หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าสมองกับตาของตนเองมีปัญหาเสียแล้วสิ่งที่อาจารย์มอบให้เขาก่อนหน้า แทบจะส่งคืนอาจารย์ไปจนหมดแล้วเมื่อครู่ตอนที่เห็นอ๋องเจวี้ยนล้มลงไปเช่นนั้น จะท่าทางการเคลื่อนไหว ดูอย่างไรก็คือสภาพการล้มลงไปเพราะสิ้นสติสัมปชัญญะชัดๆยิ่งไปกว่านั้น ชิงอีกับหญิงสาวคนนั้นก็ยังส่งเสียงตกใจเลยแล้วก็ ตอนที่เขามาก็เห็นอ๋องเจวี้ยนพิงอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงตลอด เท้ายังบิดเอียงด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสภาพที่มีสติแล้วยืนได้อย่างมั่นคง ไม่ถ้าไม่ใช่เป็นลมแล้วจะเป็นอะไรกัน?หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าที่องค์จักรพรรดิเลือกเขา ส่งเขามาจวนอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเพราะเขาฉลาดมาก พลังการสังเกตแข็งแกร่ง ละเอียดละออ วิชแพทย์เองก็ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ตอนนี้เขารู้สึกเริ่มสงสัยชีวิตตนเองขึ้นมาเสียแล้ว"อ๋องเจวี้ยนไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างจริงหรือ?" หมอหลวงเฉินงัดกับแรงกดดันของอ๋องเจวี้ยน ปลุกความกล้าขึ้นย้อนถาม "ข้าน้อยกังวลต่อสุขภาพของท่านอ๋องจริงๆ ไทเฮาฮองเฮาในวังพวกนางก็ล้วนเชิญให้ข้ามาจับชีพจรให้ท่าน ให้ข้าน้อยตรวจชีพจรให้ท่านอ๋องดีไหม?"ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ยื่นมืออกมา ให้ข้าจับชีพจรเถอะท่านอ๋อง!
อ๋องเจวี้ยนตกตะลึงไปครู่ เท้าชะงักไปฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกัน? พอได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชิน เขาก็เหมือนตกตะลึงไป?"เจ้าเคยได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชินไหม?" อ๋องเจวี้ยนถามนางฟู่จาวหนิงส่ายศีรษะ "ไม่เคย""พ่อของเจ้า เป็นศิษย์ฆราวาสของเขา" อ๋องเจวี้ยนพูดประโยคนี้ก็ปล่อยมือนางออก ตนเองสาวเท้าเข้าไปในโถงก่อนบิดานาง? ฟู่จิ้นเชิน?ฟู่จิ้นเชินเคยมีพระอาจารย์ด้วยหรือ?เรื่องเหล่านี้นางก็ไม่รู้เลยจริงๆ ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงไม่เคยเอ่ยถึงบิดามารดาของนาง"พระชายา ท่านก็เข้าไปเถิด" ผู้ดูแลทำสัญญาณมือ "ปรมาจารย์ฉือเชินเอ่ยถึงท่านอยู่""ได้เลย"ในเมื่อมาแล้วก็จัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน ฟู่จาวหนิงเองก็เดินเข้าไปในโถงมีคนนั่งอยู่หลายคน ข้างกายพวกเขาล้วนมีผู้ติดตาม เพิ่งเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความคึกคัก ฟู่จาวหนิงพอเข้ามา สายตาคนทั้งหมดก็กวาดมาบนตัวนางทันทีถ้าเป็นคนอื่น คงจะรู้สึกถึงแรงกดดันจนก้าวขาไม่ออกไปแล้วแต่ฟู่จาวหนิงแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเดินต่อไปทางเซียวหลันยวน ยืนอยู่ข้างกายเขาสิ่งแรกที่นางเห็นคือพระชราในชุดจีวร คิ้วและขนตาของพระล้วน
เซียวหลันยวนตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ"ใครกันแน่ที่บังอาจ?"เขากับฟู่จาวหนิงแม้เป้าหมายที่แต่งงานกันจะไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้ฐานะของนางก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน ยืนอยู่ข้างกายเขาตัวเขาเองไปรังแกนั้นได้อยู่ แต่คนนอกจะมาหน้าใหญ่เช่นนี้ได้ด้วยหรือ?"ที่นี่คือจวนอ๋องเจวี้ยน ข้าเองก็ยืนอยู่ที่นี่ ฮูหยินชรากำลังมาอวดเบ่งบารมีอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป มองไปทางเซียวหลันยวนนางคิดไม่ถึง ว่าเขาจะงัดกับฮูหยินชราคนนี้ตรงๆคนที่ไท่ซ่างหวงไหว้วานให้มาส่งของขวัญให้เขา ไม่ใช่ว่าควรจะต้องเคารพนอบน้อมหรือไรกัน?ฮูหยินชราเองก็นิ่งแข็งไป นางไม่อยากจะเชื่อ "อ๋องเจวี้ยน?""ฮูหยินชราก็ยังรู้จักอ๋องเจวี้ยนอย่างข้านี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงฟู่จาวหนิงเดินมายังที่นั่งหลักของโถงใหญ่ เข้ามานั่งลงด้วยกันกับเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน"ฮูหยินชิงเหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กกัน? อามิตตาพุทธ" ปรมาจารย์ฉือเชินพนมสองมือ ก่อนหน้าที่ฮูหยินชิ่งจะเอ่ยปากก็แย่งพูดมาก่อน "โยมน้อยฟู่เองก็ไม่รู้จักพวกเราจริงๆ""เด็กหรือ? นางแต่งงานกับคนอื่นแล้วยังเป็นเด็กอีกหรือ?" ฮูหยินชิ่งร้องเชอะ จากนั้นเลิกหนังตากวาดไปยังฟู่
ชิงอีหน้าดำเป็นเส้น แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร แต่ยืดหลังตรงยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีสีหน้าที่มากเกินไปอีกท่าน่องเดิมทีไม่คิดจะให้หน้าคนเหล่านี้อยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นลูกน้องก็จะทำให้ท่านอ๋องขายหน้าไม่ได้ก็แค่ตระกูลฮู่กับตระกูลชิ่งไม่ใช่หรือ?"อา แต่ข้าไม่เคยได้ยิน" ฟู่จาวหนิงกลับถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น "เป็นตระกูลที่สูงส่งกว่าและมีอำนาจเหนือกว่าราชวงศ์หรือ? ควบคุมอยู่เหนือราชวงศ์?""ไร้สาระ!""อย่าพูดเหลวไหล!"ฮูหยินชิ่งกับนักปราชญ์ชราหน้าเปลี่ยนสีตะคอกเสียงขึ้นพร้อมกันเอาบาปใหญ่ขนาดนี้วางลงมา พวกเขากล้าแบกเสียที่ไหน?ใครจะกล้าพูดว่าควบคุมอยู่เหนือราชวงศ์?นี่มันการก่อกบฎแล้ว?ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก "ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้นพวกท่านจะมาทำท่าทางราวกับพวกท่านใหญ่โตที่สุดในฟ้าดินนี้ต่อหน้าท่านอ๋องเจวี้ยนทำไมกัน? ถุด"นางยิ้มประชดประชันเดิมทีฮูหยินชิ่งกับนักปราชญ์เฒ่าที่อวดดีเสียเหลือเกินก็ถูกแทงปล่อยลมออกพร้อมกัน"โยมน้อยฟู่ อาตมาฉือเชิน" ปรมาจารย์ฉือเชินยิ้มๆ ยังอยู่ในท่าทีใจดี"ท่านปรมาจารย์ ท่านปรมาจารย์" ฟู่จาวหนิงโบกมือให้อย่างมีไมตรีจิตการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ยิ่
ฟู่จาวหนิงคิดๆ จากนั้นก็โยนกล่องไปให้กับชิงอีชิงอีตกใจสะดุ้งโหยง รับเอาไว้แน่น"ข้าออกไปส่งท่านปรมาจารย์แล้วกัน พวกท่านคุยกันไปนะ"ถึงอย่างไรภารกิจของนางก็น่าจะเสร็จสิ้นแล้วกระมัง? ถัดจากนี้เซียวหลันยวนจะไปงัดอย่างไรกับสองคนนั้น นางก็จะไม่ฟังแล้วไม่ว่าท้ายสุดเขาจะได้รับของอะไร ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนางฟู่จาวหนิงส่งปรมาจารย์ฉือเชินออกมาด้านนอก ใต้ต้นกานพลูในสวนต้นหนึ่ง ปรมาจารย์ฉือเชินยืนนิ่งอยู่ เขามองฟู่จาวหนิง จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา นิ้วมือยังกำลูกประคำไว้ ตบลงไปที่กระหม่อมฟู่จาวหนิงทีหนึ่ง"!"ฟู่จาวหนิงเกือบจะลงมือแล้ว แต่พอประสานกับสายตาใจดีของปรมาจารย์ฉือเชิน นางก็ควบคุมเอาไว้นางยืนอยู่ที่นั่น ยอมให้ปรมาจารย์ฉือเชินตบลงไปที่กระหม่อมถึงสามทีก๊องก๊องก๊องฟู่จาวหนิงราวกับได้ยินเสียงสามเสียงดังขึ้นแว่วๆ ห่างไกล คล้ยกับระฆังโบราณ และดูคล้ายกับทำนองพุทธบางอย่างนางมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง ลืมไปหมดว่าตนเองอยู่ที่ใด ข้างกายคือใคร เสียงรอบๆ ก็ราวกับสลายหายไปไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงของปรมาจารย์ฉือเชินก็ดังขึ้นมา"โยมน้อย"หลังจากได้ยินเสียงของเขา เบื้องหน้าฟู่จาวหนิงก
"ในเมื่อไม่หย่ากันแล้วชั่วคราว เช่นนั้นท่านก็ต้องมีชีวิตไว้ก่อน ข้าไม่อยากเพิ่งแต่งงานสามีก็ตาย"ฟู่จาวหนิงคิดเข้าใจแล้ว ตัวตนฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี้มีทั้งคุณและโทษ ในเมื่อตอนนี้หย่าร้างไม่ได้ นางก็ทำให้มั่นคงเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันแต่ถ้าหากหลังจากแต่งงานกับพวกเขาไปได้ไม่กี่วันอ๋องเจวี้ยนก็มาตายลง เช่นนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงคงได้มีข่าวลือที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวนางมากมายแน่ๆคงมีคนมาพูดว่านางสังหารสามีของเธอแน่ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาจ้องเขม็งที่ตราประทับแคว้นเจากับองครักษ์เงามังกรในมืออ๋องเจวี้ยนตาเป็นมันอย่างเห็นได้ชัด หากเขาตายไป ของเหล่านั้นจะให้ไปอยู่กับองค์จักรพรรดิอย่างราบรื่นไม่ได้ หญิงสาวตัวเล็กอ่อนแอที่แขวนตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนไว้ที่คอ อย่างนางจะต้องเจอกับพายุฝนกระหน่ำแน่นอนดังนั้น ตอนนี้เขาจึงยังตายไม่ได้เด็ดขาดแต่เมื่อครู่เขาเป็นลมเลือดกำเดาไหลแล้ว ตอนนี้ยังตัวเย็นจนเป็นน้ำแข็งอีก ตอนนางจับชีพจรให้เขาก็พบว่าเขาเหยียบเท้าข้างหนึ่งไปที่ประตูยมโลกแล้วเรียบร้อยเซียวหลันยวนถูกนางพูดจนใจตื้อไปหมดไม่อยากแต่งงานใหม่สามีก็มาตาย?แต่ว่าเขาเองก็ทนไม่ไหวแ
"จินเสวี่ย ไม่รู้ว่าท่านอ๋องช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้ากังวัลเหลือเกิน"หญิงสาวที่พูดหน้าตาสะสวย สวมชุดกระโปรงชมพูม่วงพื้นขาว ท่วงท่าสง่างาม ถ้าบอกว่าเป็นลูกคุณหนูจากบ้านใดบ้านหนึ่งก็ไม่มีคนสงสัยและหญิงสาวใบหน้ากลมที่นั่งอยู่ตรงข้ามนาง มีลักยิ้ม ดวงตามีแววขบขัน มองนางแล้วดูน่าคบหา เพียงแต่คิ้วคู่นั้นดูองอาจไปหน่อย ทำให้ความน่าคบหาของนางเป็นกลางไป ตอนที่นางไม่ยิ้มกลับดูเหมือนโกรธหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำแต่แม่นางสองคนนี้ล้วนหน้าตาดีอย่างไม่ต้องสงสัย"ข้าเองก็กังวลท่านอ๋องเหมือนกัน ไม่รู้จากไปตั้งนานหลายปี ผู้ดูแลจงจะดูแลพวกคนใช้ในจวนได้ดีไหม จะปล่อยให้พวกเขาทำงานลวกๆ ไม่ได้ จะดูแลท่านอ๋องไม่ดีเอา""ถ้าไม่ใช่มีคนส่งจดหมายไปแจ้งให้ท่านอ๋องรีบกลับเข้าวังหลวงด่วน ท่านอ๋องคงไม่ทิ้งพวกเราสองคนไว้ ยิ่งไปกว่านั้นที่เร่งเดินทางกลับมา ร่างกายท่านอ๋องจะรับไหวได้อย่างไร""ถูกต้อง ท่านพี่ไป๋ซวง ท่านรู้ไหมว่ใครเขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง? ทำไมท่านอ๋องของพวกเราถึงได้เชื่อคนที่เขียนจดหมายนั่น?"สาวใช้สองคนนี้ คือสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งของจวนอ๋องเจวี้ยน จินเสวี่ยกับไป่ซวงพวกของชิงอีทำงานอย่างซักผ้าปะชุด
รีบขนาดนั้นเลยหรือ?เขายังไม่ทันได้บอกพวกนาง ว่าตอนนี้ในจวนอ๋องมีพระชายาแล้วนะแต่ว่า ผู้ดูแลจงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร สาวใช้สองคนนี้ติดตามท่านอ๋องมาโดยตลอด น่าจะรู้จักวางตัวนั่นล่ะพวกนางพอกลับมาก็ไม่สนที่จะพักผ่อน รีบร้อนตรงไปรับใช้ท่านอ๋องก่อน นี่ก็เป้นการแสดงออกในการดูแลท่านอ๋องด้วยล่ะนะมิน่าท่านอ๋องจึงพานางทั้งสองไปด้วยกันฟู่จาวหนิงแทบแทงเซียวหลันยวนจนเป็นเม่นไปแล้วนอกจากหน้าอกยังมีแขนทั้งสองขาและที่ขาด้วย"พวกเจ้าไปดูหน่อยว่าชิงเตรียมเสร็จหรือยัง ถ้าเตรียมเสร็จแล้ว ก็เอาเจ็ดส่วนลงจากหม้อเตรียมอาบให้กับเซียวหลันยวน ส่วนอีกสามส่วนนำไปต้มยาสักหนึ่งเค่อแล้วใส่เปลือกส้มหลายแผ่นกับเป้ยหมู่อีกช้อนหนึ่งลงไปด้วย จากนั้นต้มอีกหนึ่งเค่อแล้วพักใส่ชามไว้"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงไม่กล้ามองไปทางอ๋องเจวี้ยนเลยพอได้ยินคำพูดของฟู่จาวหนิงก็รีบรับคำแล้วออกไปทันที แง้มประตูไว้สาวใช้สองคนเพิ่งจะออกไป จินเสวี่ยกับไป๋ซวงก็เข้ามาพอดีองครักษ์ลับที่คอยคุ้มกันเรือนพอเห้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวง ก็ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาขวางพวกเขาล้วนรู้ว่า สองคนนี้เป็นสาวใช้ที่ท่านอ๋องพาไปไหนมาไหนตลอดจินเสวี่ยกับไป๋ซวงเข้
อันเหนียนวันนี้พอวุ่นเสร็จ ก็พาคนหนึ่งมาที่โรงหมอฟู่จิ้นเชินเห็นคนที่เข้ามาก็รู้สึกเกินคาด"ผู้จัดการใหญ่ต่ง?"ต่งฮ่วนจือมาแล้ว"คุณชายฟู่"หลังจากต่งฮ่วนจือเข้ามา ด้านหลังก็ยังมีคนอีกหลายคน แบกวัตถุดิบยาเข้ามาหลายหามใหญ่ย่ิงไปกว่านั้นหลังจากพวกเขาวางลง ก็ออกไปแบกรอบที่สอง"นี่คือ?"อันเหนียนเอ่ยต่อให้ "ผู้จัดการใหญ่ต่งขนวัตถุดิบยาเข้ามาให้โดยเฉพาะ พระชายาสองวันก่อนไม่ใช่ว่าเข้าไปหาผู้ดูแลทางนี้มาหรอกหรือ? บอกวัตถุดิบยาที่ขาดกับผู้ดูแลพันธมิตรโอสถไป บอกว่าจะควักเงินจ่ายเอง ให้เขาคิดหาวิธีหน่อย""ไวขนาดนี้ ผู้จัดการใหญ่ต่งก็ได้รับข่าวแล้วหรือ?"เพิ่งจะสองวันเอง เป็นไปได้อย่างไรกัน?จากเมืองหลวงมานี่ยังต้องใข้ตั้งหลายวันพอคำนวณเวลา ต่งฮ่วนจือพอพวกเขาออกเดินทางได้สองวันก็คงจัดการแล้ว"อันที่จริงผู้ดูแลทางนี้ก็เขียนจดหมายถึงข้านานแล้ว บอกสถานการณ์ของทางนี้ ดังนั้นพวกเราจึงจัดการโยกวัตถุดิบยาจากที่อื่นเข้ามาก่อน แค่ยังไม่รู้ว่าต้องส่งไปที่ไหน แค่เตรียมการไว้ก่อน"ต่งฮ่วนจือก็เร่งเดินทางมาหลายวัน สีหน้าอ่อนล้า แต่ก็ยังอธิบายออกมา"ข้าเคยบอกกับศิษย์น้องหญิงแล้ว วัตถุดิบยาสำห
ฟู่จาวหนิงรีบพูดออกมาคำหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบเข็มออกมา รีบปักเข็มสกัดไอให้หญิงสาวไปหลายเข็มทางเดินหายใจ ปอด นางเรียนวิชาเข็มที่สามารถหยุดชะงักการไอได้ชั่วคราว ได้ใช้เสียทีหญิงสาวที่เดิมทีไอจนจะเป็นจะตายก็พบว่าตนเองหยุดไอแล้วนางมองฟู่จาวหนิง รู้สึกเหมือนได้เจอกับพระโพธิสัตว์ตัวเป็นๆ"เจ้านอนดีดี ข้าจะจับชีพจรให้ แล้วจะถามคำถามเจ้า เจ้าผ่อนคลายหน่อย""ได้ ได้"หญิงสาวเมื่อครู่ไอจนแทบไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนนี้แม้จะหยุดไอแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ฟู่จาวหนิงจับชีพจรให้นางอย่างละเอียด ใจดำดิ่งเป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรงจริงๆ ด้วยที่นี่ยังไม่มีแยกชนิดเอหรือบี แต่ว่าชีพจรของหญิงสาวก็ไม่ค่อยจะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ของผู้ป่วยทั่วไปที่รักษาไปช่วงนี้ แตกต่างอยู่หน่อยๆนางหยิบปืนวัดไข้ ปิดตาหญิงสาวไว้ แล้ววัดที่หน้าผากนางอย่างรวดเร็ว มองตัวเลขจากนั้นจึงรีบเก็บเข้าไปนคลังสกัดยามีของบางอย่างที่ใช้ได้รวดเร็ว นางเองก็ไม่ได้ยึดติดว่าห้ามใช้เด็ดขาดสี่สิบองศามีไข้ถึงสี่สิบองศาเชียวดวงตาของหญิงสาวแดงหน่อยๆ ริมฝีปากเองก็แดงผิดปกติ"เจ้าเข้าเมืองมาตอนไหน?" ฟู่จาวหนิงถาม"เข้าเมืองมาวันนี้ตอนกลางว
ยาต้มหกประสาทเอาไว้ป้องกันไข้หวัดรุนแรงฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้เจอักบคนป่วยคนหนึ่ง จากที่เขาบรรยาย ระหว่างทางที่หนีภัยพิบัติเจอเข้ากับครอบครัวหนึ่ง ล้วนเป็นหวัดกันหมด ไออย่างรุนแรง เดิมทีเดินทางด้วยกันแค่ไม่กี่วัน ผลลัพธ์คือครอบครัวนั้นแค่ไม่กี่วันก็ทยอยกันล้มตายไปล้วสามคนเดิมทีพวกเขายังคิดว่าเป็นแค่หวัด ทนเอาเสียหน่อย ต้มน้ำร้อนกินก็น่าจะไหว ครอบครัวนั่นบอกว่าระหว่างทางยังขุดหาสมุนไพรมากิน แต่ก็ทนกันไม่ไหวคนป่วยนี้บอกว่าเขาเห็นสถานการณ์นี้แล้วก็หวั่นขึ้นในใจ ไม่กล้าอยู่ใกล้พวกเขานัก แม้จะไปทางเดียวกัน แต่ก็ยังเว้นระยะห่างไว้ค่อนข้างมากครอบครัวนั้นสุดท้ายก็รั้งท้ายอยู่ไกล ไม่รู้ว่าเข้าเมืองแล้วหรือยังตอนนี้มองเห็นรองเท้าที่เก่าขาดบนเท้าของหญิงสาวคนนี้ แล้วบนหัวยังมีผ้าขาวผืนเล็กผืนหนึ่งผูกไว้ นางก็ไม่รู้เพราะอะไรจึงนึกถึงครอบครัวนั้นขึ้นมา"ให้สืออีไปถาม ว่าหญิงสาวคนนี้มาจากทางไหน แล้วก็ถามด้วยว่านางสัมผัสกับใครบ้าง จัดการเอาคนเหล่านี้แยกตัวออกมาก่อน"ฟู่จาวหนิงเปิดกล่องยาพลางถอยออกมาบอกกับไป๋หู่"อ้อ แล้วก็ให้สืออีป้องกันก่อนแล้วค่อยไป หาอยู่กับคนเหล่านั้นใกล้นัก จำเรื่องที่
ฟู่จาวหนิงเองก็กำลังคิดถึงปัญหานี้"แต่ว่าตงฉิงล่มสลายหายไปนานแล้ว" นางเอ่ยขึ้นทั้งสองคนนิ่งต่อไปครู่หนึ่งและเพราะล่มสลายไปแล้วจริงๆ ตอนนี้พูดเรื่องนี้ก็ไม่มีความหมายเท่าไรแล้วที่ฟู่จาวหนิงไม่ได้พูดก็คือ เซียวหลันยวนส่งหลานหรงไปค้นหาคนกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตงฉิงมาตลอด แล้วยังไปที่ซากปรักหักพังเก่าของตงฉิงมาแล้วด้วยมีฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวที่เคยไปแล้วคอยชี้ทาง บางทีไม่นานนัก พวกเขาก็น่าจะพบอะไรบ้าง"เรื่องนี้ ข้ากลับไปจะบอกท่าน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยตอบ"ทูตแคว้นหมิ่นมาแคว้นเจาครั้งนี้ ไม่รู้ว่ามีเป้าหมายอะไร แต่ข้าก็รู็สึกว่าน่าจะมาอย่างไม่เป็นมิตร"มาอย่างไม่เป็นมิตร?ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แคว้นหมิ่นส่งของมากมายเข้ามา ฟู่จิ้นเชินกลับบอกว่าพวกเขามาอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรหรือ?แต่นางเองก็ไม่ค่อยสันทัดกับเรื่องพวกนี้ ถึงอย่างไรนางก็เก่งในการรับมือปัญหาเฉพาะหน้ามาตลอดทั้งสองคนยังจะพูดอะไรต่อ แต่เสี่ยวยาก็วิ่งเข้ามา ร้องเรียกนางอย่างร้อนรน"พี่ฟู่ มีป้าคนหนึ่งเป็นล้มที่ประตู เสี่ยวยาประคองนางไม่ไหว!"พี่น้องเสี่ยวยาทั้งสองคนหลายวันนี้พักฟื้นอยู่ที่นี่ หลังจากแผลบนห
"ต้นผลอายุวัฒนะ?"ฟู่จาวหนิงพอเห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะมีของแบบนี้อยู่จริงๆ?"ต้นผลอายุวัฒนะอะไร?" ฟู่จิ้นเชินเดินเข้ามาฟู่จาวหนิงส่งจดหมายให้เขา ครั้งนี้จดหมายของเซียวหลันยวนเขียนถึงสี่หน้า หน้าสุดท้ายคือคำรักที่เขาให้คนอื่นเห็นไม่ได้ แต่สามหน้าด้านหน้า ฟู่จาวหนิงไม่ติดใจที่จะให้ฟู่จิ้นเชินเห็นและเพราะในช่วงหลายวันนี้นางคุยกับคนป่วยมาก วันๆ วุ่นจนไม่ได้ดื่มน้ำ คอเองก็ปวดขึ้นมาหน่อยๆ กล่องเสียงก็แหบพร่า ตอนนี้พูดได้น้อยเท่าไรก็จะยิ่งดีอธิบายขึ้นมาต้องพูดหลายประโยคฟู่จิ้นเชินลิงโลดในใจถึงอย่างไรฟู่จาวหนิงก็ไม่เลี่ยงเขาแล้ว ยังเอาจดหมายของเซียวหลันยวนมาคุยกับเขาได้ น่าจะอธิบายได้ว่านางเองก็เริ่มเชื่อใจเขาขึ้นมาแล้วไม่เสียแรงที่ตามนางมาถึงเมืองเจ้อเพียงแต่ว่า ฟู่จาวหนิงกลับคิดไม่ถึง ว่าเขาอ่านจดหมายถเสร็จก็ให้คำตอบยืนยันกับนางมา"ผลอายุวัฒนะ มีอยู่จริงๆ มีบทบาทการบำรุงและการรักษามาก"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง "ท่านรู้จักหรือ?"ยืนยันมาได้ขนาดนี้ เขาคงไม่ได้เคยเห็นมาก่อนหรอกนะ?"เจ้าจำเรื่องที่ข้ากับแม่เจ้าไปที่ตงฉิงมาก่อนได้ไหม?""อืม"พวกเราเดิมทีไม่ได้จะตรงไ
"อ๋องเจวี้ยน?"คนวังที่คอยเฝ้าของเหล่านี้พอเห็นเซียวหลันยวนเข้ามาก็รีบทำความเคารพขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกแปลกหน่อยๆ อ๋องเจวี้ยนเข้ามาทำอะไร?"อืม"เซียวหลันยวนขานรับคำหนึ่ง มองไปยังเครื่องปั้นหยกน้ำงามเหล่านั้น"เปิดฝาให้ข้าดูหน่อย""ขอรับ" คนวังแม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธหลังจากเปิดฝาทั้งหกออก เซียวหลันยวนก็เหลือบไปทางกล่องแต่งหน้าหยกม่วงใบนั้น แล้วจึงปิดฝาลงมา แล้วอุ้มขึ้นตั้งท่าจะเดิน"อ๋องเจวี้ยน!"คนวังตกตะลึง รีบเข้ามาขวาง"อื๋อ?""อ๋องเจวี้ยน นี่ นี่ องค์จักรพรรดิให้ท่านนำไปที่ตำหนักใหญ่หรือ?" คนวังไม่กล้าเงยหน้ามองเขา ทำได้แค่ถามเขาตะกุกตะกัก"เปล่า""เช่นนั้นท่านอ๋องจะทำสิ่งนี้ไปไหนหรือ?" คนวังแทบจะร้องไห้แล้ว"กลับจวนอ๋อง""อ๋า?" คนวังยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่ "ท่านอ๋อง นี่ นี่มันเป็นของที่ทูตแคว้นหมิ่นส่งเข้าวังมานะ...""คิดว่าข้าไม่รู้เรอะ? คณะทูตข้าก็เป็นคนไปรับกลับเมืองหลวง ดังนั้นข้าเลือกของไปสักชิ้นเป็นค่าจ้างก็ไม่ได้เกินเลยนี่ ถ้าจักรพรรดิถามมา เจ้าก็บอกกับเขาแบบนี้เลย บอกว่าข้าชอบสิ่งนี้ เลยเอามันไป"เซียวหลันยวนพูดจบ ก็เดินผ่านคนคนนั้นออกไปอย่า
หลังจากแคว้นหมิ่นส่งต้นไม้นี้แล้ว ก็ยังส่งเมล็ดพันธุ์อาหารมาให้อีกหลายชนิด สิ่งเหล่านี้ล้ำค่ามาก เพราะเป็นพืชที่ไม่มีในแคว้นเจา!ได้ยินว่าผลผลิตต่อไร่ก็ยังสูงมาก ถ้าพวกเขาสามารถปลูกได้ เช่นนั้นเรื่องเสบียงหลังจากนี้ก็จะไม่ขาดแล้ว!สิ่งนี้สำหรับคลังหลวงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวเพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องถ่ายทอดประสบการณ์ แคว้นหมิ่นเองก็พาขุนนางเกษตรหลายคนเข้ามา คงต้องอยู่ในแคว้นเจาระยะหนึ่งองค์จักรพรรดิตอนนี้จึงคาดหวังว่าพวกเขาจะอยู่กันนานหน่อย จะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มานอกเหนือจากนี้ พวกเขาเองก็ต้องหาข่าวเรื่องแคว้นหมิ่นจากคนเหล่านี้ด้วยของขวัญพวกนี้ ทำให้จักรพรรดิหน้าบาน ดังนั้นจึงรับรองพวกเขาไว้ในวังราชนิเวศน์"องค์จักรพรรดิ อ๋องฉยงยังพักฟื้นอยู่ในวังราชนิเวศน์..." ขันทีรีบเตือนองค์จักรพรรดิขึ้นมาคำหนึ่ง"ข้าลืมที่ไหนเล่า? ให้อ๋องฉยงย้ายไป..." องค์จักรพรรดิคิดๆ "ข้าไม่ใช้มอบบ้านให้ท่านหญิงปิงอวี้ไปหลังหนึ่งหรือ? ให้อ๋องฉยงย้ายไปที่นั่นก่อน ให้พ่อลูกได้อยู่ด้วยกันด้วย มีลูกสาวกับภรรยาผู้น้อยดูแล ก็ไม่ได้แย่กว่าสาวใช้หรอกนี่?""องค์จักรพรรดิปราดเปรื่องนัก"ดังนั้
ผลอายุวัฒนะ!"ผลชนิดนี้ ไม่ใช่ปรากฏแค่ในหนังสือที่เล่าเรื่องในตำนานหรอกหรือ?" มีขุนนางใหญ่สงสัยขึ้นมา"ใต้เท้าคำนี้กล่าวผิดไปแล้ว คนที่บันทึกหนังสือไม่มีทางเขียนอะไรมั่วซั่วแน่นอน ในเมื่อหนังสือยังมีการพูดถึงผลอายุวัฒนะ เช่นนั้นก็ต้องมีผลไม้ชนิดนี้อยู่จริงๆ"หยวนกังส่ายหัว สายตาเหลือบมองไปยังขุนนางใหญ่ที่สงสัยคนนั้น สายตานั่นเหมือนกำลังบอกว่า: เจ้านี่มันความรู้ตื้นเขินเสียจริง"เพียงแต่ยาอายุวัฒนะนี้ก็ไม่ได้มหัศจรรย์สุดยอดดั่งที่หนังสือกับตำนานพรรณนาไว้ แน่นอนว่าไม่ใช่กินแค่ผลเดียวก็เพิ่มพลังภายในถึงหกสิบปี หรือกินแล้วผมขาวจะเปลี่ยนเป็นผมดำทันที ทำให้คนหนุ่มขึ้นสิบปี แล้วก็ไม่สามารถทำให้เลือดกระดูกงอกใหม่ออกมาได้ด้วย""แล้วก็เป็นแค่ชื่อหรือ?"ถ้าหากไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น แล้วทำไมถึงเรียกว่าผลอายุวัฒนะ"ไม่ๆๆ แน่นอนว่ามันมีสรรพคุณอยู่ สิ่งนี้ฝ่าบาทของพวกเราเคยประสบมากับตัว มีอยู่ครั้งหนึ่ง ฝ่าบาทของเราจู่ๆ ก็ปวดแน่นหน้าอก หน้าขาวซีดไปในพริบตา หน้ามืด หายใจไม่ทัน นิ้วมือเองก็เริ่มชักกระตุก...""รุนแรงขนาดนั้นเชียว" องค์จักรพรรดิร้องตกใจ"พะย่ะค่ะ ตอนนั้นฝ่าบาอทของเราล้มลงไปแล้ว
"เชิงเทียนชิ้นนี้ องค์จักรพรรดิสามารถสังคนให้ลองจุดเทียนดูได้"มีคนวังเข้ามา จุดเทียนขึ้นแสงเทียนถูกหยกน้ำงามที่ใสบริสุทธิ์ส่องกระทบ จนเปล่งวงแสงเล็กๆ ออกมานับไม่ถ้วน ตัวหยกน้ำงามก็ถูกยอมไปดวงแสงระยับจับตา มองแล้วงดงามอย่างมาก"สวย สวยงามมากจริงๆ!""นี่คือกล่องแต่งหน้า ด้านบนสลักดอกนกกระเรียนที่เป็นตัวแทนความมั่งคั่งและอายุยืนของแคว้นหมิ่นเราไว้ เห็นหรือยัง? แกนกลางดอกไม้นี้เป็นสีม่วง และหยกน้ำงามชิ้นนี้ก็มีหลายจุดที่เปล่งแสงม่วงด้วย สอดคล้องกับดอกนกกระเรียนได้อย่างสมบูรณ์ กล่องแต่งหน้าทั้งใบจึงเปล่งแสงสีม่วงออกมา งดงามจับตามาก"หยวนอี้อธิบายให้กับพวกเขาอยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างภูมิใจพระชายาเยว่พอได้ยินก็นั่งไม่อยู่แล้ว อย่างอื่นนางฟังอย่างใจเย็นได้ แต่พอได้ยินสิ่งที่เป็นตัวแทนของความมั่งคั่งอายุยืน แล้วยังเป็นกล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วง นางก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาทันทีไม่ได้ นางต้องรีบดูเสียหน่อยพอมองไป กล่องแต่งหน้าหยกน้ำงามสีม่วงนี้ดูซับซ้อนและหรูหรามาก จุดกึ่งโปรงใสนั่น แสงม่วงวิบวับ งดงามจนส่องประกายในตานางสวยมากเลย!นี่เป็นของชิ้นเดียวในแคว้นเจาแน่นอน!ของที่งดงามขนาดนี