อ๋องเจวี้ยนพักอยู่ที่หอเทาอวิ๋นด้านหลังอารามโยวชิง เป็นเรือนที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก เป็นเรือนสี่ห้องและมีลานสี่เหลี่ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีสะพานทางเดินสั้นๆ ไม่กี่สิบก้าวเชื่อมที่นี่กับอารามโยวชิงอยู่ในอดีตตอนที่อ๋องเจวี้ยนเข้ามาพักที่นี่ ประตูสะพานทางเดินจะมีคนเฝ้าไว้ ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนการพักฟื้นของเขาได้โดยง่ายพูดได้ว่า สิบกว่าปีที่นี่ในยอดเขาโยวชิงของเซียวหลันยวน มีความเงียบสงบมากจริงๆคนทั่วไปจะไม่ให้ข้ามไปยังหอเทาอวิ๋นเลยจุดนี้ฮูหยินเฉิงน่าจะรู้อยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นชิงอีจะพาฟู่จาวหนิงไปยังหอเทาอวิ๋นอย่างชัดเจน จึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจหน่อยๆรู้สึกว่าการให้ฟู่จาวหนิงมาพักในหอเทาอวิ๋นเป็นกรณีพิเศษแบบนี้ เท่ากับยอมรับความสัมพันธ์ของนางกับเซียวหลันยวนในยอดเขาโยวชิงแห่งนี้แล้วนางเลยอดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ให้องค์หญิงใหญ่เข้าไปดูด้วยสิ บนยอดเขาโยวชิงนี้ นอกจากหออู๋จิ้งที่เจ้าอารามอยู่แล้ว ก็มีหอเทาอวิ๋นนี่ล่ะที่อบอุ่นที่สุด องค์หญิงใหญ่เดินทางมานับพันลี้ พวกเราเองก็ต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีสิ อายวนว่าใช่ไหม?"เซียวหลันยวนยังไม่พูดอะไร นางก็ต่อมาอีกคำหนึ่งว่า "จะว่าไป สถานที่อื่นเองก็ไม่มี
จุดนี้อันที่จริงฮูหยินเฉิงเองก็รู้นางมองเซียวหลันยวน ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่าเซียวหลันยวนบอกให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปที่สวนเวยเซียง คงไม่ใช่ว่าเลือกสถานที่ที่ตนเองไปน้อยมากๆ ออกมาหรอกกระมัง?ยิ่งไปกว่านั้น นางเปิดปากขอดื่มชาแล้ว แต่เซียวหลันยวนก็ไม่ให้หน้ากันเลย ทำให้นางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก"สวนเวยเซียงข้ารู้จัก ถ้าอย่างนั้นข้าพาอาฝูไปเองได้ ไม่ต้องให้สือซานส่งหรอก" ฮูหยินเฉิงพูดออกมาแบบนี้ นางมองไปรอบๆ "เจ้าอารามน่าจะรู้ว่าพวกเจ้ามาวันนี้ ัดงนั้นวันนี้จึงไม่ให้คนนอกขึ้นเขามา ตอนนี้ถึงได้เงียบขนาดนี้"นางหันไปมององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น "อาฝู ไปกัน ข้าจะพาเจ้าชมรอบๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกัดริมฝีปาก กล้ำกลืนเดินไปกับฮูหยินเฉิง"พระชายา เชิญทางนี้" ชิงอีกระแอมขึ้นมายังต้องให้ท่านอ๋องเอ่ยปากจริงๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธกันอย่างไร"ไปเถอะ" ฟู่จาวหนิงเดินผ่านเซียวหลันยวนตามชิงอีไปเซียวหลันยวนถอนหายใจเบาๆ และเดินตามไปอย่างว่าง่ายผ่านสะพานทางเดินนั้นมา ก็เข้าถึงหอเทาอวิ๋น ตัวเรือนมีสองชั้น ด้านล้างมีสี่ห้อง ชั้นบนเป็นเหมือนศสาลา ว่างเปล่าไม่มีอะไ
ของตกแต่งในห้องเรียบง่ายมากล้วนเป็นสีฟ้าคราม ดูสะอาดตามากทุกอย่างดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ได้ดูยุ่งเหยิงเลยฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกสงสารเซียวหลันยวนขึ้นมา เป็นถึงองค์ชาย อายุไม่กี่ขวบก็ถูกส่งมายังสถานที่ห่างไกลเย็นเยียบแบบนี้ แล้วยังอยู่มาตั้งสิบกว่าปี"หนิงหนิง เข้ามาสิ"เซียวหลันยวนเรียกนาง ฟู่จาวหนิงจึงเดินเข้าไป"ดูสะอาดดีจริงๆ" นางยื่นมือลากเบาๆ บนโต๊ะ จากนั้นก็มองที่นิ้วมือ ไม่มีฝุ่นเลยแต่ก็จริง ยอดเขาสูงขนาดนี้ บวกกับมีหิมะอยู่ตลอด ไม่ค่อยจะมีฝุ่นเท่าไรนัก"น่าจะเพราะซางจื่อบางครั้งก็คอยเข้ามาปัดกวาด""ซางจื่อ?" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "จะใช่สาวใช้ที่มีความคิดเป็นศัตรูกับข้าอีกคนหรือเปล่า? เซียวหลันยวน ข้าจะบอกท่านไว้นะ ข้าเริ่มหมดความอดทนแล้ว"ข้างกายนางถ้ามีคนแบบนี้กระโจนออกมาทำไม่ดีต่อหน้านางอีก มาเล่นแง่กับนางอีก นางก็จะไม่เกรงใจแล้วนะก่อนหน้านี้ที่นางไม่คิดเล็กคิดน้อยเพราะเห็นแก่หน้าเขา แต่ถ้าคนแบบนี้มีมากเกินไป หน้าของเขาก็ไม่พอรับไว้เหมือนกันนะ"ซางจื่ออายุไล่เลี่ยกับข้า เป็นทารกถูกทิ้งที่เจ้าอารามอุ้มกลับมาน่ะ ไม่ใช่สาวใช้ เป็นผู้ชาย"เซียวหลันยวนมองออกถึงอา
ผ่านไปครู่หนึ่งฟู่จาวหนิงเลิกม่านเตียงออก เดนหาผ้าเช็ดมือไปทั่วหลังจากเช็ดเสร็จนางก็จัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเอง ยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นไป๋หู่"ไป๋หู่ ยกน้ำเข้ามาหน่อย"เซียวหลันยวนนอนอยู่บนเตียง ตอนนี้ลมหายใจยังคงไม่สงบเขาเมื่อครู่เหมือนพุ่งขึ้นสวรรค์ อยู่ในแดนเซียนที่สวยงาม คิดไม่ถึงว่ามือของฟู่จาวหนิง...พอได้ยินฟู่จาวหนิงเรียกไป๋หู่ให้เอาน้ำเข้ามา เขาก็หัวเราะร่าขึ้น เพราะตอนที่ฟู่จาวหนิงพูดน้ำเสียงยังดูสงบมาก ฟังไม่ออกเลยว่านางเพิ่งทำเรื่องอะไรไปบางที เพราะเป็นหมอนางจึงดูสงบสติอารมณ์ได้มากหรือเปล่า?ไป๋หูนำน้ำเข้ามา วางไว้แล้วก็ออกไปฟู่จาวหนิงรีบล้างมือพอเห็นว่าบนเตียงยังไม่ขยับ นางก็เหลือบมองไป "ท่านยังไม่ลุกหรือ?""มันเกินจะบรรยาย ชวนฝันไม่รู้ลืม"เซียวหลันยวนตอบนางมาแบบนี้หลังม่านฟู่จาวหนิงเมื่อครู่เดิมทียังดีอยู่ ไม่ได้อายอะไร แต่พอได้ยินเขาถอนหายใจพูดความรู้สึกนี้มา นางกลับหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที"น่าเกลียด"เอาเปรียบเขาแล้วยังจะทำสำออยคิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขานอนจนลุกไม่ขึ้นอยู่นานเซียวหลันยวนหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา ตอนนี้เขาอารมณ์ดีแล้ว ความหึงหวงที่พ
ฟู่จาวหนิงมองออกไป เห็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าคนหนึ่งนางรู้สึกว่า นี่น่าจะเป็นซางจื่อเพราะเขามีความสง่าราศีที่ยากจะบรรยาย บางทีอาจมีสาเหตุจากการเติบโตและอยู่เป็นเวลานานในสถานที่แห่งนี้"ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เซียวหลันยวนพยักหน้า เขาสวมหน้ากากซางจื่อหันหน้ามองมาทางฟู่จาวหนิง คารวะให้เล็กน้อย"เชิญท่านอ๋องพาพระชายาไปด้วยกัน ฮูหยินเฉิงพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเข้าไปแล้ว""ได้"เซียวหลันยวนกวักมือมาทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเดินออกมา"คนนี้คือซางจื่อหรือ?""ใช่แล้ว""ดูสง่าราศีดี" ฟู่จาวหนิงมองแผ่นหลังซางจื่อที่จากไป"อื๋อ?" เซียวหลันยวนบีบมือนาง "เจ้านี่จริงๆ เลย อย่าชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าข้านักได้ไหม""ก็แค่ชื่นชมเท่านั้นไม่ได้หรือ?""อืม ไม่ได้"ฟู่จาวหนิงกลั้นขำ "ท่านเองก็พอเถอะ นี่ขนาดคนข้างกายเจ้าอารามก็ยังหึงเนี่ยนะ"แต่ว่า ฮูหยินเฉิงพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปหาเจ้าอารามแล้ว ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกว่าต้องรีบไป ไม่เช่นนั้นให้เจ้าอารามรอนานคงจะเสียมารยาท"เสี่ยวเยว่ ไป๋หู่ นำของขวัญติดไปด้วย"เซียวหลันยวนเห็นไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่อุ้มกล่องไว้คนละใบ "เจ้าเตรียมของขวัญไว้สองชิ้นเลยหรือ?"
พรวด เรื่องนี่ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดมากซางจื่อตอนนี้ก็รับศิษย์แล้ว อายุยังไม่เท่าไรเลยนี่ ยิ่งไปกว่านั้นพอมองสามคนนี้แล้ว ถ้าอยู่ภายนอกถือว่าเป็นยอดฝีมือได้เลย"ถ้าเป็นแบบนี้ วิชายุทธ์ของซางจื่อก็ยอดมากเลยสิ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา"อืม ดีมากเลยล่ะ"ชิงอีหันกลับมาเอ่ยคำหนึ่ง "แน่นอนว่ายังสู้ท่านอ๋องไม่ได้"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วนางไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่มองไปรอบๆ"ดูอะไรหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ก่อนหน้านี้ถังอู๋เสวียนไม่ใช่เข้ามาแล้วหรอ? เขาไปไหนแล้วล่ะ?" ฟู่จาวหนิงเดิมทีคิดจะพูดว่า ถังอู๋เจวี้ยนเข้ามาแล้วพอได้ยินว่าเจ้าอารามปิดด่านจึงกลับไปแล้วหรือเปล่าความคิดต่อถังอู๋เจวี้ยนของนางตอนนี้ซับซ้อนมากแล้วยังอยากจะไปพิสูจน์ที่มาของเขาด้วย ว่าใช่เพื่อนออนไลน์ของนางหรือเปล่า ลุงที่เขาบอก จะมีตัวตนอยู่จริงไหม ยิ่งไปกว่นั้นตายไปในทะเลเพลงที่เมืองชายแดนจริงหรือเปล่าถ้าหากอาจารย์ที่นางกับผู้อาวุโสจี้อุปโลกขึ้นมา "ชน" กับลุงของถังอู๋เจวี้ยนเข้าจริงๆ เช่นนั้นนางก็พูดลำบากแล้วจริงๆแล้วอีกฝ่ายก็ดันถนัดวิชาแพทย์ขึ้นมาด้วยพอดีอีกแล้วญาติของเขาชิงถงนี่ ยังต้องยอมรับอยู่อีกไ
ฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากต่อตัวเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก่อนหน้านี้ นางยังรู้สึกมาตลอด ว่ารูปร่างเขาน่าจะเป็นคนชราผมสีเงินที่ดูมีท่วงท่าเหมือนเซียนนางยังคิดว่าตนเองควรจะให้ความเคารพกับเขาระดับหนึ่งด้วยแต่ว่า ใครก็ได้บอกนางทีว่านี่ คนคนนี้ คือเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงหรือ?!ฟู่จาวหนิงตอนที่เห็นคนคนนั้นก็ตะลึงงันไปแล้วให้นางจินตนาการอย่างไรก็คงนึกไม่ออก ว่าเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงจะเป็นแบบนี้!ชายที่นั่งอยู่ตรงนั้น คิ้วยาวดั่งภาพวาด ดวงตาหงส์งอนขึ้นเล็กน้อย ดวงตามีประกายดาว สันจมูกโด่งตรง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดูเหมือนกลีบดอกไม้ที่รอเด็ดไปดอมดม...นางๆๆ! นางงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว!อายุของเขา ดูแล้วน่าจะประมาณถังอู๋เจวี้ยนนี่เอง สามสิบต้นๆ ได้ และผิวของเขายังขาวเหมือนหิมะ ทำให้เสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนเหมือนฉาบไว้ด้วยแสงนวลนี่ไม่ใช่เทพเซียนจากตำหนักไหนลงมาจุติหรอกหรือ?ไหนล่ะคนแก่คนเฒ่า?ฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงพบว่า เพราะอะไรในโถงถึงเงียบขนาดนี้ นั่นเพราะว่า องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็ตาพร่ามัว จมดิ่งอยู่กับความสับสนของตนเองเช่นกันเด็กคนนี้ ไม่รู้ว่าเข้ามาเห็นแล้วยังจะงงงันอีกนานแค่ไหนฮูหย
"อายวน หน้าของเจ้าดีขึ้นแล้วนี่ แล้วทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอดด้วย?"ฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็ถูกหน้าตาของเซียวหลันยวนทำให้ตะลึงไปเช่นกันนางเองก็ไม่ได้เห็นหน้าตาเซียวหลันยวนมานานแล้วตอนยังเด็กกับตอนนี้ต้องต่างกันอยู่แล้วหลังจากโตขึ้นมา ใบหน้าเซียวหลันยวนก็มีแผลเป็นพิษอยู่ตลอด มีครั้งหนึ่ง นางเคยเห็นเขาตอนที่ไม่สวมหน้ากาก แต่ก็เห็นแผลเป็นข้างนั้นเข้าพอดีเพราะแผลเป็นพิษนั้นมันสะดุดแทงตามาก มองจนนางต้องสูดลมหายใจเลยทีเดียว ดังนั้นนางจึงจำหน้าตาจริงๆ ของเซียวหลันยวนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่ารูปหน้าดีจมูกโด่งเป็นสัน อวัยวะบนหน้าดูมีมิติพวกนั้นดูหล่อเหลาไปเสียหมดตอนนี้พอได้เห็นใบหน้าสมบูรณ์แบบของเซียวหลันยวนจริงๆ นางจึงรู้สึกตกตะลึงมากต้องรู้ด้วย ว่าฮูหยินเฉิงเองเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันชายงามอยู่ ถึงอย่างไรก็เคยเห็นเจ้าอารามโยวชิงมาแล้ว จะมีสักกี่คนที่หน้าตาดีไปกว่าเขา?ฮูหยินเฉิงยังรู้สึกเศร้าและเสียใจอยู่หน่อยๆ"เด็กอย่างเจ้านี่จริงๆ เลย ข้ายังคิดว่าหน้าของเจ้ายังไม่หายดี แผลเป็นพิษนั่นก็ลือกันไปในเมืองหลวงว่าเลวร้ายแสนสาหัส หลายวันนี้ข้าเองก็รู้สึกเสียใจแทนเจ้าไปไม่น้อย เจ้าหายดีแ
ถัดจากนี้สำหรับพวกหลานหรงก็ถือเป็นการท้าทายที่มากกว่าแล้วจากที่ท่านอ๋องคาดการณื ตงฉิงจะต้องมีกลไกลและการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแน่นอน น่าจะมีวิะีการที่ทำให้ตงฉิงได้กลับมาเห็นตะวันได้อีกครั้ง ที่ไม่ใช่การขุดทีละนิดๆ ของกำลังคนพวกของหลานหรงต้องหาวิะีให้พบ บางทีอาจจะเป็นกลไก?"ที่นี่ในเมื่อเป็นเมืองเก่าที่ตระกูลของราชครูตงฉิงอยู่ ก็น่าจะมีโอกาส นายท่านเคยพูดไว้ ตระกูลของราชครูตงฉิงมีพลังกำลังทรัพย์ที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ เมืองชิงเย่เป็นรากฐานของพวกเขา ไม่มีทางปล่อยให้เมืองนี้ต้องล่มสลายไปแบบนี้แน่"หลานหรงหยิบจดหมายที่เซียวหลันยวนเขียนไว้ออกมา ด้านบนยังวาดรูปของเครื่องพยากรณ์ไว้ บางทีคงต้องหาจุดที่สามารถใช้เครื่องพยากรณ์นี้จดหมาย เพียงไม่นานก็ถูกส่งไปหาเซียวหลันยวนอย่างรวดเร็วฟู่จาวหนิงกับเซียวหลันยวนกำลังสาละวนอยู่ในภูเขาช่วงเช้า และได้รับอะไรมาไม่น้อยนางเจอโสมม่วงร้อยปีต้นหนึ่ง!เดิมทีสิ่งนี้ก็ถือเป็นของที่สุดยอดมากแล้ว ผลลัพธ์คือยังพบวัตถุดิบยาที่ผู้อาวุโสจี้เคยบอกกับนางแต่พันธมิตรโอสถไม่เคยพบมาก่อนอีกหลายชนิดด้วยวัตถุดิบยาพวกนั้น ว่ากันว่าในพันธมิตรโอสถมีแขกลึกลับ
นายท่านบอกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากหาหยกดาราพบให้รีบส่งออกไปก่อน"ขอรับ"หลานหรงลองสังเกตุทะเลสาบนี้อีกหน่อย วักน้ำขึ้นมาชิม น้ำสะอาดหวาดชื่น น้ำดีที่หาได้ยาก!ที่นี่จะใช่ตำแหน่งที่เมืองหลวงตงฉิงอยู่จริงไหม?"พักกันดีแล้วใช่ไหม? เข้ามาตักน้ำ"หลานหรงเรียกคนเข้ามาทันทีทุกคนเห็นต้นกำเนิดน้ำแบบนี้ก็ดีอกดีใจ เมื่อวานตอนค่ำน้ำถูกดื่มไปจนหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขากระหายกันจะแย่"ก่อไฟต้มน้ำ"เดิมทีตามความเคยชินก่อนหน้านี้ของพวกเขา จะไปที่ไหนก็ล้วนกินน้ำดิบไปตรงๆ แบบนี้สะดวกดี ไม่ได้พิถีพิถันมาก แต่ฟู่จาวหนิงบอกพวกเขาไว้ น้ำจะอย่างไรก็ต้องต้มก่อนถึงจะดี ด้านในอาจจะมีไข่แมลงหรือเชื้อโรคอะไรอยู่ดังนั้นพวกเขาตอนนี้จึงเชื่อฟัง ถ้ามีเวลาและเงื่อนไขเพียงพอ พวกเขาก็จะต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่มครั้งนี้พอเห็นน้ำสกปรกขยะแขยงมามากมาย พวกเขาจึงทำตามกฏนี้อย่างเคร่งครัดตอนที่พวกเขาต้มน้ำ หลานหรงเดินไปบนทางเดินเล็กๆ ในทะเลสาบเส้นนั้น ตรงไปทางดงดอกไม้ผืนนั้นเดินอยู่กลางทะเลสาบ สองด้านล้วนเป็นน้ำใสสะอาด สะท้อนภาพฟ้าเมฆคราม ทิวทัศน์งดงามดูกว้างใหญ่ถ้าตงฉิงในอดีตยังดีอยู่ ไม่รู้ว่าจะงดงามขนา
หลานหรงพากลุ่มค้นหามานานมากแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาเจอเมืองเล็กเมืองหนึ่งถูกดินปกคลุมไป ถนนหนทางบ้านเรือนล้วนถูกกลบฝังไปแล้ว แต่ฝนตกมาห่าใหญ่ หลังจากดินภูเขาถูกชะล้างไป ก็มีหลังคาเรือนเล็กๆ บางส่วนโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาดังนั้นหลานหรงจึงยืนยันว่าตงฉิงตอนนั้นถูกกลับฝังไปแล้วจริงๆพวกเขาเจอกับทางเดินเส้นหนึ่ง หลังจากเข้ามาก็พบว่ายิ่งเดินก็ยิ่งยาว และไม่รู้ว่าตรงไปที่ไหนด้วยแต่สองด้านของทางเดินก็ปรากฏศาลาหรือบ้านเป็นระยะๆ อธิบายได้ว่าแต่ก่อนนี่เป็นถนนที่อยู่บนพื้นดิน ส่วนถนนของเมืองเล็กจะตรงไปที่ไหน นอจากเมืองใหญ๋แล้วก็อาจจะเป็นวังหลวงดังนั้นตอนนั้นหลานหรงจึงออกคำสั่งให้เดินตรงไป จนหาทางออกพบคิดไม่ถึงว่าเดินมาสิบกว่าวัน ยังดีที่ด้านในยังมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ยังขุดน้ำขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายไปแล้วแน่นอน พวกเขาไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลยหลังจากผ่านไปสิบวันในที่สุดพวกเขาก็ออกมาแล้ว แล้วจึงเห็นสถานที่นี้เข้า"พี่ใหญ่ ที่นั่นคงไม่ได้ฝังเมืองไว้อีกแห่งหรอกกระมัง?" ลูกน้องเดินเข้ามา ยื่นถุงใส่น้ำให้เขา ด้านในเหลือแค่อึกเดียวแล้ว ก่อนหน้านี้หลานหรงไม่ได้ดื่มเลย ให้พวกเขาไปจนหมด ตอนนี้
เขากุมมือนางแน่น เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ซษงจื่อหยิบตำราเก่าม้วนหนึ่งเข้ามา ด้านบนเขียนเรื่องตระกูลถังเขาชิงถงไว้""แล้วยังไงหรือ?"นี่มันเกี่ยวอะไรกับนางล่ะ?"หนิงหนิงรู้ไหมว่าเขาชิงถงมีชื่อเสียงในการผลิตอะไร?""อะไรหรือ?""วัตถุดิบยาน่ะ" เซียวหลันยวนเอ่ยเสียงแผ่วเบาฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วไม่ใช่สิ แม้ว่านางจะเป็นหมอ แม้ว่าจะขาดแคลนวัตถุดิบยามาก แม้จะคิดหาวัตถุดิบยาล้ำค่าอยู่ตลอด แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดต้องยอมนับญาติเพื่อวัตถุดิบยานี่?"เซียวหลันยวนท่านรู้ไหมว่าอะไรคือความมั่งคั่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงจิตใจ?" นางใช้ศอกกระทุ้งเขาไปทีนึงถังอู๋เจวี้ยนฟังพวกเขาแอบกระซิบกระซาบกัน ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ"ข้าว่านะ พวกท่านต้องมากระซิบกระซาบต่อหน้าข้าแบบนี้ด้วยรึ? มีอะไรบอกมาตรงๆ ก็พอแล้ว แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ปู่ข้าเพิ่งจะพบว่า สมัยหนุ่มๆ เขาเคยท่องยุทธภพไปกับผู้อาวุดสจี้กับผู้อาวุโสอีกคนหนึ่ง ดังนั้นจึงนับว่าเป็นคนครอบครัวเดียวกัน""อ๋า?"จุดนี้ฟู่จาวหนิงกลับไม่รู้เรื่องเลย!"ผู้อาวุโสจี้ตอนนี้ไม่ใช่อาจารย์ของท่านหรือ?" ถังอู๋เจวี้ยนหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ยื่นส่งไปตรงหน้าฟู่จาวหนิง "น
ไปแท่นชมดาวช่วงจื่อ(23.00-01.00น.)หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "แท่นชมดาวเป็นสถานที่แบบไหน?""แท่นชมดาวต้องเดินขึ้นไปจากตำหนักถวายเครื่องหอม อีกด้านหนึ่ง ที่นั่นมีศาลาอยู่ ด้านนอกศาลามีลานอยู่แห่งหนึ่ง เวลาที่อากาศดีจะมองเห็นดาวระยิบระยับ เหมือนยื่นมือไปเด็ดมาได้เลย"เซียวหลันยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่ว่าแท่นชมดาวเคยมีศิษย์คนหนึ่งตกลงไป หลังจากนั้นจึงปิดตายไว้ ไม่มีคนเข้าไปนานแล้ว"สถานที่อันตรายหรือ? ทำไมถึงมีคนตกลงไปได้?"แล้วเจ้าอารามให้พวกเราไปที่นั่นทำไมกัน?"เซียวหลันยวนมองซางจื่อซางจื่อส่ายหัว "เจ้าอารามไม่ได้บอกอะไร แต่ว่า เหมือนน่าจะไปชมดาวกระมัง"แท่นชมดาวถ้าไม่ไปชมดาวแล้วจะไปทำอะไรได้?แต่พวกเขาดูชวนฝันขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วยังนัดไปดูดาวช่วงจื่ออีกฟู่จาวหนิงถามซางจื่อ "นอกจากเราสองคน ยังเรียกใครไปอีกไหม?""เจ้าอารามให้องค์หญิงใหญ่ไปด้วย"โอ๋? ฟู่จาวหนิงอดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ "แยกกันไม่ได้เลยว่างั้น?"สวรรค์ให้อภัยนางด้วย เดิมทีนางไม่ใช่คนใจแคบช่างสอดรู้สอดเห็นขนาดนี้ ใครให้เจ้าอารามสร้างภวังค์เฮงซวยให้นาง แล้วไปสร้างภวังค์ที่เซียวหลันยวนกับองค์หญิงใหญ่เป็นสา
"เรียนพระชายา ชามนี้เป็นของท่านอ๋อง พ่อครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องจนชินแล้ว ทำตามรสชาติที่ท่านอ๋องชอบ"คนที่เข้ามายกชามหมี่น้ำใสไปไว้ตรงหน้าเซียวหลันยวน ส่วนอีกชามวางไว้ตรงหน้าฟู่จาวหนิง"ชามนี้คุณชายถังเป็นคนทำ คุณชายถังบอกว่านี่เป็นหมี่ที่คนเขาชิงถงชื่นชอบ ลุงของเขาก็ชอบมาก ดังนั้นจึงลงมือทำชามนี้ให้พระชายาเป็นพิเศษ เชิญพระชายาชิม""ถังอู๋เจวี้ยนเป็นคนทำหรือ?"ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนด้วยสัญชาตญาณ แล้วก็เห็นเขาหน้าขรึมลงจริงๆ"กลัวว่าเขาจะวางยาพิษไหม?" ฟู่จาวหนิงพูดติดตลก"พระชายาวางใจ คุณชายถังตอนที่ปรุงในห้องครัวพวกเราคอยดูอยู่ตลอด ใช้แต่วัตถุดิบในห้องครัวเท่านั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน" คนที่นำเข้ามาเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนแม้จะรู้สึกจี๊ดในใจที่ถังอู๋เจวี้ยนประจบนางขนาดนี้ แต่จุดนี้ก็ยังต้องยอมรับ: "ถ้าเขากล้ามาวางยาพิษเจ้าที่นี่จริงก็แสดงว่าไม่กลัวตาย"เขากวาดล้างเขาชิงถงทิ้งทั้งหมดได้ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็อยู่ที่นี่ด้วย ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ฟู่จาวหนิงพอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็หยิบตะเกียบขึ้น "สู้ท่านลองชิมไหม? แล้วชามนั้นท่านให้ข้ากิน"นางรู้ว่าถ้าตนเองก
ฟู่จาวหนิงเห็นปฏิกิริยาของเซียวหลันยวน รู้สึกไม่เข้าใจอยู่หน่อยๆ"ทำไมหรือ? เจ้าอารามฝึกบำเพ็ญ แต่งงานไม่ได้หรือ?"ก่อนหน้านี้นางเหมือนได้ยินว่าอารามนี้ของเจ้าอาราม ไม่ใช่อารามเต๋าที่ไว้สำหรับฝึกบำเพ็ญเต๋า แล้วก็ไม่เคยได้ยินด้วยว่าจะแต่งงานไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาของเจ้าอารามยังน่าหลงใหลขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงสาวมาชอบแต่จากคำพูดของเซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ บนยอดเขาโยวชิงนี้ไม่มีนายหญิงอยู่จริงๆ ไม่มีผู้อาวุโสหญิงที่ติดตามเจ้าอารามแล้วเลี้ยงดูเขามาจนโต"ได้ยินว่า ตอนเจ้าอารามยังหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่" เซียวหลันยวนนึกๆ จำเรื่องนี้ขึ้นมาได้ "แต่ต่อมาไม่รู้ทำไมจึงไม่ได้แต่งงาน เรื่องนี้ข้าได้ยินมาโดยบังเอิญสมัยยังเด็กน่ะ""แล้วคู่หมั้นของเขาล่ะ?""ไม่รู้สิ ต่อมาข้าก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย และยิ่งไม่เคยถามด้วย"เซียวหลันยวนก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกชอบแส่เรื่องชาวบ้าน นิสัยเองก็ค่อนข้างเย็นชา เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองก็จะไม่ถามไม่ไถ่ให้มันมากความ"ก่อนหน้านี้ข้ากับเจ้าอารามไม่ค่อยคุยเร่องส่วนตัวกันนัก เคารพเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันมาก แขาแค่เอ็นดูข้า ไม่ได้สนิท
นิ้วของเจ้าอารามเคาะเบาๆ บนโต๊ะ มืออีกข้างก็ลูบเบาๆ วาดผ่านบนเตาถ่านข้างๆ พริบตาที่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองไม่เห็น ก็มีผงฝุ่นลอดจากระหว่างนิ้วของเขาปลิวเข้าไปในไฟของเตา แล้วเผาไหม้เป็นกลิ่นหอมจางๆ ออกมาอย่างรวดเร็วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ทันได้รู้สึกเลยนางกำลังมองเจ้าอารามอย่างตกตะลึง"เจ้าอารามกำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? ข้าจำได้ชัดเจนแท้ๆ แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"ชายคนนั้นที่นางกอด ความรู้สึกที่ริมฝีปากชุ่มชื้นอ่อนนุ่มตอนที่จูบ ใจที่เต้นระรัว มันแจ่มชัดอย่างมาก แล้วจะเป็นภวังค์ได้อย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ เจ้ามองข้านะ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมองดวงตาเขาข้างหูยังได้ยินจังหวะเคาะโต๊ะเบาๆ ของเขามองดวงตาที่ดูเหมือนมีความเมตตาต่อสรรพชีวิตของเจ้าอาราม นางก็ตะลึงงันไป"ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เป็นแค่ภวังค์ อีกไม่นานเจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมด ถ้ามีคนพูดเรื่องนี้อีก เจ้าก็แค่บอกว่าตนเองพูดเล่นไปก็พอ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น"เสียงของเจ้าอารามค่อยๆ ไหลเข้ามาในหู แฝงไว้ด้วยการปลอบโยนที่แข็งแกร่งสายตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มเลือนรางไปบ้าง"เป็นแค่ภวังค์หรือ?""ใช่แล้ว""ไม่เกิดอะไรขึ้น
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆเจ้าอารามกำลังล้างถ้วยชา ไม่มองนาง"ใช่แล้ว""ตอนองค์หญิงใหญ่ยังเล็ก ข้าเคยทำนายว่าเจ้าจะมีเคราะห์ภัย ขอแค่ผ่านเคราะห์ภัยนั้นได้ แล้วมาอยู่ด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยน ชะตาของเจ้าก็จะดีขึ้น โชคดีตลอดไปสงบสุขจนแก่เฒ่า"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นได้ยินคำพูดเขาในที่สุดก็ได้สติกลับมา"เคราะห์อะไรหรือ?""ตอนนี้ดูแล้ว เคราะห์นั้นน่าจะอยู่บนตัวฝ่าบาทต้าชื่อ และองค์หญิงใหญ่ก็เป็นแม่นางที่ฉลาด ตัดสินใจเด็ดขาด หนีออกมาจากวังหลวงต้าชื่อ วังจักรพรรดิต้าชื่อกลับไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าเข้าประตูวังไปก็เหมือนจมลงสู่ก้นทะเล คำนี้นำมาพูดกับองค์หญิงใหญ่แล้ว ถือว่าถูกต้องอย่างมาก"เจ้าอารามล้างชาไปรอบหนึ่ง ชงชามาสองถ้วย ยกขึ้นมาให้นาง "ดื่มชาเถอะ ชาของอายวน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเมื่อครู่ร้องไห้ไปยกใหญ่ ตอนนี้คอเองก็แหบพร่าไปหมดแล้ว กระหายมากด้วย พอสูดๆ จมูก นางจึงยกถ้วยช้านั่นขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น"ดื่มทีละนิด ระวังลวกปาก" เจ้าอารามเตือนนางทันที"โอ้"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ต่อหน้าเขาก็ดูว่าง่ายขึ้นมาก ถอนหายใจแล้วหันมาจิบเบาๆในที่สุดก็ได้ดื่มชานี้แล้ว ทำไมนางถึงไม่ดีใ