รถม้าออกเดินทางต่อ นอกจากเสียงรถม้ากีบม้าแล้ว คนทั้งหมดล้วนเงียบงันกันหมดสิ่งนี้ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนว่าทุกคนกำลังแอบเตรียมจะฟังพวกเขาคุยกันอยู่น่าจะเพราะพวกเขาก็กังวลว่าสองคนจะทะเลาะกันกระมัง?ฟู่จาวหนิงนั่งไปที่ด้านหนึ่ง ยื่นนิ้วออกไปจิ้มเอวเซียวหลันยวนเบาๆ"นี่"เซียวหลันยวนไม่ขยับ กระทั่งขนคิ้วก็ยังไม่ขยับหรือว่าจะหลับไปแล้วจริงๆ?เพราะวันนี้ตื่นมาเช้ามากจริงๆ หรือเปล่า?ฟู่จาวหนิงพิงเข้าไปอีก ยื่นเข้าไปที่หน้าเขา จนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาที่มั่นคงและแผ่วเบามากตอนนี้นางไม่กล้ายืนยันว่าเขาไม่สนใจนาง หรือว่าหลับไปแล้วจริงๆวันนี้เองก็ตื่นเช้ามากจริงๆ เมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนเต็มอิ่ม มองเขาไปครู่หนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว เอนตัวพิงไปข้างๆ และหลับไปขณะที่รถม้าโคลงไปเคลงมาหลังจากนางหลับไป เซียวหลันยวนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเขามองหญิงสาวที่พิงหลับไปอยู่ข้างๆ ในใจก็มีความจนใจหลั่งทะลักออกมา เอาพรมบนตัวมาคลุมเบาๆ บนตัวนาง"เขาชิงถง ถังอู๋เจวี้ยน" เขาเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาเสียงต่ำแล้วจึงมองไปยังฟู่จาวหนิงด้วยความสามารถการสังเกตที่เฉียบคมไร้เทียมทานของเข
สมองฟู่จาวหนิงมีแต่เครื่องหมายคำถามเรียงเป็นตับคนที่นางอุปโลกขึ้นมา จะไปมีที่มาแท้จริงได้อย่างไรกัน?ตอนนี้นางสงสัยว่าถังอู๋เจวี้ยนคนนี้น่าจะมาล้อนางเล่นเสียแล้วแต่เผอิญว่านางไม่สามารถเปิดเผยอาจารย์คนนี้ได้ นางจะบอกว่าไม่มีคนคนนี้อยู่ก็ไม่ได้กระมัง?นางมองถังอู๋เจวี้ยนแบบพูดไม่ออก "ท่านไปรู้จักอาจารย์ข้ามาจากไหน? ข้าไม่เคยได้ยินอาจารย์เอ่ยถึงท่านเลย""อืม เพราะลุงของข้าเป็นคนที่พิเศษมาก หลังจากที่ตัวเองทะเลาะกับตระกูลแล้วหนีไปที่เขาชิงถง ก็ไม่เคยพูดถึงอีกเลยว่าตนเองมาจากที่ไหน ต่อให้บอกท่านไป ก็เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น""ลุง ของท่านหรือ?!"เสียงฟู่จาวหนิงยกสูงขึ้นมา กระทั่งเสียงเปลี่ยนไปหน่อยๆ ด้วยนางเพิ่งเคยเจอเรื่องไร้สาระแบบนี้เป็นครั้งแรก กระทั่งให้ใจเย็นก็เย็นไม่ลงแล้วทำไมคนที่นางอุปโลกขึ้นมาถึงกลายเป็นลุงของถังอู๋เจวี้ยนไปแล้วกัน?"ใช่ ดังนั้นถ้าพูดขึ้นมา ข้าก็ถือว่าเป็นศิษย์พี่ของท่าน" ถังอู๋เจวี้ยนตอนที่พูดเรื่องเหลวไหลนี่ ท่วงท่าเขาก็สง่าราวกับเซียน"ศิษย์...พี่หรือ?!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตนเองตอนนี้ต้องดูโง่มากแน่ๆ แต่นางก็ควบคุมเอาไว้ทันที เพราะนี่มันไร้
แต่ฟู่จาวหนิงพอเห็นเข็มกลัดชิ้นนี้กลับตะลึงงันไปแล้ว นี่เป็นเข็มกลัดที่ศาสตราจารย์คนแรกในโรงเรียนแพทย์ที่สร้างอิทธิพลอย่างมากกับนางทำขึ้นเป็ฯพิเศษแล้วมอบให้นางรู้สึกว่าพิราบขาวนี้ไม่ใช่แค่สันติภาพ แต่ยังเป็ฯมิตรภาพ ความเมตตา ความสุขสงบ การมอบเข็มกลัดให้กับศิษย์ที่เขารักเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขานักเรียนที่ได้รับเข็มกลัดนี้ก็จะกลัดมันไว้ที่กระเป๋าหลังเข็มกลัดนี้ยังมีประโยชน์ที่น่าสนใจอีก เพราะศาสตราจารย์คนนี้มีอำนาจและชื่อเสียงมากในวงการแพทย์ ดังนั้นนักเรียนที่ได้รับเข็มกลัดเขา ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลไหน ก็ล้วนจะได้รับความรักการปกป้องจากเหล่าผู้อำนวยการและเพื่อนแพทย์เป็นพิเศษตอนนั้นบนกระเป๋าฟู่จาวหนิงกลัดเอาไว้หลายชิ้นเช เหล่าเพื่อนนักเรียนกล้วนอิจฉาตาร้อนกันยกใหญ่ แต่ใครใช้ให้นางเป็นที่โปรดปรานของศาสตราจารย์กันล่ะ?ตอนนี้ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็มาเห็นเข็มกลัดนั่นที่นี่ จะไม่ตกใจได้อย่างไรกัน?ก่อนหน้านี้ตอนที่นางคุยกับถังอู๋เจวี้ยนที่เป็นเพื่อนออนไลน์ ถังอู๋เจวี้ยนก็เคยถามนาง ได้ยินว่าศาสตราจารย์ถังมอบเข็มกลัดให้นางถึงห้าชิ้นเลยหรือ?ศาสตราจารย์ถัง...ก็นามสกุลถังเหมือนกันฟู่จาว
เซียวหลันยวนตอนนี้กำลังยืนอยู่นอกประตูของเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงเขาขึ้นเขามาก่อน เพราะอยากจะดูว่าเจ้าอารามมีท่าทีอย่างไรกับฟู่จาวหนิง ไม่อยากให้เขาพูดอะไรที่เป็นการทำร้ายฟู่จาวหนิงออกมาเดิมทีเขาไม่รู้สึกว่าเจ้าอารามจะไม่ชอบฟู่จาวหนิงแต่ฮูหยินเฉิงทำให้เขาตาสว่างบางครั้งระหว่างคนเราด้วยกันมันก็แปลก ทั้งที่เป็นคนดีแท้ๆ แต่ก็ยังมีคนที่ไม่สบอารมณ์เดิมทีเขาคิดว่าฮูหยินเฉิงจะชอบแม่นางที่ฉลาดใจกว้างตรงไปตรงมาอย่างฟู่จาวหนิงเสียอีก คิดไม่ถึงว่าฮูหยินเฉิงกลับไปชอบนิสัยประหลาดๆ แบบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแทนถูกต้อง จากที่เซียวหลันยวนเห็น องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเป็นคนนิสัยประหลาดนางมีโชคอยู่บ้าง ตัวเองก็ถือเป็นแม่นางที่อ่อนโยนเข้าใจเรื่องต่างๆดี ยิ่งไปกว่นั้นยังถือว่ามีเสน่ห์ด้วย ไม่เช่นนั้นนางคงไม่หนีออกมาจากต้าชื่อ เพราะความอยากครอบครองมากผิดปกติที่มีต่อตัวนางของฝ่าบาทต้าชื่อหรอกแต่นางไม่ถือว่ามีเอกลักษณ์อะไร และไม่ได้ฉลาดด้วย ความรู้ก็สู้ฟู่จาวหนิงไม่ได้ นางมองอะไรก็ไม่ค่อยชัดเจน ดื้อรั้นที่สุดกับคนที่นางคิดว่าสามารถช่วยเหลือนางได้อย่างเช่นเขาคิดจะพึ่งพาเขา ให้เขาช่วยเหลือ แต่ไม่รู้จัก
เซียวหลันยวนจนใจ "ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอเขาออกมา""ขอบคุณใต้ฝ่าพระบาทที่เข้าใจ"ซางจื่อแอบถอนใจโล่ง เหมือนคิดถึงอะไรได้อีก "จริงด้วย ใต้ฝ่าพระบาท เจ้าอารามยังคำนวณไว้อีกเรื่องหนึ่ง""เรื่องอะไร?""เจ้าอารามบอกว่า พระชายาของท่านวันนี้จะได้เจอกับคนที่พิเศษมากสำหรับนางคนหนึ่ง"เซียวหลันยวนหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยในสมองเขามีภาพถังอู๋เจวี้ยนปรากฏขึ้นมาทันทีนี่ควบคุมไม่อยู่แล้วจิรงๆ พอได้ยินคำนี้ของซางจื่อ เขา็คิดถึงชายคนนั้นขึ้นมาเดิมทีก็หึงหวงไปแล้ว ประโยคนี้เป็นเหมือนก้อนหินใหญ่อีกก้อนที่ขวางมาในใจเขาเขาเองก็ค่อนข้างเชื่อการคำนวณของเจ้าอารามด้วย แม้หลายเรื่องจะยังดูน่าสงสัย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อและเพราะเชื่อ พอได้ยินคำนี้เขาจึงหันมาสนใจเขารู้สึกว่าในใจลนลานขึ้นมา หมุนตัวเดินกลับไปทันทีถ้าเจ้าอารามคำนวณคนแบบนี้ออกมา เช่นนั้นเขาไม่มีทางปรากฏตัวแค่ที่ลานหินยื่นแน่นอน คงจะเข้ามาพัวพันน่าดูแล้วการที่เขาขึ้นมาก่อน ก็เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพอดี...พอคิดถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็ใช้วิชาตัวเบาทันที ไปถึงด้านนอกอารามอย่างรวดเร็วราวกลุ่มควันพอยืนอยู่นอกประตูใหญ่ก็มองเห็นฟู่จาวหนิงรีบ
"ข้าขอตัวก่อน อ๋องเจวี้ยน ไว้ว่างแล้วค่อยคุยกัน" ถังอู๋เจวี้ยนบอก เดินผ่านข้างตัวเซียวหลันยวนไปเซียวหลันยวนหรี่ตามองแผ่นหลังเขา กลิ่นอายเย็นชาลงมาจนตอนที่ถังอู๋เจวี้ยนเข้าประตูอารามโยวชิงไป เขาจึงคลายมือที่กดท้ายทอยฟู่จาวหนิงไว้ออกฟู่จาวหนิงถอยออกมาจากในอกของเขาทันที ถลึงตามองเขาเคืองๆ"เซียวหลันยวนท่านคิดจะให้ข้าขาดใจตายหรือไรกัน?"ตอนแรกสุดเขาไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา ทำไมจู่ๆ ก็มาทำตัวไร้เดียงสาแบบนี้?"ทำไมเจ้าถึงขึ้นเขามาพร้อมกับเขา?" เซียวหลันยวนถาม"ก็ไม่ใช่เพราะท่านขึ้นมาก่อนหรือไงกัน? ไม่อย่างนั้นเขาก็ขึ้นมาพร้อมพวกเราสองคนแล้ว" ฟู่จาวหนิงเน้นหนักคำว่า ‘เราสองคน’น่าขำซะจริงถ้าไม่ใช่เขาหนีมาก่อนคนเดียว จะเหลือนางไว้ให้ขึ้นมากับถังอู๋เจวี้ยนหรือไง? ตอนนี้ยังจะมาหึงหวงอะไรอีกเซียวหลันยวนมองถนนขึ้นเขาที่ทอดยาวขึ้นมา เดิมทีก่อนหน้านี้เวลาเขามาเองไม่เคยรู้สึกว่าเส้นทางนี้มันยาวมันไกลนักเลย แต่ว่าตอนนี้...ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้รู้สึกว่ายาวนานนัก เพราะรู้สึกว่าระยะทางแบบนี้ พอที่จะทำให้ถังอู๋เจวี้ยนคุยอะไรกับฟู่จาวหนิงได้มากมาย? สามารถทำให้พวกเขาเข้าใจกันและกันได้มากขึ้น?
เซียวหลันยวนสูดลมหายใจลึก อธิบายขึ้นมา อยากจะบอกว่าตนเองทำเพื่อมาดูท่าทีของเจ้าอารามก่อน..."อายวน!"เสียงของฮูหยินเฉิงก็ตัดบทคำพูดเซียวหลันยวนเข้าพอดีพวกเขาหันกลับไปมอง ฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงแล้ว"ท่านเข้าไปบอกกับเจ้าอารามก่อน ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็มาแล้วใช่ไหม? ให้เขาอย่าพูดว่าองค์หญิงใหญ่เหมาะสมกับท่านมากใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงย้อนถามไม่ใช่นะเขาไม่ได้คิดจะเอ่ยถึงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยหญิงสาวคนอื่นไม่คู่ควรให้เขาเอ่ยถึงแม้แต่คำเดียวแต่ว่า องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็มาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้วปีนบันไดหินขึ้นมาพักหนึ่ง แม้เนินจะค่อนข้างราบเรียบ แต่สำหรับสตรีสูงศักดิ์ก็ถือว่าลำบากอยู่พอควรดังนั้นบนใบหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตอนนี้จึงมีหยดเหงื่อบางๆ ขมับชื้นเล็กน้อย ใบหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจหอบถี่นางยืนอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวน"อ๋องเจวี้ยน ท่านพบกับเจ้าอารามแล้วหรือยัง? ข้าอยากจะถามว่าเจ้าอารามมีนิสัยอย่างไร จะได้ไม่พูดอะไรที่ท่านผู้เฒ่าผู้แก่ไม่ชอบออกมา"คำถามนี้ อยู่กับฮูหยินเฉิงมาตลอดทาง ไม่ได้ถามนางหรอกรึ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากขำไม่รู้ว่านางเข้าใจผิดหรือเปล่า
นั่นเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมากพอก้าวเข้ามาก็รู้สึกโปร่งสบาย ราวกับลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านใบหน้า สติจิตใจก็เหมือนเปลี่ยนไปในชั่วพริบตาฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆ พบว่าในอารามนี้ปลูกต้นต้นเหมยไว้หลายต้นต้นเหมยเหล่านี้ทุกต้นเหมือนถูกประดับไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดของพวกมัน ทำตอนที่คนมองไปยังมุมพวกนั้นจึงรู้สึกดูดีผิดปกติ ราวกับเป็นภาพวาดก็มิปาน"รู้สึกว่าที่นี่แปลกหน่อยๆ ใช่ไหม?"ฮูหยินเฉิงถามขึ้น ฟู่จาวหนิงมองไป ก็พบว่านางกำลังพูดกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"อารามโยวชิงนี้เจ้าอารามวาดแปลนขึ้นเองแล้วปรับสร้าง ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็มีอยู่ แต่ว่าเล็กและทรุดโทรมไปหน่อย หลังจากเจ้าอารามเข้ามาก็ปรับแก้ทีละนิดทีละน้อย ย้ายกำแพงตรงนี้ สร้างบันไดหินตรงนั้น ที่นี่วางเสาเพิ่มสองต้น ตรงนั้นปลูกต้นไม้เพิ่ม""เหล่านี้ ล้วนเป็นเขาที่ทำให้อารามโยวชิงเปลี่ยนมาเป็นแบบปัจจุบันนี้ด้วยมือของตนเอง"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอเข้ามาก็อดหลับตาลงสูดหายใจลึกไม่ได้ นางเองก็รู้สึกเหมือนฟู่จาวหนิงเดิมทีอารมณ์ที่กระวนกระวายไม่เป็นสุข รู้สึกสับสนอย่างมากต่ออนาคต แต่จังหวะที่ก้าวเข้ามา ความรู้สึกในใจนางก็โล่งสบาย เหมือนว่า
เสียงของเจ้าอารามดังขึ้นแผ่วเบาข้างหู ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นที่เดิมคิดจะร้องด้วยความตกใจกลืนมันกลับลงไป พยายามทำให้ตนเองใจเย็นลงมาในเมื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นบอกว่าพวกเขาดูอยู่ได้ เช่นนั้นไม่ดูก็จะเสียโอกาสฟู่จาวหนิงดึงเซียวหลันยวนเดินเข้าไปใกล้ๆ ดังนั้นพวกเขาเองก็เห็นตาข่ายระยางเลือดละเอียดบนแท่นหินแล้วแรงกดอากาศในถ้ำหินเหมือนจะต่ำลงมาหน่อย จากนั้นแสงก็หม่นลงมาท้องฟ้าด้านนอกไม่รู้ทำไมถึงมืดลง ควบเมฆดำขึ้นมาผืนใหญ่ตาข่ายระยางเลือดบนแท่นหินค่อยๆ ไหลเวียนขึ้นมา จากนั้นลูกปัดหยกเหล่านั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามรางสีท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิมเพียงไม่นาน ลูกปัดหยกรอบๆ พวกนั้นก็หมุนวนขึ้นมาลูกปัดหยกมากมายขนาดนั้น มีทั้งหมุนเร็วหมุนช้าแตกต่างกันไป ตอนที่หมุนก็เกิดเสียงเสียดสีแตกต่างกันออกมาในเสียงเองก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งเสียงแซ่กๆๆ มีทั้งเสียงจิ๊กๆๆ มีทั้งเสียงกึกๆๆ ดังเบาแตกต่างกัน แม้จะเป็นเสียงที่เบามา แต่พอมากขนาดนี้ เสียงเล็กๆพอรวมกันขึ้นมา ก็ทำให้คนมองข้ามไปไม่ได้เช่นกันฟู่จาวหนิงมองลูกปัดหยกเหล่านั้น ในใจตกตะลึงนี่เป็นกลไกที่ละเอียดมาก? หรือว่าเป็นค่ายกลอะไรกันนะ?เพียง
ฟู่จาวหนิงอันที่จริงไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้าอารามทำไมจึงอยากจะให้นางดูให้ได้ให้เขาทำนายชะตาของเซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้วทำไมล่ะ? ต่อให้เข้ากันได้ นางก็ไม่สนใจ ดูไปแล้วมันจะมีความหมายอะไร?"ต่อให้เปลี่ยนไปก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบๆกระทั่งเจ้าอารามก็ยังไม่เคยเจอคนแบบฟู่จาวหนิงคนมากมายมาอ้อนวอนให้เขาช่วยทำนาย อยากจะให้เขาช่วยแก้ไขโชคชะตา คำนวณหาฤกษ์ดีฤกษ์ร้าย แต่ฟู่จาวหนิงกลับบอกว่าไม่ต้องการนี่คือไม่ได้อยากรู้กับโชคชะตาของตนเองแม้แต่น้อยเลยหรือ? แต่ก็ควรอยากรู้อนาคตนี่นา?"ถ้าอย่างนั้นท่านก็ห้ามอ๋องเจวี้ยนทำนายไม่ได้สิ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน ทำไมอ๋องเจวี้ยนต้องฟังนางด้วยล่ะ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน"ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำนาย แค่เจ้าอารามถามว่าข้าอยากดูไหม ซึ่งข้าก็บอกว่าไม่สนใจเท่านั้น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจ้องตาแป๋วไปทางเซียวหลันยวน "อ๋องเจวี้ยน ขอเชิญท่านมาทำนายชะตาของพวกเรา..."เซียวหลันยวนตัดบทนาง"ถ้าข้าจะทำนาย ข้าก็ไม่อยากทำนายชะตาที่เกี่ยวกับเจ้า เป็นอย่างที่พระชายาบอก ไม่ว่าพวกเราจะมีชะตาอย่างไร พวกเราก็ไม่สนใจทั้งนั้
เซียวหลันยวนแน่นอนว่าไม่บีบให้ฟู่จาวหนิงเห็นด้วย แม้ว่านางจะได้ยินประโยคนั้นจากเจ้าอารามแล้วหวั่นไหวมากก็ตามอันที่จริงเขาก็อยาก เขาอยากจะดูว่าตนเองกับจาวหนิงชะตาต้องกันหรือไม่หลายปีมานี้ได้ยินว่าเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นชะตาต้องกันมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เจ้าอารามก็แนะนำให้เขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแต่งงานกันด้วยเหตุผลนี้เซียวหลันยวนคิดในใจ ถ้าเพื่อทำนายออกมา แล้วดวงชะตาของเขากับจาวหนิงต้องกันมากกว่าล่ะ?เช่นนั้นหลังจากนี้พวกเขาก็ไม่ต้องเอาเขากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาผูกได้ด้วยกันแล้วใช่ไหม? เอาจริงๆ เขาฟังมาจนเบื่อแล้ว ฟังจนรำคาญด้วยแต่ฟู่จาวหนิงไม่ยอม เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร"พระชายา อ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่สำคัญมากในราชวงศ์แคว้นเจา" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นร้อนรนขึ้นมา "อันที่จริงต่อให้ไม่มาหาเจ้าอาราม ก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานก็ต้องมีการดูดวงสมพงษ์ของทั้งสองฝ่ายก่อน ทำนายว่าวาสนาคุ่ครองนี้จะสมบูรณ์หรือไม่ ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้พวกท่านก็ไม่ได้ทำนายกัน นี่มันไม่สมเหตุสมผล"นางอยากให้ฟู่จาวหนิงทำนายมาก!ด้วยประสบการณ์ที่ฟู่จาวหนิงหมั้นหมายกับเซียวเหยียนจิ่ง แล้วยังถอนหมั้นกลางถนนก่อนหน้านี
ฟู่จาวหนิงเหล่มองเขาผาดหนึ่ง ยื่นมือไปหยิกแขนของเขาตาของเขายังคมกว่านางอีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นยังนิ่งขนาดนี้อีก ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยถ้าฮูหยินเฉิงรู้ว่าเจ้าอารามที่นี่มีหยกดารามากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้น?เหมือนเจ้าอารามก็น่าจะรู้ว่านางต้องการหยกดาราด้วยกระมัง? ไม่แบ่งให้นางสักหน่อย แต่ยังให้นางเดินทางนับพันลี้ออกไปหา? เรื่องนี้ดูแล้ว ที่ฮูหยินเฉิงบอกมาเองว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าอาราม เจ้าอารามเชื่อใจนางมาก ความน่าเชื่อถือเรื่องนี้ลดลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียวขณะที่ฟู่จาวหนิงกำลังคิดว่า ถ้าทีหลังตอนที่ฮูหยินเฉิงเข้ามาพูดไร้สาระต่อหน้านางอีกนางก็จะสะบัดเรื่องนี้แทงใจอีกฝ่ายไปเลย เจ้าอารามก็ตอบคำถามของเซียวหลันยวนมา"ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า เจ้ากับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีชะตาต้องกัน แต่ดูเหมือนเจ้าไม่ค่อยเชื่อ วันนี้เลยอยากให้เจ้าได้เห็นด้วยตัวเองน่ะ"พอได้ยินคำนี้ของเจ้าอาราม หน้าเซียวหลันยวนก็ขรึมลงมาเขาไม่คิดว่าเจ้าอารามจะมีความคิดเช่นนี้"ไม่จำเป็นหรอก"ตอนนี้เขาแต่งงานกับฟู่จาวหนิงแล้ว จะให้เขามาเห็นว่ามีชะตาต้องกันกับหญิงสาวคนอื่น คิดจะทำอะไรกัน?เซียวหลัน
ฟู่จาวหนิงยื่นหัวออกมามอง จึงพบว่าจุดที่เจ้าอารามยืนอยู่นั้นแปลกประหลาดหน่อยๆตรงหน้าเขามีแท่นหินแท่นหนึ่ง ด้านบนไม่รู้สลักอะไรไว้ แล้วยังมีรางที่ดูซับซ้อนอยู่ ปลายรางมีลูกปัดหยกหลายขนาดหลายสีฝังอยู่ด้วยแท่นหินนั้นสูงประมาณเอวเขาด้านหน้าคือหน้าต่างหินธรรมชาตินั่นตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แสงด้านนอกสาดส่องเข้ามา ดังนั้นในถ้ำจึงไม่มืดนักแต่ว่าฟู่จาวหนิงยังพบว่าในถ้ำภูเขานี้ รอบๆ ยังมีเสาหินบางส่วนยื่นออกมา เสาหินทุกต้นฝังลูกปัดหยกขนาดกำปั้นเด็กเอาไว้เม็ดหนึ่งนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที จึงก้าวออกไปข้างๆ สองก้าว เข้าหาเม็ดที่อยู่ใกล้ที่สุด ก้มหน้าลงไปดูแน่นอน รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ควรเข้าไปแตะสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นมารยาท ดังนั้นนางจึงเพียงแค่มอง ไม่ยื่นมือออกไปเพียงแต่พอมองดู ฟู่จาวหนิงก็ตกตะลึงนี่มันอะไรกันเนี่ย?ก่อนหน้านี้ฮูหยินเฉิงถึงกับต้องแจ้นไปเมืองหลวงไกลนับพันลี้เพื่อกำไลหยกดาราตงฉิงวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนยังเคยบอกว่า หยกดาราตงฉิงตอนนี้หายากมาก ถึงอย่างไรตงฉิงก็หายสาบสูญไปแล้วแต่ตอนนี้ที่นางเห็นนี่มันอะไรกัน?ลูกปัดหยกขนาดเท่า
พอคิดแบบนี้ ในใจนางก็มีความหวังพรั่งพรูออกมาพวกเขาเดินผ่านประตูหลัง ก็มองเห็นบันไดที่ทอดยาวลงด้านล่างด้านหลังยอดเขาโยวชิงผืนนี้ มองออกไปเป็นทิวเขาที่ทอดยาวผืนหนึ่ง แต่ก็ยังเตี้ยกว่ายอดเขาโยวชิงอยู่มาก"นี่จะไปคุยกันที่ไหนหรือ?"คุยกันในหออู๋จิ้งที่พักของเจ้าอารามยังสงบไม่พออีกหรือไรกัน?เอาจริงๆ ยอดเขาโยวชิงทั้งลูกก็เงียบสงบมากพอแล้ว"ไม่รู้สิ" เซียวหลันยวนสีหน้ายังคงสงบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าอารามจะพาพวกเขาไปคุยกันที่ไหนหลังจากลงไป ก็มีอุโมงค์หินที่มาราวหินเส้นหนึ่ง เหมือนเจาะออกมาจากหน้าผาอย่างไรอย่างนั้น เดินผ่านไปได้พร้อมกันแค่สองคนองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากลงมาก็เหลือบมองลงไปด้านล่าง หน้าผาลึกทำเอานางสันหลังวาบเลยทีเดียวนางกลัวขึ้นมาหน่อยๆแต่ด้านหน้าก็ไม่เห็นหลังของเจ้าอารามโยวชิงแล้ว เซียวหลันยวนเองก็ยังคงจับมือฟู่จาวหนิงไว้แน่น ยิ่งทำให้นางดูโดดเดี่ยวน่าสงสารขึ้นไปอีกนางหันกลับไป ก็เห็นซางจื่อที่เดินตามหลังมาอย่างไร้ซุ่มเสียงเดินมาพักหนึ่ง เลี้ยวหนึ่งโค้ง ก็มองเห็นเข้ากับถ้ำหินธรรมชาติ ด้านบนมีเถาวัลย์หนามอยู่มากมาย ห้อยลงมาบนศีรษะฟู่จาวหนิงมองเถาวัลย์เหล่า
ฟู่จาวหนิงเกิดความรู้สึกเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้งฮูหยินเฉิงดูจะเชื่อฟังง่ายไปหน่อยแล้ว อารมณ์นั่นสลายเร็วเกินไปไหม?เพราะคำพูดแผ่วเบาสองคำนั่นของเจ้าอารามหรือ?หรือจะบอวก่า เจ้าอารามมีบารมีแข็งแกร่งมาก แค่คำพูดที่เขาพูด คนอื่นก็เกิดความคิดโต้แย้งประท้วงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้นเลยหรือ?กลายเป็นว่าเชื่อฟังคำของเขาไปทั้งหมด?"ข้าอยากจะคุยกับพวกเขาสักหน่อย เจ้าลงเขาไปก่อนเถอะ ออกมานานแล้ว ธุระที่อุทยานเขา เจ้เาองก็ต้องไปจัดการอยู่"เจ้าอารามยังคงพูดเสียงอ่อนโยนกับฮูหยินเฉิงฮูหยินเฉิงลุกขึ้นมา"ได้ เช่นนั้นข้าขอลงเขาก่อน ถ้ามีเรื่องอะไร เจ้าอารามก็ส่งคนมาหาข้าได้เลย"เจ้าอารามพยักหน้าให้เบาๆองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลนลานขึ้นมา เดิมทีนางก็ไม่ค่อยชอบเรื่องที่ฮูหยินเฉิงปีนเกลียวเอาแต่เรียกนางว่าอาฝูอยู่แล้ว แต่ฮูหยินเฉิงเองก็คิดจะช่วยนางเรื่องแต่งเข้าจวนอ๋องเจวี้ยนจริงๆพอมีฮูหยินเฉิงอยู่ บางทีอาจจะช่วยนางพูดได้บ้าง ให้เจ้าอารามโยวชิงช่วยเหลือนางหน่อยตอนนี้ฮูหยินเฉิงไปแล้ว แล้วถ้านางมีหลายคำพูดที่พูดออกมาลำบากล่ะ?ข้างกายนางเองก็ไม่มีใครที่ใช้ได้ด้วย รู้สึกโดดเดี่ยวเ
"นี่เป็นชาที่อายวนปลูกเอาไว้ในอดีต มีชื่อว่ายอดชาหิมะ" เสียงของเจ้าอารามยังคงเหมือนสายลมแผ่วเบา ฟังแล้วเหมือนได้รับการปลอบประโลมฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้นางมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาทั้งที่เจ้าอารามไม่ได้ปลอบองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตรงๆ แท้ๆ แต่เขาที่พูดมาแค่คำสองคำ สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลับสงบลงมาแล้ว นี่มันพลังมารอะไรกันเนี่ย?นี่ยิ่งทำให้ใจของฟู่จาวหนิงยิ่งระแวดระวังขึ้นไปอีกนางหันสายตาออกเล็กน้อย และสบเข้ากับถังอู๋เจวี้ยนพอดี เขากำลังมองนางอย่างเป็นห่วงหน่อยๆ พอเห็นว่าสีหน้านางไม่เปลี่ยน ถังอู๋เจวี้ยนก็ยิ้มขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองเห็นถึงแววปลื้มใจจากในรอยยิ้มของเขาปลื้มใจ? เขาจะปลื้มใจทำไมกัน? ฟู่จาวหนิงไม่เข้าใจสุดๆ"ชานี้รสชาติดีจริงๆ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหลังจากที่ดื่มชา ความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปแล้ว ดูแล้วเหมือนเป็ดขนฟูถูกลูบให้เรียบลง กลับมาอ่อนโยนว่าง่ายอีกครั้งฟู่จาวหนิงมองการเปลี่ยนแปลงในช่วงสั้นๆ นี้ของนาง ในใจระแวดระวังขึ้นไปอีกนางมองไปทางเซียวหลันยวนอีกครั้งเซียวหลันยวนหรุบตาไม่มองนาง แต่กุมมือนางไว้ คลึงนิ้วของนางเบาๆ มองไม่ออกว่าจับความผิดปกติอะไรได้ห
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ