ที่นี่เปลี่ยนเป็นละครชายแก่ไล่ทุบลูกชายไปทันทีคุณชายน้อยโม่กุมหัววิ่งหัวซุกหัวซุนคนอื่นๆ ยังไม่ทันตั้งตัวฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว ร้องขึ้นมาทันควัน "ถ้ายังไม่อยากตายก็หยุดมือก่อน!"พอเสียงของนางดังขึ้น ท่านโม่ก็หยุดเท้าลงทันทีท่านโม่เองก็ตกตะลึง ยังยกมือค้างไว้อยู่ แต่กลับหันหน้ามาทางนาง มองนางอย่างสงสัย"เมื่อครู่ท่านสลบไปไม่รู้หรือ? ตื่นขึ้นมาได้คิดว่าไม่เป็นไรแล้วหรือไรกัน? นอนลงไป!"ฟู่จาวหนิงน้ำเสียงเข้มงวด สีหน้าจริงจัง พลังเต็มเปี่ยมขนาดที่ท่านโม่ร่างกำยำสูงใหญ่เห็นท่าทางของนางเช่นนี้ก็ยังรู้สึกเสียววาบ ยังไม่ทันตั้งตัวดี แต่ร่างกายกลับซื่อตรง เดินกลับมานอนลงไปบนแคร่แล้วคนอื่นเองก็มองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง"คำพูดที่ท่านโม่พูดเมื่อครู่ คิดว่าทุกคนคงได้ยินกันแล้ว"เสิ่นเสวียนตอนนี้จึงลุกขึ้นมาอย่างได้จังหวะเหมาะ"เรื่องนี้คิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ดังนั้นทุกคนก็แยกย้ายเถอะ โถงป๋ออวี้เน้นหนักเรื่องความเชื่อใจมาโดยตลอด ไม่มีทางทำเรื่องอย่างการเอาของปลอมมาแอบอ้างเป็นของจริงแน่ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของต่างๆ ที่แขกต้องการมาสั่งทำก็ล้วนใช้วัสดุกับฝีมือชั้นยอด ถ้าต้องการสามารถ
นางอันที่จริงก็ดีใจอยู่ เพราะสามีก็หลงใหลการลงหมากรุกกับขบคิดกลยุทธ์หมากจริงๆ ไม่ค่อยจะออกไปสรวญเสเฮฮากับคนอื่น เวลาส่วนใหญ่จึงอยู่แต่ในบ้านแต่ตอนนี้ดูท่าเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?ฟู่จาวหนิงให้ท่านโม่นอนคว่ำ"เพราะท่านนั่งระยะยาวไม่ถูกต้อง แล้วยังก้มหน้าอยู่ตลอดอีก กระดูกสันหลังส่วนคอมีแรกกดทับมาก จึงป่วยเป็นโรคกระดูกคอ"ฟู่จาวหนิงพูดไปด้วยพลางกดลงไปที่กระดูกสันหลังคอของท่านโม่ พอออกแรงหน่อย ท่านโม่ก็ร้องเจ็บออกมา"กระดูกสันหลังคอนี้พอถูกกดทับ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพ จึงเกิดอันตรายอย่างการเป็นลมเมื่อครู่ได้ แต่เส้นเลือดสมองของท่านโม่น่าจะอุดตันอยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อครู่หมอหวางหมอถังพวกเขาจึงเกือบจับชีพจรไม่ได้"อันที่จริงเมื่อครู่นี้ที่ทำการผายปอดช่วยหายใจเมื่อครู่ไม่ใช่วิธีการรักษาโรคกระดูกสันหลังส่วนคอแต่นางสงสัยว่าส่วนสมองของท่านโม่ยังมีปัญหาอยู่"ท่านต้องนอนพักผ่อนหลายวันหน่อย ขณะเดียวก็ต้องตรวจส่วนสมองอย่างละเอียดด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดจนพวกเขาถลึงตาอ้าปากค้างเพราะนางพูดเรื่องการฆ่าเวลาในยามปกติของท่านโม่ได้ถูกต้อง ทำเอาคนในบ้านของท่านโม่ไม่อาจคัดค้านได้เลยกระทั่งเส
เสิ่นเสวียนถามท่านโม่ "เช่นนั้นหลังจากตื่นมาทำไมจู่ๆ จึงบอกว่าคุณชายน้อยโม่สลับเทวรูปไปหรือ?""ตอนนั้นลุงตงก็รับประกันและอธิบายกับข้ามาตลอดยิ่งไปกว่านั้นยังชี้ออกมาว่าเทวรูปนี้กับตอนที่ข้ารับไปนั้นแตกต่างกัน พอข้ามอง ก็คิดขึ้นมาได้ว่าตอนที่รับจากลุงตงมันไม่เหมือนกันจริงๆ"ท่านโม่ถอนหายใจ โทสะเริ่มกลับมาอีกครั้ง"อย่าขยับ ฝังเข็มอยู่นะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำหนึ่ง ก็ดับความบุ่มบ่ามจะลุกขึ้นมาของเขาลงคุณชายน้อยโม่ก้มหน้า"ข้าตอนนั้นก็เชื่อคำพูดของลุงตง จากนั้นเสิ่นหยางก็บอกกับข้าเรื่องหนึ่ง บอกว่าเจ้าลูกทรพีของข้าก่อนหน้านี้ไปที่โถงเซิ่งป๋อ อะแฮ่ม หรือก็คือคู่แข่งของโถงป๋ออวี้ของพวกท่าน พวกท่านเองก็รู้ พวกท่านทำอะไรพวกเขาก็เลียนแบบ คอยท้าทายกับพวกท่านอยู่ตลอด""พวกเราไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"ใช่ ใช่ใช่ ช่างของโรงป๋ออวี้พวกท่านพวกเขาจะมาเทียบได้อย่างไรกัน?""คุณชายน้อยโม่หยิบแบบผังการสร้างเทวรูป เอาไปให้โถงเซิ่งป๋อทำมารูปหนึ่งหรือ? ใช่ไหม?" เสิ่นเสวียนถาม"ใช่แล้ว คุณชายน้อยเสิ่นหยางก็บอกกับข้าเรื่องนี้ ข้าตอนนั้นเข้าใจขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าท
สืออีสือซานสีหน้าสงบนิ่ง ให้คนโขกศีรษะหลายๆ ทีแล้วทำไมกัน? พระชายาช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทั้งบ้านเลยนะ"ท่านโม่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันกับเพื่อนคนไหนหรือ?" เสิ่นเสวียนถามเรื่องนี้ เขาต้องไปตรวจสอบหน่อยท่านโม่บอกชื่อออกมาหลายชื่อฟู่จาวหนิงหลังจากเก็บเข็มลงไปก็ตรวจสมองของท่านโม่ นางต้องการห้องห้องหนึ่ง และพาท่านโม่เข้าไปแค่คนเดียวหลังจากเข้าไปก็วางยาสลบ ใช้อุปกรณ์ในห้องเภสัชทำการแสกนและเป็นไปตามคาด หลอดเลือดสมองท่านโม่อุดตันอยู่หน่อยๆ ได้รับแรงกดดัน ยังดีที่ไม่ร้ายแรงมาก ตอนนี้ใช้ฝังเข็มบวกกับการนวด และใช้ยาเพื่อทำให้หลอดเลือดโล่งเข้ารักษาแต่กระดูกสันหลังส่วนคอกลับหนักหนามาก อย่างน้อยต้องรักษาระยะหนึ่งหลังจากออกมา ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่าวิธีการทำกายภาพบำบัดนี้สามารถสอนออกมาได้ไหมไม่เช่นนั้นผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนานแบบนี้ นางเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด แน่นอนว่าทำให้ไม่ได้ผลคือพอออกมาก็ส่งสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้าไปที่หมอหวาง"แม่นางฟู่..."ฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง "หมอหวางอยากจะเรียนเรื่องการผายปอดและรักษากระดูกสันหลังส่วนคอไหม?"หมอหวางลิงโลดราวกับจะคุ้มคลั่ง "อยากๆ
ฟู่จาวหนิงนิ่งไปพักหนึ่ง "ไปที่ร้านยาได้ไหม?""อ๋า?" เสิ่นหยางตั้งตัวไม่ทันขึ้นมามีหญิงสาวหน้าตาดีที่ไหนบอกว่าจะไปเดินเล่น แต่สุดท้ายไปจบที่ร้านยากัน?เขายังคิดว่าตนเองฟังผิดไปเสียอีก"คุณชายน้อยหยาง คุณหนูพวกเราบอกจะไปร้านยา" เสี่ยวชิ่นยืนยันอีกครั้งอย่างหวังดี"มีอะไรไม่สะดวกหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงถามอันที่จริงนางอยากจะไปดูว่าโรงยาที่นี่จะมีเอ็นมังกรหยกหรือไม่ เซียวหลันยวนขาดแค่ยาตัวนี้เท่านั้นแล้วถ้าเผื่อมีขึ้นมาล่ะ?"ไม่มีไม่มี เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราเลย" เสิ่นหยางเองก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริงสักเท่าไร"โรงยาที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่าอะไรหรือ?""โรงยาทงฝูน่ะ"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง ที่แท้โรงยาทงฝูก็เปิดมาถึงต้าชื่อนี่เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองที่ตระกูลเสิ่นอยู่อีกต่างหากไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถใต้หล้าได้มาเปิดร้านยาที่นี่บ้างไหมเสิ่นหยางเพียงไม่นานก็พาพวกเขามาถึงโรงยาทงฝูป้ายร้านสองชั้น ตัวอักษรเคลือบทองใหญ่สี่ตัว ทรงพลังมาก ดูแล้วก็เป็นโรงยาที่ใหญ่โตจริงๆต่อให้เป็นโรงยา ตอนนี้กลับมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ดูท่า "การค้า" จะ
"เสี่ยวเอ่อร์ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันก่อนเถอะ ช่างมัน" ชายชราถอนตัวกลางคันเด็กคนนั้นตาแดงรื้น ปล่อยมือเขา กัดฟันวิ่งเข้ามา งุดหัวเข้าไปในโรงยาทงฝู"เสี่ยวเอ่อร์!"ชายชราตกใจ รีบตามเข้าไปในโรงยา แต่เขาก็ร้อนรนเกิน จนขาสะดุดร่างตะแคง ตอนกำลังจะล้มลงพื้น ฟู่จาวหนิงก็ญื่นมือเข้ามาประคองเขา"ระวังด้วย"ชายชราเงยหน้าขึ้นมองนางผาดหนึ่ง รีบเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง"เขาเป็นห่วงหลานชาย ร้อนรนจนทนไม่ไหว และยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็พุ่งเข้าไปในโรงยาทงฝูแล้ว"ไป พวกเราเองก็เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเตรียมจะเข้าไป ก็ปะหน้าเข้ากับเสิ่นหยางเสิ่นหยางส่ายหน้าให้นางดูท่าที่นี่จะไม่มีเอ็นมังกรหยกเสียแล้วฟู่จาวหนิงผิดหวังหน่อยๆ เพราะนางอยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้ได้ แต่นางก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเอ็นมังกรหยกเร็วขนาดนี้ ต้องอดทนหน่อย"รู้แล้ว"นางปล่อยเรื่องเอ็นมังกรหยกลงมาก่อนหลังจากเด็กคนนั้นเข้ามาก็ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าของโรงยา กำลังโขกศีรษะตึงๆๆ"ท่านเจ้าของร้านได้โปรดเถิด เรื่องอะไรข้าก็ทำให้ จะยาอะไรข้าก็จะลองให้ ข้ากินข้าวไม่เยอะ ครึ่งชามก็พอ!"นี่ค
"เจ้าดูสิ เจ้าดู ข้าบอกอะไรไว้?" เจ้าของร้านร้อนรนขึ้นแล้ว ร้องเรียกขึ้นมา "นี่จะมาโทษโรงยาของพวกเราไม่ได้นะ เด็กคนนี้ไม่ฟังคำเตือนเอง! เร็วๆ ประคองเข้าไปนั่งดูแผลทางนั้น!"เสี่ยวเอ่อร์นั่งอยู่บนพื้น ชายชราถูกเคนถูกเขาทำให้ตกใจจนหน้าซีดไปแล้วคนของโรงยารีบก้าวเข้าไปตรวจเสี่ยวเอ่อร์เสี่ยวเอ่อร์มุมปากมีเลือดออก แต่ก็ยังแสยะยิ้ม "ลุงเจ้าของร้าน ไม่โทษโรงยาของพวกท่านอยู่แล้ว เป็นข้า ข้าเองที่อุ้มหม้อทองแดงใบนั้น แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่ไหม? ข้าอุ้มหม้อทองแดงขึ้นมาได้แล้ว รับข้าไว้ได้แล้วใช่ไหม?"ต่อให้แค่อุ้มขึ้นมาจากพื้นไม่กี่ชิ้น เขาก็อุ้มขึ้นมาได้แล้ว พลังแค่นี้ถือว่ามีแรงมากแล้ว"เด็กอย่างเจ้านี่มันเหลือเกินจริงๆ พวกเราบอกว่าต้องการร่างกายกำยำ แต่เจ้าดูเจ้าอุ้มขึ้นมาได้ก็จริง แต่ก็กระอักเลือดเข้าเสียแล้ว พวกเราจะรับไว้ได้อย่างไร?"เจ้าของร้านชะงักไป ตั้งตัวกลับมาได้ "ไม่ใช่สิ ข้าถูกเจ้าเล่นเอาเลอะเทอะเสียแล้ว เดิมทีอายุเจ้าก็ไม่ถึง ท่านเจ้าของของพวกเราเคยบอกไว้ ต้องสิบขวบขึ้นไป ต่อให้เจ้ามีแรงแค่ไหนก็รับไว้ไม่ได้""ขอร้องพวกท่านล่ะ รับข้าไว้เถอะ ขอร้องพวกท่านด้วย"เด็ก
กระทั่งปู่ของเขาก็ยังพยักหน้าอย่างอดไม่อยู่ แสดงออกมาว่าเสี่ยวเอ่อร์พูดถูกต้อง"องค์หญิงใหญ่ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ มีโชคลาภยืนยาว พวกเราพาท่านย่าไปเชิญให้องค์หญิงใหญ่ประทานพรให้ ท่านย่าจะต้องดีขึ้นมาแน่ แต่ถ้าหากไม่เข้ามาในเมืองหลวงจักรพรรดิก่อน องค์หญิงใหญ่กลับมาวันนั้นพวกเราคงไปไม่ถึงด้านหน้าเพื่อรับโชคแน่ พวกเรายังต้องหาคนมาช่วย"พวกเขาได้ยินว่าคนที่จะไปรับโชคลาภมีมากมายมหาศาลเลยใครก็อยากไปรับโชคภาพจากองค์หญิงใหญ่กันทั้งนั้น แต่องค์หญิงใหญ่จะหยุดอยู่ที่ปลายถนนนั้นแค่ครู่เดียว ถ้าหากไม่มีช่องทางระดับหนึ่ง เบียดตัวเข้าไปไม่ได้แน่นอน"เชิญหมอใหญ่ให้เข้าไปดูอาการก่อนแล้วค่อยไปวังจักรพรรดิก็ยังไม่สาย เช่นนี้เองก็ไม่เสียเวลาล่าช้าด้วย" ซือถูไป๋พอได้ยินคำพูดพวกเขาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อหน่อยๆ แต่ก็ยังอยากจะลองเตือนดู"ไม่ ไม่เชิญหมอใหญ่ พวกเรารวมเหรียญทองแดงเอาไว้หมดแล้ว" เสี่ยวเอ่อร์ตอบถ้ายังเชิญหมอใหญ่แล้วยังจัดยาต่อ นั่นมันต้องจ่ายเงินอีกเท่าไรกัน? พวกเขาเดิมทีก็รวมเงินเพื่อเข้าเมืองหลวงไว้แล้ว ถ้ายังต้องจ่ายอีกมันก็ไม่จำเป็นจริงๆเสี่ยวชิ่นพอได้ยินคำพูดของปู่หลานคู่นี้ก็รู้สึ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง
เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินจริงๆเขาเองก็ไม่ได้มีตัวตนฐานะพิเศษอะไร แต่กลับใช้ความสามารถตนเองเข้าไปในคุกใหญ่ได้ เข้าคุกใหญ่ไปยังพอทำเนา แต่นี่ยังได้พบกับโป๋จีด้วยนี่ร้ายกาจมากจริงๆ"พวกเจ้าให้เขาเข้าไปแบบนี้เลยหรือ?" เซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจจริงๆ"เรื่องนี้ เพราะโป๋จีพูดภาษาเราได้แค่นิดหน่อย คุณชายฟู่เขาพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้"หัวหน้าคุกกังวลนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนยกโทษให้กับสามีภรรยาตระกูลฟู่แล้วหรือยังคนไม่น้อยในเมืองหลวงก็ยังมองความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ออกถ้าหากอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วหันมาระบายบนตัวเขาจะทำอย่างไรกัน"ท่านอ๋อง ท่านเองก็จะเข้าไปพบโป๋จีคนนั้นหรือ?" เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวังอ๋องเจวี้ยนออกมาได้อีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้ติดโรคระบาดนั้นมาพวกผู้คุมในคุกใหญ่หลายวันนี้ยังไม่ได้ดื่มยาน้ำของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนกินอาหารกันวันละสามมื้อ แต่ก็ยังไม่มีใครติดโรคชนิดนั้นเลยดังนั้นพวกเขาเชื่อมั่นในยาขอพระชายาอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเชื่อมั่นว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้เป็นโรคระบาดด้วย"ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่แน่นอน ท่านอ๋องเข้าไปได้" หัว
เซียวหลันยวนมองเสิ่นเชี่ยวผาดหนึ่ง"ก็แค่ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น"มีแผนอะไรเสียที่ไหน?เรื่องเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาลงมือตรวจสอบชัดเจน ก็ไม่ใช่อะไรที่จำทำเสร็จในชั่วครู่องค์จักรพรรดิจะต้องหยิบยืมเรื่องนี้แน่นอนใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าทางนี้คงทานได้อีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาพาฟู่จาวเฟยไปคุกใหญ่ฟู่จาวหนิงกลับเข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนขึ้นมา"พวกเราตอนนี้ส่งไปเอง ยังพอจะเลือกห้องขังได้อยู่""ข้าฟังพวกเจ้านั่นล่ะ" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นทันทีนางต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อลูกสาว ไม่ต้องถามให้ชัดเจนนัก ลูกสาวจะต้องไม่ทำร้ายน้องชายแน่ๆ แค่ฟังนางไว้ก็พอเรื่องในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องเข้าใจชัดเจนกว่านางแน่นอน"เรื่องนั้นไม่ควรชักช้าไปกันตอนนี้เลย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหมุนตัวออกไปก่อนฟู่จาวหนิงกวักมือให้เสี่ยวเฟย "ไปกัน"ฟู่จาวเฟยเองก็เดิมตามนางไปอย่างเชื่อมั่นทันทีเสิ่นเชี่ยวเดินมาถึงด้านหลัง คารวะให้กับใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้า "ขอบคุณใต้เท้าที่ดูแล""เกรงใจเกินไปแล้ว..."ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ก็เหมือนจะเกรงใจมากเกินไปเขายังกลายเป
ท่านพี่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ใจของเขาสงบลงมาได้ไม่น้อยเลย"จาวหนิง นี่มาจากในภูเขาหรือ? เหนื่อยแย่เลยสิ?" เสิ่นเชี่ยวยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นทันที "เจ้าดื่มชาร้อนนี่ก่อนเถอะ เพิ่งต้มใหม่เลย ยังไม่ได้ดื่ม"นางเห็นฟู่จาวหนิงมีรอยคล้ำใต้ตาจางๆ ในภูเขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ และคงไม่ได้พักผ่อนดีนักแต่พอยกถ้วยชาขึ้นมา เสิ่นเชี่ยวก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะรับน้ำใจของนางไหมฟู่จาวหนิงรับมา ดื่มไปอึกหนึ่ง ผ่อนคลายลงมาได้"เรื่องจดหมายนี่อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปกติบ้างไหม หรือมีคนมาหาเจ้าบ้างหรือเปล่า?"เสิ่นเชี่ยวถอนใจโล่ง ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาแม้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้อยู่กับพวกเขาจะไม่ค่อยคล้ายกับพ่อแม่ลูกเท่าไรนัก แต่นางเชื่อว่าในด้านความรู้สึกก็ยังพอเห็นได้บ้าง เดิมทีก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอยู่ฟู่จาวเฟยส่ายหัว รีบร้อนรับประกันอย่างขันแข็งขึ้นมา "ท่านพี่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่มีคนมาหาข้าด้วย แล้วก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรอีก ข้าเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปด้านนอก""ช่วยนี้มีใครมาที่บ้านไหม?""ไม่มี มีแต่ท่านพ่อที่ออกไปบ่อยๆ ข้าอยู่ในแต่บ้านฝึกยุทธ์" ฟู่จาวเฟ
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร
"องค์จักรพรรดิทนแ่รงกดดันของกลุ่มขุนนางไม่ไหว วันนี้ในที่สุดก็กลับมาประชุมเช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งคนไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน ต้องการจะเห็นข้าให้ได้ ข้าก็เลยโผล่หน้าออกมาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างใจเย็น"สวมหน้ากากไว้หรือ?"เซียวหลันยวนยิ้มๆ ตัวเองเหมือนจะสนุกขึ้นมาหน่อยแล้วเขาส่ายหัว "ไม่ใช่ จำใบหน้าที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านั้นได้ไหม?""ท่านหมายถึง ที่หนังหน้าแผลเป็นที่เอามาใช้ค้นคว้าการกำจัดแผลเป็นนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ใช่ ข้าแปะเจ้านั่นออกไปพบคน""พรวด"ฟู่จาวหนิงยอมเขาจริงๆ เพราะหน้ากากหนังหน้านั้น คือสิ่งที่นางทำขึ้นมาตอนค้นคว้าการรักษา เป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ มีแผลเป็นปลอมบางส่วนที่นางใช้วัสดุทำปลอมขึ้นมา แปะไปบนหน้าหน้าจะดูไม่ค่อยสนิทนัก แล้วยังดูบวมออกมาอีกชั้นหนึ่งด้วยแล้วก็หนังหน้านั้นพอแปะบนหน้า ก็เหมือนว่าทั้งใบหน้านั่นน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยทีเดียว ดูจะคล้ายๆ กับตอนที่เซียวหลันยวนยังรักษาไม่หายก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็น่าตกใจและน่ากลัวอยู่"คนในวังคงมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจหน่อยๆ หน้ากากนั่นทำมาไม่สมจริงนัก มองหลายๆ ครั้งหน่
เซียวหลันยวนปลดหน้ากากลง"มีคนส่งจดหมายด่วนเข้ามา บอกว่าจับตัวโป๋จีแม่ทัพบู๊ที่ราชาเฮ่อเหลียนไว้วางใจที่สุดได้ บนตัวโป๋จีมีจดหมายลับที่จะส่งให้เสี่ยวเฟยอยู่ คนในที่ว่าการส่งคนไปยังจวนตระกูลฟู่ พาตัวเสี่ยวเฟยไปแล้ว"เซียวหลันยวนเดิมทียังคิดจะรีบบอกนางเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้นางที่เหนื่อยล้าต้องตกใจเกินไปให้นางสบายขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ออกมาดีกว่าฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง"แล้วเสี่ยวเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากแน่ ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนถึงได้กลับไปจัดการเอง"อยูในจวนทางการ พ่อของเจ้าเองก็ตามไปแล้ว พาจงเจี้ยนไปด้วย ยังไม่ต้องร้อนใจ ข้าให้คนคอยเฝ้าจวนทางการไว้แล้ว ก่อนที่พวกเราจะกลับถึงจะไม่มีใครพาพวกเขาไปไหน"เขาลงมือจัดการเอง ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเฟยคงเกิดเรื่องเข้า ฟู่จาวหนิงคงร้อนใจไม่ไหวแน่นอนพอได้ยินคำนี้ ใจของฟู่จาวหนิงจึงค่อยๆ นิ่งลงมา "โป๋จีเป็นคนสำคัญข้างกายราชาเฮ่อเหลียนหรือ? เป็นแม่ทัพบู๊? แล้ววรยุทธ์ดีไหม?"นางไม่เคยได้ยินเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าก็จริง เสี่ยวเฟยเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนของราชาเฮ่อเหลียนอยู่หลายคน
อ๋องฉยงแอบกัดฟัน"ข้าอยู่ที่นี่รอฟ้าสางแล้วค่อยเข้าภูเขาก้ได้..." อ๋องฉยงยังคิดจะดิ้นรนเซียวหลันยวนจะยอมให้เขาดิ้นรนได้อย่างไร?"เช่นนั้นได้อย่างไร? ใครก็ได้ เก็บกระโจมเสีย"พอเขาสั่งคำสั่ง ก็มีองครักษ์ออกไปทันที เคลื่อนไหวจัดการเก็บกระโจมเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว"เอาคบไฟให้อ๋องฉยงไปส่องทางด้วย""ขอรับ"กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ถูกคนนำกิ่งไปจุดเพื่อทำเป็นคบไฟหลายๆ อัน ส่วนไฟที่เหลือก็ดับทิ้ง สาดโคลนลงไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น"กระโจมนี้ข้าให้คนกางมันขึ้น กองไฟเองข้าก็เป็นคนสั่งให้จุดขึ้นมา ตอนนี้ข้าจัดการเก็บกวาดไป คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนมองอ๋องฉยง น้ำเสียงสงบนิ่งมากจะไปมีปัญหาอะไรได้?เดิมทีหลังจากที่อ๋องฉยงมาเห็นกระโจมชั่วคราวก็อยากจะครองเป็นของตัวเอง แล้วมารอฟู่จาวหนิงที่นี่ใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนจะวกกลับมากัน?ตอนนี้ถ้าเขาบอกว่าจะค้างคืนที่นี่พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีกระโจมแต่ยังคิดจะอยู่ค้างคืนที่นี่ ต่อให้ก่อไฟก็ยังหนาวตายได้เขาเองก็ไม่ได้มีกำลังภายในลึกล้ำคอยป้องกันตัวด้วย"อ๋องฉยงเมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นเขาหรือ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง