เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิงเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหจนน่าขันขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นนางอยากจะหย่าร้าง คิดจะสะบัดเขาหนีเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากให้เป็นไปตามที่นางคิด"ข้าเป็นคนที่ซื่อตรงคนหนึ่ง พวกเราเพิ่งจะแต่งงานใหญ่กัน แล้วจะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้อย่างไร? ถ้าลือกันออกไปชื่อเสียงข้าก็คงจะย่ำแย่ไปด้วย"เซียวหลันยวนกุมมือของนางแน่น ยกขึ้นมา แล้วหัวเราะเบาๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง"พระชายาดูสิ มือของพวกเราเข้ากันได้ขนาดนี้ กุมแล้วดูเหมาะสมดี พวกเราจูงมือกันไปทั้งชีวิตเลยดีไหม?"เซียวหลันยวนคำพูดนี้พูดออกมาอย่างอบอุ่น อย่างลึกซึ้งเหลือประมาณ ราวกับว่าเขาชอบนางมากอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงกลับก็สะบัดมืออย่างทนไม่ไหวถ้าไม่ใช่รู้ถึงบุญคุณความแค้นของเขากับตระกูลฟู่ ถ้าไม่ใช่เมื่อวานนี้เขายอมรับเหตุผลที่ยอมแต่งงานกับนาง นางคงจะเชื่อไปแล้ว!"นี่!"ไห่ฉางจวิ้นมองทางนี้จนทนไม่ไหวแล้ว นางออกแรงตบลงบนโต๊ะอีกครั้ง สะเทือนจนอุปกรณ์ชงชาบนโต๊ะลอยระเนระนาด"อ๋องเจวี้ยน ท่านจะมากเกินไปแล้วนะ! ถึงแม้ข้าจะชอบท่านมาก แต่ท่านจะมารังแกกันแบบนี้ไม่ได้! เรียกข้าให้เข้ามาที่นี่เพื่อดูพวกท่านกระหนุงกระหนิงกนหร
"ก็ไม่อย่างไรหรอก ไม่สนใจ""ไม่ได้อยู่ที่ท่านตัดสินใจ"เซียวหลันยวนกลับหัวเราะขึ้นมา"อันที่จริง เจ้าวันนั้นเองก็ไม่มีทางเลือก ตอนนั้นถ้าเจ้าไม่เลือกคนมาแต่งงานกลางถนน แล้วแจ้นกลับไปที่บ้านตระกูลฟู่ ปู่ของเจ้าก็คงจะตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย"ดังนั้น ฟู่จาวหนิงเดิมทีไม่จำเป็นต้องเสียใจเลยที่เลือกเขามาแต่งงานด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากเขา คนอื่นเองก็คงไม่มีทางตกลง"ถ้าเจ้าไปเลือกคนอื่น คนอื่นก็ไม่กล้าผิดใจกับจวนรัฐทายาทเซียวอยู่ดี เซียวเหยียนจิ่งพูดไว้แล้ว ลองดูว่าใครจะแต่งกับเจ้า เห็นได้ชัดว่าคุกคามเจ้า และคุกคามคนอื่นไปด้วย ถ้ากล้าแต่งงานกับเจ้าก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับเขา เจ้าคิดว่า จะมีคนกล้าเป็นศัตรูกับเขาแล้วยอมมาแต่งงานกับเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงกัดฟัน นางรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงไม่เช่นนั้นตอนนั้นนางจะไปเลือกเขาได้อย่างไรกัน?"แต่ว่าตอนนั้นถ้าข้ากลับบ้าน ท่านปู่ก็ไม่แน่ว่าจะถูกกระตุ้นจนทนไม่ไหว""หลอกทั้งตนเองทั้งคนอื่น"เซียวหลันยวนเริ่มรินชา เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "วันนั้นที่เขาทนมาได้ ก็เพราะวันนั้นจิตใจเขาผ่อนคลายลง คิดว่าเจ้าแต่งเข้าจวนรัฐทายาทเซียวไปอย่างราบรื่นแล้ว
หมอหลวงเฉินพอได้ยินก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเขาถูกไปพักในเรือนที่ห่างไกล เมื่อครู่เดิมทีที่ได้ยินว่าฟู่จาวหนิงเข้ามา เขาก็คิดจะมาดูพระชายาอ๋องเจวี้ยนเสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะมาได้พอเหมาะพอเจาะเช่นนี้!คนของไท่ซ่างหวงมาถึงแล้ว!เป้าหมายที่องค์จักรพรรดิให้เขามารอที่จวนอ๋องเจวี้ยนเขาเข้าใจเป็นอย่างดี นั่นก็คือมาคอยดูว่าคนสนิทของไท่ซ่างหวงทั้งสามคนนั้นเป็นใครกันแน่ แล้วส่งอะไรมาให้แก่อ๋องเจวี้ยนเดิมทีเขายังกังวลว่าตนเองจะพลาดไป ไม่คิดเลยว่าพระเจ้าจะเข้าข้างเขา เขาเพิ่งจะออกมา คนก็มาถึงเสียแล้ว"เชิญพวกเขามาที่โถงหน้าเลย"อ๋องเจวี้ยนเองก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะนำมาเร็วเช่นนี้ ลุกขึ้นยืนเตรียมจะตรงไปโถงหน้า แต่เขาที่เพิ่งลุกขึ้นยืนเบื้องหน้าก็ดำมืด จมูกคับยิบ ร่างกายโงนเงนฟู่จาวหนิงอยู่ใกล้เขามากที่สุด ตอนที่เขายืนขึ้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ กำลังลังเลว่าจะออกไปก่อนดีไหม หรือว่าจะตามไปดูที่โถงหน้าดี ผลคืออ๋องเจวี้ยนก็ล้มตัวมาทางตนเองแล้วมือของนางไวกว่าสมอง ยื่นไปกอดเซียวหลันยวนไว้แล้ว"ท่านอ๋อง!"ชิงอีกับหงจั๋วเฝิ่นซิงล้วนร้องตกตะลึง สะดุ้งโหยงกันขึ้นมาจนฟู่จาวหนิงประคองเซีย
เข็มในมือฟู่จาวหนิง ปักลงไปบนหน้าอกเขาครู่หนึ่ง นางก็เก็บเข็มลงไป ยื่นมือไปกุมมือขวาของเซียวหลันยวน ออกแรงกดลงไปที่จุดชีพจรหลายจุดใกล้ๆ กับง่ามนิ้วกลิ่นอายของอ๋องเจวี้ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย"ท่านคือพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ? พระชายารีบประคองอ๋องเจวี้ยนนอนลงช้าๆ เถิด" หมอหลวงเฉินเหลือบมองฟู่จาวหนิงผาดหนึ่ง ในใจเองก็อดชื่นชมขึ้นมาไม่ได้ ฟู่จาวหนิงคนนี้สวยงามเกินคนจริงๆแต่ว่าตอนนี้ในในใจเขามีแต่เรื่องจับชีพจรอ๋องเจวี้ยนฟู่จาวหนิงมองออกถึงความดีอกดีใจของหมอหลวงเฉิน พอเห็นว่าเซียวหลันยวนล้มลงไปก็มีโอกาสให้ได้จับชีพจรตรวจอาการป่วยของเขาแล้ว หมอหลวงเฉินเลยดีใจขึ้นมาหรือ?"ท่านเป็นใคร?" ฟู่จาวหนิงยังไม่ปล่อยมืออ๋องเจวี้ยน มองหมอหลวงเฉินแล้วยิ้มขึ้นมา "ใครบอกเจ้าว่าท่านอ๋องเป็นลมล้มไป? พวกเราสามีภรรยาแค่คุยกันแล้วก็กอดกันเท่านั้น ไม่ได้หรือ? ไปขวางหูขวางตาอะไรเจ้ากัน?"พรวด!ขนาดชิงอีก็เกือบจะทนพรวดออกมาไม่ไหวพระชายาคำพูดนี้มันช่างมันดูหน้าด้านเอามากๆ เลยจริงๆ นะนางเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอที่ท่านอ๋องให้แกล้งเป็นสามีภรรยาที่ให้เกียรติกันและกันต่อหน้าคนอื่นหรอกหรือ?ตอนนี้ก
หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าสมองกับตาของตนเองมีปัญหาเสียแล้วสิ่งที่อาจารย์มอบให้เขาก่อนหน้า แทบจะส่งคืนอาจารย์ไปจนหมดแล้วเมื่อครู่ตอนที่เห็นอ๋องเจวี้ยนล้มลงไปเช่นนั้น จะท่าทางการเคลื่อนไหว ดูอย่างไรก็คือสภาพการล้มลงไปเพราะสิ้นสติสัมปชัญญะชัดๆยิ่งไปกว่านั้น ชิงอีกับหญิงสาวคนนั้นก็ยังส่งเสียงตกใจเลยแล้วก็ ตอนที่เขามาก็เห็นอ๋องเจวี้ยนพิงอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงตลอด เท้ายังบิดเอียงด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสภาพที่มีสติแล้วยืนได้อย่างมั่นคง ไม่ถ้าไม่ใช่เป็นลมแล้วจะเป็นอะไรกัน?หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าที่องค์จักรพรรดิเลือกเขา ส่งเขามาจวนอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเพราะเขาฉลาดมาก พลังการสังเกตแข็งแกร่ง ละเอียดละออ วิชแพทย์เองก็ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ตอนนี้เขารู้สึกเริ่มสงสัยชีวิตตนเองขึ้นมาเสียแล้ว"อ๋องเจวี้ยนไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างจริงหรือ?" หมอหลวงเฉินงัดกับแรงกดดันของอ๋องเจวี้ยน ปลุกความกล้าขึ้นย้อนถาม "ข้าน้อยกังวลต่อสุขภาพของท่านอ๋องจริงๆ ไทเฮาฮองเฮาในวังพวกนางก็ล้วนเชิญให้ข้ามาจับชีพจรให้ท่าน ให้ข้าน้อยตรวจชีพจรให้ท่านอ๋องดีไหม?"ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ยื่นมืออกมา ให้ข้าจับชีพจรเถอะท่านอ๋อง!
อ๋องเจวี้ยนตกตะลึงไปครู่ เท้าชะงักไปฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกัน? พอได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชิน เขาก็เหมือนตกตะลึงไป?"เจ้าเคยได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชินไหม?" อ๋องเจวี้ยนถามนางฟู่จาวหนิงส่ายศีรษะ "ไม่เคย""พ่อของเจ้า เป็นศิษย์ฆราวาสของเขา" อ๋องเจวี้ยนพูดประโยคนี้ก็ปล่อยมือนางออก ตนเองสาวเท้าเข้าไปในโถงก่อนบิดานาง? ฟู่จิ้นเชิน?ฟู่จิ้นเชินเคยมีพระอาจารย์ด้วยหรือ?เรื่องเหล่านี้นางก็ไม่รู้เลยจริงๆ ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงไม่เคยเอ่ยถึงบิดามารดาของนาง"พระชายา ท่านก็เข้าไปเถิด" ผู้ดูแลทำสัญญาณมือ "ปรมาจารย์ฉือเชินเอ่ยถึงท่านอยู่""ได้เลย"ในเมื่อมาแล้วก็จัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน ฟู่จาวหนิงเองก็เดินเข้าไปในโถงมีคนนั่งอยู่หลายคน ข้างกายพวกเขาล้วนมีผู้ติดตาม เพิ่งเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความคึกคัก ฟู่จาวหนิงพอเข้ามา สายตาคนทั้งหมดก็กวาดมาบนตัวนางทันทีถ้าเป็นคนอื่น คงจะรู้สึกถึงแรงกดดันจนก้าวขาไม่ออกไปแล้วแต่ฟู่จาวหนิงแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเดินต่อไปทางเซียวหลันยวน ยืนอยู่ข้างกายเขาสิ่งแรกที่นางเห็นคือพระชราในชุดจีวร คิ้วและขนตาของพระล้วน
เซียวหลันยวนตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ"ใครกันแน่ที่บังอาจ?"เขากับฟู่จาวหนิงแม้เป้าหมายที่แต่งงานกันจะไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้ฐานะของนางก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน ยืนอยู่ข้างกายเขาตัวเขาเองไปรังแกนั้นได้อยู่ แต่คนนอกจะมาหน้าใหญ่เช่นนี้ได้ด้วยหรือ?"ที่นี่คือจวนอ๋องเจวี้ยน ข้าเองก็ยืนอยู่ที่นี่ ฮูหยินชรากำลังมาอวดเบ่งบารมีอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป มองไปทางเซียวหลันยวนนางคิดไม่ถึง ว่าเขาจะงัดกับฮูหยินชราคนนี้ตรงๆคนที่ไท่ซ่างหวงไหว้วานให้มาส่งของขวัญให้เขา ไม่ใช่ว่าควรจะต้องเคารพนอบน้อมหรือไรกัน?ฮูหยินชราเองก็นิ่งแข็งไป นางไม่อยากจะเชื่อ "อ๋องเจวี้ยน?""ฮูหยินชราก็ยังรู้จักอ๋องเจวี้ยนอย่างข้านี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงฟู่จาวหนิงเดินมายังที่นั่งหลักของโถงใหญ่ เข้ามานั่งลงด้วยกันกับเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน"ฮูหยินชิงเหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กกัน? อามิตตาพุทธ" ปรมาจารย์ฉือเชินพนมสองมือ ก่อนหน้าที่ฮูหยินชิ่งจะเอ่ยปากก็แย่งพูดมาก่อน "โยมน้อยฟู่เองก็ไม่รู้จักพวกเราจริงๆ""เด็กหรือ? นางแต่งงานกับคนอื่นแล้วยังเป็นเด็กอีกหรือ?" ฮูหยินชิ่งร้องเชอะ จากนั้นเลิกหนังตากวาดไปยังฟู่
ชิงอีหน้าดำเป็นเส้น แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร แต่ยืดหลังตรงยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีสีหน้าที่มากเกินไปอีกท่าน่องเดิมทีไม่คิดจะให้หน้าคนเหล่านี้อยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นลูกน้องก็จะทำให้ท่านอ๋องขายหน้าไม่ได้ก็แค่ตระกูลฮู่กับตระกูลชิ่งไม่ใช่หรือ?"อา แต่ข้าไม่เคยได้ยิน" ฟู่จาวหนิงกลับถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น "เป็นตระกูลที่สูงส่งกว่าและมีอำนาจเหนือกว่าราชวงศ์หรือ? ควบคุมอยู่เหนือราชวงศ์?""ไร้สาระ!""อย่าพูดเหลวไหล!"ฮูหยินชิ่งกับนักปราชญ์ชราหน้าเปลี่ยนสีตะคอกเสียงขึ้นพร้อมกันเอาบาปใหญ่ขนาดนี้วางลงมา พวกเขากล้าแบกเสียที่ไหน?ใครจะกล้าพูดว่าควบคุมอยู่เหนือราชวงศ์?นี่มันการก่อกบฎแล้ว?ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก "ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้นพวกท่านจะมาทำท่าทางราวกับพวกท่านใหญ่โตที่สุดในฟ้าดินนี้ต่อหน้าท่านอ๋องเจวี้ยนทำไมกัน? ถุด"นางยิ้มประชดประชันเดิมทีฮูหยินชิ่งกับนักปราชญ์เฒ่าที่อวดดีเสียเหลือเกินก็ถูกแทงปล่อยลมออกพร้อมกัน"โยมน้อยฟู่ อาตมาฉือเชิน" ปรมาจารย์ฉือเชินยิ้มๆ ยังอยู่ในท่าทีใจดี"ท่านปรมาจารย์ ท่านปรมาจารย์" ฟู่จาวหนิงโบกมือให้อย่างมีไมตรีจิตการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ยิ่
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ