ซือถูไป๋หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แขนเสื้อกว้างสะบัดออกมาทันที คิดจะใวช้กำลังภายในเข้าขวางน้ำชาเหล่านั้นแต่เพราะผู้นำน้อยตระกูลชิ่งลงมือกะทันหัน ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ ดังนั้นจึงช้าไปก้าวหนึ่ง น้ำชาถ้วยนั้นทั้งหมดสาดเข้าไปบนหน้าอาเพียนอาเพียนถูกสาดไปเต็มหน้า แข็งทื่อไปทั้งตัวเขาติดตามซือถูไป๋มาตลอด ซือถูไป๋เองก็มีชื่อเสียงมากในยุทธจักรพ ชื่อเสียงโรงยาทงฝูเอาก็ดีมาก ปกติไม่ค่อยมีใครที่สายตาไม่กว้างใกล้มารังแกพวกเขาสักเท่าไรต่อให้ตัวตนฐานะจะสูงกว่าพวกเขา ก็ยังไม่ไม่มาคิดเล็กคิดน้อย ไม่พูดอะไรมาก อย่างมากก็แค่ทำเป็นไม่สนใจเขาเพิ่งเคยถูกสาน้ำชาใส่เป็นครั้งแรก!โชคดีที่อากาศตอนนี้เย็น พอลมหนาวพัดมาน้ำชาก็ไม่ร้อนจนลวก และชาถ้วยนั้นก็วางไว้พักหนึ่งแล้ว มันจึงแค่อุ่นๆแต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ อาเพียนก็ยังถูกสาดจนมึนไปแล้ว ในสมองขาวโพลนไปหมด"คนใช้ข้างกายคุณชายซือถูคนนี้น่ารังเกียจเสียจริง ข้าได้ยินว่าเขาพูดว่าร้ายแม่นางหญิงก่อนหน้านี้ไปไม่น้อยเลย ใช่ไหม?"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งยังยิ้มเจิดจ้าอย่างสง่างาม แต่ในดวงตากลับเผยประกายคมกริบออกมาพอสมควร"เขาน่าจะถูกคุณชายซือถูตามใจจนนิสัยเส
ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งออกมาเดินได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นพวกฟู่จาวหนิงยืนอยู่ไม่ไกล เขาก็งงงัน พอเห็นฟู่จาวหนิงกำลังกวักมือมาทางเขา ก็เลยวิ่งออกไปทันที"แม่นางฟู่ วางใจได้ ข้าสั่นสอนอาเพียนคนนั้นแทนท่านไปแล้ว จากที่ข้าเห็น ท่านนี่เป็นคนดีใจดีเกินไปแล้ว"ทำไมถึงให้อาเพียนคนนั้นมาคอยขี่หัวอยู่ได้"ขอบคุณท่านมาก"ถึงแม้ฟู่จาวหนิงจะรู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กวัยต่อต้านคนนั้น แต่คนอื่นก็ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับนางแล้ว นางจะทำตัวเป็นคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแล้วพูดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ไม่ได้"ฮ่าๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอก"เป็นไปตามคาด พอได้ยินคำขอบคุณของฟู่จาวหนิง ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งก็หัวเราะร่าขึ้นมาอย่างเบิกบานเป็นพิเศษ"แม่นางฟู่พักอยู่ในบ้านพวกเขาหรือ มีอะไรไม่สะดวกไหม ต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกได้เลย"ผู้นำน้อยตระกูลชิ่งมองมองอาสะใภ้เสิ่นกับเสิ่นฟางเสิ่นฟางเมื่อครู่เห็นเขาสาดน้ำใส่คนติดตามคุณชายซือถูอย่างกล้าหาญ จึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อตัวเขาแต่ก็ไม่กล้าสบตามองตรงๆ"ใช่ ข้าพักอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น ไม่มีอะไรไม่สะดวกสบายหรอก ว่าแต่ผู้นำน้อยตระกูลชิ่ง" ฟู่จาวหนิง
"ถุงยานี้ข้าห่อไว้นานแล้ว สายรัดนี้ข้าให้เสี่ยวชิ่นเย็บมาให้ หลังจากนี้สามารถเอาห่อยาที่อุ่นแล้ววางไว้บนสายรัดแล้วมัดไว้บนเข่าของท่านผู้เฒ่าได้ ไท่ไท่อาวุโสถ้าหน้าหนาวรู้สึกปวดขา อันที่จริงก็ใช้ได้เช่นกัน""นี่นี่นี่ นี่มันดีมากเลย นี่มันดีมากจริงๆ ขอบคุณมากจาวหนิง!" ตาไท่ไท่อาวุโสแดงก่ำขึ้นมา รีบกุมมือฟู่จาวหนิงไว้ รู้สึกดีใจยิ่งกว่าที่รักษาตนเองเสียอีกขาของท่านผู้เฒ่าพอไม่สะดวกนัก ตนเองก็จมดิ่งไปไม่น้อย รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นภาระยิ่งไปกว่นั้นยังไปเดินเล่นกับนางด้วยไม่ได้ ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ทำกิจกรรมอยู่แต่ในเรือนจิ้งชิวถ้าหากเขาสามารถดีขึ้นมา เขาหลังจากนี้ก็ยังสามารถช่วยเหลือเสิ่นเสวียนได้ด้วย"วิชาแพทย์ของจาวหนิงนี่ยอดเยี่ยมเหลือจะกล่าวจริงๆ"ท่านผู้เฒ่าเสิ่นเองก็แอบหันมาปาดน้ำตา"เดิมทีข้าคิดว่าพวกเราสองเฒ่าเหยียบอยู่บนเส้นทางยมโลก ชีวิตนี้เหลืออยู่แค่ไม่กี่วันแล้วเสียอีก..."คำพูดของไท่ไท่อาวุโสทำให้ฟู่จาวหนิงต้องตัดบท"ท่านผู้เฒ่ากับไท่ไท่อาวุโสเพิ่งจะหกสิบต้นๆ เอง ขอแค่สุขภาพดีเข้าไว้ บำรุงร่างกายดีดี จิตใจปล่อยวาง ใช้ชีวิตให้มีความสุขหน่อย กินให้ดีพักผ่อนให้เพียงพอ
"ท่านลุงคนโตไม่รู้ตัวตนฐานะของเขาหรือ?""ไม่รู้ เพราะคนคนนั้นอันที่จริงก็ทำการค้าในเมืองหลวงมานานแล้ว ก่อนนี้หน้าก็ไปมาเป็นประจำ ถือว่าคุ้นเคยเลยทีเดียว หลังจากเกิดเรื่องนี้ คนผู้นั้นก็หายตัวไป เหลือไว้แค่อักษรบนกำแพง ตัวหนังสือเขียนไว้ให้ลุงคนโตของเจ้า แล้วยังมีคำเตือนมาคำหนึ่ง และเพราะประโยคนั้นบอกตัวตนฐานะออกมาว่าลุงคนโตของเจ้าเป็นเจ้าแท่นบูชา ทำให้เขาดิ้นไม่หลุด""เมื่อเป็นเช่นนี้ ลุงคนโตจึงถูกคนอื่นใส่ร้ายไปแล้ว""อืม แต่ไม่มีใครหาคนผู้นั้นพบเลย""ท่านลุงหลายปีนี้ก็หามาโดยตลอดใช่ไหม?""หามาตลอดเลย แต่อีกฝ่ายก็เหมือนสลายหายไปจากโลกนี้แล้วอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีร่องเลยเลยแม้แต่น้อย" เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "ต่อมาข้าก็ป่วย จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก อื๋อ?"เสิ่นเสวียนจู่ๆ ก็เหมือนคิดอะไรออก เขานั่งตัวตรง มองฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงพอเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็เดาว่าเขาน่าจะคิดอะไรออก จึงไม่ได้ส่งเสียงทำให้ความคิดเขาสับสน รอให้เขาจัดระเบียบเสร็จแล้วพูดออกมาอีกครั้ง"ตอนนั้นเหมือนตรวจเจออะไรแล้ว ต่อมาข้ารู้สึกไม่สบาย การตรวจสอบจึงขาดช่วงไป ตอนนี้พอมาคิดดู มันจะเป็นเพราะข้าตรวจสอบมาถูกทางแล้วหร
เมืองหลวงจักรพรรดิขอต้าชื่อ หอเมืองมองไกลๆ แล้วดูยิ่งใหญ่เป็นพิเศษแตกต่างกับความโบราณของแคว้นเจา สิ่งปลูกสร้างของต้าชื่อดูสง่างามอหังการกว่าอย่างเห็นได้ชัด กำแพงเมืองก็สูงมาก ด้านบนมีทหารคุ้มครองเมืองลาดตระเวณไปมาประตูเมืองเปิดอยู่ คนที่เข้าเมืองเข้าแถวเป็นขบวนยาวพอใกล้ถึงเทศกาลอวยพรสารทฤดู คนที่เข้าเมืองหลวงจึงมากขึ้นจริงๆยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอยู่ทุกรูปแบบ รถม้าเองก็แตกต่างกันออกไปด้วย"ระวังหน่อย! อย่าเบียดกัน!"ทหารชั้นสูงที่ประตูเมืองทางนั้นตะโกนขึ้นเสียงดัง เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยไป๋หู่ขับรถม้า พูดกับฟู่จาวหนิงที่กำลังเลิกม่านรถขึ้นว่า "คุณหนูจาวหนิง ดูท่าจะต้องเข้าแถวอีกนานเลย ไปซื้อขนมมาให้ท่านกินก่อนดีไหม?"ไม่ไกลจากประตูเมือง มีพ่อพวกค้ามากางแผงอยู่ คอยค้าขายให้กับคนที่เข้าแถวเข้าเมืองที่นี่เพราะคนเข้าเมืองมีเยอะมาก ขบวนจึงเคลื่อนตัวได้ช้า มีแขกทางไกลบางส่วนที่เร่งเดินทางมานาน ตอนนี้ก็ทั้งหิวทั้งกระหาย ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยส่งคนออกไปหาของกินที่แผงพ่อค้าข้างๆนอกประตูเมืองก็ยังคึกคักกันขนาดนี้แล้ว"ไม่ต้อง ข้ายังไม่ค่อยหิว เดี๋ยวเข้าเมืองแล้วค่อยไปกิน
"หลานหรงน่าจะส่งคนไปคุ้มครองพระชายาที่ประตูเมืองแล้วกระมัง? คิดว่าพระชายาเองก็น่าจะมาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิแล้ว ไม่แน่อีกเดี๋ยวคงได้เจอกับพระชา"ชิงอีรู้สึกว่าท่านอ๋องจะต้องคิดถึงพระชายามากแน่ ถึงอย่างไรก็แยกกันไปตั้งนานนี่นา"อืม"แต่เสียงของเซียวหลันยวนดูไม่มีเรี่ยวแรงเอาเลย ตอบกลับอย่างกลัดกลุ้มพวกเขามาถึงเรือนเล็กเรือนนั้นแล้ว พอเข้าประตู เซียวหลันยวนก็ลงจากรถม้า เงยหน้ามองไปข้างหน้าทันทีหลานหรงขึ้นหน้ามา "ท่านอ๋องเหน็ดเหนื่อยเสียแล้ว"เซียวหลันยวนไม่ตอบ สายตาหมุนไปหมุนมา กวาดมองเรือนหลังนี้ ยังไม่มีใครอยู่ฟู่จาวหนิงล่ะ?หลานหรงมาถึงต้าชื่อก่อน หรือว่ายังไม่ได้ไปรับฟู่จาวหนิงเข้ามา?"ท่านอ๋อง?"หลานหรงไม่ค่อยเข้าใจว่าเขากำลังหาอะไร"พระชายาล่ะ?" ชิงอีถามขึ้นทันที ท่านอ๋องจะต้องหาพระชายาอยู่แน่"พระชายาน่าจะเข้าเมืองหลวงจักรพรรดิวันนี้ ข้าน้อยส่งคนไปรอที่ประตูเมืองแล้วขอรับ"พอสิ้นเสียงของหลานหรง ก็มีคนรีบเดินเข้ามา"ท่านอ๋อง ไม่พบตัวพระชายา แต่พอหาข่าวดูจึงรู้ว่า พระชายาตอนที่เข้าเมืองก่อนหน้า ถูกคนของคุณชายซือถูรับตัวไปแล้ว"กร๊อบเซียวหลันยวนบีบมือ โครงประตูที่เ
"ไม่ใช่ว่านายท่านหลิวหาข้าหรอกหรือ?"นายท่านหลิวหลิวเฉิง ไป๋หู่เองก็พยักหน้าให้นางว่ารู้จักแต่นายท่านหลิวจะพบนาง จะมาเจอในเรือนที่เป็นส่วนตัวและเงียบสงบแบบนี้หรือ?"จาวหนิง"เสียงหนึ่งดังขึ้น มีคนออกมาจากด้านในฟู่จาวหนิงแหงนตามองซือถูไป๋ที่สง่างามดุจไม้หยกอวี้หลานค่อยๆ ย่างเดินออกมา รู้สึกจำใจขึ้นมาทันที"คุณชายซือถู"ทำไมถึงเป็นซือถูไป๋อีกแล้ว?นางยังคิดว่าผ่านเรื่องครั้งที่แล้วไป ซือถูไป๋ก็ไม่น่าจะยินดีมาเจอนางแล้วเสียอีกถึงอย่างไรชิ่งอวิ๋นเซียวแม้จะไม่ใช่คนที่นางต้องดูแล แต่นางเองก็ไ่ได้ห้ามพฤติกรรมของชิ่งอวิ๋นเซียว กระทั่งยังแสดงความขอบคุณต่อชิ่งอวิ๋นเซียวด้วย นั่นก็เท่ากับเป็นการยอมรับกลายๆ ว่าการกระทำของเขานางพอใจที่จะเห็นแล้วสาดน้ำชาใส่หน้าอาเพียน ก็เกือบจะเท่ากับตบฉาดเข้าที่หน้าซือถูไป๋แล้ว"ท่านอย่าเพิ่งโกรธ" ซือถูไป๋รู้สึกขอโทษ ดูจริงจังอย่างมาก "ข้ารู้ว่าวันนี้คนเข้าแถวที่ประตูเมืองเยอะมาก เข้าแถวจนท่านเหน็ดเหนื่อยเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ทัน รอจนประตูเมืองปิด คืนนี้ต้องไปพักอยู่ด้านนอกอีก"เขาพูดขนาดนี้แล้ว ฟู่จาวหนิงยังพูดอะไรได้อีก"เช่นนั้นก็ขอบคุณ
"ขอรับ"ไป๋หู่ก็เตรียมออกไปทันทีเรื่องนี้เขายังต้องรีบแจ้งนายท่านอีก นายท่านจะต้องยังไม่รู้แน่ ไม้นี้ขององค์จักรพรรดิมาแบบกะทันหัน ใครก็คาดไม่ถึงองค์จักรพรรดิจะต้องจงใจแน่ เพื่อทำให้พวกเขาตั้งตัวกันไม่ทันน่ารังเกียจเสียจริง"จาวหนิง" ซือถูไป๋รีบร้องเรียกฟู่จาวหนิงทันที สีหน้าเขาดูเจ็บปวด ด้วยใบหน้างามราวหยกนี้ ทำให้คนสงสารได้ง่ายๆ"ตอนนี้ที่หาได้ก็มีแต่โรงเตี๊ยมที่ไม่สะอาดหรือน่าอึดอัดทั้งนั้น คนตั้งมากมายเบียดอัดอยู่ด้วยกัน เตียงผ้าห่มเองก้ไม่สะอาด"ไป๋หู่ได้ยินคำพูดเขา ก็ชะงักนิ่งไปพวกเขาก็ไม่อยากให้คุณหนูฟู่ต้องไปพักในโรงเตี๊ยมที่แย่ขนาดนั้น แบบนั้นมันน่าอดสูเกินไปยิ่งไปกว่านั้นด้วยหน้าตาแบบคุณหนูจาวหนิง ต้องไปอยู่ในสถานที่ที่คนมากมายแบบนั้น มันจะเกิดเรื่องได้ง่ายเอานะ"เรือนนี้ข้าเหลือไว้ให้ท่าน ข้าจะไปพักอยู่กับนายท่านหลิวทางนั้น ดังนั้นท่านก็วางใจได้เลย"ซือถูไป๋ดูจริงใจมาก กำชับแล้วกำชับอีก"ข้าหวังให้ท่านสามารถพักได้สบายและปลอดภัยหน่อยเท่านั้นจริงๆ เรือนรับรองแขกแห่งนี้ข้าก็ให้คนเก็บกวาดไว้อย่างดีแล้ว ผ้าห่มเป็นของใหม่ทั้งหมด เครื่องเรือนเองก็เช็ดทำความสะอาดหมด
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม