เซียวหลันยวนกอดนางไว้แน่น"ทำไมเจ้าถึงได้อุ่นขนาดนี้?" เสียงของเขาดึงทุ้มต่ำที่ข้างหูนางกอดนางไว้ ดีกว่าผ้าห่มเป็นไหนๆเขากอดนางไว้แน่น ผ่อนลมหายใจออกช้าๆฟู่จาวหนิงจู่ๆ กลับคิดเรื่องหนึ่งออก น่าจะห้าหกปีที่แล้ว นางเข้าไปหายาในภูเขา หลงเข้าไปอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ถูกขังอยู่ในนั้นสามวันในถ้ำมีภูเขามีถ้ำหินที่มีน้ำหยดอยู่แห่งหนึ่ง หินก้อนหนึ่งถูกหยดเซาะจนกลายเป็นภาชนะเหมือนชามใบหนึ่ง ใส่น้ำเอาไว้จนเต็มชามนางตอนนั้นอาศัยชามหินนั่นบรรจุน้ำ และสามวันนั่นก็ดื่มน้ำนั้น หลังจากออกมา ร่างกายกลับไม่มีอะไรผิดปกติ แถมยังกระปรี้กระเปร่าขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยด้วยยิ่งไปกว่านั้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา อาการกลัวหนาวตอนที่ฤดูหนาวมาถึงแต่เดิมก็หายไปแล้ว ตอนที่อากาศหนาวเย็นที่สุด ก็ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าหนาๆ อีกแล้วตอนนี้เซียวหลันยวนรู้สึกว่านางอุ่น จะเกี่ยวกับสิ่งนั้นหรือเปล่านะ?น้ำที่นางดื่มไปในครั้งนั้น จะสามารถระงับพิษอาการกำเริบหนาวเหย็นของเขาได้ไหม?นั่นแม้จะเป็นความทรงจำของคุณหนูฟู่ แต่นางก็ยัจำได้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ใด"เซียวหลันยวน ข้าจู่ๆ ก็คิดถึงสถานที่หนึ่งที่มีน้ำแร่ภูเขาหยดลงมาออ
ฟู่จาวหนิงหลังจากตื่นขึ้นมาก็ทุบหัวตัวเองอย่างอดไม่อยู่นางต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!อยู่ดีดีทำไมถึงไปนอนอยู่กับเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นกัน?ยิ่งไปกว่านั้นยังหลับไปตั้งชั่วยามกว่า!นางเดิมทีตอนที่ตื่นมาเซียวหลันยวนยังไม่ตื่น แต่ว่าหลับสนิทมาก จึงไม่ได้กอดนางไว้แน่นมากแล้ว ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้พอเผชิญหน้ากับเขารู้สึกขายหน้าหน่อยๆ ก้าวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา จัดระเบียบเสื้อผ้าตนเอง หันหน้ากลับมามองเขาผาดหนึ่ง""ผู้ชายน่าเกลียดตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติแล้วหรือ?" นางขบเขี้ยวเคีั้ยวฟันเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วในเมื่อเขาไม่เป็นไรแล้ว นางก็รีบหนีดีกว่าฟู่จาวหนิงรีบหนีออกมาเสี่ยวเถารอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้วนางมาจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นครั้งแรก รู้สึกแค่ว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเสียเลย หงจั๋วพานางมาที่เรือนเจียนเจีย นางเห็นว่าคุณหนูอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนกลับต้องมาพักอยู่ในเรือนแบบนี้ ไม่ใช่การสิ่งที่พระชายาต้องได้รับเลย ในใจตุ้มต่อมอย่างมากแต่หลังจากหงจั๋วกลับมาก็ยิ้มตาหยีบอกกับนางว่า ท่านอ๋องกับพระชายาเหนื่อยจนพักผ่อนไปแล้ว ทำให้นางรออย่างวางใจ แล้วนางจะวางใจลงได้อย่างไรกัน?"พระชายา"
ฟู่จาวหนิงแม้จะรู้ว่าเครื่องประดับเหล่านั้นไม่ธรรมดา เป็นของจากในวังแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหนักหนาขนาดนี้แต่นางไม่ได้กลับมาไถ่ของคืนนี้ แล้วเป็นใครกัน?ถ้าเซียวหลันยวนถึงตอนนั้นทวงนางกลับ นางจะเอาของสองชิ้นนั้นจากไหนมาคืนเขากันล่ะ?ฟู๋จาวหนิงกลับมาบ้าน แต่กลับมองเห็นรถม้าของจวนอ๋องเจวี้ยนเซียวหลันยวนมาแล้วหรือ?นางรีบเดินออกไป ฟู่รั่วเสวี่ยกับหลินอี๋เจินกลับอยู่ข้างรถม้าสองคนนี้ทำไมจึงมาอยู่ด้วยกัน?"จาวหนิง!""ท่านพี่"ทั้งสองคนมองฟู่จาวหนิงเข้ามา ก็ล้วนรีบทักทายนาง และแอบมองรถม้าไปด้วย"พี่เขยมาหาเจ้าน่ะ" หลินอี๋เจินพูดขึ้นฟู่จาวหนิงไม่สนใจพวกนาง มองไปทางรถม้าเซียวหลันยวนเลิกม่านรถม้า"ข้ามาส่งเงินให้น่ะ""ส่งเงิน? ส่งเงินอะไร?" เซียวรั่วเสวี่ยประหลาดใจฟู่จาวหนิงพอเห็นสีหน้าเซ๊ยวหลันยวนก็รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง เขาต้องไม่พูดอะไรดีดีออกมาแน่!"ท่านอย่าบอกนะว่า..."นางยังพูดไม่ทันจบ เซียวหลันยวนก็ยิ้มขึ้นมา ยื่นแท่งเงินสองก้อนออกมา เอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน "วันก่อนที่เจ้านอนอยู่กับข้า ข้ารับปากว่าจะมอบเงินให้ พอเจ้าตื่นมายังไม่ทันได้เงินก็ออกมาเสียแล้ว ข้าเลยเดินมาทาง
เซียวหลันยวนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของชิงอีเพราะอะไรกัน?เพราะหลังจากวันนั้นที่ตื่นขึ้นมา เขารู้สึกตกตะลึงกับตนเองขึ้นมาหลายปีนี้เขาคอยค้นหาสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับฟู่หลินซื่อมาโดยตลอด และมองพวกเขาเป็นเหมือนศัตรูคู่อาฆาตของตนเอง ต่อให้พิษจะไม่ใช่ฟู่หลินซื่อเป็นคนวาง แต่นางก็อาจจะเป็นคนที่ช่วยคนร้ายหรือบางที แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่ตอนนั้นนางจะต้องรู้อะไรแน่ แต่นางก็ไม่ได้เรียกใครและไม่ได้หยุด ยังคงให้เขาวางยามา ดังนั้นจึงหนีจากความรับผิดชอบไม่พ้นฟุ่จาวหนิงเป็นลูกสาวของพวกเขาเป้าหมายที่เขารับปากแต่งงานกับนางก็เพื่อระบายความโกรธ และเพือ่รอให้ฟู่หลินซื่อกลับมาแล้วทำร้ายจิตใจพวกเขายิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงกลายเป็นภรรยาของเขา ตัวตนฐานะนี้พอถึงเวลาก็จะมาจำกัดสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินเอาไว้ พวกเขาก็เหมือนมีจุดอ่อนอยู่บนมือเขา คิดจะบีบถามมเรื่องในอดีตก็สะดวกขึ้นเยอะสิ่งที่เขาต้องการคือควบคุมฟู่จาวหนิงให้อยู่ตอนนี้เพราะอะไรทิศทางของเรื่องราวจึงดูไม่ค่อยถูกต้องเสียแล้ว?เขาเป็นคนที่ไม่ชอบให้หญิงสาวมาอยู่ข้างๆ แต่กลับกอดฟู่จาวหนิงหลับไปถึงหนึ่งชั่วยาม!ยิ่งไปกว่านั้น ก
"ท่านพี่ ท่านอยากรู้ข่าวคราวของท่านป้าข้าไหม? มีคนส่งจดหมายมายังบ้านตระกูลหลิน บอกถึงข่าวคราวของท่านป้า!"ฟู่จาวหนิงตอนแรกยังนึกไม่ทันว่าป้าที่นางพูดถึงคือใคร รอจนตอนที่หลินอี๋เจินคาดหวังคำตอบของนาง นางจึงคิดออกขึ้นมาป้าของหลินอี๋เจิน ก็คือฟู่หลินซื่อมารดาของนางนั่นเองฟู่หลินซื่อยังไม่ตายหรอกหรือ?"ทำไม ให้ข้าเดา เจ้าคิดเอาข่าวนี้มาพูดเงื่อนไขกับข้าสินะ" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว มองนางออกหมด"ในเมื่อท่านพี่เดาได้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ปิดบังท่านแล้ว" หลินอี๋เจินยิ้มขึ้นมา "ถูกต้อง ขอแค่ท่านรับปากข้าเรื่องเดียว ข้าจะนำเรื่องของท่านป้าบอกกับท่าน!"นางไม่เชื่อ ว่าจะมีคนไม่อยากรู้ชะตากรรมของคนในครอบครัวฟู่จาวหนิงหลายปีมานี้ไม่มีพ่อแม่มาโดยตลอด ถูกคนของบ้านสองบ้านสามของบ้านตระกูลรังแกจนน่าเวทนา ไม่แน่ว่าทุกวันตอนกลางคืนอาจจะแอบร้องไห้อยู่ในผ้าห่มก็เป็นได้พอมีข่าวคราวของมาร ก็เป็นไปได้ว่าจะรู้ถึงชะตากรรมของบิดาด้วย"เจ้าอยากจะให้ข้ารับปากเรื่องอะไร?" ฟู่จาวหนิงถาม"ให้ข้าพักในบ้านตระกูลฟู่ หลังจากนี้หากท่านกลับจวนอ๋องเจวี้ยนก็พาข้าไปด้วย อ๋องเจวี้ยนให้ท่านออกไปไหนก็พาข้าไปด้วย แล้วก็
มือปราบเจียงเองก็ไม่รู้ว่า "ท่านหมอหนิง" คนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฟู่แต่วหลังจากที่หลายวันนี้เขาสืบเรื่องของตระกูลฟู่ มือปราบเจียงก็รู้สึกว่าคนในตระกูลฟู่พวกนั้นไม่ได้เรื่องเลย นี่มันนกพิราบครองรังนกกางเขนชัดๆ!บ้านตระกูลฟู่เป็นของท่านผู้เฒ่าฟู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับจะขายบ้านตระกูลฟู่ทิ้งเสียอย่างนั้นถ้าบ้านตระกูลฟู่ถูกขายทิ้ง แล้วผู้เฒ่าฟู่จะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?ตอนนี้มีคนมาช่วยดูแลเรื่องนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านหมอหนิงยังรักษาอาการป่วยของลูกสาวเขาอีก มือปราบเจียงจึงยินดีช่วยเหลือธุระนี้คุณชายใหญ่ฟู่ก็คือฟู่จิ้นเชินตอนนั้นฟู่จิ้นเชินเองก็เป็นอัจฉริยะที่เลื่องชื่อในเมืองหลวงแคว้นเจา นอกจากพรสวรรค์ด้านโคลงกลอนแล้ว ยังใช้กระบี่ล่าสัตว์ ยิงธนูได้อีกด้วย หลังจากมีชื่อเสียงช่วงหนึ่งยังสามารถเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวังได้ด้วยคนทั้งหมดล้วนคิดว่าเส้นทางอนาคตของเขาก้าวไปได้อีกไกล ใครจะรู้ว่าครั้งนั้นพอเข้าวังก็เกิดเรื่องมีคนไม่น้อยพอพูดถึงฟู่จิ้นเชินขึ้นมาก็รู้สึกว่าน่าเสียดายต่มาพอเห็นฟู่จาวหนิงโง่ขนาดนั้น เรียนรู้อะไรไม่ได้เลย ทั้งวันเอาแต่ไล่ตามรัฐทายาทเซียว ผู้คนเองก็ยิ่งด
"พอมีความคิดนี้ พวกเขาถ้าไม่ได้โลภขนาดนี้ บ้านตระกูลฟู่คงจะถูกขายไปแล้ว""เช่นนั้นพวกเขามีโฉนดบ้านของบ้านตระกูลฟู่หรือ?""นั่นข้ายังไม่เห็น แต่ว่าข่าวจากผู้เฒ่าสองทางนั้นบอกออกมาว่าไม่มีปัญหา"สิ่งนี้เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้มาอย่างไร"มือปราบเจียง ใบยืมหนี้นี้"มือปราบเจียงรีบพูดเถอะ "ท่านหมอหนิง ใบยืมหนี้ครั้งนี้ไม่ได้มอบให้ท่าน ข้านำออกมาจากท่านอาจารย์ของข้าทางนั้น อีกเดี๋ยวต้องนำกลับไปแล้ว ท่านอาจารย์ยังต้องคืนให้แก่คนของบ้านตระกูลฟู่พวกนั้น"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สร้างความลำบากใจให้เขาที่แอบนำใบยืมหนี้มาให้นางดู ก็ถือว่ามีคุณธรรมน้ำมิตรมากแล้วยิ่งไปกว่านั้นมือปราบเจียงเองเองก็ช่วยนางตรวจสอบเรื่องที่คนพวกนั้นเตรียมจะขายบ้านตระกูลฟู่อย่างไรนางคืนใบยืมหนี้ให้กับมือปราบเจียง หลังจากกลับถึงก็ไปหาลุงจง"ลุงจง วันที่ข้าแต่งงาน ในกล่องสินสอดที่ท่านปู่มอบให้ข้า มีโฉนดบ้านตระกูลฟู่อยู่ด้วยใช่ไหม?"ลุงจงยังไม่รู้ว่ากล่องสินสอดของฟู่จาวหนิงหายไป พอได้ยินนางถามก็รู้สึกประหลาดใจมาก"ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่โฉนดบ้านนะ ยังมีร้านสองร้านกับเครื่องประดับอีกหลายชุดที่ฮูหยินเหลือไว้ให้ ท่านผู้เฒ่าใ
ฟู่จาวหนิงทิ้งจงเจี้ยนไว้ที่บ้านตระกูลฟู่ดีกว่าเขาคอยคุ้มกันบ้านตระกูลฟู่ นางถึงจะออกไปได้อย่างวางใจเพราะได้ยินว่าเขาเมฆอรุณอยู่ไกลมาก ต่อให้ไม่โดนทำให้เสียเวลา ไปกลับสักรอบหนึ่งก็ยังต้องใช้เวลาสามสี่วันก่อนที่นางจะออกมาก็ยังฝังเข็มให้กับผู้เฒ่าฟู่อีกรอบหนึ่ง ทิ้งยาเอาไว้ให้อย่างเพียงพอ เสบียงของกินในบ้านก็ตระเตรียมไว้เรียบร้อยป้าจงเองก็กำลังเริ่มเย็บเสื้อผ้าฤดูหนาวขาของหู่จือก็ดีขึ้นมากแล้ว จงเจี้ยนยังช่วงเหลาไม้เท้ามา เขาใช้ไม้ค้ำตนเองลุกขึ้นยืนเดินไปมา อย่างน้อยทุกวันก็ยังมานั่งในห้องท่านผู้เฒ่าเป็นเพื่อนคุยกับเขา และคอยดูแลเขาได้ด้วยผู้เฒ่าฟู่ถามนางว่าจะไปทำอะไร ฟู่จาวหนิงก็พูดตามความจริงแต่ว่า แม้ว่าจะบอกว่าไปเขาเมฆอรุณ แต่นางก็ไม่ได้บอกว่าจะไปหาตัวฟู่เจียวเจียวกับฟู่เป่าเจิน แต่บอกว่าอาจารย์บอกนางว่าเขาเมฆอรุ่นมียาดีอยู่ นางจะไปหาวัตถุดิบยาก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ฟู่จาวหนิงที่ไม่รู้อะไรเลย มักจะวิ่งแจ้นออกไปขุนยา ตอนนี้ฟู่จาวหนิงที่เฉิดฉายแจ่มจรัสอยู่ในพันธมิตรโอสถใต้หล้าบอกว่าจะไปขุดยา ไม่มีใครสักคนที่ไม่เชื่อฟู่จาวหนิงพาเสี่ยวเถาไปด้วย เตรียมจะไปตล
"ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่ป่วยหนัก เขายังนอนอยู่กับเขาตั้งหลายวัน อาบน้ำด้วยกัน แต่หลังจากเขาป่วยก็จะให้ข้ามาคอยปรนนิบัติรับใช้ ข้าก็ไม่ชอบใจ เลยไปหางานทำที่แถวริมแม่น้ำ ออกไปหลายวันอยู่""ต่อมาพอใกล้จะสิ้นปี ข้าก็กลับเมืองหลวงมาหาเขา กลับพบว่าในบ้านเขาไม่มีคนแล้ว เดิมทีเขาเป็นพวกที่ชอบไปเตร่ตามบ่อนพนันอยู่ทุกวัน เพื่อนบ้านล้วนรังเกียจเขา หลีกห่างจากเขา ดังนั้นเขาหายตัวไปหลายวันจึงไม่มีใครรู้""ตอนที่ข้าเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน หาตัวอยู่สองวันก็ไม่เจอ ข้าเองก็ไม่สนใจแล้ว จึงพักอยู่ที่บ้านเขาไปเลย ตอนปีใหม่มีคนมาที่บ้านเขา พูดจาน่าสงสารแล้วยังไม่มีที่ไปอีก ข้า ข้าเลยให้อยู่ที่บ้าน ถือว่าทำดี"ซุนจู้พูดถึงตรงนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกผิดปกติขึ้นมา จึงถามไปคำหนึ่ง "ใครกัน? ผู้ชายหรือผู้หญิง?"ซุนจู้เดิมทีก็ไม่อยากตอบ แต่ชีวิตเขาตอนนี้อยู่ในกำมือฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่กล้าที่จะไม่ตอบเหมือนกัน"ผู้ ผู้หญิง เป็นแม่ลูกคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้น้องชายญาติข้าก็ดูแลพวกนางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นข้าจึงยอม...""พวกนางทำอาชีพนั้นหรือ?""ใช่ คนแม่ชื่อแม่นางเฉี่ยว อายุสี่สิบกว่า ลูกสาวอายุยี่สิบต้นๆ หน้าต
ที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาเหมือนได้ยินว่าข้าราชการได้รับคำสั่งมาว่า ถ้าหากเจอว่าคนในเมืองติดโรคระบาดนี่ ให้ลากไปสุสานรวมศพฆ่าทิ้งแล้วเผาได้เลย จะได้ไม่ระบาดไปหาคนอื่นเขากลัวมาก"ข้าพูด ข้าบอกแล้วได้ไหม?"แต่ว่าชายคนนี้กลับไม่ยอมบอกต่อหน้าคนมากมาย ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ได้อยากให้คนมากมายได้ยินกัน จึงให้สืออีพาเขาไปในเรือนเล็กๆ ข้างๆมีผู้ดูแลสองคนคอยมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ พอสบตากันผาดหนึ่ง พวกเขาสองคนก็รู้สึกว่านี่มันเรื่องใหญ่ ต้องไปบอกผู้จัดการใหญ่เสียหน่อยดังนั้นพวกเขาจึงหมุนตัวไปหาต่งฮ่วนจือต่งฮ่วนจือหลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของเฉินฮ่าวปิงเรือนในซอยกุ้ยเซียงของพวกนางปิดประตูใหญ่ไว้ทั้งวัน เขาไปมาสองรอบก็ไม่ยอมเปิดประตูต่งฮ่วนจือทิ้งจดหมายเอาไว้ บอกให้พวกนางหาเวลามาพบกันหน่อย เขาอยากถามว่าพวกนางเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่หลังจากทิ้งจดหมายไว้ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยแม่ลูกฮูหยินเฉินไม่เห็น หรือว่าไม่สนใจกันแน่?จะอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออก พวกนางที่เดิมทีดูแล้วเหมือนจะคอยพึ่งพาเขา ตอนนี้ทำไมถึงปลีกตัวออกห่างเขา หลังจากนี้คือขีดเส้นคั้นกับเขาแล้วหรือ?"ผู้จัด
ยังดีที่วันนึงต้มยาไว้สามหม้อใหญ่ ก่อนหน้านี้ขายหมดไปแล้วหนึ่งหม้อ หม้อที่สองยังเหลือกว่าครึ่งก็ถูกปนเปื้อนไปแล้ว นี่ยังมีหม้อที่สามอยู่วันนี้เกรงว่าจะไม่พอขายเสียแล้วพนักงานยกหม้อนั้นขึ้นมา แล้วเททิ้งต่อหน้าคนมากมายเหล่าแขกพวกนั้นพอเห็นยาหม้อนี้ถูกเททิ้ง จึงวางใจกันขึ้นมา"กระบวยนั่นก็ควรจะล้างด้วยไหม?" มีผู้เฒ่าคนหนึ่งกลัวตายมาก ร้องขึ้นมาคำหนึ่งคนข้างๆ ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ "ก็ทิ้งไปเลยไม่ได้หรือ? ยังจะล้างอีก เสียแรงเปล่า"พนักงานพันธมิตรโอสถเองก็จัดการใช้เท้าหักกระบวยนั่นทิ้งไป "ทิ้งเลยทิ้งเลย แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"พวกเขาไปหยิบกระบวยอันใหม่มาแล้วจึงตักให้กับต้วนฉวินคนนั้นก่อนชามหนึ่ง "นายท่านต้วน ของท่านขอรับ""ขอบคุณขอบคุณ" ต้วนฉวินไม่เกรงใจแม้แต่น้อย หลังจากรับไปก็ดื่มจนหมดรวดเดียวยาน้ำชนิดนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้มีรสชาติดีนัก พอรีบดื่มเขาก็แทบจะอาเจียนออกมาแล้ว แต่ก็รีบสะกดเอาไว้มองหม้อยาที่เต็มเปี่ยมใบนั้น เขายังดูกระสับกระส่ายอยู่ "หมอเทวดาฟู่ ท่านว่าข้าด้องดื่มอีกสักชามไหม?"บอกว่าห้ามดื่มมากไป ถ้าอย่างนั้นเขาดื่มสองชามครึ่ง ก็น่าจะได้อยู่กระมัง?ไม่อย่างนั้นร
นอกจากยาน้ำที่ป้องกันล่วงหน้าเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงค้นคว้ายาลูกกลอนรักษาโรคนี้ออกมาแล้ว เพียงแต่ยาเหล่านั้นยังแพงกว่ายาน้ำพวกนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องกินอีกระยะหนึ่งด้วยเดิมทียังคิดอยู่ว่าชินอ๋องเซียวจะมาอ้อนวอนต่อหน้านางไหม ให้นางช่วยรักษาให้ นางเตรียมยาลูกกลอนสำหรับการรักษาสามช่วงไว้แล้วแต่ว่าชินอ๋องเซียวก็ไม่เคลื่อนไหวเลย ฟู่จาวหนิงก็ไม่ไปรักษาอาการเขาให้เองด้วย ยาจึงยังไม่ไปไหนอาการโรคของชายคนนี้ น่าจะกินยาหนึ่งช่วงรักษาก็น่าจะไม่เป็นไรแล้วแต่ว่าเขาก็ไม่พูดความจริงเสียที ฟู่จาวหนิงเองก็จะไม่พูดเรื่องยาลูกกลอนออกมา"ข้าไม่ได้ไปที่อุทยานนั่นนะ! ข้าไม่เคยพบกับชินอ๋องเซียว!"ชายหนุ่มดูตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะลุกพรวดขึ้นมาแต่ถูกสะกดจุดไว้จนลุกไม่ขึ้น แต่พอถูกยืนยันว่าติดโรคนั้นแล้ว เขาเองก็รู้สึกใกล้จะเป็นบ้าเหมือนกันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายไหม!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถูกสกัดจุด เขาคงเขาไปคว้ามือฟู่จาวหนิงแล้ว เขย่าๆ ให้นางรีบรักษาให้กับตนเอง"พระชายาอ๋องเจวี้ยน เขาติดโรคนั้นแล้วจริงหรือ?"คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ถามขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ฟู่จาวหนิงมองชายคนนี้ จากนั้นก็มองไปทางลูกค้าที่จ้อ
ชายคนนั้นเองก็ถลึงตาโตมองฟู่จาวหนิงด้วยแน่นอนว่าเขาเองก็ได้ยินชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะมีวันหนึ่งได้มานั่งอยู่ตรงหน้าฟู่จาวหนิงใกล้ๆ แบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังจับชีพจรให้ตนเองอีกด้วยนอกจากนี้ สีหน้าของฟู่จาวหนิงก็เคร่งขรึม แต่ไม่ใช่ความรังเกียจหรือหวาดกลัวแบบที่คนอื่นเห็นเขา ไม่มีความไม่สงบไม่มีความกลัวลนลานเอาแค่จุดนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าฟู่จาวหนิงมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือจริงๆปากของเขาขยับ อยากจะพูดอะไร ต่อให้หมอเทวดาหลี่มาดูอาการให้เขา หมอเทวดาหลี่ตอนนี้ก็น่าจะสีหน้าไม่สู้ดีนักใครจะไม่รังเกียจเขาบ้าง"คลายจุดใบ้ของเขาเสีย" ฟู่จาวหนิงบอกกับสืออีสืออีไม่ลังเล หนึ่งนิ้วกดหนึ่งการเคลื่อนไหว จัดการคลายจุดใบ้ของชายหนุ่มคนนี้ทันทีไม่รอให้ชายคนนี้เอ่ยปาก ฟู่จาวหนิงก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อยา เช่นนั้นก็หมายความว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากจะรักษาโรคใช่ไหม?"ชายหนุ่มออกแรงพยักหน้าทันทีนี่ก็แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามีชีวิตต่อได้ใครจะอยากตายกัน? ถ้ารักษาโรคได้ ใครจะไม่อยากรักษา?"ในเมื่ออยากจะรักษาโรค เช่นนั้นก็ห้ามอาละวาดอีก ถ้าถามอะไรเจ้าก็ตอบม
ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงตรงหน้าเขา เห็นผ้าคลุมหน้าของเขาดึงลงมาปิดปากอีกครั้ง นางพลิกมือ แล้วก็ไม่รู้ว่าในมือปรากฏมีดเล็กเปล่งประกายเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรพอนางโบกมือ ก็ใช้มีดเล็กจัดการกรีดผ้าปิดหน้าของชายคนนั้นออก พอผ้าร่วงลงมาก็เผยสภาพของชายคนนี้ให้เห็นใบหน้าเขา ข้างจมูก มีหลายตำแหน่งเน่าไปแล้วจริงๆ ใบหน้าเองก็บวมแดงขึ้นหน่อยๆมีคนเห็นสภาพเขาก็ร้องตกใจออกมา"หน้าของเขาเน่าไปแล้วจริงๆ!""คนคนนี้ติดโรคระบาดไปแล้ว!"ชั่วขณะหนึ่ง คนทั้งหมดล้วนตกตะลึงถอยห่างอีกครั้ง มีบางส่วนขี้ขลาดกลัวตาย กระทั่งหมุนตัวตั้งท่าจะวิ่งหนีน่ากลัว ที่นี่มีคนป่วยอยู่!ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะถูกระบาดเข้าหรือเปล่า! พวกเขากล้าอยู่ต่อกันเสียที่ไหน?ฟู่จาวหนิงก็เหมือนร้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ให้แขกเหล่านี้ทั้งหมดวิ่งออกไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขาเอาออกไปลือกัน ก็ไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถจะถูกลือกันไปแบบไหนดังนั้น นางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า"คนผู้นี้ใบหน้าเน่าไปแล้ว แต่พวกเจ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นโรคเดียวกับชินอ๋องเซียวหรือไม่ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าจะตรวจอาการเขา ข้ายังไม่หนีเลย แล้วพวกเจ้ากลัวอะไรกั
"พระชายา มีคนมาอาละวาดที่นี่"สืออีสือซานวันนี้ตามมาด้วย ไป๋หู่วันนี้พักผ่อนฟู่จาวหนิงตอนนี้ก็รู้ว่าตนเองออกมาข้างนอก ในเมืองหลวงก็ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย ดังนั้นพอพาสืออีสือซานออกมา นางก็ยังพาเฝิ่นซิงมาด้วยเฝิ่นซิงพอเข้ามาก็ได้ยินชายคนนั้นเอะอะโวยวาย หน้าก็ขรึมลงไปทันทีจากที่นางเห็น พระชายาลงแรงปรุงยาเหล่านี้ คิดเอาไว้อย่างรอบคอบ การให้คนในพันธมิตรมาต้ม ถือว่าพิจารณาเอาไว้รอบด้านแล้ววัตถุดิบยาบวกกับฟืนไฟ แล้วยังมีเงินค่าแรงที่เหล่าพนักงานมาทำให้ หนึ่งชามสิบเหวิน พูดได้ว่าถูกมากแล้วเหล่าประชาชนควรจะรู้สึกว่า่โชคดีจึงจะถูก ทำไมถึงมีคนเข้ามาอาละวาดได้กัน?"สืออีสือซาน เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็เห็นชายคนนั้นแล้ว ตอนที่นางหันหน้ามา นางก็เห็นชายคลุมหน้าคนนั้นแล้วนางรีบเสริมเข้ามาให้คำหนึ่ง "ระวังหน่อย อย่าให้ถูกเขาข่วน แล้วก็อย่าโดนเลือดเขาด้วย"ถึงแม้ชายคนนี้พันหน้าไว้อาจจะไม่มีเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างไรก็มาซื้อยา แล้วยังแต่งตัวเสียขนาดนี้ นางระวังไว้ก่อนดีกว่า"ขอรับ พระชายา" สืออีกกับสือซานช่วงนี้ตามติดฟู่จาวหนิง แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของนางอยู่ทั้งสองคนรีบขึ้นหน้าไปแ
เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำ ดวงตาก็กวาดมองไปทั่ว ไม่กล้าสบตากับพนักงานตรงๆพนักงานเองก็บอกกฏกับเขาแล้ว"ถ้าท่านคิดจะซื้อ ตอนนี้ก็เอาไปก่อนสามชาม""สามชามจะไปพออะไร? ชามของข้านี่อย่างน้อยก็ใส่ได้ยี่สิบชามเลยนะ! เจ้ารีบเติมให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่เกรงใจกับเจ้าแล้วนะ!""คุณลูกค้า ที่นี่เป็นพันธมิตรโอสถ ขอเตือนท่านอย่ามาก่อเรื่องที่นี่เลย" พนักงานหน้าเริ่มดำขึ้นมาแล้วเขาเห็นที่นี่เป็นร้านขายยาธรรมดา เลยคิดจะทำตัวแบบนี้ได้หรือ?"ข้าก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้เงินเสียหน่อย! พวกเจ้าถือดีอะไรไม่ขายให้ข้า?""ข้าบอกกฏกับท่านไปแล้ว นี่คือกฏที่หมอเทวดาฟู่วางไว้!""หมอเทวดาฟู่? ก็แค่หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินว่าผู้จัดการใหญ่ที่นี่สกิลต่ง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตัดสินใจได้เสียหน่อย! นางถือดียังไงมากำหนดกฏเกณฑ์ในพันธมิตรโอสถ?"น้ำเสียงชายพันหน้าฟังแล้วเริ่มโกรธขึ้นมาแล้ว"ยานี้เป็นหมอเทวดาฟู่ที่ปรุงออกมา ถ้าท่านมาดูถูกหมอเทวดาฟู่ เช่นนั้นก็อย่ามาซื้อยาสิ" พนักงานหัวเราะเย็นชาขึ้นมาคนผู้นี้น่าขำเสียจริง มาซื้อยาที่ฟู่จาวหนิงปรุง แต่กลับดูหมิ่นฟูจาวหนิงหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น ใครไม่รู้บ้างว่า
ฟู่จาวหนิงปรับปรุงสูตรยา ใช้วัตถุดิบยาที่หาได้ทั่วไปบางส่วน แล้วตนเองก็ปรับปริมาณให้ จากนั้นทุกวันก็ให้คนของพันธมิตรต้มออกมาสามหม้อใหญ่ แล้วอุ่นบนเตาเอาไว้ตลอดคนที่มาซื้อยาเหล่านั้น สามารถใช้ชามของพันธมิตรโอสถ ตอนที่ดื่มเสร็จแล้ว ก็เอาชามกลับมาได้ตอนแรก ต่งฮ่วนจือรู้สึกว่ายาน้ำเช่นนี้ไม่น่าจะขายออก แล้วยังตั้งสามหม้อใหญ่แน่ะ หม้อนั้นก็ใบมโหฬารเลยทีเดียว เป็นหม้อใหญ่ที่เอาไว้ต้มข้าวต้มให้ผู้ประสบภัยตอนช่วงเกิดภัยพิบัติสมัยก่อนยาน้ำสามหม้อใหญ่เต็ม สามารถขายได้หลายร้อยชามแล้ววันเดียวจะขายออกได้หรือ? มีคนมากมายจะมาดื่มยาน้ำขนาดนี้เลยหรือ? ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็ไม่ใช่ของดีอะไรมากถ้าขายไม่หมดก็ต้องเททิ้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบยาแย่แต่ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดสินใจทันที ให้ผู้ดูแลของพันธมิตรโอสถจัดการเรื่องนี้ผลคือพอปล่อยชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงออกไป คนที่มาดื่มยาก็ยังมากกว่าตามโรงน้ำชาหอสุราเสียอีกยาน้ำสามหม้อใหญ่ ขายหมดเกลี้ยงภายในวันเดียววันถัดมา ก็ขายขายหมดเหมือนเดิม กระทั่งมีคนไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำ มาถามพวกเขาว่าขายยาไปต้มกินเองเลยได้ไหมแต่ฟู่จาวหนิงก็มีวิธีของนางอยู่ยาชนิดนี้ทำได้แค่ป้