต่อไว้มากมาย”
โอ้โห้นี่ขนาดสาวใช้นะ คำคม ล้ำลึก
แพรวาเดินตามทางเดินลาดยาวที่มีดอกเหมยริมทางทั้งสีแดงและสีชมพู ภาวนาอย่าให้ มีเรื่องร้ายๆเลยรู้ว่ามีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่จะช่วยเธอได้หากแต่ตอนนี้ฮ่องเต้ ออกว่าราชการในท้องพระโรงและไม่แน่ว่าเขาจะช่วยเธอเพราะเมื่อคืนเธอสร้างวีรกรรมไว้ ทหารองครักษ์ยืนอยู่ทางขึ้นไปบนตำหนัก มองเธอด้วยสายตาสงสาร แบบที่แพรวาคิดไปเอง
ไทฮองไทเฮา นอนตะแคงใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้ มีนางกำนัลบีบนวดเหมือนเดิมใบหน้าที่สวยไม่สร่างเมื่อครั้งยังสาวสะคราญคง สวยจับใจ มองเธอด้วยสายตามีอะไรแอบแฝง
“ข้าน้อยข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ถวายพระพรไทฮองไทเฮา”
พยายามทำตัวเองให้เป็นคนมารยาทดีที่สุด ลี่มี่ย่อตัวตาม
“ตังซิน (ระวังตัว) ”
ลี่มี่กระซิบเสียงเบาที่สุด ไทฮองไทเฮา หลุบตามองมือตัวเองที่สวมแหวนทุกนิ้วแม้กระทั่งนิ้วโป้งแต่มองอย่างไรก็ช่างเข้ากันกับ พระนางจริงๆ
“ลุกขึ้น เจ้าปรับตัวค่อนข้างเก่งรู้แล้วใช่ไหม ว่าสิ่งไหนสมควร ยืนสิ่งไหนสมควรนั่ง”
“ข้าน้อย เฟยลี่ ยังต้องให้ไทฮองไทเฮาสั่งสอน” นางยิ้ม พอใจคำพูดนั้น
“ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเจ้ามาที่นี่ ใช่ไหม” แพรวาไม่เข้าใจคำพูด
“หากข้าสั่งให้เจ้าดื่ม”
นางกำนัลรินชาลงบนแก้วชาสีเข้ม
“อี๋ติ้งเย้าเสี่ยวซิน (จะต้องระวัง) ”
ลี่มี่ยังเตือนอยู่ไม่ห่างก่อนจะ ถอยออกไปหมายจะ ไปตามคนมาช่วย หากแต่ไทฮองไทเฮา พยักหน้านิดเดียว นางกำนัลสองสามคนกรูกันเข้าไปจับตัวลี่มี่ให้คุกเข่าลง
“เจ้าอยากลองดี ไม่ต้องกลัวมันไม่ใช่ยาพิษ ข้ารึจะกล้า ฆ่าข้าหลวงหญิงคนโปรด เพื่อสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับตัวเอง”
“ข้าน้อยไม่เชื่อ นายหญิงอย่าดื่ม” ลี่มี่มีปากมีเสียง
“ห่าว (ดี) เจ้าช่างภักดีต่อนายของเจ้า อย่างนั้นเจ้าต้องลองดื่มให้นายหญิงของเจ้าดูว่ามันไม่ใช่ยาพิษ หากเป็นยาพิษเจ้าต้อง สิ้นใจ ในกี่ไม่อึดใจข้างหน้า”
นางกำนัลคนหนึ่งบีบปากของลี่มี่อีกสองคนช่วยกันจับ ก่อนจะกรอกน้ำชาลงไปในปากของลี่มี่ นางดิ้นรนจนน้ำในถ้วยหกรดชุดนางกำนัลเป็นด่างดวง ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น
“เมื่อคืนและหลายคืนที่ผ่านมา เจ้าปรนนิบัติฮ่องเต้จนฟ้าสาง ข้าแค่จะหาทางป้องกันไม่ให้เจ้าให้กำเนิดรัชทายาทเท่านั้นเพราะเจ้าไม่มีที่มาที่ไปไม่เหมาะที่จะเป็นผู้ให้กำเนิดรัชทายาท”
โหดเหี้ยม แพรวาคิดในใจ หากเธอตั้งครรภ์จริงๆไม่เท่ากับเป็นการทำแท้งเลยเหรอ
“ไทฮองไทเฮาทำไมต้องทำถึงเพียงนี้ ถ้าหากฮ่องเต้รู้เรื่องเข้า”
อยากจะบอกนางเหลือเกินว่าแพรวายังไม่ได้เสียท่าให้ฮ่องเต้ หากแต่ไม่กล้าถึงบอกไปนางก็คงไม่เชื่อ และอาจคิดว่าแพรวาลบหลู่เบื้องสูง นางเชิดหน้าเมื่อเอ่ยถึงฮ่องเต้หากแต่ยังยิ้มเยือกเย็นจนแพรวาขนลุก
“ข้าแค่มี หน้าที่ดูแลฝ่ายใน สิ่งไหนไม่ถูกไม่ควรไม่จำเป็นต้องรบกวนฝ่าบาท เจ้าจะ ดื่มดีๆหรือว่าจำต้องให้ข้าบังคับ”
ตอนนี้เองที่ลี่มี่กุมท้องด้วยความเจ็บปวดร้องโอดครวญ แพรวาตกตะลึงถลาเข้าไปพยุงร่างของลี่มี่ แต่ไม่ทันที่จะได้ว่าอย่างไร นางกำนัลก็พากันรุมล้อมจับตัวแพรวาให้คุกเข่าก่อน ที่ไทฮองไทเฮาจะ ถือถ้วยชาเดินย่างสามขุมเข้ามาหา
"ดื่มเสียเถิดไม่มีใครช่วยเจ้าได้ยาเทียบนี้ไม่ทำให้ถึงตาย หากแต่ทำให้เจ้าไม่มีโอกาสที่จะให้กำเนิดบุตรได้อีกต่อไป แพรวาดิ้นรน หมายเอาตัวรอด แต่จนแล้วจนรอดก็ทำอะไรได้มากไปกว่าการดิ้นรน ปากบางถูกบีบจนริมฝีปากเผยอน้ำสีน้ำตาลเข้มถูกเทใส่ปากของแพรวา
“ฮ่องเต้เสด็จจจจจ”
มือที่เต็มไปด้วยแหวน หยก แหวนพลอย ชะงักงันก่อนจะพยักหน้าให้ นางกำนัลปล่อยตัวแพรวา
แพรวาทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความอ่อนเพลียจากการดิ้นรน
"“หม่อมฉันถวายพระพร เสด็จย่า”
ตามองเลยไปยังแพรวาที่นั่งกองอยู่กับพื้น ไทฮองไทเฮา ยิ้มหวานปรับสีหน้าให้เป็นยิ้มเยือนอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เองที่ลี่มี่ถูกลากตัวออกไป
“เสด็จย่ามีอะไรสั่งสอน ข้าหลวงหญิงคนสนิทของหม่อมฉัน”
“ย่าเพียงแค่ ให้นางดื่มยาบำรุง แต่นางขัดคำสั่งย่า”
“ขัดคำสั่งอย่างไร”
“เพียงแค่ให้ดื่มดีๆนางกลับให้ร้ายย่าว่าเป็นยาพิษ”
เสี่ยวโอพยุงร่างของแพรวาขึ้นยืนได้โอกาสแฉ
“ย่าท่านโกหก ยาที่ให้ดื่มถึงแม้ไม่ใช่ยาพิษหากแต่ทำให้ เด็กในท้องตายได้”
ฮ่องเต้ ตาลุกวาวด้วยความโมโหสุดขีดเมื่อได้ฟังความจริงจากปากแพรวา
“เสด็จย่าจะทำอะไรให้ไตร่ตรองให้ดี หากเด็กที่อยู่ในท้องของเฟยลี่ก็ต้องเป็นหลานของท่าน หลานไม่คิดเลยว่าท่านยังใช้วีธีเดิมๆ อำมหิตนัก"
ถึงตอนนี้เอง แม้ยาที่ดื่มเข้าไปจะไม่มากแต่มีผลทำให้ แพรวาปวดมวนมดลูกอย่างมากทีเดียวลงไปนั่งกุมท้องร้องโอดครวญก่อนจะสลบไปเพราะความเจ็บปวด ฮ่องเต้ตกใจ ก่อนจะ ช้อนร่างบางของแพรวาไว้ในอ้อมแขน
“ครั้งนี้ ถือเสียว่า ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหากข้าหลวงหญิงเฟยลี่เป็นอะไรไป หลานในฐานะฮ่องเต้ ไม่อาจ ปล่อยท่านให้อยู่สุขสบายในวังแห่งนี้ได้”
คาดโทษก่อนจะสาวเท้ายาวๆ เดินเร็วรี่พาร่างของแพรวาจากไป
“เสี่ยวโอ ตามหมอหลวงด่วน”
วางร่างบางบนแท่นบรรทมของพระองค์ แพรวาสงบนิ่งใบหน้าซีดเผือดคงจะเจ็บปวดมาก ฮ่องเต้นึกสงสารจับใจ
ผ้าชุบน้ำถูกนำมันเช็ดใบหน้าเนียนให้ด้วยความแผ่วเบา มองใบหน้าสวยนั้นแล้วไม่อาจละสายตาใบหน้าที่ชวนหลงใหล
ต่างจากหญิงสาวทั่วไปในที่นี้ แม้แต่เหมยเจียง เป็นเขาที่ละเลยปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตราย หากวันนี้ไม่คิดว่าจะต้องแก้เผ็ดเรื่องเมื่อคืน คงไม่ออกตามหาตัวกันจนพบ นางกำนัลคนหนึ่งบอกว่า แม่นางเฟยลี่ มุ่งหน้าไปทางตำหนักฟางซิน
เป็นเขาที่ละเลยปล่อยให้นางตกอยู่ในอันตราย หากวันนี้ไม่คิดว่าจะต้องแก้เผ็ดเรื่องเมื่อคืน คงไม่ออกตามหาตัวกันจนพบ นางกำนัลคนหนึ่งบอกว่า แม่นางเฟยลี่ มุ่งหน้าไปทางตำหนักฟางซินเสี่ยวโอซอยเท้ามาด้วยความรีบร้อนหมอหลวงเดินตามมาไม่ห่างท่าทางเร่งรีบเช่นกัน ฮ่องเต้ถอยออกมายืนห่างๆ หมอหลวงตรวจวัดชีพจร“นางปลอดภัยแล้วฝ่าบาท หากแต่ข้าพระองค์จะให้ขันทีตามไปรับยา เพื่อที่จะมาให้นางได้แก้พิษถึงแม้ไม่ใช่ยาพิษที่มีพิษถึงแก่ชีวิต แต่มีผลทำให้นางไม่สามารถมีบุตรได้หากได้รับยาเข้าไปในปริมาณมาก”ฮ่องเต้กัดฟันจนเป็นสันนูน“ข้าเป็นถึงฮ่องเต้แต่ไม่อาจปกป้องนางได้”รำพึงเบาๆ“แม่นางเฟยลี่เองมาจาก...แดนไกล ไม่รู้ขนบธรรมเนียมในวังหลวงจึงไม่อาจระวังตัว ข้าน้อยจะค่อยๆสั่งสอนนางอีกแรง”คำพูดมีเลศนัยของหมอหลวงแต่ฮ่องเต้กลับไม่ได้สงสัยอะไรร่างบอบบางนอนแน่นิ่งฮ่องเต้เฝ้ามองด้วยความรู้สึกประหลาดเรียกว่าอะไรความรู้สึกแบบนี้ต่างจากที่รู้สึกกับเหมยเจียง ยกมือขึ้นลูบแก้มใส หลับตาเสียก็ไม่มีพิษสง หากลืมตานางคงต้องโวยวายเรื่องการถูกเนื้อต้องตัว“ฝ่าบาท ลี่มี่โลหิตไหลไม่หยุด หมอหลวงเร่งให้ข้าน้อยมาดูอาการ เจี่ยเจียเอ๊ยข้าหลว
แพรวาแลบลิ้นเพราะรู้ว่าฮ่องเต้ต้องหมายถึงเธอแน่ๆ (สำคัญตัวเองผิด มโนไปเองเปล่าวะ)“ของของเราหากพยายามไม่มากพอก็อาจเป็นของคนอื่น” โหวหยางจื้อเข้ามาสมทบอีกคน แพรวาหันหน้าไปพึมพำเบาๆจะพูดเรื่อง ของเรา ของเขา หรือว่าจะมาเยี่ยมเธอกันแน่“นี่คือโสมชั้นดีจาก ฮันกึล (เกาหลี) ไว้ให้ แม่นางเฟยลี่ฟื้นฟูร่างกาย”โหวหยางจื้อ ยื่นกล่องโสม ส่งให้ด้วยแววตาจริงใจ ชินอ๋องล้วงเอาของในอกเสื้อออกมาบ้าง“ข้าชินอ๋องมีเพียงกำไลหยก เครื่องรางป้องกันภัยเท่านั้นใส่ไว้ติดตัวคาดว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้าย”ถ่อมตัวจริงๆ กำไลหยก ที่ถูกทำขึ้นด้วยความประณีตถูกยื่นส่งมาตรงหน้าของแพรวา ก่อนที่นางกำนัลจะรับไปเก็บไว้ ฮ่องเต้มองของสองสิ่ง ไปมาไม่มีอะไรให้กับเขาไม่ได้เตรียมอะไรมา“เมื่อ ส่งของกำนัลให้นางแล้วก็ อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของนางเลยเชิญเจ้าทั้งสองที่ห้องอักษรข้ามีเรื่อง หารือ”ชินอ๋องและโหวหยางจื้อไม่รอช้า ก้าวออกจากห้องบรรทมด้วยสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ผู้ใดจะเข้าออกได้ตามแต่ใจต้องการ ฮ่องเต้ทรุดตัวลงนั่งข้าแท่นนอน“ฝ่าบาทไม่มีของกำนัลให้ข้าน้อย เฟยลี่เหมือนคนอื่นหรือไร”แพรวาแกล้งแหย่ใบหน้าหล่อก้มลงจนเก
โหวหยางจื้อได้ทีพูดขึ้นมาบ้าง“ให้แต่ละคนส่งฎีกา เสนอชื่อ ผู้ที่เหมาะแก่การ ดำรงตำแหน่งฮองเฮาด้วยเถิด”ทั้งโหวหยางจื้อและ ชินอ๋องคุกเข่าขอร้อง“เจ้าทั้งคู่ สนิทสนมกับข้ามาก็นานคงจะรู้ดี ข้าเพียงแค่รอคอยว่าสักวันเหมยเจียงจะกลับมานางเพียงคนเดียวที่เหมาะกับตำแหน่งฮองเฮา....ของข้า”พูดไปใจก็คิดถึงอีกคนที่นอนอยู่ที่แท่นบรรทมตอนนี้ ภาพใบหน้างดงามนั้นลอยวนขึ้นมากวนใจคราวนี้เป็นท่านโหว และชินอ๋องที่ถอนหายใจเกือบพร้อมกัน“ขอเวลาอีกสักหน่อย ให้ข้าลืมเลือนนางอีกสักพัก”“พระสนม ฝ่าบาทห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปภายในตำหนัก ของฝ่าบาทหากไม่ได้รับอนุญาต “เสียงเสี่ยวโอตะโกนดังลั่นเหมือนจะเตือนให้ แพรวาที่อยู่ข้างในได้ระแวดระวังภัย และพยายามถ่วงเวลาไว้“ข้าเป็นถึงสนมเอก บิดาข้าเป็นถึงเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เจ้าบังอาจนักเจ้าขันทีน้อย”ดวงตาเขียวปั้ดจ้องมองเสี่ยวโอด้วยความมุ่งร้าย ผลักประตูห้องบรรทมเข้าไปข้างใน เสี่ยวโอหลบออกมาทันทีแพรวา รีบลุกจากเตียง“ข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ถวายพระพรพระสนม”ใบหน้าที่เชิดหยิ่งอยู่แล้วยิ่งเชิดสูง“เจ้านี่นอกจากจะไม่เจียมตัวแล้วยัง ใฝ่สูง กล้าตีตัวเสมอฝ่าบาท นอนในแท่นบรรทมได้อย่างไ
แพรวาด้วยชุดสีขาวที่บางเบา ไม่มีเสื้อคลุมสวมทับความหนาวเหน็บข้างนอก นั้นต่างจากจิตใจที่ร้อนรุ่ม แพรวาหันหลังพิงต้นดอกเหมย คิดทบทวนเรื่องต่างๆ และบทรักเมื่อสักครู่ว่าไม่ได้เพื่อเธอหากแต่เป็นอีกคนน้ำตา เจ้ากรรมก็พาลไหลรินอีกครั้งทรุดตัวลงช้าๆ หลังพิงต้นดอกเหมยปล่อยให้น้ำตาร่วงลงจนถึงที่สุดเธอเป็นเพียงตัวสำรองไม่ว่าในภพไหนๆ กอดอกห่อไหล่งองุ้มหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ความหนาวภายนอกไม่อาจเท่าภายใน ที่มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เป็นเพียงคนคั้นเวลาของคน ถึงสองคนในช่วงเวลาไม่นานมานี้เสื้อคลุมหนานุ่มอบอุ่นถูกคลี่ลงคลุมไปทั่วตัว แพรวาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสื้อคลุมหนานุ่มนั้นน้ำตาเต็มตา“น้ำตาหมดร่างไม่อาจแบ่งเบา ความทุกข์ภายในใจได้หรอกแม่นาง”ชินอ๋อง ผู้นี้ใยทำไมท่าทีเปลี่ยนไป แพรวามองเห็นความจริงใจและเอื้ออาทรในแววตานั้น“ปล่อยให้ข้าได้ร้องเถิด เพื่อปลดปล่อย”“อากาศหนาวเย็น กลัวว่าน้ำตาเจ้าจะแข็งไม่ไหลรินตัวเจ้าเองก็จะกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียก่อน เข้าไปดื่มชาร้อนๆ ที่จวนข้าชินอ๋องเถิด” เอื้อมมือมาจับมือเย็นเฉียบเกาะกุมก่อนจะพาเดินหายไปในความมืด ภายหลังนั้นกลับมีร่างหนึ่งเฝ้ามองด้วยสายตาปวดร้าว อยู
เสี่ยวโอ คุกเข่าข้างหน้าเมื่อแพรวาก้าวลงเตรียมเดินไปยังห้องของตัวเอง“คืนนี้ไม่เหมาะ ฝ่าบาทเลือกป้ายเป็นผู้ใด ค่ำนี้”“ไม่มีผู้ใด"ทรงอารมณ์ฉุนเฉียวไม่อาจทำการเลือกป้ายเสี่ยวโอยังรายงาน“งั้นก็ดีแล้วเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวข้าก็ไม่อาจเข้าหน้าได้ ร่างกายต้องการพักผ่อน”ว่าแล้วแพรวาก็สาวเท้าเดิน กลับห้องของตัวเอง“เจี่ยเจีย... เจี่ยเจีย”เสี่ยวโอตะโกนตามหลังหากแพรวาไม่เหลียวหลังกลับมามอง ฮึ ให้รู้เสียบ้างว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงลืมง่ายโกรธนานไม่มีทาง อภัยให้ใครง่ายๆล้มตัวลงนอน ร่างกายอ่อนเพลีย จาก อาการป่วยแล้วยัง การร้องไห้อย่างหนักนั่นอีก หลับตาลง ก่อนจะเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวอากาศหนาวจนหิมะแรกร่วงหล่น แพรวาไม่เคยเผชิญอากาศ แบบนี้ กอดอกห่อไหล่นอนหนาวอยู่บนที่นอน ร่างสูงก้าวเข้าภายในห้องเบากริบแสงไฟสลัวส่องจับใบหน้านวล ที่หลับตาพริ้ม เดินไปหยุดที่ข้างเตียง ก่อนจะคลี่ผ้าห่มหนาปกคลุมร่างบางจนทั่วพิศมองใบหน้าผุดผาดนั้นความรู้สึกผิดต่อแพรวา ความรู้สึก ที่ไม่อาจบรรยาย และไม่อาจหักห้ามความต้องการของตัวเอง ก้มลงจุมพิต หน้าผาก เนียนนั้นแผ่วเบา“ตุ้ยปู้ฉี่ (ขอโทษ) เฟยลี่”ก่อนจะเดินออกจากห้องไป แพรวาลืม
ภาพวาด ของเหมยเจียงถูกคลี่ออกจากม้วน ใบหน้าสวยเศร้า ฮ่องเต้หนุ่มจ้องมองเนิ่นนานก่อนจะวางลงบนโต๊ะความรู้สึกโหยหา หายไปจนสิ้นแพรวา แต่งกายด้วยชุดข้าหลวง วันนี้เธอต้องทำความรู้จักกับเด็กรับใช้คนใหม่เพราะลี่มี่ยังนอนซมด้วยอาการป่วย“เจี่ยเจีย ฝ่าบาททรง ให้ข้าน้อยมาเชิญท่านไปเสวยอาหารเช้ากับฝ่าบาทที่ ตำหนักเหมยฮวา (ดอกเหมย) ”แพรวาเลิกคิ้วเดี๋ยวนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปกินที่ศาลาชมดอกไม้รึ“พี่สาวกินไปแล้วเสี่ยวโอ”เสี่ยวโอหน้าละห้อย“เจี่ยเจีย เครื่องเสวยน่ากินนะ ข้าเห็นแล้วน้ำลายไหล”ทำท่าทางประกอบแพรวา นิ่ง“ไม่อยากไปคนไม่ถูกกัน”“พี่สาวนึกว่าเห็นแก่ข้า น้องชายผู้นี้หากตามท่านไปไม่สำเร็จไม่แน่อาจรับโทษหนักอาจถึงขั้น ถูกปลดจากตำแหน่ง”เว่อร์ไปหรือเปล่าเสี่ยวโอแค่ตาม เธอให้ไปกินข้าวไม่สำเร็จนี้นะ“ก็ได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เจ้าต้องเล่าเรื่อง..เหมยเจียง..ให้พี่สาวฟัง ...อย่างละเอียด”เสี่ยวโอนิ่วหน้า“แล้วแต่เจ้านะหรือจะ ยอมถูกปลด”แพรวาออกเดินนำไปยัง ตำหนักเหมยฮวาเสี่ยวโอเดินตามแทบไม่ทันชุดสวยสีเหลืองขับผิวนวล กลมกลืนกับหิมะขาวโพลน อากาศหนาวเหน็บแต่ทิวทัศน์สองข้างทางงามสดใส ดอกเหมยสีแดงถู
ฮ่องเต้เล่าสิ่งที่ต้องจัดการ และคำแนะนำของเฟยลี่ ไทเฮามองเฟยลี่ด้วยสายตาแปลกไป“นับว่านาง เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองทั้งยังมีกลยุทธ์แปลกใหม่ ทำให้ฝ่าบาทไม่ต้อง กังวลกับปัญหาบ้านเมือง แต่ด้วย นางไม่มีที่มาที่ไปฝ่าบาทจะยกย่องนางก็ไม่อาจทำได้”“ลูกจึงมีเรื่องต้องรบกวนเสด็จแม่”“หมายความว่าอย่างไร”“ลูกอยากให้เสด็จแม่ รับรองนางโดยการ หาคนในตระกูลหลิวของท่านรับนางเป็นบุตรบุญธรรม”ไทเฮา ยิ้มจางๆก่อนจะพูด“ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของฮ่องเต้ ไทเฮาอย่างข้าก็ไม่อาจ ไม่ทำตามแต่ขอเวลาแม่สักหน่อย”“เสด็จแม่ไม่ต้องกังวลลูกไม่ได้เร่งรีบ หากแต่ต้องการให้นางมีฐานะที่เหมาะสมในยามที่ลูก...”“แต่งตั้งนางเป็น ฮองเฮา ใช่ไหม”ไทเฮารู้ทันความคิดของลูกชาย“แม่อยากให้ฝ่าบาทไตร่ตรองอีกที สนมนางในหลายคนที่จะทำให้บัลลังก์ไม่สั่นคลอน”"เสด็จแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะไม่ทำให้บัลลังก์นี้สั่นคลอนเป็นแน่แท้""เจ้ารับรองอย่างนี้แม่ก็เบาใจ "ฮ่องเต้ พาแพรวามายังห้องเก็บบรรทมก่อนจะโยนชุดเก่าสีทึมทึบให้แพรวา"เปลี่ยนซะ"แพรวามอง ชุดเก่าๆในมืออย่างไม่เข้าใจ"ทำไมต้องเปลี่ยน""ก็จะพาไปที่ทีอยากให้ไป"แล้ว ฮ่องเต้ก็เปลี่ยนชุดให้ตัวเองบ้
“อาณาจักร เสียน”แพรวานึก ไม่ออกว่าใช่หรือไม่“เสียนโล้ สุโขทัย”ฮ่องเต้พยายามออกเสียงแพรวาตาโต“นั่นๆ ๆ ใช่เลย นั่นแหละ”“ไกลมาก แล้วทำไมมาถึงนี่”อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่แค่ไกลแค่ระยะทางหากแต่ไกล ในห้วงเวลาด้วย“ไม่รู้ ข้าพระองค์ก็ไม่รู้ แน่ชัดไว้รอแน่ใจก่อนจะเล่าให้ฟัง”“เหมยเจียงกับเจ้าอาจถูกเปลี่ยนตัวกันหรือเปล่า ข้าได้ยินมาว่า มีเรือสำเภาที่คอยจับหญิงงามเลอโฉมไปเป็นนางโลมยัง อาณาจักรอื่น”“ไม่แน่”แพรวา ไม่กล้าออกความเห็นมากนัก นึกสะดุดใจกับคำว่าเปลี่ยนตัวยังจำภาพความฝันที่เห็นหญิงนางหนึ่งนั่งหันหลังให้เธอ เคียงข้างพี่กันต์หรือว่า...แต่ทำไมเหมยเจียงต้องไปอยู่บนร่างเด็กหนุ่มได้ ต้องถามเอาความกระจ่างกับหมอหลวงให้แน่ชัดเสียทีจะได้เตรียมรับมือ สถานการณ์ได้ถูกต้องพากันกลับเข้าไปในวังเมื่อ บ่ายคล้อย“สนมฮุ่ย ถวายพระพร ฝ่าบาท”ท่าเดินชดช้อยอ่อยซ้ายอ่อยขวา แพรวาคิดในใจ“ฝ่าบาท วันวันนี้จางฮุ่ยลงทุนตุ๋นรากบัวมาถวายสุด ฝีมือ”“แหวะ”แพรวาส่งเสียงฮ่องเต้หันมา ดูแพรวาด้วยแววตาสงสัย“เป็นอย่างไรเฟยลี่”“แค่อยากอาเจียน”สนมฮุ่ย ยกมือขึ้นปิดปากตาพองโต คิดไปไกลคิดว่าแพรวาตั้งครรภ์“โอ้คง หิวสิ
“บัลลังก์เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ และสิ่งที่ข้าต้องทำต่อจากการนั่งบัลลังก์ก็คือมอบสิ่งนี้ให้แก่ท่าน”ไทเฮารับพาน มาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาชินอ๋องสะบัดชายเสื้อเดินออกจากตำหนักด้วยใบหน้าเศร้าหมองมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างความแค้นที่ถูกชำระลงไปในวันนี้ เหตุใดทำจิตใจเขาเศร้าหมองยิ่งสิ่งที่ได้มาต้องแลกกับอะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของ ชินอ๋องรู้สึกมีสุขและสว่างดังแสงเทียนยามค่ำคืน คือใบหน้าหวานสวยของแพรวาที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าไทเฮาคลี่ผ้าขาวออกก่อนจะโยนผ้าขาวฟาดบนขื่อคา ผูกให้เป็นบ่วงสอดลำคอระหงลงบนบ่วงผ้าขาวหลับตาลงบนช้าช้า“เซี้ยนตี้ข้ากำลังจะตามท่านไปมารับข้าด้วย"................................................................ตำหนักใหญ่“พบตัวนางหรือยัง"เสียงตื่นเต้นดีใจเมื่อทหารองครักษ์เดินเข้ามาภายในตำหนัก“หานางไม่พบ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” “เจ้าแน่ใจแล้วรึ”“ค้นจนทั่วเขตวังหลวง แต่ไม่มีแม้เงาของข้าหลวงหญิงเฟยลี่ ก่อนนั้นมีคนเห็นหญิงสาวลักษณะเหมือนแม่นางเฟยลี่หนีไปพร้อมกับหยางหลงที่สวมชุดขันที”กำปั้นถูกทุบลงบนพื้นโต๊ะ“ไม่ผิดแน่ใช่ไหม”“ขันทีหน้าห้องหลายคนยืนยันว่านางอยู่ในห้องบรรทม
“ข้าขี่ม้าไม่เป็น”หยางหลงฮ่องเต้ไม่พูดพล่าม ตวัดแขนเกี่ยวเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นคร่อมบนหลังม้าตัวเดียวกัน“ให้นางไปกับข้า เชิญท่านนำทาง” ชายกลางคนมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณา“ถ้า หากเป็นเช่นนี้ข้าคงต้อง ผูกม้าอีกตัวไว้ที่นี่ แต่การนั่งบนหลังม้าถึงสองคน ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลง“ไม่เป็นไรเราคงต้องอาศัย ท่านช่วยนำทางไปยังทางที่ไม่ใช่ทางหลักถึงจะไกลหน่อยแต่ข้ารับรองว่าท่าน จะได้สิ่งตอบแทนที่ท่านพอใจ”ชายกลางคนพยักหน้าก่อนจะขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเอง กระตุกบังเหียนใช้ส้นเท้ากระแทกสีข้างม้าให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า ฮ่องเต้ ควบม้าตาม ด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน เสียงฝีเท้าม้าดังประสานเสียงพร้อมกับเสียงตะโกนกระตุ้นม้าให้วิ่งแพรวาพิงร่างลงบนอกของฮ่องเต้ระยะทางแสนไกลไม่มีที่สิ้นสุดหมอหลวงหอบห่อผ้าพะรุงพะรังไปยังสุสานบรรพชน แสงเทียนภายในห้องของหย่าจิ้งยังไม่มอดลง“หย่าจิ้ง ถึงเวลาที่ท่านกับข้าต้องรีบเดินทางเสียแล้ว”“ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ตอนนี้ชินอ๋อง ได้บุกเข้าไปในวังหลวงและขึ้นนั่งบัลลังก์แทนหยางหลงเสียแล้วหากว่า หย่าจิ้งยังอยู่ที่นี่เกรงจะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะไทฮองไทเฮาทรงอยู่เบื้องห
ค่ำคืนเปี่ยมสุขนั้น หยางหลงฮ่องเต้หลับใหลโดยข้างกายมีแพรวาเคียงข้างไม่ถึงหนึ่งชั่วยามความร้อนที่อยู่รอบกาย ทำเอาฮ่องเต้สะดุ้งตื่นจากนิทราหลับใหล มองเห็นเพียงแสงสว่างแดงฉานกับความร้อนที่ทวีความรุนแรง เสียงกระบี่กระทบกันดังเข้ามาใกล้เสียงวิ่งวุ่นวายแพรวางัวเงียตื่นขึ้นมาเหมือนกันเสี่ยวโอเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าตื่นตระหนก“ฝ่าบาท ทรงเสด็จออกทางด้านหลังตำหนักขณะนี้ชินอ๋องนำทัพหน้าล้อมวังหลวงไว้ทุกด้าน หัวหน้าองครักษ์ให้ข้าพระองค์มาแจ้งข่าว และนำเสด็จ”“คุ้มกันฝ่าบาท คุ้มกันฝ่าบาท"เสียงตะโกนดังสนั่นใกล้เข้ามาทุกที่ภาพความทรงจำเก่าๆ ย้อนเข้ามาในหัวแพรวา อดไม่ได้ยกมือกุมขยับเสี่ยวโอโยนเสื้อผ้าขันทีลงตรงหน้าพระพักตร์ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมมังกรที่แขวนอยู่ขึ้นมาสวมทับชุดขันทีหยิบพระมาลาของฮ่องเต้ ที่ถอดวางไว้มาสวม“ฝ่าบาทเราไม่มีเวลาแล้ว ทรงสวมชุดขันทีแล้วหนีไปกับเจี่ยเจียข้าพระองค์วันนี้อยากเป็นฮ่องเต้ สวมชุดมังกรแทนท่าน”ยื่นหมวกขันทีส่งให้ฮ่องเต้“เสี่ยวโอ ข้าไม่อยากใช้เจ้าเป็นกำบัง”“ไม่มีเวลาคิดแล้ว แค่ให้ฝ่าบาทสามารถรอดจากเงื้อมมือของชินอ๋องได้และกลับมาทวงบัลลังก์คืนก็พอแล้ว”ปากก็พูดมือก
วาจาคล้ายจะหยั่งเชิง จับพิรุธจากคำพูด“นางตัวคนเดียว ไร้ที่พึ่งพิง”“เจ้าช่างรู้ดีว่าตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง”หมอหลวงรู้แล้วว่าตัวเองพลาดไปถนัดใจหาก ไทฮองไทเฮารู้ฐานะที่แท้จริงของแพรวาสิ่งที่ต้องแลกมาคงไม่อาจคาดเดา“พระองค์ทรง เป็นกังวลอะไรกับเด็กสาวไร้ที่มาเพียงคนเดียว"ไทฮองไทเฮา ยิ้มเยือกเย็น“ข้าไม่สนใจ แค่เพียงคนที่ไร้ที่มาหากนางไร้ที่มาจริงจริงและพอจะเข้าใจบางอย่าง ไม่รบกวนท่านแล้วไว้ข้ามีเรื่องขัดข้องอันใดคงได้ คำตอบจากท่านอีกเป็นแน่ แม้วันนี้ท่าทีของท่านไม่อยากตอบคำถามข้านักก็ตาม”หมอหลวงผู้นี้ต้องมีเรื่องใดปิดบังอยู่เป็นแน่แท้ หากจะคาดคั้นไปยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหมอหลวงจากมาด้วยการแบกรับภาระที่หนักอึ้งไทฮองไทเฮา เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉลียวไม่แน่อาจระแคะระคายอะไรบางอย่างถึงตอนนี้เองต้องหาทางบอกกล่าวแพรวาไว้บ้างเพราะนางจะได้หาทางหนีทีไล่ไว้เขาเองก็คงช่วยไม่ได้มาก ยังมีอีกคนหมอหลวงสาวเท้าเดินออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังสุสานบรรพชนหย่าจิ้งร่ายรำวิทยายุทธที่นางฝึกฝนมานานกระบี่ในมือกวัดแกว่งรวดเร็วจนเกิดการเสียดสีกับอากาศเกิดเสียงดัง ยามแกว่งไกวหมอหลวง หยุดอยู่เบื้องหลังก่อนที่ปลายกระบี่จะ
“ไม่จริงเสด็จย่า หลานหวังเพียงแต่นางเพียงผู้เดียว”ไทฮองไทเฮายิ้มเยือกเย็น“เป็นเช่นนั้นเจ้าต้องเร่งมือทำการ ใหญ่ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วเฟยลี่ก็คง... ไม่พ้นมือเจ้า”ชินอ๋องจากไป ไทฮองไทเฮาเรียกองครักษ์คนสนิทเข้าพบหมุนแหวนหยกบนนิ้วชี้ไปมายิ้มโหดเหี้ยม“ข้าให้เจ้า สืบเรื่องของข้าหลวงหญิงไปถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดใด”“ขอไทฮองไทเฮาโปรดอภัยข้าน้อยตามสืบเรื่องของข้าหลวงหญิงแต่ไร้ร่องรอยของนาง ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่เคยมีใครได้พบเจอนางมาก่อน”ไทฮองไทเฮาตบ โต๊ะดังสนั่น“นางที่มาที่ไปไร้ร่องรอย นางเป็นใครกันแน่”“แต่ที่ประหลาดคือ ทุกทุกเดือนหมอหลวงจะนำยาเทียบหนึ่งมาให้นางเป็นประจำ และนางเองมักจะ มีเรื่องพูดคุยกับหมอหลวงเป็นประจำ”“ฮึฮึ.. อย่างนั้นข้าคงต้อง เรียกตัวหมอหลวงเข้าพบเสียทีดูว่าหมอหลวงเจ้าเล่ห์จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง ที่่บังอาจปิดบังข้าได้”เพียงครู่เดียวหมอหลวงชราก็อยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา“ข้า จางจื้อเยว่หมอหลวง ถวายพระพรไทฮองไทเฮา อายุยืนหมื่นปีหมื่นปีมีเรื่องอันใดให้ข้าพระองค์รับใช้ข้าพระองค์น้อมรับบัญชา”ยิ้ม ที่เหมือนฉาบทาด้วยยาพิษ“ข้าไม่ใช่คนอ้อมค้อม เพียงแค่อยากรู
“ข้าน่าจะปล่อยให้ ชินอ๋อง ... บอกเจ้ากี่ครั้งนิสัยดื้อรั้นของเจ้าตำหนักข้าน่าเบื่อมากหรืออย่างไร เจ้าถึงต้องนั่งดื่มอยู่ ในตำหนักชินอ๋อง” แพรวาเม้มปากแน่นรู้ว่าผิดแล้วจะตอกย้ำทำไม สะบัดแขนใจให้หลุดจากการลากถูนั้นแต่เปล่าประโยชน์“แค่อยากออกมาเดินเล่นเท่านั้นพอดีเจอชินอ๋อง จะปฏิเสธอย่างไรเล่าในเมื่อเขาเป็นอนุชาของ ฝ่าบาท”ฮ่องเต้ถอนหายใจ“ในวังหลวงแห่งนี้ เจ้าคิดว่าใครบ้างที่จริงใจกับเจ้าเหมือนข้าต้องรู้จักระวังตน ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียที จำเอาไว้ “แพรวา ทำตาละห้อยสำนึกผิดหากหยางหลงฮ่องเต้มาไม่ทัน จะเกิดอะไรขึ้นแพรวาไม่อาจคาดเดา“ลมหนาวแม้ พัดตามฤดูกาล หากแต่ก็มีช่วงเวลาที่พัดผ่านคนเราหากไม่รอเวลาที่เหมาะสมไหนเลยจะพบกับความสุข เจ้าอดทนรอ อีกสักนิด เมื่อเวลานั้นมาถึงทุกอย่างในวังหลวงแห่งนี้ข้าแบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง จะไปไหนทำอะไรข้าจะไม่หวงห้ามเจ้าเพียงแต่ตอนนี้เรายังไม่อาจคาดเดา หลายคนหลายฝ่ายได้เท่านั้นเอง”แพรวาพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจลี่มี่ประคองชินอ๋องก่อนจะเรียกให้หญิงรับใช้สองสามคนมาดูแล ยืนนิ่งมองด้วยความสงสารจับใจ หันหลังกลับเดินตามหยางหลงฮ่องเต้และแพรวา กลับวังหลวงด้ว
“ถาม ถามยังไม่หมด แล้วฝ่าบาททำไมถึง ...รักเหมยเจียง”แพรวาถามไปอย่างนั้นเพราะคิดคำถามไม่ออก ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงคาดไม่ถึงกับคำถามนั้น“เหมยเจียงเป็นสิ่งเดียวหลังจากที่ท่านแม่ตายไปนางเป็นทั้งเพื่อนเล่น และพี่สาวในเวลาเดียวกัน เหมยเจียงเป็นผู้ใหญ่เกินตัวทั้งยังมีจิตใจอ่อนโยนโอบอ้อมอารี”ดีเว่อร์ไปไหมถ้าเทียบกับแพรวา ที่ไม่มีคุณสมบัติที่ว่าเลยตำหนักไทฮองไทเฮา“ย่า ว่าเราคงต้องจัดการทุกอย่าง ให้มันเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว”ไทฮองไทเฮาใบหน้าเคร่งเครียด ยามที่เปล่งวาจาชินอ๋องก้มหน้านิ่งอย่างใช้ความคิด“เหมยหลิวไม่สามารถดำเนินแผนการให้สำเร็จได้ เพราะไทเฮาที่มาขัดขว้างนาง ช่างมาได้ถูกจังหวะทำให้แผนของเราปั่นป่วนตั้งแต่ครั้งที่แม่ของเจ้าต้องโทษให้ถูกจองจำในตำหนักเย็นก็เป็นไทเฮา”ชินอ๋องตาวาวโรจน์ด้วย อารมณ์คุกรุ่นภายใน เมื่อคำพูดเสียดแทงจิตใจ“หลานยังเตรียมการได้ไม่ดีเท่าที่ควร อยากให้เสด็จย่ารออีกสักระยะให้ทุกอย่างรัดกุมกว่านี้”ไทฮองไทเฮาทำเสียงจิจ๊ะ อย่างขัดใจ“ดอกเหมยจะงามเมื่อถึงเวลาเบ่งบาน เสด็จย่าโปรดรอวันที่หลานจะได้นั่งบัลลังก์”ไทฮองไทเฮายิ้มอย่างสมใจ“ถ้าเป็นเจ้าชินอ๋องหากว่าเซี้ยนตี้
เรามาทำความรู้จักกับ บรรดาผู้ที่เป็นตัวละครของเรื่องนี้กันค่ะฮ่องเต้ (หยางหลง) -ลูกของฮ่องเต้ องค์ก่อนที่ชิงบัลลังก์มาจากพ่อของแพรวา ซึ่งปู่ของแพรวาและฮ่องเต้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแพรวา -อายุ หกขวบก็ เดินทางข้ามเวลามาที่ไทยโดยการกระโดดลงน้ำพร้อมกับ ฮองเฮาหย่าจิ้งผู้เป็นมารดา และพออายุได้18 ปีก็เดินทางกลับมายังที่เดิมอีกครั้งชินอ๋อง-น้องต่างมารดา ที่แม่เป็นสนมเอกของเซี้ยนตี้ (พ่อของหยางหลงฮ่องเต้) และตาเป็นถึง ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก กุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด แต่ถูกเลี้ยงดูและ ฟูมฟักโดยไทฮองไทเฮาที่เป็นย่าเพราะชินอ๋องมีความเหมือนปู่ (ซึ่งเป็นปู่ของ หยางหลงฮ่องเต้ด้วย แต่หยางหลงฮ่องเต้ ได้นิสัยรักสงบจิตใจอ่อนโยนมาจากแม่) ชินอ๋องเป็นคนที่คนข้างเด็ดขาด และค่อนข้างโหดตามนิสัยทหาร ถ้าชินอ๋องมีความภักดี หยางหลงจะได้ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๋เลยที่เดียวโหวหยางจื้อ- น้องชายต่างมารดา ของหยางหลงฮ่องเต้ ซึ่งแม่เป็นสามัญชนเหมือนแม่ของหยางหลง แต่ เป็นที่โปรดปรานของเซี้ยนตี้ถึงกับแต่งตั้งให้เป็นกุ้ยเหริน มีความภักดีต่อพี่ชาย และ มักจะเก่งทางด้านบุ๋น เป็นเหมือนมันสมองของ หยางหลงไทเฮา- ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮ
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ ฮ่องเต้หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องนี้ สักวันจะเสียทีให้กับคนที่คิดไม่ซื่อรีบแต่งตั้งสนมฮุ่ยเป็นฮองเฮา รีบมีรัชทายาท เมื่อนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรฝ่าบาทได้ เมื่อตระกูลใหญ่ทั้งสี่สนับสนุน ฐานะบนบัลลังก์มั่นคงอย่างนั้น”นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพราะฮ่องเต้องค์เก่า ที่เหมือนกับหยางหลงเหลือเกินรักความสงบปกครองบ้านเมืองอย่างสงบสุข ไม่รบรากับใครเทิดทูนความรักไม่ยอมมีรัชทายาทกับสนมคนใดรอเพียงให้มีกับหย่าจิ้งคนเดียว ซึ่งนางก็ให้กำเนิดเพียงแค่องค์หญิง สุดท้ายก็ต้องถูก แย่งชิงบัลลังก์จากเซี้ยนตี้ ถอนหายใจอีกครั้งหรือว่าประวัติศาตร์จะซ้ำรอย“ลูกขอเวลาตรึกตรอง ตอนนี้เองฮุ่ยเหนียงก็ยังไม่พ้นมลทินคงต้องรอให้นางพิสูจน์ตัวเองเสียก่อน”“แม่หวังว่าฝ่าบาทจะคิดให้ถ้วนถี่เฟยลี่ฝ่าบาทจะให้นางดำรงตำแหน่งอะไรก็ได้ จะอยู่กับนางทุกคืนก็ได้นางให้ได้แค่ความสำราญ พระทัย แต่เพื่อความมั่นคงของฝ่าบาทต้องเป็นสนมฮุ่ยเท่านั้น”ไทเฮาจากไป ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะไปบอกข่าวดีนี้แก่แพรวาเหลือเกิน แต่นึกถึงใบหน้าเย็นชานั้นเล่าจะหายไปหรือยังป่านนี้คงได้ข่าว เรื่องเหมยหลิวที่ เล็ดลอดออกไปแพร่สะพัดไปทั่ว หยางหลงฮ่องเต้