ที่นี่เปลี่ยนเป็นละครชายแก่ไล่ทุบลูกชายไปทันทีคุณชายน้อยโม่กุมหัววิ่งหัวซุกหัวซุนคนอื่นๆ ยังไม่ทันตั้งตัวฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว ร้องขึ้นมาทันควัน "ถ้ายังไม่อยากตายก็หยุดมือก่อน!"พอเสียงของนางดังขึ้น ท่านโม่ก็หยุดเท้าลงทันทีท่านโม่เองก็ตกตะลึง ยังยกมือค้างไว้อยู่ แต่กลับหันหน้ามาทางนาง มองนางอย่างสงสัย"เมื่อครู่ท่านสลบไปไม่รู้หรือ? ตื่นขึ้นมาได้คิดว่าไม่เป็นไรแล้วหรือไรกัน? นอนลงไป!"ฟู่จาวหนิงน้ำเสียงเข้มงวด สีหน้าจริงจัง พลังเต็มเปี่ยมขนาดที่ท่านโม่ร่างกำยำสูงใหญ่เห็นท่าทางของนางเช่นนี้ก็ยังรู้สึกเสียววาบ ยังไม่ทันตั้งตัวดี แต่ร่างกายกลับซื่อตรง เดินกลับมานอนลงไปบนแคร่แล้วคนอื่นเองก็มองฟู่จาวหนิงอย่างตกตะลึง"คำพูดที่ท่านโม่พูดเมื่อครู่ คิดว่าทุกคนคงได้ยินกันแล้ว"เสิ่นเสวียนตอนนี้จึงลุกขึ้นมาอย่างได้จังหวะเหมาะ"เรื่องนี้คิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ดังนั้นทุกคนก็แยกย้ายเถอะ โถงป๋ออวี้เน้นหนักเรื่องความเชื่อใจมาโดยตลอด ไม่มีทางทำเรื่องอย่างการเอาของปลอมมาแอบอ้างเป็นของจริงแน่ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งของต่างๆ ที่แขกต้องการมาสั่งทำก็ล้วนใช้วัสดุกับฝีมือชั้นยอด ถ้าต้องการสามารถ
นางอันที่จริงก็ดีใจอยู่ เพราะสามีก็หลงใหลการลงหมากรุกกับขบคิดกลยุทธ์หมากจริงๆ ไม่ค่อยจะออกไปสรวญเสเฮฮากับคนอื่น เวลาส่วนใหญ่จึงอยู่แต่ในบ้านแต่ตอนนี้ดูท่าเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ?ฟู่จาวหนิงให้ท่านโม่นอนคว่ำ"เพราะท่านนั่งระยะยาวไม่ถูกต้อง แล้วยังก้มหน้าอยู่ตลอดอีก กระดูกสันหลังส่วนคอมีแรกกดทับมาก จึงป่วยเป็นโรคกระดูกคอ"ฟู่จาวหนิงพูดไปด้วยพลางกดลงไปที่กระดูกสันหลังคอของท่านโม่ พอออกแรงหน่อย ท่านโม่ก็ร้องเจ็บออกมา"กระดูกสันหลังคอนี้พอถูกกดทับ เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพ จึงเกิดอันตรายอย่างการเป็นลมเมื่อครู่ได้ แต่เส้นเลือดสมองของท่านโม่น่าจะอุดตันอยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อครู่หมอหวางหมอถังพวกเขาจึงเกือบจับชีพจรไม่ได้"อันที่จริงเมื่อครู่นี้ที่ทำการผายปอดช่วยหายใจเมื่อครู่ไม่ใช่วิธีการรักษาโรคกระดูกสันหลังส่วนคอแต่นางสงสัยว่าส่วนสมองของท่านโม่ยังมีปัญหาอยู่"ท่านต้องนอนพักผ่อนหลายวันหน่อย ขณะเดียวก็ต้องตรวจส่วนสมองอย่างละเอียดด้วย"ฟู่จาวหนิงพูดจนพวกเขาถลึงตาอ้าปากค้างเพราะนางพูดเรื่องการฆ่าเวลาในยามปกติของท่านโม่ได้ถูกต้อง ทำเอาคนในบ้านของท่านโม่ไม่อาจคัดค้านได้เลยกระทั่งเส
เสิ่นเสวียนถามท่านโม่ "เช่นนั้นหลังจากตื่นมาทำไมจู่ๆ จึงบอกว่าคุณชายน้อยโม่สลับเทวรูปไปหรือ?""ตอนนั้นลุงตงก็รับประกันและอธิบายกับข้ามาตลอดยิ่งไปกว่านั้นยังชี้ออกมาว่าเทวรูปนี้กับตอนที่ข้ารับไปนั้นแตกต่างกัน พอข้ามอง ก็คิดขึ้นมาได้ว่าตอนที่รับจากลุงตงมันไม่เหมือนกันจริงๆ"ท่านโม่ถอนหายใจ โทสะเริ่มกลับมาอีกครั้ง"อย่าขยับ ฝังเข็มอยู่นะ" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นเรียบๆ คำหนึ่ง ก็ดับความบุ่มบ่ามจะลุกขึ้นมาของเขาลงคุณชายน้อยโม่ก้มหน้า"ข้าตอนนั้นก็เชื่อคำพูดของลุงตง จากนั้นเสิ่นหยางก็บอกกับข้าเรื่องหนึ่ง บอกว่าเจ้าลูกทรพีของข้าก่อนหน้านี้ไปที่โถงเซิ่งป๋อ อะแฮ่ม หรือก็คือคู่แข่งของโถงป๋ออวี้ของพวกท่าน พวกท่านเองก็รู้ พวกท่านทำอะไรพวกเขาก็เลียนแบบ คอยท้าทายกับพวกท่านอยู่ตลอด""พวกเราไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้น"ใช่ ใช่ใช่ ช่างของโรงป๋ออวี้พวกท่านพวกเขาจะมาเทียบได้อย่างไรกัน?""คุณชายน้อยโม่หยิบแบบผังการสร้างเทวรูป เอาไปให้โถงเซิ่งป๋อทำมารูปหนึ่งหรือ? ใช่ไหม?" เสิ่นเสวียนถาม"ใช่แล้ว คุณชายน้อยเสิ่นหยางก็บอกกับข้าเรื่องนี้ ข้าตอนนั้นเข้าใจขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าท
สืออีสือซานสีหน้าสงบนิ่ง ให้คนโขกศีรษะหลายๆ ทีแล้วทำไมกัน? พระชายาช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทั้งบ้านเลยนะ"ท่านโม่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันกับเพื่อนคนไหนหรือ?" เสิ่นเสวียนถามเรื่องนี้ เขาต้องไปตรวจสอบหน่อยท่านโม่บอกชื่อออกมาหลายชื่อฟู่จาวหนิงหลังจากเก็บเข็มลงไปก็ตรวจสมองของท่านโม่ นางต้องการห้องห้องหนึ่ง และพาท่านโม่เข้าไปแค่คนเดียวหลังจากเข้าไปก็วางยาสลบ ใช้อุปกรณ์ในห้องเภสัชทำการแสกนและเป็นไปตามคาด หลอดเลือดสมองท่านโม่อุดตันอยู่หน่อยๆ ได้รับแรงกดดัน ยังดีที่ไม่ร้ายแรงมาก ตอนนี้ใช้ฝังเข็มบวกกับการนวด และใช้ยาเพื่อทำให้หลอดเลือดโล่งเข้ารักษาแต่กระดูกสันหลังส่วนคอกลับหนักหนามาก อย่างน้อยต้องรักษาระยะหนึ่งหลังจากออกมา ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่าวิธีการทำกายภาพบำบัดนี้สามารถสอนออกมาได้ไหมไม่เช่นนั้นผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนานแบบนี้ นางเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด แน่นอนว่าทำให้ไม่ได้ผลคือพอออกมาก็ส่งสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้าไปที่หมอหวาง"แม่นางฟู่..."ฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง "หมอหวางอยากจะเรียนเรื่องการผายปอดและรักษากระดูกสันหลังส่วนคอไหม?"หมอหวางลิงโลดราวกับจะคุ้มคลั่ง "อยากๆ
ฟู่จาวหนิงนิ่งไปพักหนึ่ง "ไปที่ร้านยาได้ไหม?""อ๋า?" เสิ่นหยางตั้งตัวไม่ทันขึ้นมามีหญิงสาวหน้าตาดีที่ไหนบอกว่าจะไปเดินเล่น แต่สุดท้ายไปจบที่ร้านยากัน?เขายังคิดว่าตนเองฟังผิดไปเสียอีก"คุณชายน้อยหยาง คุณหนูพวกเราบอกจะไปร้านยา" เสี่ยวชิ่นยืนยันอีกครั้งอย่างหวังดี"มีอะไรไม่สะดวกหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงถามอันที่จริงนางอยากจะไปดูว่าโรงยาที่นี่จะมีเอ็นมังกรหยกหรือไม่ เซียวหลันยวนขาดแค่ยาตัวนี้เท่านั้นแล้วถ้าเผื่อมีขึ้นมาล่ะ?"ไม่มีไม่มี เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราเลย" เสิ่นหยางเองก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริงสักเท่าไร"โรงยาที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่าอะไรหรือ?""โรงยาทงฝูน่ะ"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง ที่แท้โรงยาทงฝูก็เปิดมาถึงต้าชื่อนี่เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองที่ตระกูลเสิ่นอยู่อีกต่างหากไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถใต้หล้าได้มาเปิดร้านยาที่นี่บ้างไหมเสิ่นหยางเพียงไม่นานก็พาพวกเขามาถึงโรงยาทงฝูป้ายร้านสองชั้น ตัวอักษรเคลือบทองใหญ่สี่ตัว ทรงพลังมาก ดูแล้วก็เป็นโรงยาที่ใหญ่โตจริงๆต่อให้เป็นโรงยา ตอนนี้กลับมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ดูท่า "การค้า" จะ
"เสี่ยวเอ่อร์ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันก่อนเถอะ ช่างมัน" ชายชราถอนตัวกลางคันเด็กคนนั้นตาแดงรื้น ปล่อยมือเขา กัดฟันวิ่งเข้ามา งุดหัวเข้าไปในโรงยาทงฝู"เสี่ยวเอ่อร์!"ชายชราตกใจ รีบตามเข้าไปในโรงยา แต่เขาก็ร้อนรนเกิน จนขาสะดุดร่างตะแคง ตอนกำลังจะล้มลงพื้น ฟู่จาวหนิงก็ญื่นมือเข้ามาประคองเขา"ระวังด้วย"ชายชราเงยหน้าขึ้นมองนางผาดหนึ่ง รีบเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง"เขาเป็นห่วงหลานชาย ร้อนรนจนทนไม่ไหว และยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็พุ่งเข้าไปในโรงยาทงฝูแล้ว"ไป พวกเราเองก็เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเตรียมจะเข้าไป ก็ปะหน้าเข้ากับเสิ่นหยางเสิ่นหยางส่ายหน้าให้นางดูท่าที่นี่จะไม่มีเอ็นมังกรหยกเสียแล้วฟู่จาวหนิงผิดหวังหน่อยๆ เพราะนางอยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้ได้ แต่นางก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเอ็นมังกรหยกเร็วขนาดนี้ ต้องอดทนหน่อย"รู้แล้ว"นางปล่อยเรื่องเอ็นมังกรหยกลงมาก่อนหลังจากเด็กคนนั้นเข้ามาก็ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าของโรงยา กำลังโขกศีรษะตึงๆๆ"ท่านเจ้าของร้านได้โปรดเถิด เรื่องอะไรข้าก็ทำให้ จะยาอะไรข้าก็จะลองให้ ข้ากินข้าวไม่เยอะ ครึ่งชามก็พอ!"นี่ค
"เจ้าดูสิ เจ้าดู ข้าบอกอะไรไว้?" เจ้าของร้านร้อนรนขึ้นแล้ว ร้องเรียกขึ้นมา "นี่จะมาโทษโรงยาของพวกเราไม่ได้นะ เด็กคนนี้ไม่ฟังคำเตือนเอง! เร็วๆ ประคองเข้าไปนั่งดูแผลทางนั้น!"เสี่ยวเอ่อร์นั่งอยู่บนพื้น ชายชราถูกเคนถูกเขาทำให้ตกใจจนหน้าซีดไปแล้วคนของโรงยารีบก้าวเข้าไปตรวจเสี่ยวเอ่อร์เสี่ยวเอ่อร์มุมปากมีเลือดออก แต่ก็ยังแสยะยิ้ม "ลุงเจ้าของร้าน ไม่โทษโรงยาของพวกท่านอยู่แล้ว เป็นข้า ข้าเองที่อุ้มหม้อทองแดงใบนั้น แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่ไหม? ข้าอุ้มหม้อทองแดงขึ้นมาได้แล้ว รับข้าไว้ได้แล้วใช่ไหม?"ต่อให้แค่อุ้มขึ้นมาจากพื้นไม่กี่ชิ้น เขาก็อุ้มขึ้นมาได้แล้ว พลังแค่นี้ถือว่ามีแรงมากแล้ว"เด็กอย่างเจ้านี่มันเหลือเกินจริงๆ พวกเราบอกว่าต้องการร่างกายกำยำ แต่เจ้าดูเจ้าอุ้มขึ้นมาได้ก็จริง แต่ก็กระอักเลือดเข้าเสียแล้ว พวกเราจะรับไว้ได้อย่างไร?"เจ้าของร้านชะงักไป ตั้งตัวกลับมาได้ "ไม่ใช่สิ ข้าถูกเจ้าเล่นเอาเลอะเทอะเสียแล้ว เดิมทีอายุเจ้าก็ไม่ถึง ท่านเจ้าของของพวกเราเคยบอกไว้ ต้องสิบขวบขึ้นไป ต่อให้เจ้ามีแรงแค่ไหนก็รับไว้ไม่ได้""ขอร้องพวกท่านล่ะ รับข้าไว้เถอะ ขอร้องพวกท่านด้วย"เด็ก
กระทั่งปู่ของเขาก็ยังพยักหน้าอย่างอดไม่อยู่ แสดงออกมาว่าเสี่ยวเอ่อร์พูดถูกต้อง"องค์หญิงใหญ่ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ มีโชคลาภยืนยาว พวกเราพาท่านย่าไปเชิญให้องค์หญิงใหญ่ประทานพรให้ ท่านย่าจะต้องดีขึ้นมาแน่ แต่ถ้าหากไม่เข้ามาในเมืองหลวงจักรพรรดิก่อน องค์หญิงใหญ่กลับมาวันนั้นพวกเราคงไปไม่ถึงด้านหน้าเพื่อรับโชคแน่ พวกเรายังต้องหาคนมาช่วย"พวกเขาได้ยินว่าคนที่จะไปรับโชคลาภมีมากมายมหาศาลเลยใครก็อยากไปรับโชคภาพจากองค์หญิงใหญ่กันทั้งนั้น แต่องค์หญิงใหญ่จะหยุดอยู่ที่ปลายถนนนั้นแค่ครู่เดียว ถ้าหากไม่มีช่องทางระดับหนึ่ง เบียดตัวเข้าไปไม่ได้แน่นอน"เชิญหมอใหญ่ให้เข้าไปดูอาการก่อนแล้วค่อยไปวังจักรพรรดิก็ยังไม่สาย เช่นนี้เองก็ไม่เสียเวลาล่าช้าด้วย" ซือถูไป๋พอได้ยินคำพูดพวกเขาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อหน่อยๆ แต่ก็ยังอยากจะลองเตือนดู"ไม่ ไม่เชิญหมอใหญ่ พวกเรารวมเหรียญทองแดงเอาไว้หมดแล้ว" เสี่ยวเอ่อร์ตอบถ้ายังเชิญหมอใหญ่แล้วยังจัดยาต่อ นั่นมันต้องจ่ายเงินอีกเท่าไรกัน? พวกเขาเดิมทีก็รวมเงินเพื่อเข้าเมืองหลวงไว้แล้ว ถ้ายังต้องจ่ายอีกมันก็ไม่จำเป็นจริงๆเสี่ยวชิ่นพอได้ยินคำพูดของปู่หลานคู่นี้ก็รู้สึ
ฟู่จิ้นเชินอันที่จริงก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนั้นพวกเขาออกจากเมืองไปแบบนั้น หลายๆ เรื่องยังคงอยู่ ทั้งที่เกี่ยวกับราชวงศ์ท่านอ๋อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์จักรพรรดิ และไม่มีทางที่จะลืมเลือนจากเวลาที่ไหลผ่านไปกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ไม่แน่ว่าจะลืมพวกเขาถ้าหากไม่ใช่เพราะลูสาวของพวกเขาจับพลัดจับผลู พบบุพเพมหัศจรรย์จนไปแต่งงานกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้พวกเขายังไม่ทันเข้าเมืองหลวงก็คงถูกคนของอ๋องเจวี้ยนจับไปแล้วสิ่งที่รอพวกเขาก็คือการจำคุกและการไต่สวนหรือบางที คนที่รู้เรื่องเบื้องหลังในตอนนั้น หรือคนที่สงสัยว่าพวกเขาไปรู้ความลับอะไรเข้า ตอนนี้อาจจะเปิดเผยตัวกันออกมาถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเป็นแบบตอนนี้ ที่ยังเข้าเมืองมาได้อย่างปลอดภัย กลับมาที่บ้านกระทั่งว่า บ้านตระกูลฟู่เองก็อาจจะไม่อยู่แล้วด้วย บ้านหลังนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะยังอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกเขากลับบ้านกลับบ้าน ใช่แล้ว พวกเขาในที่สุดก็กลับมาบ้านแล้วและทั้งหมดนี้ เป็นเพราะจาวหนิงเป็นจาวหนิงที่ให้พวกเขากลับมาบ้านได้ฟู่จิ้นเชินเข้าใจจุดนี้ได้ดียิ่งกว่าใครรอจนอารมณ์ของทุกคนนิ่งลงมาแล้ว เขาจึงถามถึงผู้เฒ่าฟู่กับฟู่จาวหนิ
ฟู่จาวหนิง! พระชายาอ๋องเจวี้ยน! พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องของนางมาไม่น้อย นั่นไม่ใช่คนที่ไปยั่วยุได้เลยนะ นางกระทั่งองค์จักรพรรดิก็ยังกล้าไปต่อปากต่อคำด้วย พวกเขาในสายตาฟู่จาวหนิงไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!ถ้าถูกจับจ้องไว้ล่ะก็ พวกเขาหลังจากนี้ได้เดือดร้อนแน่!คนเหล่านี้ล้วนขวัญเสียกันหมดแล้วคนที่ให้พวกเขาเข้ามาเอะอะบอกไว้ว่า ถ้าเอาคนมาเยอะๆ แล้วบวกกับเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนเข้าไป ฟู่จิ้นเชินจะต้องนึกพวกเจ้าไม่ออก จำพวกเจ้าไม่ได้แน่ขอแค่เอาคนมามากพอ สถานการณ์วุ่นวายพอ แค่พวกเขาสร้างความวุ่นวายแล้วหนีไป ตระกูลฟู่ก็จับมือใครดมไม่ได้หรอกแต่ใครจะคิดว่าฟู่จิ้นเชินจะมาไม้นี้?"ฟู่ สหายฟู่ ไม่ต้องจดหรอก พวกเราก็แค่เจอพวกเจ้าบนถนนเท่านั้น...""ใช่ๆๆ ไม่มีใครมาแจ้งพวกเรา""พวกเรามีที่มาแหล่งข่าวเสียที่ไหน เข้าใจผิดแล้ว..."พวกเขาคิดจะถอย ถ้าหากไปถึงฟู่จาวหนิงคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นแน่"ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยเรื่องเก่ากันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบไปกัน" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นอย่างสงบ "พวกเจ้าไม่ใช่มาหาสหายเก่าอย่างข้าหรอกหรือ?""เจ้ากับฮูหยินเพิ่งกลับมา น่าจะเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเอาไว้ค่อ
พวกของเซี่ยซื่อยังไม่ทันได้พูดเรื่องอ๋องเจวี้ยน ด้านนอกก็มีคนออกแรงตบประตูบ้านตระกูลฟู่ขึ้นเสียงดังเฉินซานออกไปเปิดประตู คนกลุ่มหนึ่งก็ทะลักเข้ามาคนเหล่านี้ เฉินซานคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวง จริงๆ ก็ให้ความสนใจกับพวกพ่อค้าขุนนางระดับล่างเหล่านี้อยู่คนเหล่านี้ล้วนอายุราวสามสี่สิบปี อายุประมาณฟู่จิ้นเชิน"คุณชายใหญ่ฟู่!""เร็ว ได้ยินว่าอัจฉริยะใหญ่ฟู่กลับมาแล้วหรือ?""คุณชายฟู่กลับมาแล้วจริงหรือ?"คนกลุ่มหนึ่งทะลักเข้ามา ล้วนมองอย่างตื่นเต้นมาที่ฟู่จิ้นเชินขณะที่ยังตกใจกับความหล่อเหลาราววัยหนุ่มของฟู่จิ้นเชิน กับความสวยสะพรั่งของเสิ่นเชี่ยว พวกเขาลืมเป้าหมายที่มายังบ้านตระกูลฟู่นี้แล้วพวกเขาแย่งกันพูดขึ้นมา"สหายฟู่ ให้ตายเถอะ เจ้ายังไม่ตายจริงๆ!""คุณชายฟุ่ ยังจำข้าได้ไหม? ข้าต่งฮั่น ตอนนั้นที่เคยสนุกด้วยกันกับเจ้าที่โรงน้ำชา!""จิ้นเชิน ข้าเหอจาวหลิน พวกเราตอนนั้นเกือบจะได้เป็นศิษย์ของอาจารย์คนเดียวกันแล้ว!""อัจฉริยะใหญ่ฟู่ ตอนนั้นพวกเราเดิมพันงานเขียนกันหลายครั้ง พอเจ้าหายตัวไปสิบแปดปีข้าก็คิดถึงเจ้าตลอดเลย เจ้ากลับมาได
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังดูยังสับสนอยู่ ยังไม่มีใจจะไปคิดเล็กคิดน้อยนัก"นี่คือลูกสาวของข้าอันห่าว นางตอนนี้ใช้สกุลเซี่ยเหมือนข้า" เซี่ยซื่อปาดน้ำตาเอ่ยขึ้นเสิ่นเชี่ยวประคองเซี่ยอันห่าวลุกขึ้นดูแล้วเซี่ยซื่อน่าจะมีเรื่องบางอย่างกับตระกูลหลิน ยิ่งไปกว่านั้นในนี้จะต้องเป็นฝีมือของจาวหนิงแน่"ต้องขอบคุณจาวหนิง นางเก็บแม่ลูกอย่างพวกเรามา ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่รอดกันแล้ว" เซี่ยซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ได้สติขึ้นอีกครั้ง "รีบเข้าห้องเร็ว หิมะตกแล้ว ด้านนอกหนาวมาก"คนที่เหมือนแมลงกาฝากในตระกูลฟู่พวกนั้นก็ถูกฟู่จาวหนิงกวาดออกไปแล้ว เรื่องนี้สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินรู้แล้วพวกเขาเข้ามาในโถงใหญ่ ลุงจงป้าจงกับหู่จือล้วนได้ยินการเคลื่อนไหว ทั้งหมดจึงวิ่งเข้ามา"คุณชาย คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยกลับมาแล้วหรือ?""คุณชาย!"ป้าจงกับลุงจงวิ่งเข้ามาก่อน พอเห็นฟู่จิ้นเชินชัดๆ พวกเขาก็น้ำตาไหลอาบทันที ทิ้งตัวลงคุกเข่า"คุณชาย ฮูหยินน้อย พวกท่านกลับมาได้เสียที พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ข้าน้อยรู้อยู่แล้ว ว่าพวกท่านจะต้องมีโชคที่ดีแน่นอน..."พวกเขาล้วนร้องไห้กันออกมาตอนนั้นที่พวกเขาออกไป หู่จือยังเป็นเด็กน้อยอย
แม้จะผ่านไปเกือบสิบแปดปีแล้ว แต่สามีภรรยาฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวก็ยังเป็นคนที่กาลเวลารักใคร่อยู่พวกเขาแม้จะอายุมากแล้ว หน้าตาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง แต่พอเทียบกับสมัยก่อนแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เยอะมากมองหลายๆ ครั้งก็มองออกได้คนที่เซียวเหยียนจิ่งเตรียมไว้ยังมองออก ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยซื่อเลยเซี่ยซื่อเคยเป็นครอบครัวของพวกเขาด้วยนะหลังจากนางจำได้แล้วยังสงสัยว่าตาตนเองฝาดไปหรือไม่ ยังสงสัยว่าตนเองคงตาลาย ดังนั้นเลยนวดตาทันที จากนั้นจึงมองพวกเขาอย่างละเอียดอีกครั้งไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นสองคนนั้นเสิ่นเชี่ยวเองก็จำเซี่ยซื่อได้ แม้ว่านางจะรู้ตัวตนฐานะของตนเองแล้ว แต่ยังคงโพล่งออกมาว่า "พี่สะใภ้รอง!"เซี่ยซื่อคือภรรยาของผู้เฒ่ารองตระกูลหลินและเป็นคนเดียวในตระกูลหลินที่อ่อนโยนเป็นห่วงเสิ่นเชี่ยว ดังนั้นเสิ่นเชี่ยวพอเห็นนาง ดวงตาจึงแดงรื้นขึ้นมาคำว่าพี่สะใภ้รอง ก็ทำเอาเซี่ยซื่อใจสั่นระริกเช่นกันรีบวางตะกร้าที่หิ้วไว้ลงมา เดินตรงไปหานาง"ให้ตายเถอะ อา อาเล็กหรือ?"ไม่ ไม่ใช่อาเล็กชองนางแล้วสิ เซี่ยซื่อยืนอยู่หน้าเสิ่นเชี่ยว ถลึงตาโตอ้าปากค้าง"พี่สะใภ้รอง ข้าข้าเจอครอบครัวของข้าแ
ฟู่จาวหนิงสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย "ดูท่า น่าจะมีคนไม่น้อยที่ยังไม่ลืมพวกเขา คอยจับตาดูจนถึงทุกวันนี้""ข้าเตรียมการเสร็จแล้ว รอบบ้านตระกูลฟู่วางองครักษ์ลับเอาไว้แล้ว วางใจเถอะ" เซียวหลันยวนพานางเข้ามา สองมือโอบข้างเอวนาง จ้องมองนาง "องค์จักรพรรดิน่าจะลงมือกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพ่อลูกชินอ๋องเซียวยังคอยจับตาดูพวกเขาขนาดนี้ มันดูแปลกไปหน่อย""ตรวจสอบดูก็รู้ พวกเขาถ้าหากมีความคิดอะไร มีแผนอะไร มีเป้าหมายอะไร เดี๋ยวก็ได้รู้เอง"ฟู่จาวหนิงไม่ได้ใส่ใจนักเซียวหลันยวนพยักหน้าสายตาเขามองออกไปไกลๆ ถัดจากนี้ต้องดูว่าสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินจะรับมืออย่างไร เมืองหลวงยังมีคนที่มีเป้าหมายต่างๆ อยู่ และยังมีขั้วอำนาจที่ใช้วิธีการต่างๆ อยู่อีกด้วยเขาถึงแม้จะเชื่อว่าครั้งนั้นไม่ใช่เสิ่นเชี่ยวที่วางยาพิษ แต่ว่าพวกเขาตอนนั้นถูกใครบางคนหรือเรื่องบางอย่างหนีบเอาไว้ตรงกลาง ไม่มีทางดึงตัวออกมาอย่างหมดจดได้ พวกเขาเองก็เป็นคนในเหตุการณ์ตอนนี้พอมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับเขา เซียวหลันยวนก็ยังพิจารณานาว่าพวกเขาจะแบกรับไหวไหม หลังจากนี้จะไม่ถ่วงแข้งขาฟู่จาวหนิงได้จริงไหม จะไม่ทำร้ายนางจริงไหมเซียวหลันยวนไม่ได้
"หนิงหนิง มีเรื่องอะไรถึงคุยกันนานสองนาน?"ในห้องขังมีเสียงเซียวหลันยวนดังออกมา"มาแล้ว"ฟู่จาวหนิงขานรับคำหนึ่ง เตรียมจะกลับห้องขังเซียวเหยียนจิ่งไม่อยากเชื่อ "เจ้าไม่ไปกับข้าจริงหรือ? เจ้าไม่สนใจพ่อแม่เจ้าหรือไรกัน?"ปฏิกิริยาของฟู่จาวหนิงเกินจากที่เขาคาดไว้เขาเดิมทีคิดว่าพอได้ยินว่าพ่อแม่ไม่เป็นไร แล้วยังกลับมาแล้ว ฟู่จาวหนิงอย่างน้อยต้องตาแดงรื้นบ้าง ไม่ก็ร้องไห้ออกมา รีบร้อนตามเขาออกไปอย่างตื่นเต้น เพื่อรีบไปพบพ่อแม่ของนาง"อ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็ยังต้องอยู่ในห้องขัง ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจัดที่นี่จนดูอยู่สบายไปแล้ว แล้วเขาทำไมยังต้องให้เจ้ามาอยู่ด้วยกันอีก?""ข้ามาอยู่เอง เขาเป็นสามีข้า ข้าไม่อยู่กับเขาแล้วใครจะอยู่กัน?"ฟู่จาวหนิงหลังจากที่รู้เจตนาการมาของเขาก็ขี้เกียจจะคุยกับเขาแล้ว ผลักเขาออก แล้วเดินไปทางห้องขังเซียวเหยียนจิ่งนี่ก็จุ้นจ้านเสียจริง"เจ้าทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้" เซียวเหยียนจิ่งตะโกนใส่หลังนาง "เจ้าเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว ถ้าเจ้ายินยอม มีคนตั้งมากมายที่ยินดีจะรักและเอ็นดูเจ้า ทำไมต้องมาอยู่ในคุกกับเขาแบบนี้ด้วย"เดิมทีหญิงสาวคนนี้ควรจะควรจะม
"ใช่ พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว" เซียวเหยียนจิ่งจ้องมองฟู่จาวหนิง "เป็นอย่างไร เจ้าอยากรีบกลับบ้านไหม? ได้ยินว่าปู่ของเจ้ากับเด็กที่ชื่อเสี่ยวเฟยก็อยู่กันที่จวนอ๋องเจวี้ยนนี่? ถ้าเจ้าไม่กลับไป พ่อแม่ของเจ้าคงจะหาคนไม่เจอแน่"ฟู่จาวหนิงทำท่าทางตกตะลึงอย่างมาก"เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม? พวกเขากลับมาแล้วจริงหรือ?""ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน? ไม่เชื่อข้าตอนนี้เจ้าก็ไปกับข้าสิ ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกเขา"เซียวเหยียนจิ่งพูด มือเองก็คันยุบยิบ เขาอยากจะยื่นมือไปจูงนางเหลือเกิน จูงนางออกจากคุกใหญ่ถ้าเขาสามารถจูงมือนางออกไปได้ เซียวหลันยวนคงได้กระอักเลือดตายกระมัง?แต่เขาเพิ่งจะขยับ ฟู่จาวหนิงก็ถอยออกไปแล้วสองก้าว"พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง เช่นนั้นก็ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ที่บ้านตระกูลฟู่มีคนอยู่ พวกเขาจะหาคนไม่เจอได้อย่างไรกัน?""เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?""เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าวิ่งแจ้นเข้ามาบอกข้าหรอกกระมัง? พวกเขาถ้ากลับมาแล้วจริง คนใช้บ้านตระกูลฟู่อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาบอกข้าเอง""เจ้าลืมอ๋องเจวี้ยนไปแล้วหรือ?""เขาก็อยู่ที่นี่ ลืมอะไรกัน?""ความ
ฟู่จาวหนิงอยู่ในคุกเองก็เบื่อหน่อยๆ แล้วนางเหลือบมองเซียวเหยียนจิ่งผาดหนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปด้าหน้าเซียวหลันยวน "ข้าออกไปฟังหน่อยได้ไหม?""ไปเถอะ" เซียวหลันยวนพยักหน้า"เอ๋ ไม่หึงแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงร้องชิชะเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงทุ้ม "อย่าไปไกลนักล่ะ ข้าได้ยินอยู่"ถึงอย่างไรนางก็เบื่อๆ ถ้าเซียวเหยียนจิ่งพูดเรื่องอะไรที่ทำให้นางฆ่าเวลาได้ เช่นนั้นเขาก็ควรจะใจกว้างหน่อยแต่ว่า พวกเขาเดินไปไกลมากไม่ได้ ต้องอยู่ในระยะที่เขาสามารถได้ยิน"รู้อยู่แล้วว่าท่านจะใจกว้างหลอกๆ"ฟู่จาวหนิงวางพู่กัน ปรบๆ มือ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องขัง"คิดจะพูดอะไร?"เซียวเหยียนจิ่งเดิมทีคิดจะให้เซียวหลันยวนหึงหวง ดังนั้นจึงไม่คิดจะเดินไปไกลนัก"มานี่หน่อย" เซียวเหยียนจิ่งเดินออกมาข้างๆ ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่าระยะนี้เซียวหลันยวนน่าจะได้ยินเหมือนคนคุยกันแต่ไม่ได้ยินเนื้อหาด้านในเช่นนี้ก็พอดีฟู่จาวหนิงร้องเชอะในใจ น่าจะเข้าใจความคิดของเขาเพียงแต่เซียวเหยียนจิ่งก็ยังโง่อยู่ เขาคิดว่าระยะนี้เซียวหลันยวนไม่ได้ยินหรือไรกัน?นางเดินออกไปเซียวเหยียนจิ่งบอกกับผู้คุมข้างๆ คำหนึ่ง ให้เขาออกไปก่อนผู้คุม