"เจ้าจงใจยั่วโมโหนางหรือ?""นี่เป็นสิ่งที่คนทั้งหมดล้วนได้ยินมา คุณหนูฟู่ยังไม่ยอมรับอีกหรือ?" หมอเทวดาหลี่ร้องเชอะ จากนั้นมองไปทางผู้อาวุโสจี้ "ผู้อาวุโสจี้ เจ้าจะช่วยคนรู้จักโดยไม่สนเหตุผลเพราะฟู่จาวหนิงเป็นศิษย์ของเจ้าไม่ได้หรอกนะ"อ๋องเจวี้ยนค่อยๆ เดินเข้ามา เดินมาอยู่ข้างๆฟู่จาวหนิง คว้ามือของนางไว้ ถามขึ้นเสียงเย็นชา "ใครกันแน่ที่ยั่วโมโหใครก่อน? ไห่ฉางจวิ้นพอเจอหน้ากันก็คิดจะแย่งสามีพระชายาอ๋องเจวี้ยนของข้า นี่มันแค่การยั่วโมโหเสียที่ไหน? นี่มันเป็นการหยามหมิ่นไม่ใช่หรือ?"หา?ฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักออกมาแล้วนางไม่คิดเลยว่าเซียวหลันยวนจะเดินเข้ามาพูดประโยคนี้"ดังนั้น พระชายาของข้าก็แค่พูดอะไรที่น่าโมโหสักคำสองคำแล้วเป็นอะไรไป?" อ๋องเจวี้ยนเสียงขรึม สายตาที่มองไห่ฉางจวิ้นมีจิตสังหารอยู่ด้วยแต่ว่าจิตสังหารนี้กลับมีแค่ไห่ฉางจวิ้นที่มองออก ในใจนางตื่นเต้นขึ้นมา"พูดอีกก็ถูกนะ เมื่อครู่ข้าฟังคำพูดของไห่ฉางจวิ้น ไม่ใช่แค่อ๋องเจวี้ยนนะ นางยังอยากจะได้คุณชายซือถูอีกด้วย หน้าไม่อายเสียจริง!""ตอนที่ข้าได้ยินก็ตกใจแทบแย่"คนรอบๆ ล้วนเริ่มซุบซิบนินทาขึ้นมาแล้วไห่ฉางจวิ้นเดิมท
ไม่มีคนกล้ารับไม่มีใครกล้าขึ้นมาหมอเทวดาหลี่มองทางนี้มองทางนั้น จากนั้นก็ส่งสายตากับศิษย์ที่ตนเองภาคภูมิใจ แต่ว่าศิษย์ก็ส่ายหัวอย่างดูไม่ได้ เขายอมรับว่ามองออกได้ไม่มากขนาดนั้นตัวเขาเองก็มองออกขนาดนั้นไม่ได้!หมอเทวดาหลี่ยังดิ้นรนกระเสือกกระสนต่อ "เป็นชื่อยาที่เจ้าแต่งขึ้นมาเองหรือเปล่า""มา ข้าอธิบายคุณสมบัติยาให้ท่านฟังได้ทีละอย่างทีละอย่างเลย" ฟู่จาวหนิงเอียงหัวยิ้ม จากนั้นก็พูดต่อมาว่า "แต่ว่าถือดีอะไร?"เขาไม่ใช่เจ้าของทั้งพิธีเดิมพันโอสถเสียหน่อยผู้ดูแลเจียงมองหมอเทวดาหลี่ รู้สึกว่าเขาทำลายหน้าตาโรงหมอเมตตาเสียจนป่นปี้ไปแล้วผู้อาวุโสจี้เองก็ร้องเชอะอย่างโกรธเคือง "มาๆๆ ถ้ามีฝีมือเจ้าให้ซือถูไป๋ไปดูด้วยก็ได้ ไม่ต้องวัตถุดิบยาทั้งหมดหรอก เขามองออกสักสามสี่อย่างก็พอแล้ว เจ้าเด็กน้อยซือถู เจ้าลองว่ามา เมื่อครู่ที่ศิษย์ของข้าพูดชื่อยามาเหล่านั้นใช่แต่งขึ้นมาเองไหม?"ซือถูไป๋ส่ายหัว"ไม่ใช่ วัตถุดิบยามากขนาดนี้ ข้าเองก็มองออกแค่เจ็ดอย่าง และเจ็ดอย่างนี้ คุณหนูฟู่ก็พูดออกมาถูกต้อง"ผู้อาวุโสจี้มองหมอเทวดาหลี่ "ได้ยินแล้วหรือยัง? เจ้าหนูซือถูเป็นศัตรูคู่แค้นกับพันธมิตรโอส
ที่แท้เขาก็กลัวว่านางจะทำเขาขายหน้าเท่านั้นหรือ?ชิงอีตามอยู่ด้านหลังพอได้ยินก็อยากจะถอนหายใจออกมาเสียจริงท่านอ๋อง ตอนที่พระชายาเอาชนะไห่ฉางจวิ้นเมื่อครู่ ข้าน้อยก็เห็นว่ามุมปากของท่านแทบจะฉีกยิ้มขึ้นฟ้าอยู่แล้ว ตอนที่พระชายาบอกชื่อวัตถุดิบยาออกมาเก้าชนิด สายตาของท่านใต้หน้ากากนั่นเปล่งแสงแล้ว แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาพูดจาเย็นชาใส่พระชายากันล่ะ?"เฮอะ ในเมื่อท่านอ๋องกังวลที่จะถูกข้าทำให้ขายหน้าขนาดนี้ เช่นนั้นก็พิจารณาเรื่องหย่าเสียหน่อยไหม?" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"หย่า? ข้าก็แค่ไม่ต้องการภรรยาแล้วเท่านั้น ไม่ได้คิดจะหย่าเสียหน่อย"พอได้ยินว่านางเอาคำว่าหย่ามาแขวนไว้ข้างปาก น้ำเสียงของอ๋องเจวี้ยนก็ยิ่งเย็นขึ้นไปอีก"เช่นนั้นข้าไม่ต้องการท่านแค่นี้ก็ได้" ฟู่จาวหนิงปะทะกลับเข้ามา"แล้วเจ้าถือดีอย่างไรถึงจะไม่ต้องการสามีได้?"ฟู่จาวหนิงรีบเดินออกไป ขี้เกียจจะพล่ามไร้ประโยชน์กับเขาแล้วพูดดีดีกับเซียวหลันยวนไม่ได้เอาเสียเลย!อ๋องเจวี้ยนมองแผ่นหลังนาง เดินตามนางอย่างไม่เร่งไปช้าไป"ตอนนี้ผู้นำตระกูลหลายคนอยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวงแล้ว ตอนที่พวกเขามอบสิ่งยืนยันเจ้ายังต้องอยู่ด้วย
เซียวหลันยวนต่อต้านไม่ได้จริงๆสูบเลือด? พอได้ยินก็รู้สึกว่าน่ากลัว เพราะเขานั้นไม่ดีามาตั้งแต่ในครรภ์แล้ว หลายปีมานี้ร่างกายก็อ่อนแอมาตลอด เลือดลมไม่เพียงพอครั้งนั้นหลังจากบาดเจ็บติดพิษมาเลือดลมทั้งสองอย่างก็พังลงจนแทบจะใช้ชีวิตต่อไม่ไหว หลังจากนั้นเลือดทุกหยดบนตัวเขาก็ล้ำค่าอย่างมากทุกครั้งที่ไอจนเลอืดออกก็แทบจะทำให้คนข้างๆ ตกใจแทบแย่ตอนนี้ฟู่จาวหนิงจะสูบเลือดของเขาออกมาหรือชิงอีเองก็กังวลขึ้นมา "พระชายา ต้องสูบเลือดออกมาแค่ไหน?""อืม ก็น่าจะซักเจ็ดถึงแปดส่วนของแก้วใบนั้นกระมัง" ฟู่จาวหนิงตัดสินใจจะสูบออกมาสักหกหลอดพิษของเซียวหลันยวนแปลกประหลาดเหลือเกิน นางยังไม่รู้ว่าพิษอะไรกันแน่ที่ทำให้ตอนที่เขาอาการกำเริบแล้วจะเย็นไปทั้งตัวจนเหมือนคนตายเช่นนี้ต่อให้ไม่ใช่เพื่อรักษาเขา นางก็ยังรู้สึกสนใจต่อพิษชนินี้มาก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องค้นคว้าออกมาให้ได้ว่ามันคืออะไร"มากขนาดนั้นเลยหรือ?!" ชิงอีมองถ้วยชาใบนั้น ตกใจสะดุ้งโหยง"เจ้า..." เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง "เจ้าคิดจะล้างแค้นหรือ?"ปกติเขาไอเป็นเลือดหนึ่งครั้งร่างกายก็อ่อนแอลงมามาก ตอนนี้นางกลับจะสูบเลือดมากขนาดนั้นเชี
ฟู่จาวหนิงพอมองเห็นสีหน้าเขาก็ยิ้มประชดขึ้นมา "ทำไม ไม่กล้าเชื่อใจข้าหรือ?"ชิงอี รีบหมุนตัวออกไป "ไม่ใช่! ข้าน้อยจะออกไปเดี๋ยวนี้"ถ้าเผื่อพระชายาไม่รักษาให้ท่านอ๋องคงยุ่งยากแน่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังหาหมอที่เก่งกาจกว่าไม่ได้ ท่านอ๋องทำได้แค่พึ่งพาพระชายาเสียแล้วชิงอีออกประตูไป ปิดประตูลง ส่วนตนเองคุ้มกันอยู่ที่หน้าประตูฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเพิ่งล้วงเอาเข็มฉีดยาออกมาจากในห้องเภสัช สูบเลือดออกมาหกหลอดเต็มอย่างไม่เกรงใจ พอสูบเลือดออกมาไม่ทันไรก็เห็นสีหน้าเซียวหลันยวนขาวซีดกว่าเดิมตอนที่นางใช้สำลีห้ามเลือดกดลงไปโดนผิวหนังของเขา ก็เย็นเฉียบเสียจนนางสั่นขึ้นมา"เซียวหลันยวนเจ้าตอนนี้กลายเป็นน้ำแข็งรูปคนไปแล้วหรือ!"นางเองก็รู้สึกว่าประหลาดมาก ทำไมจึงได้เย็นขนาดนี้กัน?มองร่างกายของเขาสั่นระริก นางก็ขมวดคิ้วขึ้น เก็บของเข้าไปในห้องเภสัช หลังจากนั้นจึงเรียกชิงอีกเข้ามา"จุดถ่านไหมเงินขึ้นมาอีกสักหน่อยเถอะ เพิ่มผ้าห่มให้เขาอีกหน่อยด้วย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ขอรับ"ชิงอีรีบเรียกคนเข้ามาจุดถ่านจินเสวี่ยกับไป๋ซวงเองก็ได้ยินเรื่องที่เรือนหลักจะจุดถ่าน ก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนพาฟู่จาวหนิงก
ชิงอีเดินเข้ามาแล้ว พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกอย่างกับอยู่ในสนามรบแต่เพื่อให้ท่านอ๋องดีขึ้น ตอนนี้ทิ้งไป๋ซวงไว้ที่นี่คอยปรนนิบัติก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง"พระชายา ไป๋ซวงบอกว่าท่านอ๋องเวลานี้ห้ามห่มผ้าห่มหลายชั้น เขาจะหายใจไม่ออกเอา"ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา"เช่นนั้นพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ปรนนิบัติแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเตรียมลุกออกไปตอนนี้เองเซียวหลันยวนก็ฟื้นขึ้นมา ยื่นมือคว้าฟู่จาวหนิงไว้ จับมือนางไว้แน่นฟู่จาวหนิงถูกมือเย็นเฉียบของเขาจับจนสะดุ้งโหยง คิดจะสะบัดมือเขาออก แต่ว่าเขาก็กำเอาไว้แน่น"ห้ามไป"เซียวหลันยวนแม้จะตื่นแล้ว แต่แค่ลืมตาเล็กน้อยก็หมดแรงจนต้องปิดลงไปอีก"ท่านอ๋อง ข้าน้อยอยู่ที่นี่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าน้อยจะรับใช้ท่านอย่างดี"ไป๋ซวงเห็นเซียวหลันยวนกำมือฟู่จาวหนิงไม่ปล่อย ในใจก็ริษยาเหลือแสนก่อนหน้านี้แม้ว่านางจะคอยปรนนิบัติท่านอ๋อง แต่อย่างมากก็แค่ตอนที่ท่านอ๋องไม่อยู่บนเตียงนางคอยช่วยจัดปูผ้าห่มแทนเขาให้เท่านั้น ไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้เลยแต่ก่อนเวลาที่ท่านอ๋องอาการกำเริบไม่เคยอนุญาตให้พวกนางเข้าใกล้ กระทั่งพอพวกนางปูเตียงให้เสร็จก็ให้พวกนางออกไปทัน
เซียวหลันยวนกอดนางไว้แน่น"ทำไมเจ้าถึงได้อุ่นขนาดนี้?" เสียงของเขาดึงทุ้มต่ำที่ข้างหูนางกอดนางไว้ ดีกว่าผ้าห่มเป็นไหนๆเขากอดนางไว้แน่น ผ่อนลมหายใจออกช้าๆฟู่จาวหนิงจู่ๆ กลับคิดเรื่องหนึ่งออก น่าจะห้าหกปีที่แล้ว นางเข้าไปหายาในภูเขา หลงเข้าไปอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถูกขังอยู่ในนั้นสามวันในถ้ำมีภูเขามีถ้ำหินที่มีน้ำหยดอยู่แห่งหนึ่ง หินก้อนหนึ่งถูกหยดเซาะจนกลายเป็นภาชนะเหมือนชามใบหนึ่ง ใส่น้ำเอาไว้จนเต็มชามนางตอนนั้นอาศัยชามหินนั่นบรรจุน้ำ และสามวันนั่นก็ดื่มน้ำนั้น หลังจากออกมา ร่างกายกลับไม่มีอะไรผิดปกติ แถมยังกระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยด้วยยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา อาการกลัวหนาวตอนที่ฤดูหนาวมาถึงแต่เดิมก็หายไปแล้ว ตอนที่อากาศหนาวเย็นที่สุด ก็ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหนาๆ อีกแล้วตอนนี้เซียวหลันยวนรู้สึกว่านางอุ่น จะเกี่ยวกับสิ่งนั้นหรือเปล่านะ?น้ำที่นางดื่มไปในครั้งนั้น จะสามารถระงับพิษอาการกำเริบหนาวเหย็นของเขาได้ไหม?นั่นแม้จะเป็นความทรงจำของคุณหนูฟู่ แต่นางก็ยัจำได้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ใด"เซียวหลันยวน ข้าจู่ๆ ก็คิดถึงสถานที่หนึ่งที่มีน้ำแร่ภูเขาหยดลงมาออ
ฟู่จาวหนิงหลังจากตื่นขึ้นมาก็ทุบหัวตัวเองอย่างอดไม่อยู่นางต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!อยู่ดีดีทำไมถึงไปนอนอยู่กับเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นกัน?ยิ่งไปกว่านั้นยังหลับไปตั้งชั่วยามกว่า!นางเดิมทีตอนที่ตื่นมาเซียวหลันยวนยังไม่ตื่น แต่ว่าหลับสนิทมาก จึงไม่ได้กอดนางไว้แน่นมากแล้ว ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้พอเผชิญหน้ากับเขารู้สึกขายหน้าหน่อยๆ ก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา จัดระเบียบเสื้อผ้าตนเอง หันหน้ากลับมามองเขาผาดหนึ่ง""ผู้ชายน่าเกลียดตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติแล้วหรือ?" นางขบเขี้ยวเคีั้ยวฟันเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วในเมื่อเขาไม่เป็นไรแล้ว นางก็รีบหนีดีกว่าฟู่จาวหนิงรีบหนีออกมาเสี่ยวเถารอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้วนางมาจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นครั้งแรก รู้สึกแค่ว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเสียเลย หงจั๋วพานางมาที่เรือนเจียนเจีย นางเห็นว่าคุณหนูอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนกลับต้องมาพักอยู่ในเรือนแบบนี้ ไม่ใช่การสิ่งที่พระชายาต้องได้รับเลย ในใจตุ้มต่อมอย่างมากแต่หลังจากหงจั๋วกลับมาก็ยิ้มตาหยีบอกกับนางว่า ท่านอ๋องกับพระชายาเหนื่อยจนพักผ่อนไปแล้ว ทำให้นางรออย่างวางใจ แล้วนางจะวางใจลงได้อย่างไรกัน?"พระชายา"
ยาครั้งนี้ มีประสิทธิภาพมากจริงๆพอถึงตอนฟ้าสาง มีคนป่วยหนักแต่เดิมหลายคน มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเดิมทีที่ป่วยจนไม่รู้สึกตัวแล้ว วันนี้ตอนเช้าก็สามารถประคองตัวลุกขึ้นนั่งมากินข้าวต้มได้นี่ทำให้คนทั้งหมดดีใจกันมากมีผลลัพธ์เช่นนี้ ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวรู้สึกว่าตนเองวันนี้เดินเชิดหน้ายืดหลังตรงได้เสียทีนี่อธิบายได้ว่ามีความหวังแล้วจริงๆ! ไม่สิ พูดว่าเป็นความหวังไม่ได้แล้ว มันมีผลลัพธ์ที่ดีแล้วต่างหากตอนที่ฟู่จาวหนิงวุ่นอยู่ทั้งคืน เซียวหลันยวนเองก็ออกไปทั้งคืนไม่ได้กลับมาตอนที่ฟู่จาวหนิงได้พัก ได้กินข้าวเช้า จึงเพิ่งนึกได้ว่าเซียวหลันยวนไม่รู้หายไปไหนนางถามสืออี สืออีก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมารางๆ"ท่านอ๋องออกเมืองไปแล้วขอรับ"ออกเมือง?เซียวหลันยวนออกจากเมือง แล้วทำไมสืออีถึงดูตื่นเต้น?"หรือจะออกไปหาโจวติ้งเจิน?" ฟู่จาวหนิงตกตะลึงถึงแม้ทหารส่วนใหญ่จะโดนพิษที่ทำให้เสียกำลังในการต่อสู้ไป แต่ก็มีส่วนน้อยที่ไม่ได้โดนพิษ หรืออาจจะมีคนที่โดนพิษไปน้อยมาก นั่นก็ยังสู้ได้อยู่นะองครักษ์ของเซียวหลันยวนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่นี่ เพราะเมื่อคืนตอนที่นางวิ่งไปดูแลคนป่วยตรงนั้นตรงนี้ ย
แต่ว่านางเองก็เห็นว่าฝนเองก็ตกอย่างที่ฟู่จิ้นเชินคำนวณไว้จริงๆตอนนี้พอเห็นสีหน้าของฟู่จิ้นเชินกับอันเหนียน ก็รู้ว่าน่าจะเรียบร้อยดี"ให้ใต้เท้าอันเล่าเถอะ เขาเล่านิทานเก่งกว่าข้า" เซียวหลันยวนไม่ค่อยชินที่ต้องพูดอะไรยาวๆ สถานการณ์แบบนี้ให้อันเหนียนพูดดีที่สุดอันเหนียนเองก็ดูจนใจ นี่มองเขาเป็นพวกนักเล่านิทานหรือไรกัน?ปกติเขากับพูดกับพระชายามากหน่อย อ๋องเจวี้ยนก็จะหึงหวงขึ้นมา แล้วมาใช้เขาแบบนี้ ไม่หึงแล้วเรอะ?ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนที่สายตาคาดหวังของฟู่จาวหนิงหันมา อันเหนียนก็เล่าฉากเมื่อครู่ออกมาอย่างมีชีวิตชีวาฟู่จาวหนิงหลังจากฟังก็อดขำขึ้นมาไม่ได้"ดูท่าขุนพลโจวคืนนี้คงจะน่าเวทนาเอาเรื่อง ฤทธิ์ของผงยานั่น ก็ทำให้พวกเขากระทั่งแรงจะตั้งค่ายก็ยังไม่มีจริงๆ นั่นล่ะ"ยิ่งไปกว่นั้นพวกเขายังไม่มีแรงจะเดินไปไหนไกลได้ด้วยถ้าหากฝนตกทั้งคืน เช่นนั้นพวกเขาก็อาจจะต้องตากฝนกันทั้งคืนและคืนนี้ โจวติ้งเจินก็ซมซานจนต้องด่าพ่อล่อแม่ออกมาเลยทีเดียวแต่ว่าคนมากมายแค่แรงจะด่าก็ยังไม่มียังดีที่ฝนห่านี้ไม่ได้มีฟ้าผ่า พวกเขาถอยลงไปตีนเขากันอย่างยากลำบาก ที่นั่นมีต้นกล้วยอยู่ผืนใหญ่ แล
เหล่าทหารถ้าให้บอกว่าตัวเองไม่สบายตรงไหน แล้วยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือปวดท้องปวดบิดปวดหัวหรืออยากถ่ายอะไรทำนองนั้นเลยพวกเขาแค่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างเดียวเท่านั้น!"แม่งเอ๊ยจู่ๆ ก็มาอ่อนแรงเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน!" มีคนอดก่นด่าตัวเองขึ้นมาไม่ได้ คิดจะยกมือขึ้นทุบตัวเองก็ยังไม่มีแรงเลยตอนนี้จู่ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอะไรคืออ่อนแอดั่งหลิวต้องลม ปวกเปียกจนดูแลตัวเองไม่ได้มีคนลงไปนอนบนพื้นขนาดแค่จะปีนขึ้นมาก็ยังไม่มีแรง"ลุกขึ้นมา!""บอกให้พวกเจ้าลุกขึ้นมา ไม่ได้ยินรึ? อย่าบีบให้ข้าต้องซัดพวกเจ้านะ!"โจวติ้งเจินโมโหจนมึนงง ตะโกนขึ้นดังลั่น กระโจนลงมาจากม้า สาวเท้าเดินเข้าไปข้างตัวทหารที่อยู่ใกล้เขาที่สุด ยกเท้าขึ้นเตะคนที่นอนอยู่บนพื้น"ลุกขึ้นมาได้ยินไหม? พวกเจ้าดูซิพวกเหมือนตัวอะไรกันไปแล้ว?"มาตีเมืองกันแท้ๆ แต่ตอนนี้ดันมานอนบนพื้น! มานอนกันจนทำให้คนบนหอเมืองหัวเราะเยาะ! ดูแล้วยังเป็นเขาด้วยที่กลายเป็นเรื่องตลก!"พวกเจ้าสภาพแบบนี้ ขุนพลอย่างข้าก็เหมือนเข้ามาเป็นตัวตลกให้เขาดูแล้ว!"เข้ามาเป็นตัวตลกให้เซียวหลันยวน!และตอนนี้ บนหอเมืองก็มีเสียงของเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"ข
มีคนตกใจมีคนร้องโหยหวนมีคนมีคนที่กระโดดโลดเต้นและมีคนที่จะกระโดดก็ยังกระโดดไม่ขึ้น หลังจากล้มลงบนพื้นก็ถูกคนข้างๆ ล้มทับกันเข้ามาอีกชั่วขณะหนึ่ง ท่วงท่าที่องอาจน่าเกรงขามแต่เดิมของทหาร ก็ดูสับสนโกลาหลเหมือนสุนัขเหมือนไก่ขึ้นมาแม้เอาทหารมากมายไปเทียบกับสุนัขกับไก่จะไม่ค่อยเหมาะสม แต่สภาพเช่นนี้ก็ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะเดิมทีเหล่าทหารก็เตรียมพร้อมจะโจมตี จัดกระบวนกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงกัน จึงควบคุมไว้ไม่อยู่โจวติ้งเจินพอเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธยิ่งร้อนรนชั่วขณะหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาของคนเหล่านี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย มีพวกที่อยู่ใกล้หน่อยสูดกันเข้าไปก่อน มีบางส่วนสูดเข้าไปช้าหน่อย บางคนก็สูดเข้าไปมาก บางคนก็สูดเข้าไปน้อยแล้วยังต้องดูกำลังภายในคุณสมบัติร่างกายของแต่ละคนด้วยอย่างโจวติ้งเจิน วรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งที่สุด กำลังภายในลึกล้ำ ดังนั้นเขาตอนนี้ยังไม่รู้สึกไม่สบายเท่าไรนักและเพราะเขาที่อยู่ตรงนี้ ตัวเขาไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกาย จึงยิ่งไม่เข้าใจว่าเหล่าทหารเกิดอะไรกันขึ้น"วันนี้กินอะไรกันเข้าไป? โดนพิษอะไรเข้าหร
ฟู่จาวหนิงมั่นใจอย่างมากต่อยาที่ตนเองสกัดขอแค่องครักษ์เหล่านั้นสามารถสาดยาออกไปตามทิศทางลมได้ อย่างน้อยก็ต้องทำลายพลังต่อสู้ของทหารได้ครึ่งหนึ่งยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิภาพของยานี้ก็อยู่ได้ถึงเกือบหนึ่งวันเต็มจึงจะอ่อนกำลัง เวลาหนึ่งวัน เพียงพอจะให้โจวติ้งเจินลนลานจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทหารจำนวนมากขนาดนี้ล้อมเมืองอยู่ อยู่ดีดีก็ไม่มีเรี่ยวแรง แค่ไปหาสาเหตุก็แทบแย่แล้วโจวติ้งเจินตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเห็นว่าหนึ่งชั่วยามที่กำหนดให้กับโหยวจางเหวิน อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ก็รู้ว่าโหยวจางเหวินต้องคิดจะปกป้องคนป่วยเหล่านั้นแน่นอน"โง่เขลาเสียจริง โหยวจางเหวินคิดว่าตัวเองเป็ฯคนใจบุญมากนักหรือไรกัน? เขาคิดว่าตัวเองจะปกป้องคนมากขนาดนี้ในเมืองเจ้อได้เรอะ? ยังคิดว่าอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนจะมาคอยหนุนเขาได้หรือไรกัน?"โจวติ้งเจินกัดฟัน เรียกรองขุนพลออกมา "เตรียมโจมตีด้วยไฟ แล้วก็เตรียมบุกประตูเมือง"พวกเขาเดิมทียังมีแผนสำรองแบบนี้ไว้ด้วยต่อให้ไม่คิดจะโจมตีเข้าเมืองจริงๆ แต่ก็ยังจะทำท่าทีแบบนั้น ใช้ไม้ซุงทลายประตูโจมตีเข้ามาที่ประตูเมือง ทำให้เกิ
ฟู่จาวหนิงพอได้ข่าว ก็เตรียมยาเสร็จแล้วผงยามีทั้งหมดสิบห้าห่อ พอพวกเขาคำนวณทิศทางลมดีแล้ว ก็ให้อาศัยต้นไม้สูงใหญ่ จากนั้นก็ใช้ปีกสายลมกับวิชาตัวเบา ก็สามารถโปรยผงยาออกไปในบริเวณกว้างได้"ผงยาเหล่านี้มียาแก้อยู่ พวกเจ้าต้องกินยาแก้ไว้ก่อน ถึงตอนนั้นถ้าเผื่อสูดเข้าไปจะได้ไม่เกิดเรื่อง"ฟู่จาวหนิงส่งยาแก้ให้กับพวกเขาฟู่จิ้นเชินดูทิศทางลมไว้แล้ว คนหาตำแหน่งเหมาะๆ ที่จะลงมือจนตอนที่พวกเขาเตรียมการเสร็จ ก็ถึงเวลาหนึ่งชั่วยามที่โจวติ้งเจินให้ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวพอดีโจวติ้งเจินส่งคนมาตะโกนที่ใต้หอเมือง"ใต้เท้าโหยว! หนึ่งชั่วยามแล้ว รีบเปิดประตูเมืองส่งคนป่วยออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!"ทางนั้น ภายใต้การชี้แนะของฟู่จิ้นเชิน เหล่าองครักษ์ที่สวมปีกสายลมก็แฝงตัวออกไปอย่างไร้ซุ่มเสียงเซียวหลันยวนยืนอยู่บนหอเมืองเขาปรากฏตัวตรงนั้น ก็ดึงดูดความสนใจของพวกโจวติ้งเจินได้พอดี ให้พวกเขามองข้ามสิ่งอื่น เพื่อให้เหล่าองครักษ์ปีกสายลมทำงานได้"ใต้หอเมืองเจ้อนี้ล้วนเป็นอิฐดำ โจวติ้งเจิน เจ้าคิดจะใช้ไฟโจมตี หัวสมองถูกไม้กระดานหนีบไว้หรืออย่างไร?" เซียวหลันยวนส่งเสียงลอดออกไปไกล
อ๋องเจวี้ยนจงใจดูถูกเขาหมิ่นเขาเพิกเฉยเขา จงใจแน่ๆ กลัวเขาเสียที่ไหนกัน?อ๋องเจวี้ยนยังจงใจแสดงวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งขนาดนั้นออกมาต่อหน้าเขาอีก นี่มันตบฉาดหน้าเขาชัดๆระหว่างทางที่มาโจวติ้งเจินคิดแผนการเอาไว้ดิบดี แต่ปฏิกิริยาของอ๋องเจวี้ยนกลับทำแผนของเขาวุ่นวายไปหมดใครจะรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมีนิสัยแบบนี้?ทำเอาคนทั้งชิงชังทั้งจนใจเลยจริงๆ"อ๋องเจวี้ยน โจวติ้งเจินเอาแต่เรียกพระชายาให้ออกไป จะต้องคิดใช้พระชายา ล่อท่านออกไปแน่" อันเหนียนบอกกับเซียวหลันยวน "แต่พระชายาถ้ายังไม่ออกไปอีก ถึงตอนนั้นโจวติ้งเจินอาจจะผลักภาระทั้งหมดมาบนตัวพระชายาได้นะ องค์จักรพรรดิคงถือโอกาสนี้จัดการพระชาแน่"ถึงตอนนั้น โจวติ้งเจินแค่บอกกับองค์จักรพรรดิว่า พระชายาไม่ยอมออกมาพบหน้าเพื่ออธิบายอาการป่วยของเมืองเจ้อ ทำให้เขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ การรักษาคนป่วยเหล่านั้นผิดพลาด ความรับผิดชอบนั้นทั้งหมดจะไปอยู่บนตัวพระชายาอันเหนียนถึงอย่างไรก็เป็นแค่ขุนนาง เขาไม่อาจต่อต้านจักรพรรดิได้ ดังนั้นตอนนี้จึงกังวลว่าจักรพรรดิจะคาดโทษฟู่จาวหนิงฟู่จิ้นเชินมองเซียวหลันยวน"จาวหนิงไม่ออกไป องค์จักรพรรดิก็คาดโทษนางไม่ได้" เซี
และถ้าสู้ชนะ...เอ่อ ต่อให้รองขุนพลของโจวติ้งเจินจะไม่ค่อยมั่นใจ ว่าท่านขุนพลจะสู้ชนะอ๋องเจวี้ยนได้ไหม?พวกเขาไม่เคยสู้กัน แต่ก็ลือกันว่าวรยุทธ์ของอ๋องเจวี้ยนแข็งแกร่งมาก...แค่ที่อ๋องเจวี้ยนลงมือเมื่อครู่ พวกเขาก็เห็นกับตากันแล้วกระโจนลงมาจากหอเมืองยังไม่เท่าไร แต่หลังจากร่อนลงมาแล้วก็ยังสามารถยืนอยู่บนหลังม้าได้ ทำให้ม้าตัวนั้นไม่กล้าจะขยับ พวกเขาเองทำไม่ได้แน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่กลางอากาศก็ยังเตะขุนพลน้อยคนนั้นปลิวมาไกลขนาดนี้ กำลังภายในลึกล้ำแค่ไหนกัน?"ข้าต้องกลัวเขาด้วยเรอะ?"โจวติ้งเจินถูกยั่วยุง่ายมาก เขาอยากจะประลองกับเซียวหลันยวนมาตลอด แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส"ท่านขุนพลไม่ต้องกลัวเขาอยู่แล้วขอรับ แต่ว่าเขาเป็นถึงอ๋องเจวี้ยน ท่านขุนพลไม่มีเหตุผลต้องไปลงมือกับเขานี่ขอรับ"รองขุนพลขวางโจวติ้งเจินเอาไว้ถ้าตอนนี้เขาออกไปสู้กับอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา เดี๋ยวจะอธิบายลำบากเปล่าๆองค์จักรพรรดิเกรงว่าก็อยากจะจัดการอ๋องเจวี้ยนอยู่ แต่ยังไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งนักถ้าหากลงมือกับอ๋องเจวี้ยนไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นถ้าองค์จักรพรรดิต้องหาคำอธิบายกับเหล่าพระญาติและอ๋องเจวี้ยน คงได้หันมาลงโท
"หมอฟู่ออกมาก่อน ขุนพลโจวของพวกเรามีคำถาม! ทำให้การรักษาผู้ป่วยล่าช้า หมอฟู่แบกรับความรับผิดชอบนี้ไม่ไหวหรอกนะ!"ขุนพลน้อยคนนั้นยังคงตะโกนปาวๆ อยู่ใต้หอเมืองสีหน้าเซียวหลันยวนถมึงทึงไปแล้ว ถ้าไม่ใช่มีหน้ากากบังอยู่ หน้าของเขาตอนนี้คงจะดำยิ่งกว่าท้องฟ้าราตรีเสียอีกฟู่จิ้นเชินเองก็โกรธเหมือนกันเขายืนอยู่ข้างๆ เซียวหลันยวน คิดจะเตือนเขาว่าอย่าออกไปรับมือกับดจวติ้งเจินด้วยตนเอง แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าโจวติ้งเจินจะมีความคิดไปอยู่บนตัวจาวหนิง!ตอนนี้ฟู่จาวหนิงถ้าออกไป โจวติ้งเจินจะปล่อยนางกลับมาได้อย่างไร?พวกเขาคิดแผนของโจวติ้งเจินออกแทบจะทันที"เขาคิดจะควบคุมฟู่จาวหนิงไว้ แล้วเอาจาวหนิงมาคุกคามเจ้า" ฟู่จิ้นเชินทั้งเคืองทั้งโกรธ"ฝันไปเถอะ"เซียวหลันยวนกระโจนลงมาจากหอเมืองราวกับเหยี่ยวโฉบขุนพลน้อยคนนั้นรู้สึกเหมือนมีพลังวูบหนึ่ง เงยหน้าขึ้นอย่างหวาดผวา ยังไม่ทันได้เห็นชัดว่าเป็นใคร ก็ได้ยินเสียงดังพลั่ก ส่วนตนเองถูกเตะลอยออกไปแล้วการลอยนี้ ปลิวไปไกลมาก เหมือนกับลอยตามลม หล่นกระแทกพื้นห่างไปลิบๆจุดที่ตกอยู่ใกล้กับโจวติ้งเจินและเซียวหลันยวนหลังจากถีบคนออกไปแล้ว ก็ร่อนลงมาบนหลั