ฟู่จาวหนิงพอมองเห็นสีหน้าเขาก็ยิ้มประชดขึ้นมา "ทำไม ไม่กล้าเชื่อใจข้าหรือ?"ชิงอี รีบหมุนตัวออกไป "ไม่ใช่! ข้าน้อยจะออกไปเดี๋ยวนี้"ถ้าเผื่อพระชายาไม่รักษาให้ท่านอ๋องคงยุ่งยากแน่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังหาหมอที่เก่งกาจกว่าไม่ได้ ท่านอ๋องทำได้แค่พึ่งพาพระชายาเสียแล้วชิงอีออกประตูไป ปิดประตูลง ส่วนตนเองคุ้มกันอยู่ที่หน้าประตูฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเพิ่งล้วงเอาเข็มฉีดยาออกมาจากในห้องเภสัช สูบเลือดออกมาหกหลอดเต็มอย่างไม่เกรงใจ พอสูบเลือดออกมาไม่ทันไรก็เห็นสีหน้าเซียวหลันยวนขาวซีดกว่าเดิมตอนที่นางใช้สำลีห้ามเลือดกดลงไปโดนผิวหนังของเขา ก็เย็นเฉียบเสียจนนางสั่นขึ้นมา"เซียวหลันยวนเจ้าตอนนี้กลายเป็นน้ำแข็งรูปคนไปแล้วหรือ!"นางเองก็รู้สึกว่าประหลาดมาก ทำไมจึงได้เย็นขนาดนี้กัน?มองร่างกายของเขาสั่นระริก นางก็ขมวดคิ้วขึ้น เก็บของเข้าไปในห้องเภสัช หลังจากนั้นจึงเรียกชิงอีกเข้ามา"จุดถ่านไหมเงินขึ้นมาอีกสักหน่อยเถอะ เพิ่มผ้าห่มให้เขาอีกหน่อยด้วย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ขอรับ"ชิงอีรีบเรียกคนเข้ามาจุดถ่านจินเสวี่ยกับไป๋ซวงเองก็ได้ยินเรื่องที่เรือนหลักจะจุดถ่าน ก็รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนพาฟู่จาวหนิงก
ชิงอีเดินเข้ามาแล้ว พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รู้สึกอย่างกับอยู่ในสนามรบแต่เพื่อให้ท่านอ๋องดีขึ้น ตอนนี้ทิ้งไป๋ซวงไว้ที่นี่คอยปรนนิบัติก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง"พระชายา ไป๋ซวงบอกว่าท่านอ๋องเวลานี้ห้ามห่มผ้าห่มหลายชั้น เขาจะหายใจไม่ออกเอา"ฟู่จาวหนิงร้องเฮอะขึ้นมา"เช่นนั้นพวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ปรนนิบัติแล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเตรียมลุกออกไปตอนนี้เองเซียวหลันยวนก็ฟื้นขึ้นมา ยื่นมือคว้าฟู่จาวหนิงไว้ จับมือนางไว้แน่นฟู่จาวหนิงถูกมือเย็นเฉียบของเขาจับจนสะดุ้งโหยง คิดจะสะบัดมือเขาออก แต่ว่าเขาก็กำเอาไว้แน่น"ห้ามไป"เซียวหลันยวนแม้จะตื่นแล้ว แต่แค่ลืมตาเล็กน้อยก็หมดแรงจนต้องปิดลงไปอีก"ท่านอ๋อง ข้าน้อยอยู่ที่นี่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าน้อยจะรับใช้ท่านอย่างดี"ไป๋ซวงเห็นเซียวหลันยวนกำมือฟู่จาวหนิงไม่ปล่อย ในใจก็ริษยาเหลือแสนก่อนหน้านี้แม้ว่านางจะคอยปรนนิบัติท่านอ๋อง แต่อย่างมากก็แค่ตอนที่ท่านอ๋องไม่อยู่บนเตียงนางคอยช่วยจัดปูผ้าห่มแทนเขาให้เท่านั้น ไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้เลยแต่ก่อนเวลาที่ท่านอ๋องอาการกำเริบไม่เคยอนุญาตให้พวกนางเข้าใกล้ กระทั่งพอพวกนางปูเตียงให้เสร็จก็ให้พวกนางออกไปทัน
เซียวหลันยวนกอดนางไว้แน่น"ทำไมเจ้าถึงได้อุ่นขนาดนี้?" เสียงของเขาดึงทุ้มต่ำที่ข้างหูนางกอดนางไว้ ดีกว่าผ้าห่มเป็นไหนๆเขากอดนางไว้แน่น ผ่อนลมหายใจออกช้าๆฟู่จาวหนิงจู่ๆ กลับคิดเรื่องหนึ่งออก น่าจะห้าหกปีที่แล้ว นางเข้าไปหายาในภูเขา หลงเข้าไปอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถูกขังอยู่ในนั้นสามวันในถ้ำมีภูเขามีถ้ำหินที่มีน้ำหยดอยู่แห่งหนึ่ง หินก้อนหนึ่งถูกหยดเซาะจนกลายเป็นภาชนะเหมือนชามใบหนึ่ง ใส่น้ำเอาไว้จนเต็มชามนางตอนนั้นอาศัยชามหินนั่นบรรจุน้ำ และสามวันนั่นก็ดื่มน้ำนั้น หลังจากออกมา ร่างกายกลับไม่มีอะไรผิดปกติ แถมยังกระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยด้วยยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา อาการกลัวหนาวตอนที่ฤดูหนาวมาถึงแต่เดิมก็หายไปแล้ว ตอนที่อากาศหนาวเย็นที่สุด ก็ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหนาๆ อีกแล้วตอนนี้เซียวหลันยวนรู้สึกว่านางอุ่น จะเกี่ยวกับสิ่งนั้นหรือเปล่านะ?น้ำที่นางดื่มไปในครั้งนั้น จะสามารถระงับพิษอาการกำเริบหนาวเหย็นของเขาได้ไหม?นั่นแม้จะเป็นความทรงจำของคุณหนูฟู่ แต่นางก็ยัจำได้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ใด"เซียวหลันยวน ข้าจู่ๆ ก็คิดถึงสถานที่หนึ่งที่มีน้ำแร่ภูเขาหยดลงมาออ
ฟู่จาวหนิงหลังจากตื่นขึ้นมาก็ทุบหัวตัวเองอย่างอดไม่อยู่นางต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!อยู่ดีดีทำไมถึงไปนอนอยู่กับเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นกัน?ยิ่งไปกว่านั้นยังหลับไปตั้งชั่วยามกว่า!นางเดิมทีตอนที่ตื่นมาเซียวหลันยวนยังไม่ตื่น แต่ว่าหลับสนิทมาก จึงไม่ได้กอดนางไว้แน่นมากแล้ว ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้พอเผชิญหน้ากับเขารู้สึกขายหน้าหน่อยๆ ก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา จัดระเบียบเสื้อผ้าตนเอง หันหน้ากลับมามองเขาผาดหนึ่ง""ผู้ชายน่าเกลียดตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติแล้วหรือ?" นางขบเขี้ยวเคีั้ยวฟันเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วในเมื่อเขาไม่เป็นไรแล้ว นางก็รีบหนีดีกว่าฟู่จาวหนิงรีบหนีออกมาเสี่ยวเถารอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้วนางมาจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นครั้งแรก รู้สึกแค่ว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเสียเลย หงจั๋วพานางมาที่เรือนเจียนเจีย นางเห็นว่าคุณหนูอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนกลับต้องมาพักอยู่ในเรือนแบบนี้ ไม่ใช่การสิ่งที่พระชายาต้องได้รับเลย ในใจตุ้มต่อมอย่างมากแต่หลังจากหงจั๋วกลับมาก็ยิ้มตาหยีบอกกับนางว่า ท่านอ๋องกับพระชายาเหนื่อยจนพักผ่อนไปแล้ว ทำให้นางรออย่างวางใจ แล้วนางจะวางใจลงได้อย่างไรกัน?"พระชายา"
ฟู่จาวหนิงแม้จะรู้ว่าเครื่องประดับเหล่านั้นไม่ธรรมดา เป็นของจากในวังแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหนักหนาขนาดนี้แต่นางไม่ได้กลับมาไถ่ของคืนนี้ แล้วเป็นใครกัน?ถ้าเซียวหลันยวนถึงตอนนั้นทวงนางกลับ นางจะเอาของสองชิ้นนั้นจากไหนมาคืนเขากันล่ะ?ฟู๋จาวหนิงกลับมาบ้าน แต่กลับมองเห็นรถม้าของจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนมาแล้วหรือ?นางรีบเดินออกไป ฟู่รั่วเสวี่ยกับหลินอี๋เจินกลับอยู่ข้างรถม้าสองคนนี้ทำไมจึงมาอยู่ด้วยกัน?"จาวหนิง!""ท่านพี่"ทั้งสองคนมองฟู่จาวหนิงเข้ามา ก็ล้วนรีบทักทายนาง และแอบมองรถม้าไปด้วย"พี่เขยมาหาเจ้าน่ะ" หลินอี๋เจินพูดขึ้นฟู่จาวหนิงไม่สนใจพวกนาง มองไปทางรถม้าเซียวหลันยวนเลิกม่านรถม้า"ข้ามาส่งเงินให้น่ะ""ส่งเงิน? ส่งเงินอะไร?" เซียวรั่วเสวี่ยประหลาดใจฟู่จาวหนิงพอเห็นสีหน้าเซ๊ยวหลันยวนก็รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง เขาต้องไม่พูดอะไรดีดีออกมาแน่!"ท่านอย่าบอกนะว่า..."นางยังพูดไม่ทันจบ เซียวหลันยวนก็ยิ้มขึ้นมา ยื่นแท่งเงินสองก้อนออกมา เอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน "วันก่อนที่เจ้านอนอยู่กับข้า ข้ารับปากว่าจะมอบเงินให้ พอเจ้าตื่นมายังไม่ทันได้เงินก็ออกมาเสียแล้ว ข้าเลยเดินมาทาง
เซียวหลันยวนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของชิงอีเพราะอะไรกัน?เพราะหลังจากวันนั้นที่ตื่นขึ้นมา เขารู้สึกตกตะลึงกับตนเองขึ้นมาหลายปีนี้เขาคอยค้นหาสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับฟู่หลินซื่อมาโดยตลอด และมองพวกเขาเป็นเหมือนศัตรูคู่อาฆาตของตนเอง ต่อให้พิษจะไม่ใช่ฟู่หลินซื่อเป็นคนวาง แต่นางก็อาจจะเป็นคนที่ช่วยคนร้ายหรือบางที แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่ตอนนั้นนางจะต้องรู้อะไรแน่ แต่นางก็ไม่ได้เรียกใครและไม่ได้หยุด ยังคงให้เขาวางยามา ดังนั้นจึงหนีจากความรับผิดชอบไม่พ้นฟุ่จาวหนิงเป็นลูกสาวของพวกเขาเป้าหมายที่เขารับปากแต่งงานกับนางก็เพื่อระบายความโกรธ และเพือ่รอให้ฟู่หลินซื่อกลับมาแล้วทำร้ายจิตใจพวกเขายิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงกลายเป็นภรรยาของเขา ตัวตนฐานะนี้พอถึงเวลาก็จะมาจำกัดสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินเอาไว้ พวกเขาก็เหมือนมีจุดอ่อนอยู่บนมือเขา คิดจะบีบถามมเรื่องในอดีตก็สะดวกขึ้นเยอะสิ่งที่เขาต้องการคือควบคุมฟู่จาวหนิงให้อยู่ตอนนี้เพราะอะไรทิศทางของเรื่องราวจึงดูไม่ค่อยถูกต้องเสียแล้ว?เขาเป็นคนที่ไม่ชอบให้หญิงสาวมาอยู่ข้างๆ แต่กลับกอดฟู่จาวหนิงหลับไปถึงหนึ่งชั่วยาม!ยิ่งไปกว่านั้น ก
"ท่านพี่ ท่านอยากรู้ข่าวคราวของท่านป้าข้าไหม? มีคนส่งจดหมายมายังบ้านตระกูลหลิน บอกถึงข่าวคราวของท่านป้า!"ฟู่จาวหนิงตอนแรกยังนึกไม่ทันว่าป้าที่นางพูดถึงคือใคร รอจนตอนที่หลินอี๋เจินคาดหวังคำตอบของนาง นางจึงคิดออกขึ้นมาป้าของหลินอี๋เจิน ก็คือฟู่หลินซื่อมารดาของนางนั่นเองฟู่หลินซื่อยังไม่ตายหรอกหรือ?"ทำไม ให้ข้าเดา เจ้าคิดเอาข่าวนี้มาพูดเงื่อนไขกับข้าสินะ" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว มองนางออกหมด"ในเมื่อท่านพี่เดาได้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปิดบังท่านแล้ว" หลินอี๋เจินยิ้มขึ้นมา "ถูกต้อง ขอแค่ท่านรับปากข้าเรื่องเดียว ข้าจะนำเรื่องของท่านป้าบอกกับท่าน!"นางไม่เชื่อ ว่าจะมีคนไม่อยากรู้ชะตากรรมของคนในครอบครัวฟู่จาวหนิงหลายปีมานี้ไม่มีพ่อแม่มาโดยตลอด ถูกคนของบ้านสองบ้านสามของบ้านตระกูลรังแกจนน่าเวทนา ไม่แน่ว่าทุกวันตอนกลางคืนอาจจะแอบร้องไห้อยู่ในผ้าห่มก็เป็นได้พอมีข่าวคราวของมาร ก็เป็นไปได้ว่าจะรู้ถึงชะตากรรมของบิดาด้วย"เจ้าอยากจะให้ข้ารับปากเรื่องอะไร?" ฟู่จาวหนิงถาม"ให้ข้าพักในบ้านตระกูลฟู่ หลังจากนี้หากท่านกลับจวนอ๋องเจวี้ยนก็พาข้าไปด้วย อ๋องเจวี้ยนให้ท่านออกไปไหนก็พาข้าไปด้วย แล้วก็
มือปราบเจียงเองก็ไม่รู้ว่า "ท่านหมอหนิง" คนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฟู่แต่วหลังจากที่หลายวันนี้เขาสืบเรื่องของตระกูลฟู่ มือปราบเจียงก็รู้สึกว่าคนในตระกูลฟู่พวกนั้นไม่ได้เรื่องเลย นี่มันนกพิราบครองรังนกกางเขนชัดๆ!บ้านตระกูลฟู่เป็นของท่านผู้เฒ่าฟู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับจะขายบ้านตระกูลฟู่ทิ้งเสียอย่างนั้นถ้าบ้านตระกูลฟู่ถูกขายทิ้ง แล้วผู้เฒ่าฟู่จะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?ตอนนี้มีคนมาช่วยดูแลเรื่องนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านหมอหนิงยังรักษาอาการป่วยของลูกสาวเขาอีก มือปราบเจียงจึงยินดีช่วยเหลือธุระนี้คุณชายใหญ่ฟู่ก็คือฟู่จิ้นเชินตอนนั้นฟู่จิ้นเชินเองก็เป็นอัจฉริยะที่เลื่องชื่อในเมืองหลวงแคว้นเจา นอกจากพรสวรรค์ด้านโคลงกลอนแล้ว ยังใช้กระบี่ล่าสัตว์ ยิงธนูได้อีกด้วย หลังจากมีชื่อเสียงช่วงหนึ่งยังสามารถเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวังได้ด้วยคนทั้งหมดล้วนคิดว่าเส้นทางอนาคตของเขาก้าวไปได้อีกไกล ใครจะรู้ว่าครั้งนั้นพอเข้าวังก็เกิดเรื่องมีคนไม่น้อยพอพูดถึงฟู่จิ้นเชินขึ้นมาก็รู้สึกว่าน่าเสียดายต่มาพอเห็นฟู่จาวหนิงโง่ขนาดนั้น เรียนรู้อะไรไม่ได้เลย ทั้งวันเอาแต่ไล่ตามรัฐทายาทเซียว ผู้คนเองก็ยิ่งด
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ