สืออีสือซานสีหน้าสงบนิ่ง ให้คนโขกศีรษะหลายๆ ทีแล้วทำไมกัน? พระชายาช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทั้งบ้านเลยนะ"ท่านโม่ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกันกับเพื่อนคนไหนหรือ?" เสิ่นเสวียนถามเรื่องนี้ เขาต้องไปตรวจสอบหน่อยท่านโม่บอกชื่อออกมาหลายชื่อฟู่จาวหนิงหลังจากเก็บเข็มลงไปก็ตรวจสมองของท่านโม่ นางต้องการห้องห้องหนึ่ง และพาท่านโม่เข้าไปแค่คนเดียวหลังจากเข้าไปก็วางยาสลบ ใช้อุปกรณ์ในห้องเภสัชทำการแสกนและเป็นไปตามคาด หลอดเลือดสมองท่านโม่อุดตันอยู่หน่อยๆ ได้รับแรงกดดัน ยังดีที่ไม่ร้ายแรงมาก ตอนนี้ใช้ฝังเข็มบวกกับการนวด และใช้ยาเพื่อทำให้หลอดเลือดโล่งเข้ารักษาแต่กระดูกสันหลังส่วนคอกลับหนักหนามาก อย่างน้อยต้องรักษาระยะหนึ่งหลังจากออกมา ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่าวิธีการทำกายภาพบำบัดนี้สามารถสอนออกมาได้ไหมไม่เช่นนั้นผู้ป่วยที่ต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนานแบบนี้ นางเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอด แน่นอนว่าทำให้ไม่ได้ผลคือพอออกมาก็ส่งสายตาคาดหวังอย่างแรงกล้าไปที่หมอหวาง"แม่นางฟู่..."ฟู่จาวหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง "หมอหวางอยากจะเรียนเรื่องการผายปอดและรักษากระดูกสันหลังส่วนคอไหม?"หมอหวางลิงโลดราวกับจะคุ้มคลั่ง "อยากๆ
ฟู่จาวหนิงนิ่งไปพักหนึ่ง "ไปที่ร้านยาได้ไหม?""อ๋า?" เสิ่นหยางตั้งตัวไม่ทันขึ้นมามีหญิงสาวหน้าตาดีที่ไหนบอกว่าจะไปเดินเล่น แต่สุดท้ายไปจบที่ร้านยากัน?เขายังคิดว่าตนเองฟังผิดไปเสียอีก"คุณชายน้อยหยาง คุณหนูพวกเราบอกจะไปร้านยา" เสี่ยวชิ่นยืนยันอีกครั้งอย่างหวังดี"มีอะไรไม่สะดวกหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงถามอันที่จริงนางอยากจะไปดูว่าโรงยาที่นี่จะมีเอ็นมังกรหยกหรือไม่ เซียวหลันยวนขาดแค่ยาตัวนี้เท่านั้นแล้วถ้าเผื่อมีขึ้นมาล่ะ?"ไม่มีไม่มี เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเราเลย" เสิ่นหยางเองก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริงสักเท่าไร"โรงยาที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่าอะไรหรือ?""โรงยาทงฝูน่ะ"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง ที่แท้โรงยาทงฝูก็เปิดมาถึงต้าชื่อนี่เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโรงยาที่ใหญ่ที่สุดของเมืองที่ตระกูลเสิ่นอยู่อีกต่างหากไม่รู้ว่าพันธมิตรโอสถใต้หล้าได้มาเปิดร้านยาที่นี่บ้างไหมเสิ่นหยางเพียงไม่นานก็พาพวกเขามาถึงโรงยาทงฝูป้ายร้านสองชั้น ตัวอักษรเคลือบทองใหญ่สี่ตัว ทรงพลังมาก ดูแล้วก็เป็นโรงยาที่ใหญ่โตจริงๆต่อให้เป็นโรงยา ตอนนี้กลับมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ดูท่า "การค้า" จะ
"เสี่ยวเอ่อร์ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันก่อนเถอะ ช่างมัน" ชายชราถอนตัวกลางคันเด็กคนนั้นตาแดงรื้น ปล่อยมือเขา กัดฟันวิ่งเข้ามา งุดหัวเข้าไปในโรงยาทงฝู"เสี่ยวเอ่อร์!"ชายชราตกใจ รีบตามเข้าไปในโรงยา แต่เขาก็ร้อนรนเกิน จนขาสะดุดร่างตะแคง ตอนกำลังจะล้มลงพื้น ฟู่จาวหนิงก็ญื่นมือเข้ามาประคองเขา"ระวังด้วย"ชายชราเงยหน้าขึ้นมองนางผาดหนึ่ง รีบเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง"เขาเป็นห่วงหลานชาย ร้อนรนจนทนไม่ไหว และยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก ก็พุ่งเข้าไปในโรงยาทงฝูแล้ว"ไป พวกเราเองก็เข้าไปดูหน่อย"ฟู่จาวหนิงเตรียมจะเข้าไป ก็ปะหน้าเข้ากับเสิ่นหยางเสิ่นหยางส่ายหน้าให้นางดูท่าที่นี่จะไม่มีเอ็นมังกรหยกเสียแล้วฟู่จาวหนิงผิดหวังหน่อยๆ เพราะนางอยากจะหาเอ็นมังกรหยกให้ได้ แต่นางก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเอ็นมังกรหยกเร็วขนาดนี้ ต้องอดทนหน่อย"รู้แล้ว"นางปล่อยเรื่องเอ็นมังกรหยกลงมาก่อนหลังจากเด็กคนนั้นเข้ามาก็ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจ้าของโรงยา กำลังโขกศีรษะตึงๆๆ"ท่านเจ้าของร้านได้โปรดเถิด เรื่องอะไรข้าก็ทำให้ จะยาอะไรข้าก็จะลองให้ ข้ากินข้าวไม่เยอะ ครึ่งชามก็พอ!"นี่ค
"เจ้าดูสิ เจ้าดู ข้าบอกอะไรไว้?" เจ้าของร้านร้อนรนขึ้นแล้ว ร้องเรียกขึ้นมา "นี่จะมาโทษโรงยาของพวกเราไม่ได้นะ เด็กคนนี้ไม่ฟังคำเตือนเอง! เร็วๆ ประคองเข้าไปนั่งดูแผลทางนั้น!"เสี่ยวเอ่อร์นั่งอยู่บนพื้น ชายชราถูกเคนถูกเขาทำให้ตกใจจนหน้าซีดไปแล้วคนของโรงยารีบก้าวเข้าไปตรวจเสี่ยวเอ่อร์เสี่ยวเอ่อร์มุมปากมีเลือดออก แต่ก็ยังแสยะยิ้ม "ลุงเจ้าของร้าน ไม่โทษโรงยาของพวกท่านอยู่แล้ว เป็นข้า ข้าเองที่อุ้มหม้อทองแดงใบนั้น แต่ว่าท่านเมื่อครู่ก็เห็นแล้วใช่ไหม? ข้าอุ้มหม้อทองแดงขึ้นมาได้แล้ว รับข้าไว้ได้แล้วใช่ไหม?"ต่อให้แค่อุ้มขึ้นมาจากพื้นไม่กี่ชิ้น เขาก็อุ้มขึ้นมาได้แล้ว พลังแค่นี้ถือว่ามีแรงมากแล้ว"เด็กอย่างเจ้านี่มันเหลือเกินจริงๆ พวกเราบอกว่าต้องการร่างกายกำยำ แต่เจ้าดูเจ้าอุ้มขึ้นมาได้ก็จริง แต่ก็กระอักเลือดเข้าเสียแล้ว พวกเราจะรับไว้ได้อย่างไร?"เจ้าของร้านชะงักไป ตั้งตัวกลับมาได้ "ไม่ใช่สิ ข้าถูกเจ้าเล่นเอาเลอะเทอะเสียแล้ว เดิมทีอายุเจ้าก็ไม่ถึง ท่านเจ้าของของพวกเราเคยบอกไว้ ต้องสิบขวบขึ้นไป ต่อให้เจ้ามีแรงแค่ไหนก็รับไว้ไม่ได้""ขอร้องพวกท่านล่ะ รับข้าไว้เถอะ ขอร้องพวกท่านด้วย"เด็ก
กระทั่งปู่ของเขาก็ยังพยักหน้าอย่างอดไม่อยู่ แสดงออกมาว่าเสี่ยวเอ่อร์พูดถูกต้อง"องค์หญิงใหญ่ได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์ มีโชคลาภยืนยาว พวกเราพาท่านย่าไปเชิญให้องค์หญิงใหญ่ประทานพรให้ ท่านย่าจะต้องดีขึ้นมาแน่ แต่ถ้าหากไม่เข้ามาในเมืองหลวงจักรพรรดิก่อน องค์หญิงใหญ่กลับมาวันนั้นพวกเราคงไปไม่ถึงด้านหน้าเพื่อรับโชคแน่ พวกเรายังต้องหาคนมาช่วย"พวกเขาได้ยินว่าคนที่จะไปรับโชคลาภมีมากมายมหาศาลเลยใครก็อยากไปรับโชคภาพจากองค์หญิงใหญ่กันทั้งนั้น แต่องค์หญิงใหญ่จะหยุดอยู่ที่ปลายถนนนั้นแค่ครู่เดียว ถ้าหากไม่มีช่องทางระดับหนึ่ง เบียดตัวเข้าไปไม่ได้แน่นอน"เชิญหมอใหญ่ให้เข้าไปดูอาการก่อนแล้วค่อยไปวังจักรพรรดิก็ยังไม่สาย เช่นนี้เองก็ไม่เสียเวลาล่าช้าด้วย" ซือถูไป๋พอได้ยินคำพูดพวกเขาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อหน่อยๆ แต่ก็ยังอยากจะลองเตือนดู"ไม่ ไม่เชิญหมอใหญ่ พวกเรารวมเหรียญทองแดงเอาไว้หมดแล้ว" เสี่ยวเอ่อร์ตอบถ้ายังเชิญหมอใหญ่แล้วยังจัดยาต่อ นั่นมันต้องจ่ายเงินอีกเท่าไรกัน? พวกเขาเดิมทีก็รวมเงินเพื่อเข้าเมืองหลวงไว้แล้ว ถ้ายังต้องจ่ายอีกมันก็ไม่จำเป็นจริงๆเสี่ยวชิ่นพอได้ยินคำพูดของปู่หลานคู่นี้ก็รู้สึ
"ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? จาวหนิง ข้ามาพบเจ้าที่ต้าชื่อนี้หรือ!" ซือถูไป๋ยังมีอาการเหมือนไม่ตื่นจากฝันพอแยกจากฟู่จาวหนิง เขาก็คิดถึงนางอยู่บ้างเดิมทีคิดว่าพอนานวันไป ห่างกันไกลหน่อย เขาจะค่อยๆ ลืมนางไปเอง หรือบางทีตอนที่คิดถึงนางความรู้สึกก็จะจืดจางไปเอง คิดไม่ถึงว่าพอเวลายิ่งนานวัน เขาก็เหมือนจะยิ่งคิดถึงนางเข้าไปอีกกระทั่งว่า เขาเคยสมมติมาโดยตลอด ว่าข้างกายตนเองถ้าหากมีฟู่จาวหนิงอยู่ข้างๆ มันต้องเป็นเรื่องที่มีความสุขมากขนาดไหนกันตอนนี้พอได้เจอฟู่จาวหนิง ในของเขาก็เต้นตึกตัก จนแทบจะควบคุมไม่อยู่ แทบจะบินตรงไปหาจาวหนิงทันทีซือถูไป๋รีบเดินไปหาฟู่จาวหนิง ลืมคนข้างกายเขาไปจนหมดอาเพียนพอเห็นฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงไปแล้ว"ทำไมที่นี่ก็ยังมาเจออีกกัน?" คุณชายของเขาเดิมทีก็ยังไม่หายไข้ใจนี้เลย ตอนนี้มาเจอกันอีก เกรงว่าอาการคงจะหนักกว่าเดิมพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้จะอยู่ดีดีที่จวนอ๋องเจวี้ยนไม่ได้หรือไรกัน?อาเพียนมองบนใส่ฟู่จาวหนิงยิ้มให้ซือถูไป๋ "ข้าก็ไม่คิดว่าจะเจอท่านที่นี่""ทางนี้มีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย ข้ามาถึงสามวันแล้ว นี่เจ้ามาเองเลยหรือ?"ซือถูไป๋มองฟู่จาวหนิงอย่างละโม
"ได้"ขอแค่นางไป จะพาใครไปก็ได้ทั้งนั้นมองฟู่จาวหนิงจากไป ซือถูไป๋ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับอยู่นาน"คุณชาย ไม่เห็นเงาคนแล้ว" อาเพียนเอ่ยขึ้น"อาเพียน ข้าก่อนหน้านี้เคยพูดอะไรกับเจ้าไว้?" ซือถูไป๋ตอนนี้จึงหันไปมองเขา น้ำเสียงขรึมลง"คุณชาย ข้ารู้แล้ว ว่าอย่าเสียมารยาทกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน" อาเพียนก้มหน้าต่ำ "แต่ข้าไม่ได้เสียมารยาทนี่นา ข้าแค่อยากจะเตือนคุณชาย..."พระชายาอ๋องเจวี้ยน เป็นคนที่มีสามีแล้ว"ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร" ซือถูไป๋ตัดบทเขา หมุนตัวเข้าไปยังโถงด้านใน "ไปหยิบชุดคลุมจันทร์เสี้ยวขาวที่เย็บมาใหม่ชุดนั้นออกมา"อาเพียนตกตะลึง จากนั้นจึงถอนใจออกมาอย่างจำใจคุณชายนี่ยังบอกจะบอกรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่อีก ดูเอาเถิด ตอนนี้คิดจะแต่งตัวเสียแล้ว แล้วยังเอาชุดใหม่มาใช้อีกประโยคนั้นพูดว่าอย่างไรนะ? หญิงสาวแต่งตัวเพื่ออยากให้มีคนชม ผุ้ชายเองก็เหมือนกันสินะอาเพียนเดินตามเข้าไป"คุณชาย พวกเราก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับจดหมายจากนายท่าน นายท่านไม่ใช่บอกว่า ให้ท่านไปพบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหรือ? ข้าน้อยรู้สึกว่า นายท่านคงหวังให้ท่านได้ดองกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแน่""เจ้านี่พูดมากจริง"
หมอถังนางไม่รู้จัก แต่ช่วงหลายวันนี้นางก็พอเข้าใจหมอหวางอยู่ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลว จรรยาบรรณแพทย์ก็มี คำพูดของเขาเชื่อถือได้"มีนักพรตไปบ้านพวกเขาจริงๆ เคยให้น้ำยันต์ไป" ลุงตงพูด"แล้วท่านย่าคนนั้นมีอาการไม่สบายที่ตรงไหนหรือ?""ก็คือมึนหัวอยู่ทุกวี่วัน ลุกไม่ขึ้น โดนลมนิดเดียวก็รู้สึกวี่าตนเองแทบไม่ไหวแล้ว วันวันเอาแต่นอนอยู่บนเตียง แล้วยังฝันร้ายบ่อย ได้ยินว่าชอบฝันเห็นญาติที่ตายไปแล้วอยู่บ่อยๆ ผมซูบ ผอมเอามากๆ" ลุงตงตอบ"แล้วดื่มน้ำยันต์นั่นลงไปก็ดีขึ้นแล้วหรือ?" ฟู่จาวหนิงไม่อยากเชื่อจริงๆ"พอดื่มน้ำยันต์ก็ไม่ฝันร้ายไปหลายวัน พวกเขาทั้งบ้านถึงได้เชื่อ""เมื่อครู่คุณชายซือถูยังบอกว่าจะเชิญหมอใหญ่ไปให้พวกเขา ความหมายของคุณชายซือถูคือไม่ยอมเก็บเงินรักษาจากพวกของเสี่ยวเอ่อร์แน่ ไม่แน่อาจจะช่วยจัดยาให้ แต่เสี่ยวเอ่อร์กับปูของเขาไม่ยอม" เสี่ยวชิ่นเอ่ยขึ้นข้างๆ"คุณชายซือถู?"เสิ่นเสวียนจับประเด็นได้แล้ว เมื่อครู่ฟู่จาวหนิงตอนพูดถึงเรื่องนี้ยังไม่ได้เอ่ยถึงซือถูไป๋"ซือถูไป๋" ฟู่จาวหนิงจึงเอ่ยขึ้นมา "ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่""ตระกูลซือถูเองก็มีความทะเยอทะยาน" เสิ่นเสวียนคิ
ถ้าประตูวังปิดแล้ว คืนนี้น่าจะยังไม่ได้พบองค์จักรพรรดิเช่นนั้นพรุ่งนี้ช่วงประชุมเช้าก็น่าจะได้พบ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามชั่วยามเซียวหลันยวนไม่พูดอะไรอีกหลังจากเขาได้ข่าวไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องส่งคนไปคุ้มครองนอกวังแน่ เก๋อมู่กวงคืนนี้เข้าวังไม่ได้ ไม่ได้พบองค์จักรพรรดิ ดังนั้นจะต้องรอจนถึงประชุมเช้าแน่นอนช่วงหลายชั่วยามนี้เพียงพอแล้วพวกเขาได้ยินเสียงของฟู่จิ้นเชินแล้วฟู่จิ้นเชินกำลังพูดภาษาเฮ่อเหลียนอยู่"พี่เขย ท่านพ่อกำลังพูดว่า..." ฟู่จาวเฟยคิดจะแปลให้เซียวหลันยวนก่อนอย่างฉลาดเฉลียวรู้ความ แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนจะโบกไม้โบกมือ"ข้าฟังออกน่ะ""อ๋า?"ฟู่จาวเฟยตกตะลึง"ลืมบอกไป ว่าข้าเป็นภาษาเฮ่อเหลียน" เซียวหลันยวนน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กจ้อยที่ธรรมดามากๆ เรื่องหนึ่งหัวหน้าคุกเองก็เหลือบมองเขาอย่างตกตะลึง"ถ้าข้าน้อยจำไม่ผิดล่ะก็ ท่านอ๋องยังพูดภาษาหนานฉือได้ด้วย?""ใช่"หัวหน้าคุกกับฟู่จาวเฟยสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนล้วนเห็นความตกตลึงในดวงตาของอีกฝ่ายอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงพูดได้หลายภาษานัก?เขาไม่ใช่ว่าพักฟื้นอยู่ในยอดเขาโยวชิงตลอดหรือไรกัน? คนทั้ง
เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือฟู่จิ้นเชินจริงๆเขาเองก็ไม่ได้มีตัวตนฐานะพิเศษอะไร แต่กลับใช้ความสามารถตนเองเข้าไปในคุกใหญ่ได้ เข้าคุกใหญ่ไปยังพอทำเนา แต่นี่ยังได้พบกับโป๋จีด้วยนี่ร้ายกาจมากจริงๆ"พวกเจ้าให้เขาเข้าไปแบบนี้เลยหรือ?" เซียวหลันยวนรู้สึกแปลกใจจริงๆ"เรื่องนี้ เพราะโป๋จีพูดภาษาเราได้แค่นิดหน่อย คุณชายฟู่เขาพูดภาษาเฮ่อเหลียนได้"หัวหน้าคุกกังวลนิดหน่อย เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ๋องเจวี้ยนยกโทษให้กับสามีภรรยาตระกูลฟู่แล้วหรือยังคนไม่น้อยในเมืองหลวงก็ยังมองความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ออกถ้าหากอ๋องเจวี้ยนโกรธ แล้วหันมาระบายบนตัวเขาจะทำอย่างไรกัน"ท่านอ๋อง ท่านเองก็จะเข้าไปพบโป๋จีคนนั้นหรือ?" เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวังอ๋องเจวี้ยนออกมาได้อีกครั้ง แสดงว่าไม่ได้ติดโรคระบาดนั้นมาพวกผู้คุมในคุกใหญ่หลายวันนี้ยังไม่ได้ดื่มยาน้ำของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ทุกคนกินอาหารกันวันละสามมื้อ แต่ก็ยังไม่มีใครติดโรคชนิดนั้นเลยดังนั้นพวกเขาเชื่อมั่นในยาขอพระชายาอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเชื่อมั่นว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้เป็นโรคระบาดด้วย"ข้าเข้าไปไม่ได้หรือ?""ไม่ใช่เช่นนั้น ไม่ใช่แน่นอน ท่านอ๋องเข้าไปได้" หัว
เซียวหลันยวนมองเสิ่นเชี่ยวผาดหนึ่ง"ก็แค่ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเท่านั้น"มีแผนอะไรเสียที่ไหน?เรื่องเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาลงมือตรวจสอบชัดเจน ก็ไม่ใช่อะไรที่จำทำเสร็จในชั่วครู่องค์จักรพรรดิจะต้องหยิบยืมเรื่องนี้แน่นอนใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าทางนี้คงทานได้อีกไม่นานแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาพาฟู่จาวเฟยไปคุกใหญ่ฟู่จาวหนิงกลับเข้าใจความหมายของเซียวหลันยวนขึ้นมา"พวกเราตอนนี้ส่งไปเอง ยังพอจะเลือกห้องขังได้อยู่""ข้าฟังพวกเจ้านั่นล่ะ" เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นทันทีนางต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อลูกสาว ไม่ต้องถามให้ชัดเจนนัก ลูกสาวจะต้องไม่ทำร้ายน้องชายแน่ๆ แค่ฟังนางไว้ก็พอเรื่องในเมืองหลวง พวกเขาจะต้องเข้าใจชัดเจนกว่านางแน่นอน"เรื่องนั้นไม่ควรชักช้าไปกันตอนนี้เลย" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นหมุนตัวออกไปก่อนฟู่จาวหนิงกวักมือให้เสี่ยวเฟย "ไปกัน"ฟู่จาวเฟยเองก็เดิมตามนางไปอย่างเชื่อมั่นทันทีเสิ่นเชี่ยวเดินมาถึงด้านหลัง คารวะให้กับใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้า "ขอบคุณใต้เท้าที่ดูแล""เกรงใจเกินไปแล้ว..."ใต้เท้าหยิ่นจิงเจ้าตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็รู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ก็เหมือนจะเกรงใจมากเกินไปเขายังกลายเป
ท่านพี่ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ใจของเขาสงบลงมาได้ไม่น้อยเลย"จาวหนิง นี่มาจากในภูเขาหรือ? เหนื่อยแย่เลยสิ?" เสิ่นเชี่ยวยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นทันที "เจ้าดื่มชาร้อนนี่ก่อนเถอะ เพิ่งต้มใหม่เลย ยังไม่ได้ดื่ม"นางเห็นฟู่จาวหนิงมีรอยคล้ำใต้ตาจางๆ ในภูเขาคงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ และคงไม่ได้พักผ่อนดีนักแต่พอยกถ้วยชาขึ้นมา เสิ่นเชี่ยวก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะรับน้ำใจของนางไหมฟู่จาวหนิงรับมา ดื่มไปอึกหนึ่ง ผ่อนคลายลงมาได้"เรื่องจดหมายนี่อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้มีอะไรผิดปกติบ้างไหม หรือมีคนมาหาเจ้าบ้างหรือเปล่า?"เสิ่นเชี่ยวถอนใจโล่ง ในใจก็ลิงโลดขึ้นมาแม้ว่าฟู่จาวหนิงตอนนี้อยู่กับพวกเขาจะไม่ค่อยคล้ายกับพ่อแม่ลูกเท่าไรนัก แต่นางเชื่อว่าในด้านความรู้สึกก็ยังพอเห็นได้บ้าง เดิมทีก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันอยู่ฟู่จาวเฟยส่ายหัว รีบร้อนรับประกันอย่างขันแข็งขึ้นมา "ท่านพี่ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย ไม่มีคนมาหาข้าด้วย แล้วก็ไม่ได้รับจดหมายอะไรอีก ข้าเองก็ไม่ได้เขียนจดหมายไปด้านนอก""ช่วยนี้มีใครมาที่บ้านไหม?""ไม่มี มีแต่ท่านพ่อที่ออกไปบ่อยๆ ข้าอยู่ในแต่บ้านฝึกยุทธ์" ฟู่จาวเฟ
"อ๋องเจวี้ยนมาถึงแล้ว"ข้าราชการชั้นผู้น้อยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา รู้ว่าใต้เท้าร้อนรนมาก จึงรีบ เข้ามารายงาน"เร็ว"เขาทางนี้แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว คุกใหญ่ทางนั้นถ้าถามออกมาได้ว่าจดหมายอยู่ที่ไหน ก็คงจะให้เขาเอาฟู่จาวเฟยส่งเข้าคุกใหญ่แน่แต่อ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้กำชับว่า ก่อนหน้าที่เขาจะกลับมา ฟู่จาวเฟยต้องอยู่ที่นี่ก่อน ห้ามส่งไปคุกใหญ่เขาเองก็ทานไม่ไหวแล้ว เดิมทีฟู่จาวเฟยไม่ได้จะส่งมาที่เขาทางนี้ แต่เป็นจดหมายด่วนของอ๋องเจวี้ยนที่ให้เข้าเข้ามารับช่วงไว้ก่อนแต่เขาเองก็ร้อนรนด้วย เขาเองก็กลัวนี่ ถึงตอนนั้นถ้าค้นเจอจดหมายอะไรเข้า แล้วเกี่ยวข้องกับฟู่จาวเฟยจริง เขาก็จัดการลำบากแล้วถึงอย่างไรฟู่จาวเฟยก็อยู่กับเขาทางนี้ ไม่ได้ลงตรวน ไม่ได้ตี ไม่ได้ขังอีกต่างหาก ยังคงนั่งรออยู่ที่โถงข้างๆแล้วยังมีฮูหยินฟู่ด้วย นั่งอยู่กับลูกชายด้วยกันเขาทำเช่นนี้ ถ้าหากถูกองค์จักรพรรดิรู้เข้า องค์จักรพรรดิคงไม่ละเว้นเขาแน่พอเขาออกไป เสิ่นเชี่ยวกับฟู่จาวเฟยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขณะเดียวกันก็มองมาทางเขา"ใต้เท้า?""คุณชายฟู่ไปที่ไหนแล้วกันแน่?"ใต้เท้าหยินจิงเจ้ามองพวกเขา และคิดถึงเรื่องที่เมื่อคร
"องค์จักรพรรดิทนแ่รงกดดันของกลุ่มขุนนางไม่ไหว วันนี้ในที่สุดก็กลับมาประชุมเช้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังส่งคนไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน ต้องการจะเห็นข้าให้ได้ ข้าก็เลยโผล่หน้าออกมาเสียหน่อย" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างใจเย็น"สวมหน้ากากไว้หรือ?"เซียวหลันยวนยิ้มๆ ตัวเองเหมือนจะสนุกขึ้นมาหน่อยแล้วเขาส่ายหัว "ไม่ใช่ จำใบหน้าที่เจ้าทำขึ้นก่อนหน้านั้นได้ไหม?""ท่านหมายถึง ที่หนังหน้าแผลเป็นที่เอามาใช้ค้นคว้าการกำจัดแผลเป็นนั่นน่ะนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจ"ใช่ ข้าแปะเจ้านั่นออกไปพบคน""พรวด"ฟู่จาวหนิงยอมเขาจริงๆ เพราะหน้ากากหนังหน้านั้น คือสิ่งที่นางทำขึ้นมาตอนค้นคว้าการรักษา เป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระ มีแผลเป็นปลอมบางส่วนที่นางใช้วัสดุทำปลอมขึ้นมา แปะไปบนหน้าหน้าจะดูไม่ค่อยสนิทนัก แล้วยังดูบวมออกมาอีกชั้นหนึ่งด้วยแล้วก็หนังหน้านั้นพอแปะบนหน้า ก็เหมือนว่าทั้งใบหน้านั่นน่าเวทนาจนทนดูไม่ได้เลยทีเดียว ดูจะคล้ายๆ กับตอนที่เซียวหลันยวนยังรักษาไม่หายก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็น่าตกใจและน่ากลัวอยู่"คนในวังคงมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมหรอกนะ?" ฟู่จาวหนิงประหลาดใจหน่อยๆ หน้ากากนั่นทำมาไม่สมจริงนัก มองหลายๆ ครั้งหน่
เซียวหลันยวนปลดหน้ากากลง"มีคนส่งจดหมายด่วนเข้ามา บอกว่าจับตัวโป๋จีแม่ทัพบู๊ที่ราชาเฮ่อเหลียนไว้วางใจที่สุดได้ บนตัวโป๋จีมีจดหมายลับที่จะส่งให้เสี่ยวเฟยอยู่ คนในที่ว่าการส่งคนไปยังจวนตระกูลฟู่ พาตัวเสี่ยวเฟยไปแล้ว"เซียวหลันยวนเดิมทียังคิดจะรีบบอกนางเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่อยากให้นางที่เหนื่อยล้าต้องตกใจเกินไปให้นางสบายขึ้นมาหน่อย แล้วค่อยเล่าเรื่องนี้ออกมาดีกว่าฟู่จาวหนิงลุกขึ้นนั่งตัวตรง"แล้วเสี่ยวเฟยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"ต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากแน่ ก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนถึงได้กลับไปจัดการเอง"อยูในจวนทางการ พ่อของเจ้าเองก็ตามไปแล้ว พาจงเจี้ยนไปด้วย ยังไม่ต้องร้อนใจ ข้าให้คนคอยเฝ้าจวนทางการไว้แล้ว ก่อนที่พวกเราจะกลับถึงจะไม่มีใครพาพวกเขาไปไหน"เขาลงมือจัดการเอง ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเฟยคงเกิดเรื่องเข้า ฟู่จาวหนิงคงร้อนใจไม่ไหวแน่นอนพอได้ยินคำนี้ ใจของฟู่จาวหนิงจึงค่อยๆ นิ่งลงมา "โป๋จีเป็นคนสำคัญข้างกายราชาเฮ่อเหลียนหรือ? เป็นแม่ทัพบู๊? แล้ววรยุทธ์ดีไหม?"นางไม่เคยได้ยินเสี่ยวเฟยเอ่ยถึงเรื่องนี้แต่ว่าก็จริง เสี่ยวเฟยเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับคนของราชาเฮ่อเหลียนอยู่หลายคน
อ๋องฉยงแอบกัดฟัน"ข้าอยู่ที่นี่รอฟ้าสางแล้วค่อยเข้าภูเขาก้ได้..." อ๋องฉยงยังคิดจะดิ้นรนเซียวหลันยวนจะยอมให้เขาดิ้นรนได้อย่างไร?"เช่นนั้นได้อย่างไร? ใครก็ได้ เก็บกระโจมเสีย"พอเขาสั่งคำสั่ง ก็มีองครักษ์ออกไปทันที เคลื่อนไหวจัดการเก็บกระโจมเหล่านั้นอย่างคล่องแคล่วว่องไว"เอาคบไฟให้อ๋องฉยงไปส่องทางด้วย""ขอรับ"กองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ ถูกคนนำกิ่งไปจุดเพื่อทำเป็นคบไฟหลายๆ อัน ส่วนไฟที่เหลือก็ดับทิ้ง สาดโคลนลงไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น"กระโจมนี้ข้าให้คนกางมันขึ้น กองไฟเองข้าก็เป็นคนสั่งให้จุดขึ้นมา ตอนนี้ข้าจัดการเก็บกวาดไป คงไม่มีปัญหาใช่ไหม?"เซียวหลันยวนมองอ๋องฉยง น้ำเสียงสงบนิ่งมากจะไปมีปัญหาอะไรได้?เดิมทีหลังจากที่อ๋องฉยงมาเห็นกระโจมชั่วคราวก็อยากจะครองเป็นของตัวเอง แล้วมารอฟู่จาวหนิงที่นี่ใครจะคิดว่าเซียวหลันยวนจะวกกลับมากัน?ตอนนี้ถ้าเขาบอกว่าจะค้างคืนที่นี่พรุ่งนี้ค่อยขึ้นเขาก็คงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่มีกระโจมแต่ยังคิดจะอยู่ค้างคืนที่นี่ ต่อให้ก่อไฟก็ยังหนาวตายได้เขาเองก็ไม่ได้มีกำลังภายในลึกล้ำคอยป้องกันตัวด้วย"อ๋องฉยงเมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่าจะขึ้นเขาหรือ
อ๋องฉยงพอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามา ใจก็ขรึมลงมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังแอบเคืองกับองค์จักรพรรดิไม่ใช่บอกว่าจะขวางเซียวหลันยวนไว้หรือไรกัน? ไม่ใช่ว่ามีเรื่องที่จะขังเซียวหลันยวนไว้ได้สามวันหรือ?ทำไมยังไม่ทันถึงชั่วยาม เขาก็รีบกลับมาแล้วกัน?ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย!เซียวหลันยวนหันตัวกลับมาอ๋องฉยงรู้สึกใจสั่นวาบกับหน้ากากของเขาเจ้าเด็กที่เหมือนจะตายแหล่มิตายแหล่ตอนนั้น ดันโตขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก แล้วยังดีมีท่วงท่าทรงพลังเสียด้วย"หลันยวน เมื่อครู่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อ๋องฉยงเสียงขรึม ตัดสินใจลงมือก่อน "นี่เจ้ายิงธนูใส่ข้ารึ!""เจ้าไม่รู้หรือว่าหมายความว่าอะไร?"เซียวหลันยวนเสียงเย็นเยียบ "แน่นอนว่าสั่งสอนเจ้าน่ะสิ""เจ้า! เจ้าบังอาจ! ถ้าข้าเป็นอะไรไป บาดเจ็บหรือว่าตายไป เจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!""จะลองดูไหมล่ะ?" น้ำเสียงเซียวหลันยวนขรึมเย็นชา"ลองอะไร?""ลองว่าถ้าข้าสังหารเจ้าแล้ว จะยังมีชีวิตต่อไปได้ไหม"พอพูดจบ จิตสังหารบนตัวเขาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงกล้า แม้จะไม่มีลม ไม่มีการขยับ แต่อ๋องฉยงกับองครักษ์ข้างกายเขาก็ยังถอยออกไปก้าวหนึ่งพร้อมกันพวกเขาล้วนสัมผัสได้ถึงแรง