ไม่รู้เพราะอะไร ตอนที่ไม่ได้เห็นอ๋องเจวี้ยน ไห่ฉางจวิ้นรู้สึกว่าซือถูไป๋หล่อเหลาไร้เทียมทาน แต่พออ๋องเจวี้ยนปรากฎตัว นางก็รู้สึกว่าอ๋องเจวี้ยนท่วงท่าชนะขาดลอยถึงแม้อ๋องเจวี้ยนจะสวมหน้ากากจนมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ท่วงท่าของเขาที่แสดงออกมานั้น ก็ยังเป็นเป็นประเภทที่จะมองท่วงท่าหรือมองรูปร่างหน้าตาก็ยังเป็นชายงามไร้เทียมทานไห่ฉางจวิ้นมองจ้องไปที่อ๋องเจวี้ยน"ข้าคิดจะเดิมพันกับฟู่จาวหนิง! ถ้าหากนางแพ้ ข้าต้องการให้ท่านอยู่กับข้าสามวัน"เพราะฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เดินออกมา จึงห่างจากกลุ่มคนมาพอประมาณ คนอื่นจึงไม่ได้ยินว่าพวกเขาทางนี้กำลังคุยอะไรกัน แต่พวกเขายืนกันอยู่ตรงนี้ก็ดึงดูดสายตามาก มีคนไม่น้องกำลังมองมาทางนี้"บังอาจ!"ชิงอีพอได้ยินคำพูดไห่ฉางจวิ้นก็โกรธขึ้นมาแล้ว"ข้าไม่ได้จะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียหน่อย ก็แค่ให้ท่านอ๋องของพวกเจ้ามาอยู่กับข้าสามวันก็พอ!"คำพูดไห่ฉางจวิ้นสั่นสะเทือนคนทั้งหมดนี่มันแม่นางที่มาจากไหนกันเนี่ย หนังหน้าทำไมจึงหนาขนาดนี้!ซือถูไป๋มองอ๋องเจวี้ยน สีหน้าอ่อนโยนแต่เดิมก็เก็บลงมาส่วนหนึ่งแล้ว อ๋องเจวี้ยนกลับไม่มองเขา แต่มองไปทางฟู่จาวหนิง"พระ
"พรวด"ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่อาเพียนเองก็โมโหจนปากเบี้ยวไปแล้ว ถ้าไม่ใช่คุณชายไม่ให้เขาด่าคน เขาก็จะเอามือเท้าสะเอวด่าไห่ฉางจวิ้นเป็นหมาให้เลือดซิบไปเลยเห็นคุณชายของคนอื่นเป็นอะไรไปกัน?คนรอบๆ ไม่น้อยพอได้ยินคำพูดของไห่ฉางจวิ้น ก็ล้วนตกตะลึงกันจนทยอยสูดปาก"แม่หญิงคนนี้เป็นใครกัน?""ผิดศีลธรรม นี่มันผิดศีลธรรมชัดๆ"และมีคนไม่น้อยที่เห็นท่าทางไม่ยับยั้งชั่งใจแบบไห่ฉางจวิ้นมาจนชิน ส่ายหัวก่นด่าขึ้นมา"คุณหนูฟู่ ช้าน้อยเชื่อว่าท่านจะชนะ" ซือถูไป๋ยิ้มอบอุ่นให้ฟู่จาวหนิงขึ้นมา สายตาที่มองนางเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น "ดังนั้นข้าสามารถเป็นสิ่งเดิมพันให้ได้ ตัวข้าก็ส่งให้ท่านเลยแล้วกัน""คุณชาย" อาเพียนเบ้ปากคุณชายเชื่อมั่นฟู่จาวหนิงเช่นนี้เลยหรือ? ที่ไห่ฉางจวิ้นบอกว่าอยู่ด้วยกันนั่น แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่อยู่ด้วยกันแบบถูกต้อง! ถ้าเผื่อฟู่จาวหนิงแพ้ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าคุณชายของตนเองจะกลายเป็นขายร่างกายตัวเองออกไปหรือ?มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังอ๋องเจวี้ยนกำแน่นขึ้นมารู้ๆ อยู่ว่าฟู่จาวหนิงคือพระชายาอ๋องเจวี้ยน ซือถูไป๋ยังจะเรียกนางว่าคุณหนูฟู่อีก นี่จงใจใช่ไหม?เชื่อว่านาง
"ได้!"พอได้ยินของสองสิ่งที่ตนเองต้องการ ไห่ฉางจวิ้นก็กลับฟู่จาวหนิงจะเปลี่ยนใขจ จึงรีบร้อนรับคำขึ้นมา"แต่คุณชายซือถูไป๋กับผู้อาวุโสจี้ตามเจ้าไป พวกเขาห้ามช่วยเจ้า!"สองคนนี้คนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสพันธมิตรโอสถใต้หล้า อีกคนหนึ่งเป็นคุณชายน้องโรงยาทงฝู รู้จักวัตถุดิบยามากมายแน่ๆผู้อาวุโสจี้ร้องเฮอะ"ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือไรกัน?"ตัวเขาเองก็ไม่ชอบคนที่โกงชาวบ้านเขาอยู่แล้ว แล้วจะมาช่วยโกงให้ศิษย์ได้อย่างไรกัน?ซือถูไป่เองก็พูดขึ้นว่า "คุณหนูฟู่ชนะด้วยตนเองได้"ไห่ฉางจวิ้นสีหน้าปั้นยาก ซือถูไป๋นี่อย่างไรกัน? เชื่อมั่นเหลือเกินว่าฟู่จาวหนิงชนะแน่? นางมีอะไรดีกัน?ฮูหยินสามฟู่เล่าเรื่องฟู่จาวหนิงตั้งแต่เล็กจนโตให้นางฟัง ต่อให้นางช่วงนี้ฝากตัวเป็นศิษย์กับผู้อาวุโสจี้ เสริมเรื่องวัตถุดิบยาเข้ามาให้อย่างหนัก ในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะจำแนกของหายากออกมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆวันนี้ของที่นำมาเดิมพันหมอเดิมพันวัตถุดิบยา ไม่ใช่วัตถุดิบยาทั่วไปแน่นอน"เช่นนั้นข้าจะให้คุณชายซือถูดูว่านางจะพ่ายแพ้ให้กับข้าอย่างไร"ไห่ฉางจวิ้นตัดสินใจจะโค่นล้มฟู่จาวหนิง ให้ซือถูไป๋เห็นความเก่งกาจของนาง
ดังนั้นนางชนะก็เท่ากับโรงหมอเมตตาที่ชนะ"ข้าจะแข่งขันกับฟู่จาวหนิง พวกเจ้าตอนนี้ถ้าจะมาเสียใจก็ไม่ทันแล้ว" ไห่ฉางจวิ้นเงยเชิดคางมองผู้อาวุโสจี้ "ถ้าพวกเจ้าขับไล่ฟู่จาวหนิงออกจากพันธมิตรโอสถใต้หล้า ข้าจะหันไปหาพันธมิตรโอสถใต้หล้าของพวกเจ้าแทน ช่วยพวกเจ้าเอาชนะการเดิมพันโอสถครั้งนี้""แม่นางอายุยังน้อย ก็ทำน้ำเสียงให้เป็นผู้น้อยหน่อย!" ผู้อาวุโสจี้หน้าถมึงทึง"แม่นางไห่อย่าล้อเล่นเช่นนี้สิ "หมอเทวดาหลี่รีบเดินเข้ามา "พันธมิตรโอสถใต้หล้าไม่ได้มีอะไรดีเลย""สกุลหลี่อย่างเจ้ามาเล่นสกปรกอีกแล้วรึ!" ผู้อาวุโสจี้พอเห้นผู้อาวุโสหลี่เดินเข้ามา แล้วยังพูดเช่นนี้กับไห่ฉางจวิ้นอีก ก็รู้แล้วว่าไห่ฉางจวิ้นจะต้องถูกเขาดึงเข้ามาแน่นอน"นี่มันเล่นสกปรกตรงไหนกัน?" หมอเทวดาหลี่มองผู้อาวุโสจี้ ผู้อาวุโสจี้คงยังไม่รู้จักตัวตนฐานะแท้จริงของไห่ฉางจวิ้นแน่นอนนักบุญหญิงเผ่าโม๋ลั่ว อันที่จริงก็ยังรู้จักวิชาแพทย์ของพวกเขาอยู่ด้วย ที่รักษาก็ล้วนเป็นพวกโรคแปลกๆ และสถานที่ต้องห้ามของเผ่าโม๋ลั่วทางนั้นก็มีวัตถุดิบยาขึ้นอยู่ไม่น้อย คนของโรงหมอเมตตาอย่างพวกเขาก็อยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าโม๋ลั่วเอาไว้ผ
"คนตั้งมากมายยังมองไม่ออก ข้าว่า พวกเจ้ามองออกสักสองสามอย่างก็ไม่แน่อาจจะชนะแล้วก็ได้"หมอเทวดาหลี่เอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างตื่นเต้น "มีเวลาจำกัดนะ ครึ่งชั่วยาม นาฬิกาทรายวางไว้แล้ว"ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งจะเห็นว่ามีแท่นหินอยู่ตัวหนึ่ง ด้านบนวางนาฬิกาทรายที่ทำจากแก้วเคลือบวางอยู่ ดูแล้วงามประณีตมากนาฬิกาทรายนี้ถ้าไหลหมดก็คือครึ่งชั่วยาม"เริ่มได้"ตอนที่คำว่าเริ่มต้นสองคำของผู้ดูแลเจียงพูดจบ ไห่ฉางจวิ้นรีบเดินตรงไปทางสองคนนั้นทันทีแต่นางเพิ่งจะออกเดิน ข้างกายก็ลมพัดผลิว ฟู่จาวหนิงแล่นผ่านตัวนางไป และรีบเดินตรงไปทางสองคนนั้นไห่ฉางจวิ้นพอเห็นก็ลนลานเข้าแล้ว ฟู่จาวหนิงน่าจะไม่รู้จักวัตถุดิบยาสองชนิดนั้นหรอกกระมัง?นางรีบใช้วิชาตัวเบาไล่ไปทันที แต่ว่านางก็คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงยังไม่ทันเดินไปอยู่ด้านหน้าคนทั้งสอง แต่ก็ใช้นิ้วชี้ไปทางนั้นแต่ไกล เอ่ยขึ้นอย่างแจ่มชัดว่า"วัตถุดิบยาสองชนิดนั้นข้ารู้จัก ลำดับที่หกคือรากชิงเหริง ส่วนลำดับที่เจ็ดคือผงรัง"ลำดับที่หกกับเจ็ดล้วนเป็นหญิงสาว ทั้งสองคนพอได้ยินเสียงของฟู่จาวหนิงก็งงงันผู้ดูแลเจียงตาเป็นประกาย"รากชิงเหริง? ผงรัง? สิ่งนี้ในคัมภีร์
แค่มองผาดเดียวก็มองวัตถุดิบยาสองชนิดออกแล้วจริงหรือไห่ฉางจวิ้นสูดลมหายใจลึก จะโกรธไม่ได้ นางจะถูกความโกรธจนสับสนวุ่นวายไม่ได้ ที่นี่มีอยู่สิบแปดชนิด หายไปสองชนิดก็ยังมีอีกสิบหกชนิดเลย นางไม่เชื่อว่าตนเองจะมองไม่ออกนางถลึงตามองหญิงสาวจากในเผ่าทั้งสองคนผาดหนึ่งพวกนางจะต้องโพล่งออกมาตอนไหนแน่ๆ จนทำให้คนได้ยิน แล้วไปบอกกับฟู่จาวหนิงพอดี! กลับไปนางจะจัดการนังสารเลวสองคนนี้เสียหญิงสาวทั้งสองคนมองสายตาโหดเหี้ยมของนางก็ตกใจจนแข้งขาอ่อนจบแล้ว วิธีลงโทษของนักบุญหญิงนั้นโหดร้ายมาก พวกนางเกรงว่าคงต้องทิ้งชีวิตไปครึ่งหนึ่งเสียแล้ว"ถือว่าเจ้านำไปก่อนแล้วกัน" ไห่ฉางจวิ้นร้องเชอะ ตั้งใจไปมองวัตถุดิบยาชนิดอื่นทันทีหมอเทวดาหลี่ส่งสายตาให้กับคนหนึ่งในนี้ ชายตัวเตี้ยคนนั้นก็กระทืบเท้าขึ้นอย่างรู้สึกผิดอ่องเจวี้ยนสายตากวาดดูทั้งลาน และเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาในสายตา เขาขมวดคิ้ว ส่งสื่อเสียงบอกกับฟู่จาวหนิงทันที "ผู้ชายคนที่สามจากด้านซ้ายของเจ้า น่าจะถูกหมอเทวดาหลี่ซื้อตัวไว้แล้ว อาจจะมีคนบอกไห่ฉางจวิ้นไว้แล้วว่านั่นคือยาอะไร"คำพูดนี้มีเพียงแค่ฟู่จาวหนิงที่ได้ยินฟู่จาวหนิงตกตะลึง แต่ก็ไม่ไ
"บังอาจ!"อ๋องเจวี้ยนตะคอกเสียงขรึม จงเจี้ยนข้างๆ ก็ลงมือแล้วแต่ว่าพวกเขายังอยู่ห่างออกมาค่อนข้างไกล ตอนที่จงเจี้ยนพุ่งออกไป ฟู่จาวหนิงเท้าสลับ จังหวะก้าวเดินแปลกประหลาด ฉากหลบฝ่ามือไห่ฉางจวิ้นไปเรียบร้อยและการหลบครั้งนี้ จงเจี้ยนก็เข้ามาถึงพอดี จงเจี้ยนชักกระบี่ออกจากฝักแล้ว แทงเข้าหาไห่ฉางจวิ้นอย่างไม่ปราณีฟู่จาวหนิงเพิ่งยืนมั่นคง ซือถูไป๋ก็มาถึงข้างตัวนางแล้ว ถามขึ้นอย่างกังวล "ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?""ไม่เป็นไร"ฟู่จาวหนิงรู้สึกได้ถึงสายตาร้อนแรงกวาดเข้ามา พอมองออกไป รู้สึกว่าเซียวหลันยวนกำลังมองขรึมหานาง"โรงหมอเมตตากับพันธมิตรโอสถใต้หล้าของพวกท่านจัดพิธีนี้ขึ้น แล้วอนุญาตให้มีคนมาทำตัวมาดร้ายในนี้ได้ด้วยหรือ?" เซียวหลันยวนเอ่ยกับหมอเทวดาหลี่กับผู้อาวุโสจี้เสียงขรึม"แน่นอนว่าไม่อนุญาต! มีเหตผลเช่นนี้เสียที่ไหนกัน! แพ้แล้วไม่ยอมรับหรือ?" ผู้อาวุโสจี้กระทืบเท้าร้องขึ้น "องครักษ์!"พันธมิตรโอสถใต้หล้าเองก็มีองครักษ์อยู่ด้วย มีคนหลายคนพุ่งเข้ามาทันที"หยุดมือ!" ผู้ดูแลเจียงเองก็โมโหแล้ว โบกมือเป็นสัญญาณให้องครักษ์ออกไปไห่ฉางจวิ้นไม่สนใจพวกเขาเลย วิทยายุทธ์ของนางอยู่เหนือ
"เจ้าจงใจยั่วโมโหนางหรือ?""นี่เป็นสิ่งที่คนทั้งหมดล้วนได้ยินมา คุณหนูฟู่ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?" หมอเทวดาหลี่ร้องเชอะ จากนั้นมองไปทางผู้อาวุโสจี้ "ผู้อาวุโสจี้ เจ้าจะช่วยคนรู้จักโดยไม่สนเหตุผลเพราะฟู่จาวหนิงเป็นศิษย์ของเจ้าไม่ได้หรอกนะ"อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินเข้ามา เดินมาอยู่ข้างๆฟู่จาวหนิง คว้ามือของนางไว้ ถามขึ้นเสียงเย็นชา "ใครกันแน่ที่ยั่วโมโหใครก่อน? ไห่ฉางจวิ้นพอเจอหน้ากันก็คิดจะแย่งสามีพระชายาอ๋องเจวี้ยนของข้า นี่มันแค่การยั่วโมโหเสียที่ไหน? นี่มันเป็นการหยามหมิ่นไม่ใช่หรือ?"หา?ฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักออกมาแล้วนางไม่คิดเลยว่าเซียวหลันยวนจะเดินเข้ามาพูดประโยคนี้"ดังนั้น พระชายาของข้าก็แค่พูดอะไรที่น่าโมโหสักคำสองคำแล้วเป็นอะไรไป?" อ๋องเจวี้ยนเสียงขรึม สายตาที่มองไห่ฉางจวิ้นมีจิตสังหารอยู่ด้วยแต่ว่าจิตสังหารนี้กลับมีแค่ไห่ฉางจวิ้นที่มองออก ในใจนางตื่นเต้นขึ้นมา"พูดอีกก็ถูกนะ เมื่อครู่ข้าฟังคำพูดของไห่ฉางจวิ้น ไม่ใช่แค่อ๋องเจวี้ยนนะ นางยังอยากจะได้คุณชายซือถูอีกด้วย หน้าไม่อายเสียจริง!""ตอนที่ข้าได้ยินก็ตกใจแทบแย่"คนรอบๆ ล้วนเริ่มซุบซิบนินทาขึ้นมาแล้วไห่ฉางจวิ้นเดิมท
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม
ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงตรงหน้าเขา เห็นผ้าคลุมหน้าของเขาดึงลงมาปิดปากอีกครั้ง นางพลิกมือ แล้วก็ไม่รู้ว่าในมือปรากฏมีดเล็กเปล่งประกายเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรพอนางโบกมือ ก็ใช้มีดเล็กจัดการกรีดผ้าปิดหน้าของชายคนนั้นออก พอผ้าร่วงลงมาก็เผยสภาพของชายคนนี้ให้เห็นใบหน้าเขา ข้างจมูก มีหลายตำแหน่งเน่าไปแล้วจริงๆ ใบหน้าเองก็บวมแดงขึ้นหน่อยๆมีคนเห็นสภาพเขาก็ร้องตกใจออกมา"หน้าของเขาเน่าไปแล้วจริงๆ!""คนคนนี้ติดโรคระบาดไปแล้ว!"ชั่วขณะหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงถอยห่างอีกครั้ง มีบางส่วนขี้ขลาดกลัวตาย กระทั่งหมุนตัวตั้งท่าจะวิ่งหนีน่ากลัว ที่นี่มีคนป่วยอยู่!ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะถูกระบาดเข้าหรือเปล่า! พวกเขากล้าอยู่ต่อกันเสียที่ไหน?ฟู่จาวหนิงก็เหมือนร้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ให้แขกเหล่านี้ทั้งหมดวิ่งออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาเอาออกไปลือกัน ก็ไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถจะถูกลือกันไปแบบไหนดังนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า"คนผู้นี้ใบหน้าเน่าไปแล้ว แต่พวกเจ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นโรคเดียวกับชินอ๋องเซียวหรือไม่ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการเขา ข้ายังไม่หนีเลย แล้วพวกเจ้ากลัวอะไรกั
"พระชายา มีคนมาอาละวาดที่นี่"สืออีสือซานวันนี้ตามมาด้วย ไป๋หู่วันนี้พักผ่อนฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็รู้ว่าตนเองออกมาข้างนอก ในเมืองหลวงก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้นพอพาสืออีสือซานออกมา นางก็ยังพาเฝิ่นซิงมาด้วยเฝิ่นซิงพอเข้ามาก็ได้ยินชายคนนั้นเอะอะโวยวาย หน้าก็ขรึมลงไปทันทีจากที่นางเห็น พระชายาลงแรงปรุงยาเหล่านี้ คิดเอาไว้อย่างรอบคอบ การให้คนในพันธมิตรมาต้ม ถือว่าพิจารณาเอาไว้รอบด้านแล้ววัตถุดิบยาบวกกับฟืนไฟ แล้วยังมีเงินค่าแรงที่เหล่าพนักงานมาทำให้ หนึ่งชามสิบเหวิน พูดได้ว่าถูกมากแล้วเหล่าประชาชนควรจะรู้สึกว่า่โชคดีจึงจะถูก ทำไมถึงมีคนเข้ามาอาละวาดได้กัน?"สืออีสือซาน เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นชายคนนั้นแล้ว ตอนที่นางหันหน้ามา นางก็เห็นชายคลุมหน้าคนนั้นแล้วนางรีบเสริมเข้ามาให้คำหนึ่ง "ระวังหน่อย อย่าให้ถูกเขาข่วน แล้วก็อย่าโดนเลือดเขาด้วย"ถึงแม้ชายคนนี้พันหน้าไว้อาจจะไม่มีเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างไรก็มาซื้อยา แล้วยังแต่งตัวเสียขนาดนี้ นางระวังไว้ก่อนดีกว่า"ขอรับ พระชายา" สืออีกกับสือซานช่วงนี้ตามติดฟู่จาวหนิง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของนางอยู่ทั้งสองคนรีบขึ้นหน้าไปแ
เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำ ดวงตาก็กวาดมองไปทั่ว ไม่กล้าสบตากับพนักงานตรงๆพนักงานเองก็บอกกฏกับเขาแล้ว"ถ้าท่านคิดจะซื้อ ตอนนี้ก็เอาไปก่อนสามชาม""สามชามจะไปพออะไร? ชามของข้านี่อย่างน้อยก็ใส่ได้ยี่สิบชามเลยนะ! เจ้ารีบเติมให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้าแล้วนะ!""คุณลูกค้า ที่นี่เป็นพันธมิตรโอสถ ขอเตือนท่านอย่ามาก่อเรื่องที่นี่เลย" พนักงานหน้าเริ่มดำขึ้นมาแล้วเขาเห็นที่นี่เป็นร้านขายยาธรรมดา เลยคิดจะทำตัวแบบนี้ได้หรือ?"ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เงินเสียหน่อย! พวกเจ้าถือดีอะไรไม่ขายให้ข้า?""ข้าบอกกฏกับท่านไปแล้ว นี่คือกฏที่หมอเทวดาฟู่วางไว้!""หมอเทวดาฟู่? ก็แค่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินว่าผู้จัดการใหญ่ที่นี่สกิลต่ง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจได้เสียหน่อย! นางถือดียังไงมากำหนดกฏเกณฑ์ในพันธมิตรโอสถ?"น้ำเสียงชายพันหน้าฟังแล้วเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว"ยานี้เป็นหมอเทวดาฟู่ที่ปรุงออกมา ถ้าท่านมาดูถูกหมอเทวดาฟู่ เช่นนั้นก็อย่ามาซื้อยาสิ" พนักงานหัวเราะเย็นชาขึ้นมาคนผู้นี้น่าขำเสียจริง มาซื้อยาที่ฟู่จาวหนิงปรุง แต่กลับดูหมิ่นฟูจาวหนิงหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ใครไม่รู้บ้างว่า
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้
ต่อมาหมอเทวดาหลี่ก็ทำหน้าขรึมคุกคามสาวใช้สองคนนั้น ถ้ายังไม่รับใช้ปรนนิบัติดีดี ก็จะขายพวกนางทั้งสองคนไปที่ซ่องโสเภณีเสียสาวใช้สองคนจึงร้องไห้ฟูมฟายเข้ามารับใช้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิเองก้ได้ยินเรื่องเลห่านี้ของจวนชินอ๋องเซียวแล้ว"บอกไปแล้วว่าจวนชินอ๋องเซียวต้องคอยระวังไม่ให้เข้าออก หมอเทวดาหลี่กับชินอ๋องเซียวนี่มัน..."เขาทำหน้าขรึม รู้สึกว่าตนเองไม่มีบารมีเอาเสียเลย จวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่เชื่อฟัง ตอนนี้จวนชินอ๋องเซียวเองก็ด้วยหรือ? ใครให้หน้าพวกเขากันถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันที่จริงก็กลัวเจ้าโรคนั้น ตอนนี้คงเรียกเซียวเหยียนจิ่งมาด่ากราดให้เลือดซิบไปแล้ว"ตอนนี้หลี่จื่อเหยาในเมื่อถูกหมอเทวดาหลี่รับไปแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาไปรักษาให้ดี ข้าเองก็อยากจะเห็นว่าเขาจะรักษาเจ้าโรคนี้ได้หรือเปล่า!""องค์จักรพรรดิ พระชายาอ๋องเจวี้ยนทางนั้นต้มยาน้ำออกมา ตอนนี้สามารถป้องกันล่วงหน้าได้แล้ว หาซื้อได้ในพันธมิตรโอสถ หนึ่งชามสิบเหวิน" มีคนเข้ามารายงานกับองค์จักรพรรดิ"หนึ่งชามสิบเหวิน?" องค์จักรพรรดิใจสั่นกึก "แล้วได้ผลจริงไหม?""นี่ก็ยังไม่รู้ แต่คนที่ไปซื้อยานั้นไม่น้อยเลย โดยเฉพาะคนที่เคยสัมผัสกั
จวนชินอ๋องเซียวกลายเป็นขี้ปากคนทั้งเมืองไปแล้วเซียวเหยียนจิ่งอยากจะปิดเรื่องนี้ไว้ แต่ยิ่งปิดกลับยิ่งรุนแรงขึ้นกระทั่งเพราะเขาไปพยายามปิดข่าวลือ เลยมีคนบอกว่าเขาถูกพ่อสวมเขาให้เสียแล้ว หน้าตาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี และเพราะกลัวคนจะมาล้อเลียนว่าบ้า ดังนั้นจึงพยายามอย่างหนักที่จะหยุดข่าวลือนี้ข่าวลือคาวๆ แบบนี้ ลือกันได้ไวที่สุด และลือกกันไปอย่างพิลึกพิลั่นที่สุดด้วยหลี่จื่อเหยาตอนนั้นมาพัวพันเซียวเหยียนจิ่ง ทำทุกทางเพื่อทำลายพิธีแต่งงานของเซียวเหยียนจิ่งกับฟู่จาวหนิง นางตอนนั้นเอาแต่เรียกเขาว่า "พี่เซียว" ปาวๆ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสองปี ทำไมจึงปีนไปถึงเตียงของพ่อพี่เซียวแล้วกัน?"ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลี่จื่อเหยาเป็นโรคระบาดนั่น รัฐทายาทเซียวก็คงจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว""เมื่อเป็นแบบนี้ จวนชินอ๋องเซียวคงจะวุ่นวายขึ้นจริงๆ แล้ว""แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็โชคดีแล้วที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนั้นไม่ได้แต่งงานเข้าจวนชินอ๋องเซียว นี่ถือว่าแคล้วคลาดเลยสินะ?"ในเมืองหลวงทุกที่มีแต่คนกระซิบกระซาบกันเช่นนี้ แต่คนที่พูดถึงฟู่จาวหนิงก็มีแค่ส่วนน้อยถึงอย่างไรตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายาอ๋องเจว
เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าตอนนี้ถ้าให้คนนอกรู้เรื่องที่หลี่จื่อเหยาเป็นโรคนี้เข้า คงจะน่าอับอายมากโดยเฉพาะหลี่จื่อเหยาที่ติดโรคระบาดนั้นดังนั้นเรื่องนี้จะต้องเก็บให้สนิท ห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาดแต่คนอื่นกลับไม่คิดแบบเขาอย่างเช่นเซียวหลันยวนจังหวะที่หมอเทวดาหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องที่เซียวเหยียนจิ่งไปรับหมอเทวดาหลี่เลยถึงแม้จะผ่านไปสามปีแล้ว แต่เรื่องที่หลี่จื่อเหยากับเซียวเหยียนจิ่งทำกับฟู่จาวหนิง เซียวหลันยวนไม่เคยปล่อยผ่านโดยเฉพาะที่ช่วงนี้เซียวเหยียนจิ่งเริ่มหันมาสนใจฟู่จาวหนิงอีกครั้งหลังจากสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกลับมา เซียวเหยียนจิ่งก็ยังแอบคิดจะทำอะไรอีก สิ่งนี้เซียวหลันยวนจะทนได้อย่างไร?ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาหลี่รับลูกสาวออกไปจากจวนชินอ๋องเซียว เซียวหลันยวนก็ได้รับข่าวแล้ว"ท่าน อ๋อง จากที่หญิงรับใช้ร่างใหญ่ในเรือนหลี่จื่อเหยาบอก หลี่จื่อเหยาไปรื้อเตียงของชินอ๋องเซียวเข้า..."องครักษ์ลับมารายงานข่าวที่ได้รับมากับเซียวหลันยวนฟู่จาวหนิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ พอได้ยินเช่นนี้นางก็หัวเราะพรวดออกมานี่มันช่าง...นางยังอยากจะพ
ต่อให้ชินอ๋องเซียวติดโรคระบาด ถ้าตอนนี้ฟู่จาวหนิงเป็นภรรยาเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องมากลัวแบบนี้!ไม่เห็นว่าเซียวหลันยวนที่ถูกส่งไปขังในคุกใหญ่ตั้งหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังเรียบร้อยดีไม่เป็นอะไรหรือ?จวนอ๋องเจวี้ยนก็ถูกองค์จักรพรรดิบอกว่าห้ามออกไปข้างนอกส่งเดชเหมือนกัน แล้วดูตอนนี้สิ?ฟู่จาวหนิงไม่ใช่ว่าอยากออกไปไหนก็ออกได้หรือ?ฟู่จาวหนิงแบบนั้น เขาอยากได้มาจริงๆ!ถ้าตอนนั้นไม่มีหลี่จื่อเหยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เป็นพระชายารัฐทายาทของเขาแล้ว ไม่ใช่ขยะอย่างหลี่จื่อเหยาคนนี้!พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในสายตาเซียวเหยียนจิ่งที่มองหลี่จื่อเหยาก็มีแต่ความเกลียดชังหลี่จื่อเหยาสบกับสายตาของเขา ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ใจนางเย็นวาบไปทันทีนี่คือพี่เซียวที่นางรักมาหลายปีหรือ? ถึงแม้สองปีนี้จะทะเลาะกับเขาอย่างหนัก แต่ตอนนี้เอง นางเพิ่งรู้สึกถึงความหนาวเย็นจนเสียดกระดูกหลี่จื่อเหยาเองก็เกลียดเซียวเหยียนจิ่งขึ้นมาทันทีเช่นกัน"ท่านอยากจะส่งข้าออกไป ข้าจะไม่..." ออกไปหรอกนางยังพูดไม่ทันจบ เซียวเหยียนจิ่งก็ตัดบทนางแล้ว มองไปทางหมอเทวดาหลี่ "ถัดจากนี้ในเมืองหลวงอาจจะเกิดการแตกตื่นกลัวกันเพร