หมอหวางยืนขึ้นดึงเขาไว้ทันทีตลกเถอะ เขาตาเปล่งประกายมาขนาดนี้แล้ว อยากจะเรียนรู้สิ่งนี้จากฟู่จาวหนิง ตาเฒ่าถังคิดจะขวางหรือ?"ตาเฒ่าถัง เจ้าอย่ามาเกะกะ แม่นางฟู่เป็นหมอเทวดา! นางทำเช่นนี้คือการช่วยชีวิต มีหนักเบาอยู่แล้ว!""คนผู้นี้คือหมอเทวดาฟู่คนนั้นของตระกูลเสิ่นหรือ?"ดูท่าเรื่องที่ตระกูลเสิ่นหาหมอหญิงคนหนึ่งมารักษาอาการไท่ไท่อาวุโสเสิ่นจะลือกันออกไปแล้ว"ถูกต้อง""ท่านโม่หายใจแล้ว!"ลุงซูเห็นปฏิกิริยาของท่านโม่ก่อน เขาผ่อนใจโล่งออกมาทันที"จริงหรือ? ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาแล้ว!"คนข้างๆ เองก็ร้องลั่นขึ้นมาฟู่จาวหนิงผ่อนมือลง "สืออีพักก่อนเถอะ"สืออีถอยไปอยู่ข้างๆฟู่จาวหนิงจับชีพจรท่านโม่อีกครั้งชีพจรชัดขึ้นมาแล้ว แต่ยังสับสนอยู่"หมอหวาง ถัดจากนี้ท่านมาเถอะ" ฟู่จาวหนิงถอยออกมาทันที ให้หมอหวางรับช่วงต่อ"ได้"หมอหวางไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น เข้าไปรับช่วงต่อทันทีฟู่จาวหนิงเดินไปข้างๆ เสี่ยวชิ่นรีบช่วยเปิดกล่องยา หยิบกระดาษพู่กันจากด้านในออกมา"คุณหนู จะเปิดรายการยาหรือ?""ยังไม่ต้องเปิดรายการยาชั่วคราว" ฟู่จาวหนิงคิดๆ หยิงกระเป๋าเข็มออกมา "ต้องฝังเข็มเสียหน่อย
ที่นี่เปลี่ยนเป็นละครชายแก่ไล่ทุบลูกชายไปทันทีคุณชายน้อยโม่กุมหัววิ่งหัวซุกหัวซุนคนอื่นๆ ยังไม่ทันตั้งตัวฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว ร้องขึ้นมาทันควัน "ถ้ายังไม่อยากตายก็หยุดมือก่อน!"พอเสียงของนางดังขึ้น ท่านโม่ก็หยุดเท้าลงทันทีท่านโม่เองก็ตกตะลึง ยังยกมือค้างไว้อยู่ แต่กลับหันหน้ามาทางนาง มองนางอย่างสงสัย"เมื่อครู่ท่านสลบไปไม่รู้หรือ? ตื่นขึ้นมาได้คิดว่าไม่เป็นไรแล้วหรือไรกัน? นอนลงไป!"ฟู่จาวหนิงน้ำเสียงเข้มงวด สีหน้าจริงจัง พลังเต็มเปี่ยมขนาดที่ท่านโม่ร่างกำยำสูงใหญ่เห็นท่าทางของนางเช่นนี้ก็ยังรู้สึกเสียววาบ ยังไม่ทันตั้งตัวดี แต่ร่างกายกลับซื่อตรง เดินกลับมานอนลงไปบนแคร่แล้วคนอื่นเองก็มองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง"คำพูดที่ท่านโม่พูดเมื่อครู่ คิดว่าทุกคนคงได้ยินกันแล้ว"เสิ่นเสวียนตอนนี้จึงลุกขึ้นมาอย่างได้จังหวะเหมาะ"เรื่องนี้คิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ดังนั้นทุกคนก็แยกย้ายเถอะ โถงป๋ออวี้เน้นหนักเรื่องความเชื่อใจมาโดยตลอด ไม่มีทางทำเรื่องอย่างการเอาของปลอมมาแอบอ้างเป็นของจริงแน่ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของต่างๆ ที่แขกต้องการมาสั่งทำก็ล้วนใช้วัสดุกับฝีมือชั้นยอด ถ้าต้องการสามารถ
นางอันที่จริงก็ดีใจอยู่ เพราะสามีก็หลงใหลการลงหมากรุกกับขบคิดกลยุทธ์หมากจริงๆ ไม่ค่อยจะออกไปสรวญเสเฮฮากับคนอื่น เวลาส่วนใหญ่จึงอยู่แต่ในบ้านแต่ตอนนี้ดูท่าเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?ฟู่จาวหนิงให้ท่านโม่นอนคว่ำ"เพราะท่านนั่งระยะยาวไม่ถูกต้อง แล้วยังก้มหน้าอยู่ตลอดอีก กระดูกสันหลังส่วนคอมีแรกกดทับมาก จึงป่วยเป็นโรคกระดูกคอ"ฟู่จาวหนิงพูดไปด้วยพลางกดลงไปที่กระดูกสันหลังคอของท่านโม่ พอออกแรงหน่อย ท่านโม่ก็ร้องเจ็บออกมา"กระดูกสันหลังคอนี้พอถูกกดทับ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพ จึงเกิดอันตรายอย่างการเป็นลมเมื่อครู่ได้ แต่เส้นเลือดสมองของท่านโม่น่าจะอุดตันอยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อครู่หมอหวางหมอถังพวกเขาจึงเกือบจับชีพจรไม่ได้"อันที่จริงเมื่อครู่นี้ที่ทำการผายปอดช่วยหายใจเมื่อครู่ไม่ใช่วิธีการรักษาโรคกระดูกสันหลังส่วนคอแต่นางสงสัยว่าส่วนสมองของท่านโม่ยังมีปัญหาอยู่"ท่านต้องนอนพักผ่อนหลายวันหน่อย ขณะเดียวก็ต้องตรวจส่วนสมองอย่างละเอียดด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดจนพวกเขาถลึงตาอ้าปากค้างเพราะนางพูดเรื่องการฆ่าเวลาในยามปกติของท่านโม่ได้ถูกต้อง ทำเอาคนในบ้านของท่านโม่ไม่อาจคัดค้านได้เลยกระทั่งเส
เสิ่นเสวียนถามท่านโม่ "เช่นนั้นหลังจากตื่นมาทำไมจู่ๆ จึงบอกว่าคุณชายน้อยโม่สลับเทวรูปไปหรือ?""ตอนนั้นลุงตงก็รับประกันและอธิบายกับข้ามาตลอดยิ่งไปกว่านั้นยังชี้ออกมาว่าเทวรูปนี้กับตอนที่ข้ารับไปนั้นแตกต่างกัน พอข้ามอง ก็คิดขึ้นมาได้ว่าตอนที่รับจากลุงตงมันไม่เหมือนกันจริงๆ"ท่านโม่ถอนหายใจ โทสะเริ่มกลับมาอีกครั้ง"อย่าขยับ ฝังเข็มอยู่นะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำหนึ่ง ก็ดับความบุ่มบ่ามจะลุกขึ้นมาของเขาลงคุณชายน้อยโม่ก้มหน้า"ข้าตอนนั้นก็เชื่อคำพูดของลุงตง จากนั้นเสิ่นหยางก็บอกกับข้าเรื่องหนึ่ง บอกว่าเจ้าลูกทรพีของข้าก่อนหน้านี้ไปที่โถงเซิ่งป๋อ อะแฮ่ม หรือก็คือคู่แข่งของโถงป๋ออวี้ของพวกท่าน พวกท่านเองก็รู้ พวกท่านทำอะไรพวกเขาก็เลียนแบบ คอยท้าทายกับพวกท่านอยู่ตลอด""พวกเราไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"ใช่ ใช่ใช่ ช่างของโรงป๋ออวี้พวกท่านพวกเขาจะมาเทียบได้อย่างไรกัน?""คุณชายน้อยโม่หยิบแบบผังการสร้างเทวรูป เอาไปให้โถงเซิ่งป๋อทำมารูปหนึ่งหรือ? ใช่ไหม?" เสิ่นเสวียนถาม"ใช่แล้ว คุณชายน้อยเสิ่นหยางก็บอกกับข้าเรื่องนี้ ข้าตอนนั้นเข้าใจขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าท
สืออีสือซานสีหน้าสงบนิ่ง ให้คนโขกศีรษะหลายๆ ทีแล้วทำไมกัน? พระชายาช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทั้งบ้านเลยนะ"ท่านโม่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันกับเพื่อนคนไหนหรือ?" เสิ่นเสวียนถามเรื่องนี้ เขาต้องไปตรวจสอบหน่อยท่านโม่บอกชื่อออกมาหลายชื่อฟู่จาวหนิงหลังจากเก็บเข็มลงไปก็ตรวจสมองของท่านโม่ นางต้องการห้องห้องหนึ่ง และพาท่านโม่เข้าไปแค่คนเดียวหลังจากเข้าไปก็วางยาสลบ ใช้อุปกรณ์ในห้องเภสัชทำการแสกนและเป็นไปตามคาด หลอดเลือดสมองท่านโม่อุดตันอยู่หน่อยๆ ได้รับแรงกดดัน ยังดีที่ไม่ร้ายแรงมาก ตอนนี้ใช้ฝังเข็มบวกกับการนวด และใช้ยาเพื่อทำให้หลอดเลือดโล่งเข้ารักษาแต่กระดูกสันหลังส่วนคอกลับหนักหนามาก อย่างน้อยต้องรักษาระยะหนึ่งหลังจากออกมา ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่าวิธีการทำกายภาพบำบัดนี้สามารถสอนออกมาได้ไหมไม่เช่นนั้นผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนานแบบนี้ นางเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด แน่นอนว่าทำให้ไม่ได้ผลคือพอออกมาก็ส่งสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้าไปที่หมอหวาง"แม่นางฟู่..."ฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง "หมอหวางอยากจะเรียนเรื่องการผายปอดและรักษากระดูกสันหลังส่วนคอไหม?"หมอหวางลิงโลดราวกับจะคุ้มคลั่ง "อยากๆ
ฟู่จาวหนิงนิ่งไปพักหนึ่ง "ไปที่ร้านยาได้ไหม?""อ๋า?" เสิ่นหยางตั้งตัวไม่ทันขึ้นมามีหญิงสาวหน้าตาดีที่ไหนบอกว่าจะไปเดินเล่น แต่สุดท้ายไปจบที่ร้านยากัน?เขายังคิดว่าตนเองฟังผิดไปเสียอีก"คุณชายน้อยหยาง คุณหนูพวกเราบอกจะไปร้านยา" เสี่ยวชิ่นยืนยันอีกครั้งอย่างหวังดี"มีอะไรไม่สะดวกหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงถามอันที่จริงนางอยากจะไปดูว่าโรงยาที่นี่จะมีเอ็นมังกรหยกหรือไม่ เซียวหลันยวนขาดแค่ยาตัวนี้เท่านั้นแล้วถ้าเผื่อมีขึ้นมาล่ะ?"ไม่มีไม่มี เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราเลย" เสิ่นหยางเองก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริงสักเท่าไร"โรงยาที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่าอะไรหรือ?""โรงยาทงฝูน่ะ"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง ที่แท้โรงยาทงฝูก็เปิดมาถึงต้าชื่อนี่เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองที่ตระกูลเสิ่นอยู่อีกต่างหากไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถใต้หล้าได้มาเปิดร้านยาที่นี่บ้างไหมเสิ่นหยางเพียงไม่นานก็พาพวกเขามาถึงโรงยาทงฝูป้ายร้านสองชั้น ตัวอักษรเคลือบทองใหญ่สี่ตัว ทรงพลังมาก ดูแล้วก็เป็นโรงยาที่ใหญ่โตจริงๆต่อให้เป็นโรงยา ตอนนี้กลับมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ดูท่า "การค้า" จะ
"เสี่ยวเอ่อร์ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันก่อนเถอะ ช่างมัน" ชายชราถอนตัวกลางคันเด็กคนนั้นตาแดงรื้น ปล่อยมือเขา กัดฟันวิ่งเข้ามา งุดหัวเข้าไปในโรงยาทงฝู"เสี่ยวเอ่อร์!"ชายชราตกใจ รีบตามเข้าไปในโรงยา แต่เขาก็ร้อนรนเกิน จนขาสะดุดร่างตะแคง ตอนกำลังจะล้มลงพื้น ฟู่จาวหนิงก็ญื่นมือเข้ามาประคองเขา"ระวังด้วย"ชายชราเงยหน้าขึ้นมองนางผาดหนึ่ง รีบเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง"เขาเป็นห่วงหลานชาย ร้อนรนจนทนไม่ไหว และยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็พุ่งเข้าไปในโรงยาทงฝูแล้ว"ไป พวกเราเองก็เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเตรียมจะเข้าไป ก็ปะหน้าเข้ากับเสิ่นหยางเสิ่นหยางส่ายหน้าให้นางดูท่าที่นี่จะไม่มีเอ็นมังกรหยกเสียแล้วฟู่จาวหนิงผิดหวังหน่อยๆ เพราะนางอยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้ได้ แต่นางก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเอ็นมังกรหยกเร็วขนาดนี้ ต้องอดทนหน่อย"รู้แล้ว"นางปล่อยเรื่องเอ็นมังกรหยกลงมาก่อนหลังจากเด็กคนนั้นเข้ามาก็ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าของโรงยา กำลังโขกศีรษะตึงๆๆ"ท่านเจ้าของร้านได้โปรดเถิด เรื่องอะไรข้าก็ทำให้ จะยาอะไรข้าก็จะลองให้ ข้ากินข้าวไม่เยอะ ครึ่งชามก็พอ!"นี่ค
"เจ้าดูสิ เจ้าดู ข้าบอกอะไรไว้?" เจ้าของร้านร้อนรนขึ้นแล้ว ร้องเรียกขึ้นมา "นี่จะมาโทษโรงยาของพวกเราไม่ได้นะ เด็กคนนี้ไม่ฟังคำเตือนเอง! เร็วๆ ประคองเข้าไปนั่งดูแผลทางนั้น!"เสี่ยวเอ่อร์นั่งอยู่บนพื้น ชายชราถูกเคนถูกเขาทำให้ตกใจจนหน้าซีดไปแล้วคนของโรงยารีบก้าวเข้าไปตรวจเสี่ยวเอ่อร์เสี่ยวเอ่อร์มุมปากมีเลือดออก แต่ก็ยังแสยะยิ้ม "ลุงเจ้าของร้าน ไม่โทษโรงยาของพวกท่านอยู่แล้ว เป็นข้า ข้าเองที่อุ้มหม้อทองแดงใบนั้น แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่ไหม? ข้าอุ้มหม้อทองแดงขึ้นมาได้แล้ว รับข้าไว้ได้แล้วใช่ไหม?"ต่อให้แค่อุ้มขึ้นมาจากพื้นไม่กี่ชิ้น เขาก็อุ้มขึ้นมาได้แล้ว พลังแค่นี้ถือว่ามีแรงมากแล้ว"เด็กอย่างเจ้านี่มันเหลือเกินจริงๆ พวกเราบอกว่าต้องการร่างกายกำยำ แต่เจ้าดูเจ้าอุ้มขึ้นมาได้ก็จริง แต่ก็กระอักเลือดเข้าเสียแล้ว พวกเราจะรับไว้ได้อย่างไร?"เจ้าของร้านชะงักไป ตั้งตัวกลับมาได้ "ไม่ใช่สิ ข้าถูกเจ้าเล่นเอาเลอะเทอะเสียแล้ว เดิมทีอายุเจ้าก็ไม่ถึง ท่านเจ้าของของพวกเราเคยบอกไว้ ต้องสิบขวบขึ้นไป ต่อให้เจ้ามีแรงแค่ไหนก็รับไว้ไม่ได้""ขอร้องพวกท่านล่ะ รับข้าไว้เถอะ ขอร้องพวกท่านด้วย"เด็ก
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ
สายตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองเซียวหลันยวนดูซับซ้อนมาก ดูลังเล กำลังตัดสินใจและดูเจ็บปวดทรมานมากแต่หลังจากนี้นางกลับละทิ้งเรื่องที่จะกลับเมืองหลวงหาคนอื่นหรือกระทั่งเรื่องไปแคว้นหมิ่น แล้วิคดจะอยู่ข้างกายเจ้าอารามแทนหรือ?นี่มัน...ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนความคิดกะทันหันของนางมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรตอนนี้นางกลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อวัดคะเนดารานี้เสียแล้ว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นสัมผัสได้ถึงอะไรกันนะ?"องค์หญิงใหญ่พักอยู่ที่นี่สองสามวันก่อนก็ได้ เอาไว้ค่อยว่ากัน"เจ้าอารามเหลือบมองกระจกทรงมุมที่แสงดับไปแล้วผาดหนึ่ง จากนั้นก็มองใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แอบถอนหายใจในใจเขาเองก็ทำไม่สำเร็จ บิดชะตาฝูอวิ้นกลับมาไม่ได้ชั่วคราวผิดพลาดตรงไหนกันแน่นะ?เจ้าอารามมองต่อไปทางฟู่จาวหนิง จากการทำนายส่วนตัวของเขา ทำนายไปทำนายมา ต้นกำเนิดตัวแปรทั้งหมดก็คือฟู่จาวหนิงดังนั้น เรื่องที่เกี่ยวกับฟู่จาวหนิง เขาต้องมาขบคิดให้ดีจริงจัง""เจ้าอารามรับข้าไว้เถอะ แม้ข้าจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ก็ยังเรียนรู้ได้ ข้าเรียนรู้ทำกับข้าว จริงด้วย ข้าเป็นแแม่สื่อได้ด้วยนะ หลังจากนี้ชายเส
บนพื้นมีสามจุดเปล่งแสงขึ้นรางๆ ปรากฏรูปร่างสามแบบคือ แปดเหลี่ยม ทรงกลม ทรงมุมฟู่จาวหนิงเดินเข้าไปสองก้าว จึงพบว่านั่นเป็นกระจกหลากสีเรียบลื่นสามชิ้นสลักฝังอยู่บนพื้น ใต้กระจกน่าจะเป็นหินหยกผิวเรียบ และระหว่างหยกกับกระจกมีของเหลวสีแดงเจือสีเงินไหลเอื่อยๆ อยู่ยิ่งไปกว่านั้น เพียงไม่นาน ด้านบนยังมีแสงระยิบเหมือนดวงดาว ราวกับจำลองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวออกมาเจ้าอารามเดินเข้าไปใกล้ กวักมือให้กับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"มานี่"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ค่อนข้างว่าง่าย เดินเข้าไปทันทีเจ้าอารามส่งลูกปัดหยกสีดำเม็ดหนึ่งให้นาง"นั่งขัดสมาธิ กำลูกปัดเม็ดนี้ไว้ สัมผัสดูว่ามันนำเจ้าไปยังมิติดาราไหน แล้วจงชี้ออกมา"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ทำตามที่เขาบอกนั่งลงขัดสมาธิบนพื้น สองมือกุมลูกปัดนั้น ตั้งสมาธิสัมผัสผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงหันหลังอย่างลังเลไปทางทรงมุมนั้น"ทางนี้"ฟู่จาวหนิงยืนมองอยู่ข้างๆจากที่นางเห็น เจ้าอารามเหมือนคนที่กำลังเล่นละครหลอกคนอย่างไรอย่างนั้น เรื่องแบบนี้จะทำนายดวงชะตาออกมาได้อย่างไร?กำลูกปัดลูกหนึ่งไว้ ก็สามารถชักนำให้ตนเองเลือกกระจกหลากสีแผ่นไหนแบ
ดาวสองดวงนั้นประกายจ้ามาก แล้วยังอยู่ใกล้มากด้วย ส่องประกายให้กันและกัน เหมือนขานรับกันและกันไม่รู้เพราะอะไร พอเห็นดาวสองดวงนี้ ฟู่จาวหนิงรู้สึกมีความสุขขึ้นมานางมองไปทางเซียวหลันยวน ถามขึ้นเสียงแผ่วเบา "ท่านเห็นดาวดวงไหนหรือ?"เซียวหลันยวนไม่ตอบ แต่กุมมือนางมัน จับนิ้วนางชี้ออกไป"เอ๋?"ที่เซียวหลันยวนชี้ก็คือดาวสองดวงนั้น!หรือพวกเขาจะมองเห็นแบบเดียวกัน?แน่นอนว่าอาจจะเพราะดาวสองดวงนั้นสว่างไสวมากที่สุด คนอื่นเองก็อาจจะมองเห็นพวกมันด้วยฟู่จาวหนิงคิดเช่นนี้ เลยมองไปทางองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น แต่กลับเห็นนางมองไปทางอื่นนางมองไล่ตามสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไป ตรงนั้นมีดาวดวงหนึ่ง สว่างอยู่เหมือนกัน แต่ดาวที่อยู่รอบๆ เล็กเอามากๆ จึงส่องระยับอยู่เพียงดวงเดียวที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองอยู่น่าจะเป็นดวงนั้นกระมัง?ตอนที่นางจะเก็บสายตาก็กวาดไปเห็นซางจื่อพอดี และเห็นซางจื่อก็กำลังมองท้องฟ้า แต่สายตาของเขาดูสับสน สีหน้าเองก็ตกตะลึงไปฟู่จาวหนิงคิดๆ ถอยหลังสองก้าวไปอยู่ข้างๆ ซางจื่อซางจื่อเก็บสายตากลับ มองไปทางนาง ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ นางก็มาอยู่ข้างๆ"ซางจื่อ เจ้าชอบดาวดวงไหน?"ซา
"แต่ก่อนท่านเคยเห็นเขาระบำมาก่อนไหม?""ไม่มีเคยเลย"ตอนที่พวกเขาหยุดเท้ายืนมอง องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงข้างกายพวกเขานางเองก็มองการร่ายรำบนแท่นชมดาว สายตาดูเคลิบเคลิ้มหน่อยๆ"ข้าได้ยินว่า แต่ก่อนตงฉิงก็มีระบำทำนายดวงดาวอยู่ประเภทหนึ่ง คิดค้นขึ้นมาโดยตระกูลราชครูตงฉิง นี่เป็นระบำที่ลึกลับมาก จังหวะก้าวเท้าทุกก้าวล้วนพิถีพิถัน นำมาซึ่งพลังแห่งดวงดาว ทำให้ผู้ทำนายดวงดาวมีพลังที่ลึกลับมากขึ้น ผลลัพธ์การทำนายเองก็แม่นยำขึ้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ลืมสิ่งที่เซียวหลันยวนพูดไว้เมื่อครู่ เรื่องที่ไม่ให้นางเข้ามาใกล้นัก แต่มายืนอยู่ข้างกายพวกเขา พูดเรื่องที่ตนเองรู้มาก่อนหน้านี้ออกมาอย่างอดไม่อยู่"ตระกูลราชครูของตงฉิง?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองนางผาดหนึ่ง"ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ยินองค์จักรพรรดิของข้าบอกมา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเห็นว่านางยอมพูดกับตนเอง ก็รู้สึกเหมือนได้รับเกียรติจนประหลาดใจขึ้นมา "ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินว่าองค์จักรพรรดิข้าค้นหาตระกูลราชครูตงฉิงอยู่ตลอด ว่ากันว่า ตระกูลราชครูนั้นรู้ความลับมากมายของตงฉิง สามารถช่วยให้อาณาจักรมั่นคงได้ด้วย"เซียวหลันยวนร้องเฮอะขึ้นมาต้